
หัวข้อ: ขันธ์ 5 ประกอบไปด้วยอะไรบ้างครับ
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

ขันธ์ 5 ประกอบไปด้วยอะไรบ้างครับ รบกวนให้ความกระจ่างหน่อยครับ
ขันธ์ 5 คืออะไร
สรรพสิ่งทั้งหลายในอนันตจักรวาลนั้น แยกประเภทได้เป็น 3 ส่วน (ดูแผนผังด้านล่างประกอบ) คือ
1.) ส่วนที่เป็นวัตถุทั้งหลาย ได้แก่ สสารทั้งหลาย แสง สีทั้งหลาย เสียง กลิ่น รส ความเย็น ความร้อน ความอ่อน ความแข็ง ความหย่อน ความตึง อาการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ ช่องว่างต่างๆ อากาศ ดิน น้ำ ไฟ ลม สภาพแห่งความเป็นหญิง เป็นชาย เนื้อสมองและระบบของเส้นประสาททั้งหลาย อันเป็นฐานให้จิตเกิด รวมทั้งอาการแห่งความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับไปของวัตถุทั้งหลายด้วย
ซึ่งรวมเรียกว่ารูปขันธ์ (ขันธ์ = กอง หมวด หมู่)
2.) ส่วนที่เป็นความรู้สึกนึกคิด และความคิดทั้งหลาย รวมเรียกว่านามขันธ์ แยกได้ 4 ชนิดคือ
2.1) เวทนาขันธ์ คือความรู้สึกเป็นสุขทางกาย ทุกข์ทางกาย โสมนัส(สุขทางใจ) โทมนัส(ทุกข์ทางใจ) อุเบกขาหรืออทุกขมสุขเวทนา(เป็นกลางๆ ไม่สุขไม่ทุกข์)
2.2) สัญญาขันธ์ คือความจำได้หมายรู้ในสิ่งต่างๆ คือส่วนที่ทำหน้าที่ในการจำนั่นเอง (ไม่ใช่เนื้อสมอง แต่เป็นส่วนของความรู้สึกนึกคิด เนื้อสมองนั้นจัดเป็นรูปขันธ์ เนื้อสมองเป็นเหมือนสำนักงาน ส่วนนามขันธ์ทั้งหลายเหมือนผู้ที่ทำงานในสำนักงานนั้น)
2.3) สังขารขันธ์ คือส่วนที่ปรุงแต่งจิต คือสภาพที่ปรากฎของจิตนั่นเอง เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทาน(สภาพของจิตที่สละสิ่งต่างๆ ออกไป) ความเมตตา กรุณา มุทิตา สมาธิ ความฟุ้งซ่าน ความหดหู่ท้อถอย ความง่วง ความละอาย ความเกรงกลัว ความไม่ละอาย ความไม่เกรงกลัว เจตนาในการทำสิ่งต่างๆ ความลังเลสงสัย ความมั่นใจ ความเย่อหยิ่งถือตัว ความเพียร ปิติ ความยินดีพอใจ ความอิจฉา ความตระหนี่ ศรัทธา สติ ปัญญา การคิด การตรึกตรอง
2.4) วิญญาณขันธ์ หรือจิต คือผู้ที่รับรู้สิ่งทั้งปวง คือรับรู้ความรู้สึกต่างๆ
ตั้งแต่ ข้อ 2.1 จนถึงข้อ 2.3 และเป็นผู้รับรู้ถึงส่วนที่เป็นรูปขันธ์ทั้งหลายด้วย อันได้แก่เป็นผู้รับรู้สิ่งทั้งหลาย ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง รวมถึงเป็นผู้รับรู้ในสภาวะแห่งนิพพานด้วย
3.) นิพพาน คือสภาวะที่พ้นจากรูปขันธ์และนามขันธ์ทั้งปวง
หรือสภาวะจิตที่พ้นจากความยึดมั่นผูกพันธ์ในสิ่งทั้งปวง รวมถึงไม่ยึดมั่นในนิพพานด้วย
นิพพาน = นิ + วาน (ในภาษาบาลีนั้น ว. กับ พ. ใช้แทนกันได้ วาน จึงเท่ากับ พาน)
นิ = พ้น
