หัวข้อ: หลวงพ่อ ชาญ ชาโน แห่งสำนักสงฆ์วัดป่ากลางบุญ จ.นครสวรรค์

<A HREF="http://www.meditationtemple.net/about.htm">ประวัติหลวงพ่อ ชาญ ชาโน CLICK!!</A>

หลวงพ่อชาญ ชาโน เกิดเมื่อวันอังคาร เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ปีมะโรง ณ บ้านบางรายได้ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร นามสกุลเดิม “โตนุ่ม” เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง ทั้งหมด ๖ คน ของพ่อเฉลย และคุณแม่แหยม โตนุ่ม เมื่ออายุได้ ๘ ขวบ โยมพ่อได้นำไปไว้กับหลวงปู่เคลือบ วัดดงเสือเหลือง จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นองค์เดียวกับวัดหนองกระดี่ จังหวัดอุทัยธานี เนื่องจากทางบ้านมีกรณีพิพาทกับเพื่อนบ้านเรื่องการถือครองที่ดิน และโยมพ่อได้รับการรดน้ำมนต์จากหลวงปู่เคลือบ จึงรอดพ้นจากภยันตรายจากกรณีดังกล่าวได้
ครั้งแรก หลวงพ่อชาญ ชาโน ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาฝ่ายมหานิกาย ณ วัดสุวรรณาราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อมา หลวงพ่อชาญ ชาโน ได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมยุต ณ วัดบวรนิเวศน์วิหาร แขวง และเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบัน เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหารัชมงคลดิลก สมศักดิ์ในขณะนั้นเป็นพระธรรมสิริสารเวที เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมีพระพรหมมุนี สมศักดิ์ในขณะนั้นเป็นพระเทพกวี เป็นพระอนุสาสนาจารย์ หลังอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อชาญ ชาโนได้เฝ้าถวายงานรับใช้พระอุปัชฌาย์อยู่ระยะหนึ่งก็ได้ทูลลาองค์พระ อุปัชฌาย์ออกปลีกวิเวกแสวงหาแนวทางปฏิบัติเพื่อการหลุดรอดวัฏสงสารตาม อุปนิสัยดั่งเดิมของท่าน องค์สมเด็จพระอุปัชฌาย์ก็ทรงยินดี และอนุโมทนา ทรงอนุญาตให้ตามความประสงค์ของหลวงพ่อฯ จากนั้นท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆที่เห็นสมควรเพื่อปฏิบัติธรรม
หลวง พ่อชาญ ชาโน เมื่อสมัยท่านยังเป็นเด็กนั้น ท่านก็เป็นคนอยู่แถวๆจังหวัดนครสวรรค์กับโยมบิดาของท่าน และต่อมาโยมบิดาของท่าน และต่อมาโยมบิดาของท่านได้นำตัวท่านไปฝากถวายตัวเป็นลูกศิษย์พระเกจิอาจารย์ ดังรูปหนึ่งก็คือ หลวงปู่เคลือบ วาจาสิทธิ์ แห่งวัดหนองกระดี่ จังหวัดอุทัยธานี และแห่งวัดดงเสือเหลือง จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นองค์เดียวกัน
หลวงปู่เคลือบนั้น เท่าที่ทราบจากหลวงพ่อชาญ ชาโน ท่านบอกว่า เป็นพระที่เก่งมากทั้งทางกรรมฐาน และหยั่งรู้ดิน ฟ้า และมีอาคมแก่กล้ามาก แม้แต่เวลาหลวงปู่เคลือบเดินฝ่าสายฝนที่โปรยลงมาอย่างหนักก็ไม่ทำให้จีวรของ ท่านเปียกฝนแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่เท่านี้หลวงปู่เคลือบยังมีวาจาศักดิ์สิทธิ์เอามากๆ จะเห็นได้จากผู้คนที่เคารพเลื่อมใสในหลวงปู่เคลือบย่อมจะรู้กิตติศัพท์ของ ท่านดี ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลังจะเห็นได้จากผู้คนที่บนบานศาลกล่าวหลวง ปู่เคลือบนั้น แล้วแต่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากครอบครัวของผู้เขียนตั้งแต่เกิดมาจำความได้ บิดา และมารดาของผู้เขียนจะบนบานศาลกล่าวกับหลวงปู่เคลือบปีละ ๑ ครั้ง คือวันสงกรานต์ในวันที่ ๑๓ เมษายน ของทุกปี โดยจะแก้บนด้วยเหล้าขาว ๔๐ ดีกรี จำนวน ๑๐ ขวด พร้อมมะขามเปียกและเกลือเม็ด จำนวนหนึ่งตลอดมา จนกระทั่งผู้เขียนจะเกษียณอายุราชการแล้ว มารดาผู้เขียนก็ยังปฏิบัติมาตลอด (บิดาได้ถึงแก่กรรมปี ๒๕๔๒ แล้ว) โดยจะขอบนบานศาลกล่าวให้ครอบครัวมีความสุข ความเจริญ สิ่งที่เป็นอัปมงคลอย่าได้มากล้ำกราย เป็นต้น ตอนเล็กๆ อยู่หลวงพ่อชาญฯ ท่านไว้ผมจุก หลวงปู่เคลือบจะเรียกท่านว่า “ไอ้จุก”

