วิธีดูพระแท้ประเภทเหรียญ - webpra

หัวข้อ: วิธีดูพระแท้ประเภทเหรียญ

กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

วิธีดูพระแท้ประเภทเหรียญ
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 1
1431jojo
ตั้ง: 144 ตอบ: 603
คะแนน: 107
ร้านค้า:
รายละเอียด

วิธีการดูพระเครื่อง แท้ ประเภทเหรียญ

วันนี้ขอเอาใจคนชอบพระ เครื่องประเภท โดยมีวิธีการดูพระเครื่องประเภทเหรียญมาบอก... พระเครื่องประเภทเหรียญปัจจุบันนี้ เล่นยากมาก เพราะทำเก๊ได้เหมือนของแท้เหลือเกิน โดยเฉพาะเก๊คอมพิวเตอร์

วิธีดูพระเครื่องประเภทเหรียญ

เมื่อพบเหรียญใด ๆ ให้ดูด้วยตาเปล่าก่อนว่าเหรียญบวมหรือไม่ ถ้าบวมหรือบิดผิดธรรมชาติ ก็คือ เก๊แน่นอน ยกเว้นเหรียญที่นูนจากแม่พิมพ์เอง เช่น เหรียญหลังเต่าเจ้าคุณนรฯ

เมื่อเหรียญไม่บวมก็ให้ดูตำหนิเทียบกับ หนังสือพระเครื่องทั่ว ๆ ไปได้ว่าถูกพิมพ์หรือไม่ ถ้าเหรียญผิดพิมพ์หรือไม่มีตำหนิ ก็คือ เก๊แน่นอน จากแกะบล็อคใหม่นั่นเอง แต่ถ้าเหรียญถูกพิมพ์ก็จะมีอีก 2 กรณีคือ

1.แท้
2.เก๊คอมพิวเตอร์

การแยกพระแท้กับพระเก๊คอมพิวเตอร์แยกได้ ง่ายมาก และไม่ต้องดูตำหนิแล้ว ให้ดูเหรียญโดยทั่ว ๆ ไปก่อน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บล็อกเก๊คอมพิวเตอร์จะมีพื้นผิวเหรียญที่ไม่ตึงเรียบ และจะมีจุดเนื้อเกินแตกต่างจากเหรียญแท้เสมอ หลังจากนั้นค่อยพิจารณาดูองค์ประกอบทั่ว ๆ ไปของเหรียญ เช่น อายุของโลหะ รมดำหรือกะไหล่ ว่ามีความเก่าหรือไม่

ถ้าใครจะเลือกพระเครื่องประเภทเหรียญ ก็ลองนำขั้นตอนที่แนะนำไปพิจารณาในการเลือกจะได้ไม่โดนเหรียญของเก๊หลอก.

 

พระเหรียญทุกชนิด พระแท้หรือปลอม ดูกันอย่างไร


พระ จะแท้หรือปลอมขึ้นอยู่ที่องค์พระเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าเดิมเป็นพระของใคร ได้จากที่ไหน เคยผ่านสงครามอะไรใครแขวนแล้วโดนยิงไม่เข้า ฟันไม่ออกมามั่ง นั่นไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องในการสะสมพระเครื่องแบบอาศัยเหตุและผลเป็นข้อ สรุป แล้วแนวทางที่ถูกมันเป็นอย่างไร ? 

แนวทางและพื้นฐาน

ที่ ถูกต้องในการที่จะศึกษาและสะสมพระเครื่องครับ ถ้าท่านใช้เหตุและผลมากกว่าใช้หู หรือใช้ความน่าเชื่อถือต่อบุคคลที่ท่านจะเช่าพระเครื่องต่อจากเขา เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ มีหลักสำคัญอะไรบ้าง
1 รู้จัก ผู้สร้างรู้จักวัดที่สร้างรู้ประวัติการสร้าง ศึกษาเรื่องแบบและแม่ พิมพ์ของพระที่จะสะสม........ศึกษาเรื่องธรรมชาติ การแปรเปลี่ยนตามอายุของโลหะที่สร้างเหรียญ......ศึกษาเรื่องตำหนิ จุดตาย เส้นขนแมว เนื้อปลิ้น เนื้อเกิน การตัดขอบ........ข้อสุดท้าย....สำคัญนะครับต้องเคยเห็นของแท้ และเห็นบ่อยๆ ในเน็ตฯมีเยอะแยะตามศูนย์พระชื่อดังต่างๆ.....


แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ค่อยมีใครใส่ใจกับการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของพระ เหรียญเลยจะจำแต่ตำหนิพิมพ์อย่างเดียว แปลกแต่จริง...


เมื่อได้พระมาก็จะส่องกันตะพึดตะพือ แล้วก็มาเปิดตำราดูตำหนิพระเครื่อง พระเหรียญกันอย่างเดียว การกระทำอย่างนี้จะเป็นเครื่องขวางกั้นภูมิปัญญาและความรู้ไม่ทำให้ดูพระ เป็นได้จริงๆสักที อย่างมากก็จะรู้ว่าพระรุ่นนี้ชื่ออะไร ใครสร้าง ออกที่ไหน เท่านั้นเองที่เหลือก็อาศัยวัดดวงหรือให้คนอื่นดูให้ถึงจะแน่ใจว่าใช่พระแท้ หรือเปล่า สุดท้ายดูกันสิบตาก็ว่าไม่เหมือนกันสักคน 
2 การศึกษาพระเครื่องทุกชนิดควรศึกษาและจดจำเรื่องแบบพิมพ์มาก่อนเป็นอันดับ แรก ยิ่งรู้ถึงที่ไปที่มาว่ามีการทำแม่พิมพ์อย่างไร วิธีไหน เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ให้มากเข้าไว้ นั่นจะทำให้เรามีความรู้ในการดูพระเครื่อง พระเหรียญยิ่งขึ้น สามารถ แยกออกระหว่างของแท้และของปลอมได้อย่างชำนาญยิ่งขึ้นแม่พิมพ์ของพระเครื่อง พระเหรียญพระทุกชนิดย่อมสร้างจากแม่พิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นพระชนิดใดก็ตาม ทั้งเนื้อชิน ดิน ผง พระเหรียญ ยกเว้นแต่พระเครื่องที่ลอยองค์เท่านั้น
เวลาที่ท่านเอาพระเครื่องของท่านไปให้เซียนพระดูว่าแท้หรือไม่ประการใด ในตอนแรกเขาจะดูด้วยตาเปล่าก่อนหากดูดีแล้วจึงจะหยิบกล้องมาส่องดู หรือไม่ก็หยิบพลิกไปพลิกมาแล้วก็ส่งคีนให้พร้อมกับพูดว่า “ผิดพิมพ์ครับ”
แม่พิมพ์ของพระเหรียญนั้นสามรถแบ่งออกเป็น 2 ยุค คือ

