เหรียญหลวงปู่ลือ รุ่นแรก วัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร รุ่น ฉลองอุโบสถ ปี.๒๕๓๕(องค์ที่ 3) - webpra

ประมูล หมวด:พระเกจิภาคอีสานเหนือ

เหรียญหลวงปู่ลือ รุ่นแรก วัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร รุ่น ฉลองอุโบสถ ปี.๒๕๓๕(องค์ที่ 3)

เหรียญหลวงปู่ลือ รุ่นแรก วัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร รุ่น ฉลองอุโบสถ ปี.๒๕๓๕(องค์ที่ 3) เหรียญหลวงปู่ลือ รุ่นแรก วัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร รุ่น ฉลองอุโบสถ ปี.๒๕๓๕(องค์ที่ 3)
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง เหรียญหลวงปู่ลือ รุ่นแรก วัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร รุ่น ฉลองอุโบสถ ปี.๒๕๓๕(องค์ที่ 3)
รายละเอียดหรียญหลวงปู่ลือ สุขปุญโญ รุ่นแรก วัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร รุ่น ฉลองอุโบสถ ปี.๒๕๓๕ เนื้อทองแดงรมดำ มีเนื้อเดียว

ประวัติโดยย่อครับ
หลวงปู่ลือ ปุญโญ วัดป่านาทาม อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พระภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมในสายของพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต

หลวงปู่ลือ ปุญโญ หรือ ท่านพระครูคัมภีร์ภาวนาจารย์ หลวงปู่ลือนั้น เดิมทีมีชื่อว่า “ลือ ใจทัส” เป็นบุตรคนที่สอง ในจำนวนพี่น้องสี่คน บิดามีชื่อว่านายจันทร์ ส่วนมารดาคือนางพัน ใจทัส ชาวบ้านป่าไร่ ซึ่งพูดง่ายๆ ท่านคือเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวป่าไร่โดยกำเนิดแท้ๆ เมื่อยามที่เป็นเด็กชายตัวน้อยๆนั้น ว่ากันว่าหลวงปู่ลือเป็นเด็กที่อ่อนแอ สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก พ่อแม่บอกว่าเลี้ยงยาก เกรงว่าลูกชายจะตาย ไม่รอด จึงเลยบนบานเอาไว้ว่า ถ้าหากลูกชายหายดีมีสุขภาพแข็งแรงเมื่อไหร่ ก็จะยกให้กับวัดเพื่อบรรพชาเป็นสามเณรตลอดไป

ในตอนนั้นครอบครัวของหลวงปู่ย้ายไปอยู่ที่บ้านป่าชาติ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านเดิมไม่มากนัก หากแต่ความเจริญไม่ค่อยมี เนื่องจากสมัยที่หลวงปู่เป็นเด็กอยู่นั้น บ้านป่าไร่ ป่าชาติตั้งอยู่กลางป่าใหญ่ เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายมากมายในที่สุด อาการป่วยของท่านที่กระเสาะกระแสะตลอดเวลามานั้นก็หาย สามารถวิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงได้อย่างที่ใจปรารถนา ซึ่งนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่หลวงปู่เคยเล่าว่าเหมือนกับเกิดใหม่ เพราะไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะหายสามารถวิ่งเล่นเหมือนกับชาวบ้านเขาได้ เพราะนึกว่าอย่างไรเสียก็คงจะต้องตายเสียก่อนที่จะโตอยู่แล้ว