นวัน หนึ่ง ขณะนั้น หลวงพ่อชาญฯ อายุประมาณ ๘ ขวบ หลวงปู่เคลือบได้พูกับหลวงพ่อชาญฯ ว่า “ไอ้จุก เอ่ย ถ้าเองอยากเห็นนางฟ้าก็นั่งสมาธิบ่อยๆนะลูก” เมื่อท่านได้ฟังหลวงปู่เคลือบได้พูดเช่นนั้นท่านก็ลองนั่งสมาธิดูและท่านก็ ได้นั่งเรื่อยๆ มาตลอด และท่านจะเพียรนั่งทุกวันเมื่อถึงเวลาค่ำ เพราะอยากดูนางฟ้า และสิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คือหลวงปู่เคลือบได้สอนวิชาอาคม ให้กับท่านและสอนให้ทุกวิชาซึ่งหลวงพ่อชาญฯ ก็ได้เรียนและจดจำได้อย่างแม่นยำจนถึงปัจจุบันนี้ และอยู่มาในวันหนึ่งหลวงปู่เคลือบได้พูดกับหลวงพ่อชาญฯ ว่า “ไอ้จุก เอ่ยถ้าเองบวชแล้วมาสอนธรรมะแถวนี้บางนะ” หลวงปู่เคลือบท่านพูดคล้ายกับว่าท่านทราลล่วงหน้าว่าหลวงพ่อชาญฯ นั้นในอนาคตต้องบวชเป็นพระอย่างแน่นอน และระยะเวลาต่อมา หลวงพ่อชาญฯได้ถามหลวงปู่เคลือบว่าจะได้บวชเมื่อไรล่ะ หลวงพ่อ? เมื่อหลวงปู่เคลือบได้ยินคำถามเช่นนั้นก็เลยตอบว่า “เออ เองยังบวชไม่ได้หรอก เองต้องใช้กรรมเก่าก่อน น่ะลูก อยู่มาอีกวันหนึ่งหลวงปู่เคลือบก็ได้บอกท่านว่า “ไอ้จุก เอ่ย เตรียมตัวไว้น่ะลูก พรุ่งนี้พ่อเองจะมารับกลับบ้านแล้วนะ” และก็เป็นจริงดั่งหลวงปู่เคลือบพูดไว้ทุกประการ เมื่อท่านกราบมนัสการลาหลวงปู่เคลือบกลับบ้านพร้อมโยมบิดาของท่านแล้ว ท่านก็ได้นึกถึงคำพูดของหลวงปู่เคลือบในเรื่องของการนั่งสมาธิมาโดยตลอด โดยมิได้ทอดทิ้งเลย จนกระทั่งเติบโตเข้าวัยหนุ่มก็ยังไม่ละเลยเรื่องการปฏิบัตินั่งสมาธิเลยแม้ แต่น้อย แต่กลับกลายเป็นยิ่งมีความเพียรที่จะปฏิบัติมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งท่านได้เริ่มถือศีล กินเจเรื่อยมา และบางครั้งก็ออกธุดงค์ตามแนวชายแดนบ้าง ตามป่าช้าบ้างแล้วแต่โอกาสจะอำนวยให้ แต่กระนั้นท่านเองต้องทำหากินเหมือนคนทั่วไป ยามมีกิน ยามมีกิน ยามมีเงินทองท่านก็จะออกเดินป่าเที่ยวไปตามภูเขาลำเนาไพร ไปตามชายแดนบ้าง ตามถ้ำต่างๆ บ้าง ท่านเองก็ต้องผจญภัยต่างๆมากมาย ต่อมาในวันหนึ่ง ท่านก็ได้มีวาสนาพบกับเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ อาคมขลัง และขมังเวทย์อีกองค์หนึ่งนั่นก็คือ “หลวงพ่อผล จันทโน แห่งวัดสวนขัวญ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์”