ยุคที่ 1.ประมาณ 2440-2499 พระเก่า
ยุคที่2.ประมาณ 2500-ปัจจุบัน พระใหม่

ในยุคโบราณนั้นสามารถแยกวิธีการสร้างเป็น 2 ชนิด คือ เหรียญชนิดปั้มข้างเลื่อยและเหรียญข้างกระบอก วิธีการสร้างนั้นเขานำเอาแม่พิมพ์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังใส่เครื่องปั้ม แล้วกระแทกอย่างแรงบนแผ่นโลหะที่รีดจนบางแล้ว ถ้าเป็นชนิดข้างเลื่อยนั้นจะนำแผ่นโลหะที่ใหญ่กว่าขนาดของเหรียญมาปั้มให้ ได้ตามรูป แล้วจึงนำไปเลื่อยฉลุให้สวยงามตามแบบรูปทรงของเหรียญนั้นๆ การสร้างพระเหรียญในยุคประมาณ ปีพ.ศ.24....กว่าๆโลหะที่นำมาปั๊มส่วนมากมักจะเป็นโลหะประเภททองแดงเป็นหลัก ยกเว้นเป็นพิธีการสร้างของเจ้าขุนมูลนายทั้งหลาย ที่มียศถาบรรดาศักดิ์อาจจะมีเนื้อทองคำและเนื้อเงินเพิ่มเข้ามาด้วย 
แม่พิมพ์ของพระเหรียญในสมัยก่อนนั้นจะนำเอารางรถไฟเก่าๆมาทำเพราะมีความคงทน แข็งแรงมาก แบบของเหรียญก็จะออกแบบเตรียมไว้ทั้งหน้า-หลัง โดยเขียนเอาไว้บนกระดาษสา แล้วค่อยเขียนแบบตามที่ปรากฏบนแผ่นกระดาษสาลงบนเหล็กรางรถไฟ แล้วจึงนำเหล็กนั้นมาเผาไฟให้แดงทั้งแท่ง รอจนเหล็กเริ่มเย็น ตอนนี้เองเนื้อเหล็กจะแข็งแต่ไม่ถึงกับแข็งมาก จึงนำเอาเครื่องมือมาแกะตามรูปที่เขียนเอาไว้บนเหล็กก่อนที่จะเผาไฟการแกะ ด้วยมือนั้นความลึกจะไม่ได้มากเหมือนกับการแกะด้วยเครื่อง จึงทำให้เกิดเป็นมิติแบบนูนต่ำออกมา ไม่นูนสูงเหมือนเหรียญรุ่นใหม่ บางครั้งอาจจะแกะพลาดบ้างเป็นริ้วรอยเส้นบางๆที่เราเรียกว่า “เส้นขนแมว” นั่นเอง

เหรียญยุคโบราณ นั้นตอนที่ช่างแกะมักจะไม่ได้แกะหูเหรียญเอาไว้เลย(สงสัยจะลืมหรือตั้งใจก็ ไม่ทราบได้) จึงต้องนำมาเชื่อมติดเอาไว้ทีหลังโดยใช้ตะกั่วหรือเงินมาเชื่อมติดเอาไว้ ขึ้นอยู่กับโลหะที่นำมาสร้างพระนั้นเป็นหลัก ต่อมาค่อยมีการพัฒนาขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2484 ขึ้นมา ค่อยเริ่มมีการแกะให้มีหูในตัวอยู่ในแม่พิมพ์เลย ไม่ต้องมาเชื่อมติดทีหลัง

โพสต์เมื่อ พฤ. - 16 ส.ค. 2555 - 10:48.26
ความคิดเห็นที่ 1:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 1
1431jojo
ตั้ง: 144 ตอบ: 603
คะแนน: 107
ร้านค้า:
รายละเอียด

ปัจจุบันวงการพระขยายตัวเป็นอย่างมาก ได้รับความนิยมจากบุคคลทุกกลุ่มทุกชนชั้น ทำให้มีศูนย์พระเครื่องชมรมพระเปิดขึ้น ทั้งซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนกันอย่างมาก แม้กระทั่งทางอินเทอร์เน็ตก็มีการเปิดเวบไซต์เกี่ยวกับพระเครื่องเพิ่มขึ้น อยู่ตลอดเวลา

เมื่อมีผู้นิยมพระเครื่องกันมากขึ้นความต้องการในพระเครื่ององค์นั้นๆ ก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาเช่าหาพระเครื่องในปัจจุบันสูงขึ้นมากเป็นสัจธรรม เมื่อของหายากมีราคาแพง ของปลอมหรือของเลียนแบบย่อมมีเป็นธรรมดา และเมื่อขายได้ราคาสูงของปลอมจึงมีการลงทุนและพัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้น

จนปัจจุบันนี้แม้เซียนพระเครื่องในวงการยังออกปากว่า “ของปลอมสมัยนี้ มันทำได้เหมือนมาก เผลอเป็นโดน”

โดยเฉพาะพระยอดนิยม เช่น พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง พระคงลำพูน พระกริ่งคลองตะเคียน ฯลฯ ปัจจุบันนี้พระที่ยกตัวอย่างมานี้ถือได้ว่าเป็นพระที่มีการปลอมได้น่ากลัว มีความเหมือนของจริงมากๆ

ผู้เขียนได้มีโอกาสสนทนาและสอบถามจากผู้รู้หลายๆ ท่าน และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พอจะประมาณได้ว่า พระปลอม เหล่านี้มาจากวิธีการผลิตทั้งหมด ๔ แบบ ซึ่งถ้าเราวิเคราะห์ก็จะได้รายละเอียดดังนี้