วันหนึ่งหลวงปู่ได้พบกับพระธุดงค์รูปหนึ่งมาปักกรดอยู่ริมชายป่าข้างหมู่บ้าน ซึ่งพอเห็นพระมาหลวงปู่ก็เข้าไปกราบนมัสการด้วยความสงสัยใคร่รู้ตามประสาเด็ก ซึ่งพระธุดงค์รูปนั้น ก็กรุณากับท่านมากโดยได้เล่าถึงเรื่องราวการจาริกไปในสถานที่ต่างของพระธุดงค์ ซึ่งต้องผ่านป่า ผ่านภูเขาและหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า เป็นเรื่องราวที่สนุกจับใจหลวงปู่ยิ่งนักด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลวงปู่ลือซึ่งอยากจะผจญภัยเหมือนกับพระธุดงค์รูปนั้น เฝ้ารบเร้าบิดา มารดาแทบทุกวันว่าเมื่อไหร่จะให้ท่านได้บวชเณรเสียที เพราะถึงตอนนี้ ท่านคิดอยู่แต่อย่างเดียวว่า ถ้าหากบวชเณร บวชพระเมื่อไหร่ก็จะศึกษาวิชาความรู้ทั้งหลายให้มากเข้าไว้ เพื่อที่จะได้ธุดงค์เดี่ยวด้นดั้นเหมือนกระธุดงค์รูปนั้น ในที่สุด เมื่อพ่อแม่ทนรบเร้าไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจบวชเณรให้ลูกชายคนนี้ หากแต่ว่าตอนท่านบวชครั้งแรกนั้นยังเยาว์วัยยิ่งนัก ดังนั้นเมื่อบวชไปได้ไม่เท่าไหร่ จิตใจก็คิดถึงเพื่อนฝูงที่บ้าน แอบหนีออกมาเล่นกับเพื่อนจนกระทั่งต้องสึกออกมาจากการที่ได้คุยกับหลวงปู่เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น

ท่านเล่าว่า กว่าชีวิตในผ้าเหลืองจะเข้าที่ท่านต้องบวชอยู่สามครั้งด้วยกัน เพราะหลังจากที่สึกในครั้งแรกนั้น ไม่นานก็บวชใหม่ แล้วก็สึกออกมาอีกครั้ง เพราะยังตัดใจลาจากเพื่อนฝูงไม่ได้จึงกลับมาบ้านอีกทีเมื่อถึงคราวนี้มารดาบอกว่า สมัยที่ยังป่วยอยู่นั้นท่านบนบานเอาไว้ถึงสามครั้งด้วยกัน เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องบวชอีกหนซึ่งในคราวนี้ พระอาจารย์สอน น้องชายของบิดาเป็นคนพาท่านไปบวชที่วัดศรีเมือง บ้านนาโป่ง ตำบลดอนตาล อำเภอมุกดาหาร ในขณะนั้นซึ่งยังไม่เป็นจังหวัดอย่างเช่นปัจจุบันนี้ ตอนนั้นบิดาของหลวงปู่เองก็อยากจะบวชด้วยเหมือนกัน หากแต่มารดาไม่ยอม หลวงปู่จึงจำต้องบวชเรียนอยู่ที่วัดศรีเมือง พักหนึ่งแล้วจึงกลับมาอยู่ที่วัดป่าชาติ แต่ว่าตอนนั้นยังไม่มีการสอนหนังสือที่วัดแห่งนี้

ท่านจึงจำต้องเดินทางไปเรียนอักษรขอม และบาลีไวยากรณ์กับพระอาจารย์อุ่น วัดบ้านโพนสว่าง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 5 กิโลเมตร ซึ่งหลวงปู่จะต้องเดินเท้าไปเรียนทุกวัน หลังจากที่จำพรรษาอยู่วัดป่าชาติได้หนึ่งปี พระอาจารย์แก้วซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานจึงได้มารับไปอยู่ที่วัดบ้านโพน ตำบลบ้านเหล่า อำเภอมุกดาหาร (ในขณะนั้น ) เพื่อที่จะให้เรียนวิชามูลกัจจายน์กับหลวงพ่อขาว หลังจากที่อยู่วัดบ้านโพนได้สองปี จึงย้ายไปเรียนกับอาจารย์เถาที่วัดบ้านแวง จากนั้นจึงย้ายหาที่ศึกษาบาลีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งท่านอาจารย์แก้วซึ่งเป็นญาติได้พาไปอุปสมบทที่วัดศิลามงคลในเมืองมุกดาหาร ซึ่งหลังจากที่ได้บวชเป็นพระแล้วนั้น