หลวงพ่อผลองค์นี้ท่านพระปฏิบัติที่มีจิต แก่กล้ามาก และมีอาคมเข้มขลังเป็นอย่างยิ่งอีกองค์หนึ่ง ตามประวัตินั้นท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเก็บและหลวงพ่ออ่อง ซึ่งคนสมัยก่อนจะรู้จักหลวงพ่อทั้งสององค์นี้ดีกว่าท่านทั้งสองเป็นหลานหลวง ปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งหลวงพ่ออ่อง นั้นท่านจะเก่งกาจในเรื่องผูกหุ่นพยนต์และมีดหมอ ส่วนหลวงพ่อผลนั้นท่านจะเก่งกาจในด้านอาคมเข้มขลังเป็นอย่างยิ่ง และมีมีกสิณที่ยอดเยี่ยม กล่าวคือ เมื่อครั้งที่หลวงพ่อชาญฯ ได้ไปแวะกราบมนัสการหลวงพ่อผล นั้น ท่านได้พบเห็นมากับตาตัวเอง ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์มาก คือว่า เมื่อหลวงพ่อชาญฯ ได้หยิบกาต้มน้ำร้อนที่มีน้ำอยู่มาส่งให้หลวงพ่อผล และหลวงพ่อชาญฯ ได้บอกหลวงพ่อผลว่า น้ำมันไม่ร้อนเดี๋ยวผลจะต้มให้ก่อน ผลดีลุงผิวซึ่งเป็นคนปรนนิบัติหลวงพ่อผลได้ยิน แกก็ร้องบอกว่า “โอ๊ย! ไม่ต้อง...วางไว้เฉยๆ เดี๋ยวร้อนเอง (น้ำในกา) พอหลวงพ่อชาญฯได้ยินเช่นนั้นก็เลยวางกาไว้เฉยๆ และท่านก้ได้เห็นหลวงพ่อผลเอามือไปแตะกาน้ำเพียงไม่กี่ครั้ง และไม่กี่นาทีน้ำในกาก็ร้อนขึ้นมาทันที นี่คือสิ่งที่หลวงพ่อชาญฯ ได้พบเห็นมาด้วยตนเอง และในวันต่อมา หลวงพ่อผลกับหลวงพ่อชาญฯได้สนทนากันอยู่นาน หลวงพ่อผลก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ชาญเอ่ยมึงมีวาสนาร่วมกันกับกูนะลูก” เมื่อหลวงพ่อชาญฯ ได้ยินหลวงพ่อผลพูดเช่นนั้นก็งง และถามหลวงพ่อผลว่า “มีวาสนาอะไรหรือครับหลวงพ่อฯ” เอ้า ! ดูสิ เนี่ยกูเป็นอะรไรเล่า ก็กูเป็นพระ ก็ได้แต่ทำให้หลวงพ่อชาญฯ ได้ยิ้มๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก และต่อมาหลวงพ่อผลได้พูดกับหลวงพ่อชาญฯ ว่า “ชาญ เอ่ยมึงเป็นคนดีนะลูก จากกันวันนี้แล้ว มึงไม่ได้เจอกูอีกแล้วนะ”