๑.พระเครื่องปลอมที่เกิดจากการแกะแม่พิมพ์ใหม่ คือเมื่อนักปลอมแปลงพระต้องการจะปลอมพระเครื่องสักแบบหนึ่งก็ต้องทำแม่พิมพ์ ขึ้นมาใหม่ การแกะแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่นี้เป็นวิธีแรกๆ ในการปลอมพระ ความเหมือนของพระปลอมแบบนี้ค่อนข้างจะไม่เหมือนมากนักเพราะการแกะขึ้นใหม่ นั้น โอกาสผิดพลาดสูงมาก

พระปลอมจากกรรมวิธีนี้จึงมักจะเป็นพระปลอมที่ผิดพิมพ์ แต่เนื่องจากวิธีการปลอมพระแบบนี้กระทำมาหลายสิบปีแล้ว พระปลอมบางองค์จึงถูกจับต้องสัมผัสจนเกิดมีความจัดขึ้นได้ พระปลอมชุดนี้จึงเป็นพระที่เรามักเรียกว่า "พระเก๊เก่า” หรือที่ท่านอาจจะได้ยินว่า “พระผิดพิมพ์แต่เนื้อเก่า” นั่นเอง

๒.พระเครื่องปลอมที่เกิดจากการถอดพิมพ์ เมื่อวงการพระเครื่องเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น พระปลอมมีโอกาสขายได้ราคา การปลอมพระจึงมีการลงทุน โดยการนำพระเครื่องที่แท้และมีความสวยงาม มาถอดแบบแม่พิมพ์ โดยวัสดุที่มากดแบบพิมพ์นี้มีตั้งแต่ ดินเหนียว ปูนพลาสเตอร์ ยางฟันปลอม จนถึงเรซิ่นหรือซิลิโคน ในปัจจุบัน

พระปลอมที่เกิดจากการถอดพิมพ์นี้ความเหมือนของพิมพ์ทรง มีสูงมาก หรือเรียกได้ว่า ถูกพิมพ์เลยทีเดียว แต่ถ้าสังเกตจริงๆ ก็จะมีสรีระบางส่วนที่อาจจะผิดไป ซึ่งมักจะเกิดจากการบิดตัวของวัสดุตอนถอดแม่พิมพ์ และที่สำคัญ เมื่อมีการถ่ายสำเนาเกิดขึ้น ตัวลูกย่อมไม่คมชัดเหมือนต้นฉบับแน่นอน พระปลอมชนิดนี้ก็เช่นกัน ความคมชัดของเส้นสายต่างๆ จะไม่ชัดเจนเท่าของแท้ ตำหนิจุดตาย ไม่ปรากฏให้เห็นเหมือนของจริง เราสามารถสังเกตได้ไม่ยากนัก

๓.พระเครื่องปลอมที่เกิดจากการถอดพิมพ์แล้วตกแต่งแม่พิมพ์ พระปลอมที่เกิดจากกรรมวิธีนี้ ถือได้ว่าน่ากลัวที่สุด ในขบวนการพระปลอมที่พบในปัจจุบันเพราะว่าจากกรรมวิธีนี้ พระปลอมจะขาดความคมชัด ตำหนิจุดตายมักจะไม่ติดหรือติดให้เห็นน้อยมาก นักปลอมพระจึงต้องจึงต้องตกแต่งแม่พิมพ์ในส่วนที่ขาดหายไป

พระปลอมชุดนี้จะปรากฏตำหนิจุดตายครบ แต่เราสามารถสังเกตจริงๆ จังๆ ได้ว่า ตำหนิที่ปรากฏต่างๆ จะมีความเด่นชัดและดูแข็งทื่อ ไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนกับพระแท้ ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ต้องพยายามหาของแท้มาสังเกต จดจำกันถึงจะปลอดภัย และที่จะช่วยพิจารณาได้อีกอย่างหนึ่งคือด้านข้างและด้านหลังของพระนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไรประกอบด้วย