วาน = สิ่งที่เกี่ยวโยงไว้ ได้แก่ ตัณหาคือความทะยานอยาก และอุปาทานคือความยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง
นิวาน หรือนิพพาน แปลตามตัวจึงหมายถึงความพ้นจากเครื่องเกี่ยวโยง(ตัณหาและอุปาทาน) นั่นเอง
สรุปแล้วขันธ์ 5 ประกอบด้วย
1.) รูปขันธ์
2.) เวทนาขันธ์
3.) สัญญาขันธ์
4.) สังขารขันธ์
5.) วิญญาณขันธ์
โดย ที่เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์รวมเรียกว่าเจตสิก ซึ่งแปลว่าเป็นสิ่งที่เกิดร่วมกับจิตเสมอ (ในภาษาบาลีนั้นสระ อิ กับสระ เอ ใช้แทนกันได้ เจต จึงเท่ากับ จิต นั่นเอง) คือจิตและเจตสิกจะเกิดและดับพร้อมกันเสมอ จะแยกกันเกิดไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนั้นนามขันธ์ตัวไหนจะแสดงตัวเด่นกว่าตัวอื่นเท่านั้นเอง
ที่มา http://www.geocities.com/TMCHOTE/Thumma/General/gn001.htm

ขอบคุณท่านมากครับสำหรับข้อมูล โทษทีครับผมหมายถึง ขันธ์5ที่ใช้ในการไหว้ครูบาอาจารย์น่ะครับ ต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับเป็นประโยชน์มาก ๆครับ
ถ้าเอาแบบดั้งเดิมก็อันนี้เลยครับ หรือจะให้ร้านร้อยพวงมาลัยเขาจัดให้ก็ได้ครับ
ขัน ๕ กำนล ๖
บทความนี้เรียบเรียงจาการฟังคำบรรยายของอาจารย์พิชิต ชัยเสรี ที่บรรยายไว้เมื่อวันที่
๗ กรกฎาคม ๒๕๓๖ ในการเรียนการสอนวิชา “รวมวงดนตรีไทย”ของสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมชนบท มหาวิทยามหิดล ประจำภาคต้นการศึกษา ๒๕๓๖ จึงขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ผู้ให้ปัญญา ความคิด และชีวิตในการสังคีตไว้ ณ ที่นี้
วัฒนธรรมของการศึกษาเล่าเรียนวิชาในเชิงศิลปะของไทยทุกแขนงที่มีมาแต่โบราญ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติสืบกันต่อมาว่าผู้ศึกษาจะต้องได้ผ่าน พิธีการไหว้ครูเสียก่อนจึงจะลงมือศึกษาวิชาศิลปะแขนงนั้นๆโดยเฉพาะศิลปะการ สยามสังคีตด้วยแล้ว เป็นสิ่งที่ได้ปฏิบัติมาอย่างเคร่งครัด เชื่อถือว่าการได้มีพิธีไหว้ครูจะก่อให้เกิดเป็นสิริมงคล ทั้งแก่ตัวผู้ศึกษาและครูผู้ถ่ายทอดสั่งสอนด้วย ทั้งยังป้องกันอันตรายและความอัปมงคลทั้งหลายให้พินาศไป เรื่องระเบียบแบบแผน ขั้นตอน ความสำคัญ วิธีการไหว้ครูนั้นท่านผู้สนใจจะพึงหาอ่านได้สะดวก จึงไม่นำมากล่าวซ้ำอีกในบทความนี้แต่จะได้พิจารณาถึงสิ่งที่ศิษย์จัดเตรียม เฉพาะตนที่จะเข้ามาไหว้ครู อันได้แก่ขัน๕ กำนล ๖
ขัน ๕ ที่กล่าวนี้คือ การนำสิ่งของรวม๕สิ่ง มาบรรจุลงในขันขนาดใช้เป็นตักน้ำล้างได้ หน้าได้ สำหรับมอบให้ครูผู้ทำพิธีไหว้ครู เพื่อประสิทธิ์วิชาหรือครอบให้ต่อไป สิ่งของเหล่านั้นก็คือ
๑. ดอกไม้ โดยทั่วไปไม่ได้กำหนดเจาะจงตายตัวในรายละเอียด เพียงแต่จัดให้ดูเหมาะสม หรือจะเป็นพวงมาลัยก็ได้