คำพูดของหลวงพ่อผลวัน นั้นเสมือนหนึ่งท่านได้รู้ล่วงหน้า คงไม่ได้พบกับลูกศิษย์อีกแน่นอน และก็เป็นจริงดังว่า พอหลวงพ่อชาญฯ กราบมนัสการลาท่านกลับมาในวันนั้นหลวงพ่อผลก็ได้สั่งไว้ว่า “ชาญเอ่ย มึงขับรถไปอย่าหยุดนะ เดี๋ยวฝนจะตามตูดไปเรื่อยๆ นะอย่าหยุด และสิ่งที่หลวงพ่อชาญฯ ได้พบเห็นอีกนั่นก็คือ ฝนตกตามท้ายรถท่านห่างๆไปถึง ๒ วา เห็นจะได้ แต่ก็ไม่โดนตัวท่านเลยจนกระทั่งถึงบ้าน นี่ก็เป็นเรื่องที่หลวงพ่อชาญฯ ได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง และเมื่อท่านกลับไปหาหลวงพ่อผลอีกครั้งก็ปรากฏว่า หลวงพ่อผลได้มรณภาพไปแล้วซึ่งก็เป็นไปตามที่หลวงพ่อผลท่านได้พูดไว้ในวัน นั้นว่า “มึงกับกูจะไม่เจอกันอีกแล้วนะลูก” นี่ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่หลวงพ่อชาญฯท่านเคารพบูชามาก เพราะได้เรียนวิชาอาคมจนหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องคงกระพันชาตรี ซึ่งหลวงพ่อผลก็สุดยอดเช่นกัน ต่อมาหลวงพ่อชาญฯ ก็ได้เดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ ตอนนั้นยังเป็นคฤหัสถ์อยู่ ท่านเดินป่าฝ่าดงไปทางแถบอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรีก็ได้พบกับหลวงพ่อคง จัตตมโล แห่งวัดเขาสมโพชน์ และท่านทั้งสองได้สนทนาธรรมกัน หลวงพ่อคงฯ ได้พูดกับหลวงพ่อชาญฯว่า “ชาญ เอ่ย มึงมีวาสนาร่วมสกาวพัสตร์เดียวกันนะ” และท่านก็ได้บอกกับหลวงพ่อชาญฯว่า “คนเราตายกันเป็นหมู่คณะ เป็นเปรตกันเยอะ มึงเอาคำภาวนา “พอง, ยุบ” ไปใช้นะ และหลวงพ่อชาญฯ ก็ได้กราบมนัสการลาหลวงพ่อคงกลับมาทำงานตามปกติ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจะ เห็นได้ว่า อาจารย์ของท่านทั้ง สามรูป คือ หลวงพ่อเคลือบ, หลวงพ่อผล หลวงพ่อคง ล้วนเป็นผู้หยั่งรู้ดิน ฟ้า และเป็นผู้หยั่งรู้ล่วงหน้าถึงอนาคตของหลวงพ่อชาญฯ เป็นอย่างดี ในเรื่องเกี่ยวกับการบวชเป็นพระของหลวงพ่อชาญฯ แน่นอน นอกจากนี้หลวงพ่อชาญฯ ได้บอกกับผู้เขียนว่า “อาจารย์ของท่านที่ท่านได้เรียนวิชาอาคมต่างๆมานั้นมีทั้งหมด ๕๔ อาจารย์

