พระกริ่งนเรศวรเผด็จศึก หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ เสาร์๕ ปี๓๙ (ตอกโค๊ต1579) สวย ๆ - webpra
- ประมูลพระเครื่อง
- กระดาน
- พระกริ่งนเรศวรเผด็จศึก หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไ...
ประมูล หมวด:หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
พระกริ่งนเรศวรเผด็จศึก หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ เสาร์๕ ปี๓๙ (ตอกโค๊ต1579) สวย ๆ
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง |
พระกริ่งนเรศวรเผด็จศึก หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ เสาร์๕ ปี๓๙ (ตอกโค๊ต1579) สวย ๆ
|
รายละเอียด | พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และศึกพระยาละแวก เจ้าเมืองกัมพูชา"เขมร"(ทำพิธีปฐมกรรมพระยาละแวก***ตัดหัวเอาเลือดมาล้างพระบาท เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่า!ประวัติศาตร์ตอนนี้จะไม่ถูกกล่าวขวัญเป็นแน่แท้และถูกบิดเบือนไปในที่สุด ด้วยเหตุผลเกรงจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและเขมร )เมื่อกรุงศรีอยุธยาต้องตกเป็นเมืองประเทศราชของพม่าเป็นครั้งแรก เมื่อวันอาทิตย์ เดือน๙ แรม๑๑ ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๑๒๒ ในแผ่นดินสมเด็จพระมหินทราธิราชแล้วนั้นทำให้คนไทยได้มีองค์พระมหากษัตรย์พระทรงหนึ่งที่ทรงเป็น "มหาราช" พระองค์แรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่า "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ซึ่งคนไทยทุกคนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ตราบเท่าทุกวันนี้ พระองค์ทรงเหนื่อยยากตรากตรำพระวรกาย เพื่อกอบกู้เอกราชที่ไทยต้องเสียให้แก่พม่ากลับคืนมา ทรงพระวิริยะอุตสาหะในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติบ้านเมืองทรงเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง ปลุกปลอบขวัญและผนึกกำลังสามัคคีคนไทยทั้งชาติเข้าด้วยกัน ขับไล่ศัตรูให้พ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย พระบรมเดชานุภาพเป็นที่เลื่องลือและเกรงขามทุกทิศานุทิศ แม้ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพก็กำลังเสด็จไปในงานพระราชสงคราม เพื่อความเป็นไทอันไพบูลย์ของพสกนิกรในพระองค์ พระกฤดาภินิหารของพระองค์นั้นเป็นที่ยำเกรงแก่ข้าศึกศัตรู ถึงแม้นว่าจะเสด็จสวรรคตแล้วก็ตาม แผ่นดินไทยก็ยังว่างเว้นศึกสงครามอีกเป็นเวลานาน เพราะบรรดาประเทศเพื่อนบ้านย่อมตระหนักดีว่า ไทยมีจิตใจรักความสามัคคีเสรีภาพ เมื่อได้ผู้นำที่ปรีชาสามารถก็เปรียบเสมือนเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง น่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่จะคิดรุกรานและย่ำยีประเทศไทย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระราชโอรส "สมเด็จพระมหาธรรมราชา"(สมเด็จพระศรีสรรเพชญ์) กับ "พระวิสุทธิกษัตริย์"พระราชบิดาสืบเชื้อสายราชสกุลมาจากสกุลมาจากราชวงศ์ "พระร่วง" แห่ง"กรุงสุโขทัย" ส่วนพระราชมารดาเป็นพระธิดาใน "สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์" กับ "สมเด็จพระสุริโยทัย" (วีรกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์บนคอช้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๐๙๑) ราชวงศ์ "สุพรรณภูมิ" ทรงพระราชสมภพ เมื่อปีเถาะ พ.ศ.๒๐๙๘ ณ พระราชวังจันทร์ เมืองพิษณุโลก ขณะยังทรงพระเยาว์มีพระนามสามัญว่า "พระองค์ดำ" ทรงมีพระพี่นางหนึ่งองค์พระนามว่า"พระสุพรรณเทวี"(สุวรรณกัลยาณี)และพระอนุชาหนึ่งองค์พระนามว่า "พระเอกาทศรถ"(พระองค์ขาว) ก่อนที่พระเจ้าหงสาวดี(บุเรงนอง) จะเลิกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษก พระมหาธรรมราชา เจ้าเมืองพิษณุโลก(เมืองสองแคว)ขึ้นเป็นปฐม กษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัย ครองกรุงศรีอยุธยา และในเวลาเดียวกันนั้นก็ทรงขอ "พระองค์ดำ"ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ขณะที่ทรงเจริญพระชันษาได้ ๑๓พรรษาเป็นราชบุตรบุญธรรม ให้ตามเสด็จไปอยู่ ณ กรุงหงสาวดี ประเทศพม่าด้วย โดยทรงกล่าวอ้างว่า "เพื่อเป็นเกียรติของผู้ที่ชนะสงคราม และพระองค์ดำก็ทรงมีบุคลิกดีสมควรได้รับการอุปถัมภ์บำรุงให้ได้ดีที่สุด ต่อไปในวันข้างหน้าจะได้เป็นที่พึ่งของประชาชนคนไทยให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข" ในระหว่างที่ไทยกำลังบอบช้ำอันเนื่องมาจากภัยสงครามทำให้หย่อนทั้งกำลังพลและอาวุธ เจ้ากรุงกัมพูชา หรือ "พระยาละแวก"(พระยาละแวกเดิมเป็นเพียงเจ้าเมืองครองเมืองละแวก ต่อมาได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า "พระเจ้าบรมราชา"แต่คนทั่วไปก็ยังคงเรียกขานกันโดยสามัญว่า "พระยาละแวก" กษัตริย์เขมรได้ฉวยโอกาสที่ไทยยับยับเยินอยู่ที่นำกำลังกองทัพ ประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน เข้ามารุกรานซ้ำเติมไทยถึงชานนครถึง ๒ ครั้ง หมายจะกวาดต้อนผู้คนและเก็บทรัพย์สินที่หลงเหลืออยู่เอาไปเป็นของกรุงกัมพูชา ฝ่ายทางกรุงศรีอยุธยาไม่กล้าออกต่อสู้เพราะกำลังน้อยึงได้แต่เพียงรักษาพระนครมั่นไว้ ครั้นไทยมีมานะนำกำลังออกต่อต้านสู้รบกันจริงๆ พวกเขมรก็สู้ไทยไม่ได้ต้องถอนหนีกลับไป และได้แต่ลอบส่งกองทัพเข้ามากวาดต้อนผู้คนตามชายแดนไปเป็นเชลยเท่านั้น ต่อมาในปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จยกกองทัพหลวงไปตีกรุงกัมพูชา และได้พักทัพที่บริเวณเทือกเขาดงพญาไฟ ก่อนถึงเมืองนครราชสีมา (บริเวณที่วัดผ่านศึกอนุกูล ตั้งอยู่) เพราะเห็นเป็นทุ่งกว้างและมีลำน้ำที่สะอาดเหมาะเป็นที่พักทัพเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายพระยาละแวก ก็ได้เตรียมการป้องกันเมืองไว้อย่างเข้มแข็ง เพราะรู้แน่อยู่แก่ใจว่ายากที่จะมีโอกาสหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นการสู้รบของทั้งสองฝ่าย จึงเป็นการรบที่นำความเสียหายมาสู่กองทัพทั้งสองฝ่ายอย่างหนักเสียงปืนใหญ่ที่ยิงต่อสู้กันดังกึกก้องทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลาถึง ๒ วัน ๒ คืน พอรุ่งเช้า วันเสาร์ เดือนเมษายน ปีมะเมีย พ.ศ. ๒๑๓๗ กรุงกัมพูชาก็แตกแพ้พ่ายให้แก่กองทัพไทย บ้างก็หนี บ้างก็ยอมวางอาวุธให้ทหารฝ่ายไทยจับกุมเป็นเชลยแต่โดยดี และชั่วระยะยังไม่ถึงครึ่งวัน พระยาละแวก พร้อมกับพระประยูรญาติก็ถูกจับกุมตัวได้ ที่หลบหนีเอาชีวิตรอดไปได้ก็แต่องค์ราชบุตรของพระยาละแวกเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น เมื่อทหารนำพระยาละแวกตลอดพระประยูรญาติเข้ามาถวายบังคมสมเด็จพระนเรศวร แย้มพระโอษฐ์มีพระราชโองการตรัสถาม ซึ่งพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ ได้บันทึกความตอนนี้ไว้ว่า "ท่านเป็นกษัตริย์ขัตติยาราชดำรงแผ่นดินกรุงกัมพูชาบดีมีกรุฐานเป็นแว่นแคว้นขัณฑเสมาฝ่ายมหากรุงศรีอยุธยาแผ่เสมามณฑลให้กว้างขวาง เหตุไฉนจึงมิยกเป็นพยุหโยธาไปกระทำสงครามให้ตรงตามทำนองขัตติยราชรณยุทธอัน เป็นที่บันเทิงราชหฤทัยดังกษัตราธิราช แต่ก่อนจึงคอยแต่ว่าศึกกรุงหงษาวดีมาตีติดพระนครศรีอยุธยาครั้งใดก็มีแต่ยกพลไปพลอยซ้ำเติมตีเอาเมืองชนบทประเทศ กวาดครัวอพยพมาทุกครั้งทำศึกดุจกาอันมาลักลอบฝูงสกุณปักษา ฉะนั้นควรด้วยราชประเพณีแล้วหรือประการใดทั้งนี้ท่านถึงซึ่งปราชัยแก่เราแล้วจะคิดอันใดเล่าให้ว่าไปตามสัตย์ตามจริงจะได้เป็นเยี่ยงอย่างกษัตริย์ไปภายหน้า" พระยาละแวกถวายบังคมแล้วทูลว่า "ซึ่งข้าพระองค์เป็นคนโลภเจตนา มิได้กระทำสงครามตามราชประเพณีกษัตริย์ไปลักลอบกระทำเสี้ยนหนามแก่พระนครศรีอยุธยานั้น โทษผิดถึงตายถ้าพระองค์พระราชทานไว้ชีวิตกรุงกัมพูชาบดีจะเป็นข้าขอบขัณฑเสมากรุงศรีอยุธยาถ้ามิเลี้ยงแล้วก็จะก้มหน้าตาย" สมเด็จพระนเรศวรทรงได้ฟังพระยาละแวกดังนั้น จึงตรัสว่า "เราได้ออกวาจาไว้แล้วว่า ถ้ามีชัยแก่ท่าน เราจะทำพิธีปฐมกรรมเอาโลหิตท่านล้างบาทาเสียให้จงได้ ท่านอย่าอาลัยแก่ชีวิตเลย จงตั้งหน้าหาชอบในปรโลกนั้นเถิด บุตร ภรรยา ญาติ ประยูรวงศ์ ท่านนั้นเราจะเลี้ยงไว้ให้มีความสุขดุจแต่ก่อน"จากนั้นจึงได้พระราชโองการให้ตั้ง "พิธีปฐมกรรมโดยสาตร" เจ้าพระยาละแวก ซึ่งในพระราชพงศาวดารนั้น บรรยายถึงการตั้งพิธีปฐมกรรมดังกล่าวเอาไว้ว่า "มีพระราชบริหารแก่มุขมนตรี ให้ตั้งการพิธีปฐมกรรมโดยสาตร พระโหราธิบดีชีพ่อพราหมณ์ ก็จัดแจงการนั้นเสร็จ จึงเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนเกย เจ้าพนักงานองครักษ์เอาตัวพระยาละแวกเข้าใต้เกย