ท่านจึงได้เริ่มที่จะออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหาประสบการณ์ ในช่วงแรกของการธุดงค์นั้น หลวงปู่ลือเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่แขวงสุวรรณเขต ประเทศลาวอยู่พักใหญ่เพื่อที่จะหัดขานนาคเพื่อเปลี่ยนยัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต ดังนั้นเมื่ออกพรรษาแล้วท่านจึงได้ข้ามมายังฝั่งไทย และได้บวชเป็นพระธรรมยุตที่วัดหัวเวียงอำเภอธาตุพนม หลังจากที่เปลี่ยนมาเป็นพระธรรมยุต ท่านจึงออกเดินธุดงค์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเดินธุดงค์ที่ยาวนานมากในช่วงหนึ่งของชีวิตที่ท่านได้เข้าไปอยุ่ในป่า

ก่อนที่จะเดินทางมายังบ้านน้ำก่ำ เพราะทราบข่าวว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เดินธุดงค์มาอยู่ที่วัดเกาะแก้ว ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งในครั้งนั้นหลวงปู่มั่น ท่านเดินทางธุดงค์มาจากสกลนคร ตอนนั้นหลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่มั่นท่านอายุได้ 70 กว่าแล้ว หากแต่ยังดูแข็งแรง กระฉับกระเฉงเหมือนคนหนุ่มทั่วไป ในขณะที่หลวงปู่ลือเองนั้น เพิ่งจะมีอายุสามสิบกว่าปี จึงมีความคิดว่า อยากจะศึกษาวิปัสสนากับท่าน ดังนั้น จึงฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นและเริ่มออกธุดงค์กับท่านนับจากวันนั้นเป็นต้นมา หลังจากที่ติดตามหลวงปู่มั่นอยุ่นานพอสมควรเพื่อฝึกปฏิบัติธรรมกับท่านนั้น หลวงปู่จึงหันมาพิจารณาว่า ท่านอยากจะแสวงหาสิ่งใหม่เข้ามาช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ในด้านวิปัสสนา

ดังนั้นในเวลาต่อมาจึงได้กราบลาหลวงปู่มั่น เดินทางเข้าสู่ภูพาน ซึ่งในยามนั้นเป็นป่าปิดที่อันตราย หากแต่ด้วยใจที่ยึดมั่นมาตั้งแต่เด็กแล้วนั้นถึงการผจญภัยไปในป่าใหญ่ เหมือนอย่างที่พระธุดงค์เคยเล่าเอาไว้เมื่อสมัยเด็กๆ จึงทำให้หลวงปู่ไม่รู้สึกกลัวอะไร ซึ่งท่านได้เล่าถึงการเดินธุดงค์ในป่าภูพานครั้งนั้นเอาไว้ว่า ไม่ได้เจอผีร้ายหรือว่าอะไรเหมือนอย่างที่ผู้คนเขากลัวกัน จะเจอบ้างก็แต่พวกรุกขเทวาหรือว่าพวกที่บำเพ็ญเพียร เพื่อบรรลุไปสู่โลกหน้า ซึ่งในความจริงแล้วนั้นหลวงปู่เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า สาเหตุที่ท่านเดินทางไปยังเทือกเขาภูพานนั้น เนื่องจากท่านทราบว่าได้มีพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งผู้คนเชื่อกันว่าท่านเป็นพระอรหันต์ มาจำพรรษาอยู่ที่ภูพาน เขาเล่ากันว่าพระภิกษุรูปนี้ไปไหนมาไหนไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นเท่าไหร่ เขาลือกันว่าท่านสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ท่านจึงพยายามที่จะเดินธุดงค์ไปค้นหาพระภิกษุรูปนี้ ซึ่งเรารู้จักกันดีในเวลาต่อมาว่าคือ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” นั่นเอง น่าเสียดายที่ความหวังของหลวงปู่ไม่สามารถบรรลุผลได้ ดังนั้นท่านจึงได้เดินทางกลับมายังบ้านไร่