โดยมาก พระปลอมโดยการถอดพิมพ์นั้นมักจะปรากฏขอบข้างเป็นสองชั้น ซึ่งเกิดจากของพระแท้นำไปถอดหนึ่งชั้นและขอบจากการตัดขอบของแม่พิมพ์เก๊อีก หนึ่งชั้น พระที่มีของ ๒ ชั้น ต้องพิจารณาดูอย่างละเอียดเพราะอาจจะเป็นพระปลอมถอดพิมพ์มาก็ย่อมได้

๔.พระปลอมที่เกิดจากแม่พิมพ์แท้ การทำพระเครื่องขึ้นแต่ละครั้ง แม่พิมพ์อาจไม่ได้ถูกทำลายก็เป็นได้ เมื่อพระนั้นมีราคาจึงมีการนำกลับมาปั๊มใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็สุดวิสัยในการดู แต่มักจะเกิดกับพระเครื่องยุคใหม่ๆ ที่เราเรียกกันว่า “ของเสริม” นั่นเอง แต่ถ้าเป็นพระกรุหรือพระเกจิโบราณ แม่พิมพ์อาจมีการค้นพบ แต่ก็มักจะชำรุดไม่สามารถนำกลับมาทำใหม่ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในวงการพระเครื่องมีคำพูด (ภาษาเซียน) ซึ่งมีความหมายว่า "ปลอม" อยู่หลายคำ เช่น ชุกซัว ซาลูตู้ ดุ๊ย กระตู้ฮู้ พระไม่ถูกพิมพ์แต่เนื้อถึง พระไม่มีพุทธคุณ พระไม่มีพลัง ไม่ถึงยุค อายุไม่ถึง ไม่ถนัดพระเนื้อนี้ ผิดทาง และ พระดูยาก (คำนี้อาจจะใช้ได้ทั้งเก๊ดูยากและแท้ดูยาก) หากใครได้ยินคำเหล่านี้เข้า ก็ขอให้ทำใจเผื่อไว้ล่วงหน้าด้วย

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า พระปลอม นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะประมาทได้ พระมีการพัฒนาและลงทุนมากขึ้นทุกขณะ เพื่อให้นักสะสมหลงควักสตางค์กับพระเหล่านี้ เพราะฉะนั้น จึงควรนำหลักการข้างต้นไปประยุกต์ใช้ในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจ โอกาสที่ท่านนักสะสมจะพลาดก็น้อยลงด้วย

สิ่งหนึ่งที่อยากฝากเป็นข้อคิด คือ ในส่วนของพระเครื่องที่เป็นมรดกตกทอดจากปู่ ยา ตา ยาย รวมทั้งผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หากนำพระที่ห้อยอยู่ไปให้เซียนพระดูแล้วบอกว่าเป็นพระไม่ถึงยุค ก็อย่าคิดถอดพระหรือไม่แขวนพระองค์นั้นเลย ให้คิดเสียว่าพระองค์นั้นๆ เป็นของที่ระลึก ผู้ให้มีเจตนาดี พระทุกองค์สามารถใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้เสมอ

โพสต์เมื่อ พฤ. - 16 ส.ค. 2555 - 10:48.50
ความคิดเห็นที่ 2:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: -1
พระเอกพระเครื่อง
ตั้ง: 38 ตอบ: 1896
คะแนน: 63
รายละเอียด

จริงๆเหรียญเล่นไม่ยากหรอกครับ ถ้าเข้าใจธรรมชาติของเหรียญ แต่ละยุค

โพสต์เมื่อ พฤ. - 16 ส.ค. 2555 - 11:41.47
ความคิดเห็นที่ 3:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
ramin_sukimm
ตั้ง: 30 ตอบ: 148
คะแนน: 62
รายละเอียด

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลมีประโยชน์ให้บวกเลยครับ

โพสต์เมื่อ พฤ. - 16 ส.ค. 2555 - 12:10.30
ความคิดเห็นที่ 4:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
ตั้มพุทธคุณ
ตั้ง: 34 ตอบ: 225
คะแนน: 8
ร้านค้า:
รายละเอียด