ตัดศรีษะเอาถาดทองรองโลหิตขึ้นไปชำระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระโหราธิบดีลั่นฆ้องชัย ชีพ่อพราหมณ์เป่าสังข์ประโคมดุริยดนตรีถวายมุรธาภิเษกทรงอาเศียรภาพโดยสาตรพิธีเสร็จ เสด็จเข้าพลับ"การทำพิธีการปฐมกรรม นี้ก็เพื่อที่ให้เป็นตัวอย่าง สำหรับโทษที่จะมีต่อผู้คิด กบฎหรือไม่ถูกไม่ควร อีกทั้งแสดงถึงอำนาจเด็ดขาดของผู้ปกครองต่อไป ในยุคสมัยต่อมาได้เปลี่ยนการลงโทษในกรณีย์รุนแรงนี้เป็นการให้ประหารชีวิตธรรมดา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรได้กระทำพิธีปฐมกรรมแก่พระยาละแวกแล้วก็ได้เดินทางกลับกรุงศรีอยุธยาธานี@@@***ที่มาของชนวนโลหะอันศักดิ์สิทธิ์ ในคราวที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชา ได้เสด็จไปปราบพระยาละแวกแห่งกรุงกัมพูชา ขากลับได้เสด็จผ่านมายังท้องที่ตำบลกลางดง (ปัจจุบันเป็นตำบลพญาเย็น) ถึงลำคลองมวกเหล็ก ทรงเห็นสภาพภูมิประเทศสองฝั่งคลองมวกเหล็ก เป็นที่ราบบริเวณกว้างเหมาะที่จะทรงพักกองทัพเพื่อให้ทหารได้พักผ่อนจากการเดินทัพ(ปัจจุบันมีศาลสมเด็จพระนเรศวร-พระเอกาทศรส ตั้งอยู่ริมคลองมวกเหล็ก อยู่ในเขตวัดผ่านศึกอนุกูล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจและขอแนะนำครับ ใครอยากให้ลูกเป็นทหารหรือนายร้อยทหารหรือตำรจ ก็มักจะมาบนบานด้วยไก่ชนปูนปั้น ที่ศาลแห่งนี้ ประจักษ์พยานของความศักดิ์สิทธิ์ ไก่ชนปูนปั้นหลายร้อยตัวครับ เนื่องจากบนบานท่านแล้วมักประสบความสำเร็จ ตามที่ขออยู่เนืองๆครับ) และทหารของทัพพระนเรศ ได้ทิ้ง ขอ ง้าว หอก ดาบ ที่ชำรุดแตกหัก ที่มิอาจนำกลับไปกรุงศรีอยุธยา เพื่อมิให้เป็นภาระแก่กองทัพ ณ.บริเวณฝั่งคลองมวกเหล็ก อันเป็นสถานที่สร้างวัดผ่านศึกอนุกูล และฝั่ง อ.ส.ค. ในปัจจุบันนี้ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ได้มีชาวบ้านในละแวกนั้นได้ทำการไถที่ดินเพื่อปลูกพืชไร่ และได้พบฆ้องชัยของทัพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของ้าว และ หอก ดาบเสื้อเกราะทหารสมัยอยุธยา ต่อมาทางวัดผ่านศึกฯ ได้นำมาเป็นชนวนการหล่อพระกริ่งนเรศวรเผด็จศึก เมื่อปี2539 ขอบคุณที่มาของข้อมูล http://www.taradpra.com/itemDetail.aspx?itemNo=506022&storeNo=1475 |
ราคาเปิดประมูล | 500 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 600 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | พ. - 12 ต.ค. 2554 - 17:25.54 |
วันปิดประมูล |
ส. - 22 ต.ค. 2554 - 17:25.54
|
ผู้ตั้งประมูล |
|
แชร์หน้านี้ |
|
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน |
600 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
|
เพิ่มครั้งละ | 100 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา |
ราคา |
เวลา |
|
600 บาท
|
พ. - 19 ต.ค. 2554 - 21:44.22 |
Top