ซึ่งในช่วงนั้นเองที่ชาวบ้านได้นำท่านไปยังวัดร้างแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนภูน้อยและพวกชาวบ้านป่าไปพบเข้าจึงอยากจะบูรณะขึ้นมาหลวงปู่ตัดสินใจปักกลดอยู่ที่นั่นเพื่อที่จะศึกษาสถานที่ ซึ่งในครั้งนี้เองที่ทำให้สมาธิของท่านได้นิ่งนานและลึกไหลเข้าไปสู่ญาณสมาบัติครั้งอดีตกาลที่ผ่านมา และพบว่าครั้งหนึ่งนั้นท่านเคยบำเพ็ญเพียรเป็นฤาษีชีไพรอยู่ในป่าภูน้อยแห่ง และได้มานั่งภาวนาอยู่ที่สถานที่แห่งนี้จนกระทั่งสิ้นอายุขัย หลวงปู่บอกว่า คนเรานั้นเชื่อกันว่า ถ้าหากสิ้นอายุขัยที่ไหน ถ้าจะกลับมาเกิดใหม่ ชีวิตก็จะวนเวียนว่ายจุติอยู่ในสถานที่สังขารตนเองแตกดับนั่นแหละ

ดังนั้นท่านจึงเชื่อว่าสาเหตุที่ท่านเกิดเป็นลูกหลานของชาวบ้านป่าไร่ ก็เพราะในอดีตชาติท่านได้ตายอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง กล่าวกันว่า หลวงปู่ลือนั้น ท่านเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์ พูดสิ่งใด ก็มักจะเป็นไปเช่นนั้นอยู่เสมอไม่เคยผิดเพี้ยนไป จนทำให้ชาวบ้านในจังหวัดมุกดาหารขนานนามท่านเสียใหม่ว่า “ พระลือโลก ผีย่าน” เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของท่านนั้นหลายครั้งด้วยกันที่ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้ประจักษ์แก่สายตา ไม่ว่าจะเป็นในหมู่พระภิกษุสงฆ์ที่ออกเดินธุดงค์ด้วยกัน หรือแม้แต่ชาวบ้านปาฏิหาริย์อีกอย่างหนึ่งของหลวงพ่อลือ ก็คือการที่มีคนเล่ากันว่า ท่านยังหยั่งรู้ อนาคตังสญาณ คือหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตได้ล่วงหน้า ดังเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารตก ในเขต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2523 ทำให้ผู้โดยสารตายเกือบหมดทั้งลำ (เหลือบาดเจ็บสาหัสและยังมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน 2 –3 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว) ในเครื่องบินดังกล่าวพระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ได้ร่วมเดินทางไปด้วย 5 องค์ และได้มรณภาพทั้งหมด คือ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ พระอาจารย์วัน อุตตโม พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม พระอาจารย์ทั้ง 5 องค์ดังกล่าวได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีสำคัญที่วัดมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ และเจ้าภาพได้มีการนิมนต์หลวงปู่ลือ ไปร่วมพิธีดังกล่าวด้วยโดยนำตั๋วเครื่องบินไป-กลับ

ในเที่ยวดังกล่าวมาถวายหลวงปู่ถึงวัดป่านาทามวนาวาส แต่หลวงปู่ลือไม่รับนิมนต์ เนื่องจากได้นิมิตเห็นไฟไหม้หางของเครื่องบินลำดังกล่าวขณะบินอยู่บนท้องฟ้าก่อนจะถึงวันเดินทาง 2-3 วัน หลวงปู่เล่าว่าพระอาจารย์ทั้ง 5 องค์ที่มรณภาพครั้งนี้ทุกท่านมีญาณหยั่งรู้ว่าเครื่องบินจะตกและจะดับขัณฑ์ในครั้งนี้แต่ทุกท่านได้ยินยอมให้เป็นไปตามวิบากกรรม ส่วนหลวงปู่ลือ ท่านยังมีภารกิจที่ต้องโปรดสัตว์ และสืบสานพระศาสนายังไม่สำเร็จตามที่ท่านได้ปวารณาเอาไว้ นอกจากนี้ยังได้รับการเปิดเผยจากพระลูกศิษย์ที่เคยออกร่วมธุดงค์กับหลวงปู่ว่าในการออกธุดงค์จากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งซึ่งมีระยะทางไกล หลวงปู่สามารถย่นระยะทางได้ และไปถึงที่หมายก่อนคนอื่นหลายครั้ง