ถือว่าดีนะครับ....เป็นการแชร์แบ่งปันความรู้ให้แก่กัน

 

ใครทราบวิธีการปลอม พระกรุ พระเนื้อดิน พระเนื้อผง หรือสารพัดวิธีปลอม เอานำมาแฉ มาเปิดโปงกันให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน

 

ถือว่าเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี ให้กับเพื่อน ๆ ถือว่าได้บุญ ได้กุศล ไม่ทำให้พวกเค้าต้องตกเป็นเหยื่อ พวกที่มักง่ายเห็นแก่ได้กันครับ

โพสต์เมื่อ พฤ. - 16 ส.ค. 2555 - 15:25.20
ความคิดเห็นที่ 5:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
บอยบอล
ตั้ง: 121 ตอบ: 1765
คะแนน: 210
รายละเอียด

เหรียญเก่าดูไม่ยากครับ

หากรู้  ศึกษา ขั้นตอนการสร้าง กรรมวิธี เทคนิคต่าง เพราะแต่ละเหรียญ แต่ละวัดมีไม่เหมือนกัน แต่มีหลักการหลักๆ อยู่ไม่กี่แบบ ซึ่งเทคโนโลยีแต่ละสมัยเป็นตัวบ่งชี้ลักษณะเหรียญแต่ละยุคได้ชัดเจน

 

สมัยก่อนการสร้างเหรียญปั๊มไม่ได้จะทำได้ง่ายๆ เหมือนสมัยนี้ โรงปั๊มออกแบบเหรียญสมัยก่อนมีไม่ถึง 10 แห่ง ในกรุงเทพฯ ศิลปะการออกแบบทำได้วิจิตรบรรจง ซึ่งก็ต่างจากเหรียญในยุคปัจจุบันโดยสิ้นเชิง ที่มักมีความเหมือนภาพจริงน้อยมาก 

 

แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันมีคนสนใจเหรียญเก่าน้อยมาก (ยกเว้นเหรียญหลักๆ) 

พระใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ มีค่านิยมมากกว่าเหรียญเก่า ปีลึกบางเหรียญอีก

แต่ผู้ที่ชอบเหรียญเก่าจะไม่สนใจในค่านิยม ซึ่งสวนทางมาก แต่จะมองในแง่การอนุรักษ์มากกว่าครับ Smile

โพสต์เมื่อ พฤ. - 16 ส.ค. 2555 - 16:20.34
ความคิดเห็นที่ 6:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
piriyakorn
ตั้ง: 41 ตอบ: 94
คะแนน: 11
รายละเอียด

ขอบคุณครับ

โพสต์เมื่อ ศ. - 17 ส.ค. 2555 - 13:50.55
ความคิดเห็นที่ 7:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
khamsonx
ตั้ง: 26 ตอบ: 142
คะแนน: 13
รายละเอียด

เห็นด้วยครับเจอนักเล่นมือใหม่ๆไม่ค่อยจะสนใจพื้นฐานเรื่องเหรียญเลยเอาง่ายๆบางคนยังแยกเหรียญเนื้อเงิน เนื้อนวะไม่ออกเลย(แต่เหรียญยุคใหม่เนื้อนวะดูยากจริงๆครับบางรุ่นเหมือนทองแดงผิวไฟเลย สงสัยวัตถุดิบจะแพง)ผมว่าพื้นฐาน ธรรมชาติเหรียญสำคัญมากๆ เพราะพระต่างยุคมีลักษณะเฉพาะขั้นต้นอยู่แล้ว ส่วนตำหนิจุดตายปกติจะของใครของมันครับแต่ตำหนิพื้นฐานต้องครบ และเวลาดูพระถ้าเกิดมีคำว่า น่าจะแท้ น่าจะดี เตรียมวางได้เลยครับส่วนใหญ่จะเก๊ ^^

โพสต์เมื่อ อา. - 19 ส.ค. 2555 - 19:18.47
ความคิดเห็นที่ 8:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: -1
นกเค้าแมว
ตั้ง: 103 ตอบ: 498
คะแนน: 23
รายละเอียด

Embarassed

โพสต์เมื่อ อ. - 21 ส.ค. 2555 - 21:32.27
Top