ขออนุญาต เพิ่มเติมข้อมูล ครับ

ประวัติพระอาจารย์ชาญ ชาโน สำนักสงค์ป่ากลางบุญ

ลพ.ชาญ ชาโน พระผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี แ่ก่บันดาศิษย์ทั้งหลายไม่เลือกชั้น วรรณะแต่อย่างใด ท่านเป็นพระที่อยู่ป่า พำนักอยู่ที่สำนักสงฆ์ป่ากลางบุญเพียงรูปเดียว....ท่านได้ค้นพบกฏเกณฑ์ธรรมชาติ คือวิชาคลี่คลายกรรมทางจิต ท่านบอกว่า ..."ธรรมะคือกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ วัตถุมงคลไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่ากรรม"....
ลพ.จำพรรษาอยู่ที่ สำนักสงฆ์ป่ากลางบุญ ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัด นครสวรรค์
ประวัติ
หลวงพ่อชาญ ชาโน เกิดเมื่อวันอังคาร เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2495 ปีมะโรง ณ บ้านบางรายใต้ อ.โพทะเล จ.พิจิตร นามสกุลเดิม"โตนุ่ม" เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน ของคุณพ่อเฉลย และคุณแม่แหยม โตนุ่ม เมื่ออายุได้ 8 ขวบ โยมพ่อได้นำไปไว้กับหลวงปู่เคลือบ วัดดงเสือเหลือง จ.พิจิตร ซึ่งเป็นองค์เดียวกับวัดหนองกระดี่ จ.อุทัยธานี เนื่องจากทางบ้านมีกรณีพิพาทกับเพื่อนบ้านเรื่องการถือครองที่ดิน และโยมพ่อก็ได้รับการรดน้ำมนต์จากหลวงปู่เคลือบ จึงรอดพ้นจากภยันตรายจากกรณีดังกล่าวได้
ครั้งแรก หลวงพ่อชาญชาโนท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาฝ่ายมหานิกาย ณ วัดสุวรรณาราม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมา หลวงพ่อชาญ ชาโน ได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมยุต ณ วัดบวรนิเวศน์วิหาร แขวง และแขต พระนคร กรุงเทพฯ โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบัน เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหารัชมงคลดิลก สมศักดิ์ในขณะนั้นเป็นพระเทพกวี เป็นพระอนุสาสนาจารย์ หลังอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อชาญ ชาโน ได้เฝ้าถวายการรับใช้พระอุปัชฌาย์อยู่ระยะหนึ่งก็ได้ทูลลาองค์พระอปัชฌาย์ออกปลีกวิเวกแสวงหาแนวทางปฏิบัติ เพื่้อการหลุดรอดวัฏสงสารตามอุปนิสัยดั้งเดิมของท่าน องค์สมเด็จพระอุปัชฌาย์ก็ทรงยินดีและอนุโมทนา ทรงอนุฐาติให้ตามความประสงค์ของหลวงพ่อชาญ จากนั้นท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆที่เห็นสมควรเพื่อปฏิบัติธรรม