๒. ธูป
๓. เทียน
๔. ผ้าขาว ไม่จำกัดความกว้างความยาว บางทีอาจมีขนาดเท่าผ้าสบง จีวร ของพระก็ได้
๕. เงิน หรือเรียกว่าเงินกำนล จำนวน๖บาท
สิ่งของทั้งหมดนี้ ครูผู้ทำพิธีใช้บูชาครูเทพสังคีตาจารย์ เพื่อขออนุญาตและประสิทธิ์ประสาท ความเป็นสิริมงคลในการเรียนให้แก่ศิษย์ต่อไป การไหว้ครูในพิธีเช่นนี้เท่ากับได้ไหว้ครูผู้เป็นมนุษย์และเทพ ยุดาพร้อมกันไปด้วย เมื่อเสร็จจากพิธีแล้วสิ่งของเครื่องบูชานี้ ยังจะใช้ทำบุญแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ครูดนตรีผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยจะใช้เงินกำนลเป็นค่าอาหารบิณฑบาตถวายพระ เชื่อถือว่าถ้าถ้าผู้ใดถือเอาเงินเหล่านี้เป็นสิทธิ์ส่วนตัวโดยไม่ได้ใช้ เพื่อการประกอบกุศลให้แก่ครูแต่ปางบรรพ์แล้ว จะเป็นความอัปมงคลแก่บุคลผู้นั้น ผ้าขาวก็ถวายแด่พระสงฆ์ด้วย เพื่อท่านจะได้รวบรวม ไว้เย็บย้อมทำจีวร ส่วนขันก็ถวายพระให้ท่านได้ใช้สอย เข้าใจว่าสมัยก่อนจะใช้บาตรได้อีกด้วย เพราะสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงมีพุทธานุญาตว่าให้ใช้บาตรขนาดศีรษะมนุษย์ แต่ทรงห้ามบาตรที่ทำกระโหลกศีรษะและบาตรที่ทำจากรัตนะชาติ พ้นจากนั้นไม่เป็นประมาณ พระในสมัยก่อนใช้บาตรที่ทำจากดินเผาซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแตกทำลายได้ง่ายพระจึงมีสิกขาบทหรือศีลที่ให้ระมัดระวังในเรื่องเกี่ยว กับบาตรเป็นจำนวนมาก การใช้บาตรโลหะจึงเป็นสิ่งที่อำนวยสบายขึ้น และมีคุณประโยชน์ในการใช้ยิ่งขึ้นแสดงให้เห็นว่า ครูโบราณจารย์ท่านมีความคิดที่แยบคายมากที่ได้กำหนดสิ่งของในการทำพิธีอันจะ เป็นประโยชน์รอบด้าน คือประโยชน์เบื้องต้นที่ใช้ในกิจพิธี ประโยชน์ในท่ามกลางคือเสร็จจากกิจในพิธีแล้วยังเป็นคุณประโยชน์ต่อพระสงฆ์ใน พระพุทธศาสนา และ
ประโยชน์ในเบื้องปลาย คือกุศลอันบังเกิดขึ้นและได้อุทิศแด่ครูบาอาจารย์ผู้ไปสู่ปรโลก นับว่าครบถ้วนในประโยชน์อันพึงกระทำได้ในกาลทั้งสาม

สุดยอดยิ่งกว่า google ครับท่าน 1431jojo
กล่าวโดยสรุป ขันธ์5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน
แบ่งแยกมาจาก2 คือกายกับใจ กาย1คือ รูป ใจ4คือ
เวทนา(อารมณ์ ความรู้สึก พอใจ ไม่พอใจ เฉยๆ)
สัญญา(ความจำได้หมายรู้)
สังขาร(ความคิดปรุงแต่ง)
วิญญาน(ความรู้สึกรับรู้ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรส กายได้รับสัมผัส ใจได้รับรู้)
ที่แบ่งแยกใจออกเป็น4 เพื่อต้องการให้เห็นว่า ใจ(จิต) เป็นเพียงอาการเท่านั้น ไม่ใช่ตัวตน
กล่าวโดยสรุป ร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่ตัวตน และไม่ใช่ของๆตน