หลวงปู่ลือเคยสร้างวัตถุมงคลของท่านจำนวนไม่มากนัก เพื่อแจกให้ลูกศิษย์นำไปสักการะบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล กล่าวกันว่า เมื่อสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ทุกสถานที่ซึ่งหลวงปู่ลือได้เหยียบย่างไป ตรงไหนที่เล่าลือกันว่า เจ้าที่แรง ผีดุ แต่เมื่อท่านได้มาปักกลดลงยังที่ตรงนั้น สถานที่แห่งนั้นก็จะร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ท่านกลายเป็นที่นับถือบูชาของชาวจังหวัดมุกดาหารเรื่อยมาจวบจนถึงวันสุดท้ายก่อนที่ศิษย์หลวงปู่มั่นท่านนี้จะจากไป พร้อมกับความอาลัยของชาวมุกดาหารทุกคน

....ท่านที่ต้องการหาข้อมูลพระแท้-พระเก๊เข้าชมตามลิงค์นี้ครับ..

http://pratare.blogspot.com/
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน600 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลศ. - 20 ส.ค. 2553 - 11:49.20
วันปิดประมูล อา. - 19 ก.ย. 2553 - 11:49.20 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
ข้อมูลเพิ่มเติม #1 อา. - 22 ส.ค. 2553 - 12:21.06
โดยส่วนตัวแล้ว ไม่เคยแนะนำให้สะสมปีพศ.ใหม่ ด้วยเหตุผลมากมายที่อธิบายได้หมดในกระทู้เดียว พระเครื่องปีพศ.ใหม่โดยเฉพาะผู้สร้างเป็นกลุ่มพวกศูนย์พระเครื่องหรือเซียนพระที่มีความเกี่ยวข้องกับการสร้างโดยตรง ผมจะหลีกเลี่ยงการสะสมทันที เนื่องจากการสร้างพระเครื่องในปัจจุบันที่อ้างว่าจะสร้างเพื่อหาเงินทำบุญให้กับวัดนั้นแทบจะเขื่อถือได้ยากมาก ล้วนแล้วแต่จะแสวงหาผลประโยขน์กับสร้างเกือบจะทั้งสิ้น

เดี๋ยวนี้ก็ค่อนข้างเป็นห่วงนักสะสมรุ่นใหม่ที่เสพข้อมูลตามสื่อต่างๆที่โฆษณาชวนเชื่อและตามเก็บสะสมพระเครื่องตามกระแสนิยม ที่มีการสร้างภาพเรื่องราคาตามเว็บไซต์กระดานประมูลต่างๆ ราคาวิ่งขึ้นไปสูงมากจนไม่อาจจะสามารถหาเหตุผลมารองรับได้เลย มีการโยนราคากันไปมาเพื่อสร้างภาพให้เห็นว่ามีผู้ซื้อจริง ซึ่งบางรุ่นบางพิมพ์หาใช่เป็นอย่างที่เราเห็นหรอกครับ ดังนั้นคิดจะเก็บสะสมพระเครื่องปีพศ.ใหม่ขอให้ค้นหาข้อมูลศึกษาก่อนจะได้ไม่เสียใจครับ...

ที่ตั้งประมูลนั้นเจตนาต้องการจะสื่อข้อความให้เพื่อนนักสะสมได้อ่านและนำไปคิดกันดูก่อนที่จะเก็บสะสมครับ...ไม่อยากจะให้ต้องเป็นเหยื่อของพวกที่ปั่นราคาครับ
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 600 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
300 บาท ศ. - 20 ส.ค. 2553 - 17:53.56
400 บาท ส. - 21 ส.ค. 2553 - 09:40.27
500 บาท ส. - 21 ส.ค. 2553 - 22:34.35
600 บาท ส. - 18 ก.ย. 2553 - 14:26.51
กำลังโหลด...
Top