ลพ.ชาญ ชาโนเมื่อสมัยท่านยังเป็นเด็กนั้น ท่านก็เป็นอยู้แถวๆจังหวัดนครสวรรค์กับโยมบิดาของท่าน และต่อมาโยมบิดาของท่านได้นำตัวท่านไปถวายตัวเป็นลูกศิษย์พระเกจิอาจารย์ดังรูปหนึ่งก็คือ หลวงปู่เคลือบวาจาสิทธิ์ แห่งวัดหน่องกระดี่ จังหวัดอุทัยธานี และแห่งวัดดงเสือเหลือง จ.พิจิตร ซึ่งเป็นองค์เดียวกัน
หลวงปู่เคลือบนั้น เท่าที่ทราบจากหลวงพ่อชาญ ชาโน ท่านบอกว่าเป็นพระที่เก่งมากทั้งทางกรรมฐาน และหยั้งรู้ดินฟ้าและมีอาคมแก่กล้ามาก แม้แต่ลพ.เคลือบเดินผ่านสายฝนที่โปรยลงมา อย่างหนังก็ไม่ทำให้จีวรของท่านเปียกฝนแต่ประการใด ไม่เพียงแต่เท่านี้หลวงปู่เคลือบยังมีวาจาศักดิ์สิทธิ์เอามากๆจะเห็นได้จากผู้คนที่เคารพเลื่อมใสในหลวงปู่เคลืบย่อมจะรู้กกิตติศัพท์ของท่านดี ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลังจะเห็นได้จากผู้คนที่บนบานศาลกล่้าวหลวงปู่เคลือบปีละ 1 ครั้ง คือวันสงกรานต์ในวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี โดยจะแก้บนด้วยเหล้าขาว 40 ดีกรีจำนวน 10 ขวดพร้อมมะขามเปียกและเกลือเม็ด จำนวนหนึ่งตลอดมา
ตอนเด็ก หลวงพ่อชาญท่านเอาไว้จุก ลพ.เคลือบท่านเรียกไอ้จุก วันหนึ่งขณะนั้นหลวงพ่อชาญอายุประมาณแปดขวบ หลวงพ่อเคลือบได้พูดกับหลวงพ่อชาญว่า ไอ้จุก ถ้าเองเห็นนางฟ้าก็นั้งสมาธิบ่อยๆนะลูก เมื่อท่านได้ฟังหลวงปู่เคลือบได้พูดเช่นนั้นท่านก็ลองนั้งสมาธิดูและท่านก็ได้นั่งเรื่อยๆมาตอลด และท่านก็เพียรนั่งทุกวันเมื่อถึงเวลาค่ำ เพราะอยากดูนางฟ้า และสิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คือหลวงปู่เคลือบได้สอนวิชาอาคมให้กับท่านและสอนให้ทุกวิชาซึ่งหลวงพ่อชาญ ก็ได้เรียนและจดจำได้อย่างแม่นยำจนถึงปัจจุบันนี้และอยู่มาวันหนึ่งลพ.เคลือบได้พุูดกับหลวงพ่อชาญว่า ไอ้จุก ถ้าเองบวชแล้วมาสอนธรรมะแถวนี้บ้างนะ หลวงพ่อเคลือบท่านพูดเหมือนท่านจะทราบร่วงหน้าว่าหลวงพ่อชาญ นั้นจะได้บวชเป็นพระอย่างแน่นอน และต่อจากนั้นมาหลวงพ่อก็ได้ถามลพ.เคลือบว่าจะได้บวชเมื่อไหรล่ะ หลวงพ่อเคลือบได้ยินดังนั้นก็บอกว่า เองยังบวชไม่ได้หรอกเองต้องใช้กรรมก่อน นะลูกอยู่มาอีกวันหนึ่งหลวงปู่ได้พูดว่า เอยไอ้จุกเตรียมตัวไว้นะพ่อเองจะมารับกลับแล้วนะ...แล้ววันรุ่งขึ้นพ่อก็มารับท่านกลับจริงๆแต่ท่านก็ได้นึกถึงคำพูดของหลวงปู่เคลือบในเรื่องของการนั้งสมาธิมาโดยตลอด โดยไม่ได้ทอดทิ้งเลย จนกระทั้งเติบใหญ่เป็นหนุ่มก็อยังไม่ละเลยการปฏิบัตินั่งสมาธิมาโดยตลอด

โดยท่านได้ถือศีลกินเจเลื่อยมาและบางครั้งท่านก็ออกเดินธุดงค์ตามแนวชายแดนบ้าง ตามป่าช้าบ้างแล้วแต่โอกาศจะอำนวยให้ไปตามถ้ำ ตามภูเขาลำเนาไพร ตามชายแดน ท่านเองก็ต้องผจญกับภัยต่างๆมากมาย ต่อมาวันหนึ่งท่านได้มีวาสนาพบกับเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ อาคมขลัง และขมังเวทย์อีกองค์หนึ่งนั้นก็คือ "หลวงพ่อผล จันทโน" แห่งวัดสวนขวัญ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ลพ.ผลองค์นี้ท่านเป็นพระปฏิบัติที่มีจิตแก่กล้ามาก และมีอาคมเข้มขลังเป็นอย่างยิ่งอีกองค์หนึ่ง ตามประวัตินั้นท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเก็บ และ หลวงพ่อ อ่อง ซึ่งสมัยก่อนนั้นคนรู้จักหลวงพ่อสององค์นี้เป็นอย่างดี ว่าท่านเป็นหลานหลวงปู่ศุข แห่งวัดป่ากคลองมะขามเฒ่าซึ่งหลวงพ่ออ่องท่านจะเก่งในทางเรื่องผูกหุ่นพยนต์ และมีดหมอ ส่วนหลวงพ่อผลนั้นท่านจะเก่งกาจในด้านอาคมเข้มขลังเป็นอย่างยิ่งและยังมีกสิณที่ยอดเยี่ยม กล่าวคือ เมื่อครั้งที่หลวงพ่อชาญ ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อผลนั้นท่านได้พบเห็นมากับตาตัวเองเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก คือว่าเมือหลวงพ่อได้หยิบกาน้ำมาให้หลวงปู่ท่านบอกว่าน้ำไม่ร้อนจะเอาไปต้มให้แต่ว่าลุง ผิว ซึ่งเป็นคนปรนนิบัติหลวงพ่อผลได้ยินแกก็ร้องบอกว่า"โอ๊ย"ไม่ต้อง...วางไว้เฉยๆเดียวน้ำร้อนเอง (น้ำในกา)หลวงพ่อชาญท่านได้ยินเช่นนั้นท่านก็วางกาไว้เฉยๆและท่านได้เห็นลพ.ผลเอามือแตะกาน้ำไม่กี่ครั้ง และไม่กี่นาทีน้ำก็ร้อนขึ้นมาทันที นี้คือสิ่งที่ลพ.ชาญได้พบเห็นมาดวยตาตัวเอง และวันต่อมาลพ.ผล และ ลพ.ชาญ ได้สนทนากันอยู่นาน แล้ว ลพ.ผลก็ได้พูดขึ้นมาว่า ชาญ เอ้ย มึงมีวาสนาร่วมกันกับกูนะลูก ลพ.ชาญได้ยินดังนั้นก็ถามว่ามีวาสนาอะไรหรือครับหลวงพ่อ เอ้า ดูสิ เนี่ยกูเป็นอะไรเล่า ก็กูเป็นพระ ก็ได้แต่ทำให้ลพ.ชาญ ได้ยิ้มๆไม่ได้คิดอะไรมาก และต่อมาหลวงพ่อผลได้พูดกับหลวงพ่อชาญ ว่า ชาญ เอ่ยมึงเป็นคนดีนะลูก จากวันนี้แล้วมึงไม่ได้เจอกูอีกแล้วนะ
คำพูดหลวงพ่อผลนั้นเสมือนหนึ่งท่านได้รู้ล่างหน้า คงไม่ได้พลกับลูกศิษย์อีกแน่นอนและก็เป็นจริงตังว่า พอลพ.ชาญลากลับในวันนั้นลพ.ผล ก็สั้งไว้ว่ามึงขับรถไปอย่าหยุดเดียวฝนก็จะตามตูดมึงไปเลื่อยๆนะ อย่าหยุด หลวงพ่อชาญก็ได้พบอีกครั้งหนึ่งว่าฝนตกตามท้ายรถของท่านไปไม่ถึงสองวา แต่ก็ไม่โดนตัวท่านเลยจนถึงบ้าน และท่านก็ได้กลับไปหาลพ.ผลอีกครั้ง ปรากฏว่าท่านได้มรณภาพแล้วซึ่งเป็นไปตามที่ท่านพูดไว้วันนั้นว่าจากกันครั้งนี้จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะลูก นี้ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่หลวงพ่อชาญ เคารพบูชามากเพราะได้เรียนวิชาอาคมมาจนหมดไว้ว่าจะเป็นเรื่องคนกระพันชาตรีซึ่งหลวงพ่อผลก็สุดยอดเช่นกัน ต่อมาลพ.ชาญ ท่านก็ได้เดินธุดงค์ไปเลื่อยๆ ตอนนั้นยังเป็นคฤหัสถ์อยู่ ท่านเดินป่าฝ่าดงไปทางแถว อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ก็ได้พบกับ ลพ.คง วัตตมโล แห่งวัดเขาสมโพชน์ และท่านทั้งสองได้สนทนาธรรมกัน ลพ.คงท่านได้พูดกับหลวงพ่อชาญว่า ชาญ เอ๊ย มึงมีวาสนาร่วมสกาวพัสต์ เดียวกันนะ และท่านก็บอกกับลพ.ชาญว่า คนเราตายกันเป็นหมู่คณะ เป็นเปรตกันเยอะ มึงเอาคำภาวนา "พอง" "ยุบ" ไปให้นะ และลพ.ชาญ ก็ได้กราบ นมัสการลาหลวงพ่อคงกลับมาทำงานตามปกติ ดังนั้นอาจารย์ท่านทั้งสามรูปคือ ลพ.เคลือบ...ลพ.ผล ...ลพ.คง ร้วนเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้า และเป็นผู้หยั้งรู้รวงหน้าถึงอนาคต ของหลวงพ่อชาญ เป็นอย่างดี ในเรื่องของการบวชเป็นพระของท่าน ลพ.ได้บอกว่าอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆมานั้นมีทั้งหมด 54 อาจารย์

ครูบาอาจารย์ ลพ.ชาญ ชาโน
1.หลวงปู่เคลือบ เป็นคนมอญสักเงี้ยวครึ่งท่อนมีโรคประจำตัว คือหืดหอบ และริดสีดวง ชอบอมเม็ดมะขามทางแก้มซ้าย เดิมอยู่ที่วัดหนองหญ้านาง ถูกชาวบ้านแถวนั้นขับไล่ จึงได้ไปอยุ่ที่วัดดงเสือเหลือง จ.พิจิตร และกลับไปสร้างหอประชุมที่วัดหนองกะดี่ จ.อุทัยธานี และกลับไปอยู่ที่วัดดงเสือเหลือง ทุดท้ายได้มรณะภาพที่วัดแห่งนี้

รูปภาพที่ลพ.ไปตัดพระเคราะห์ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ให้ทหาร......

รูปภาพที่ลพ.ไปตัดพระเคราะห์ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ให้ทหาร......

รูปภาพที่ลพ.ไปตัดพระเคราะห์ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ให้ทหาร......

รูปภาพที่ลพ.ไปตัดพระเคราะห์ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ให้ทหาร......

รูปภาพที่ลพ.ไปตัดพระเคราะห์ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ให้ทหาร......

แจกวัตถุมงคล ทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้

แจกวัตถุมงคล ทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้

แจกวัตถุมงคล ทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้

แจกวัตถุมงคล ทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้

แจกวัตถุมงคล ทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้

ประสบการณ์วัตถุมงคลของหลวงพ่อชาญ ชาโนครับ.................

ประสบการณ์วัตถุมงคลของหลวงพ่อชาญ ชาโนครับ.................

กระสุนผ่านกางเกงยีนขาดเป็นรูแต่ไม่สามารถผ่านเข้าไปทำอันตรายถึงชีวิตได้...โดนยินโดย .38 หัวระเบิดแปดนัดแต่ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเลย.........เป็นเพียงรอยจุดใหม้เล็กน้อยเท่านั้น.................

มีเพียงนัดแรกที่เข้าไปฝังใต้เข็มขัดเท่านั้น...เป็นรอยใหม้สวนนัดอื่นเป็นแต่เพียงรอยใหม้เท่านั้นซื่งโดนยิงถึงแปดนัดด้วย .38 หัวระเบิด....ไม่สามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลย.....

รวบรวมภาพวัตถุมงคลบางส่วนของหลวงพ่อครับ........................

รวบรวมภาพวัตถุมงคลบางส่วนของหลวงพ่อครับ........................

ฤาษีนั้งไม้เท้า...พญาดาบ....เหรียญแจกสามจังหวัดชายแดนใต้

เหรียญพระอุปคุตเหรียญกลมเหรียญนี้เหรียญเดียวที่ทำให้รอดชีวิตมาได้.....อย่างปาฏิหารย์ ....
ตอนนี้ที่วัดไม่มีให้เช่าบูชาแล้วเพราะประสบการณ์ที่มีมากเหลือเกิน........สำหรับเหรียญพระอุปคุตนี้ครับ....

วัตถุมงคลอื่นๆ

คู่มือ ครับ

ต้องขอขอบคุณพี่ทนงพญาไม้ เป็นผู้จุดประกาย

และต้องขอขอบคุณเจ้าของข้อมูล คุณธรธนานันท์  ทองเวียงจันทร์ มากครับ

***สังฆังนะมามิ*** กราบนมัสการ หลวงพ่อชาญ ครับ

ขอบคุณที่นำสาระดีๆมาแบ่งปันครับพี่