อยากรู้ว่าท่านสมาชิกแต่ละคนเข้าสู่วงการพระเครื่อง (มาเล่นพระ) ได้อย่างไร - webpra

หัวข้อ: อยากรู้ว่าท่านสมาชิกแต่ละคนเข้าสู่วงการพระเครื่อง (มาเล่นพระ) ได้อย่างไร

กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

อยากรู้ว่าท่านสมาชิกแต่ละคนเข้าสู่วงการพระเครื่อง (มาเล่นพระ) ได้อย่างไร
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 2
cheds
cheds (227) (-2) 192.168.1.32
ตั้ง: 63 ตอบ: 207
คะแนน: 48
รายละเอียด

สำหรับผมแล้วตอนเด็กเห็นพ่อมีพระเครื่องเยอะมากแต่ก็เฉยๆ จนเรียนจบปริญญาตรีเข้าทำงานราชการในกรมสังกัดกระทรวงคมนาคม ประมาณปี  2548  กรมที่ผมทำงานนั้นสัปดาห์หนึ่งจะมีตลาดนัด 2 วัน  วันหนึ่งผมเดินตลาดนัดชมของไปเรื่อยๆเห็นคน(ชายมีอายุๆหน่อย)มุงดูอะไรก็ไม่รู้อย่างกระตือรือล้น ผมคิด "ดูอะไรกันวะมันน่าสนใจขนาดนั้นเหรอ" ด้วยความสงสัยผมจึงไปมุงดูกับเขา  นึกว่าอะไร "มุงดูพระ"

 

ต่อมาผมเริ่มได้ยินได้ฟังเรื่องแคล้งคลาดปลอดภัย คงกระพัน เกี่ยวกับพระเครื่องมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มรู้จักชื่อเซียนพระรู้ราคาพระเครื่องมาบ้าง  จึงคิดว่าเซียนพระบางคนทำไมมันรวยจัง (แค่ขายพระ) ไม่เห็นจะทำงานอะไรเลยนั่งสบาย  จากจุดนี้เองทำให้อยากลองดูบ้าง เริ่มแรกลองซื้อพระที่ตลาดนัดในกรมที่ทำงานนั้นแหละ หมดไปสองพันกว่าบาทได้พระมา 3 องค์นี้แหละ จำได้ว่ามีเหรียญเจ้าสัวหลวงปู่บุญ ปิดตาหลวงปู่โต๊ะ อีกองค์จำไม่ได้ ก่อนซื้อขอให้คนขายรับประกัน คนขายยืนยันรับประกันให้ (คนขายมันก็ทำงานที่กรมนั้นแหละ ตามตัวมันได้แน่ๆ) ต่อมาเอาไปเช็คเก๊ทั้งหมด ใจผมนี่แผ่วไปเลย  จึงเอาพระไปคืนก็ได้เงินคืนแต่ก็โดนคำพูดที่ไม่ค่อยจะดีเหน็บมาด้วยครับ

 

ตั้งแต่นั้นมาผมก็หลงใหลในพระเครื่องมาโดยตลอด (ความจริงน่าจะหยุดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ) เช่าพลาดมาเรื่อย ศึกษามาเรื่อยๆ รู้จักพระมากขึ้นเข้าใจคนเล่นพระมากขึ้น (เสือ สิงห์ กระทิง แรด) และศัพย์วงการพระเครื่องก็เริ่มเข้าใจ ที่สำคัญสูญเงินเสียเวลาไปก็เยอะ แต่การเรียนรู้ของผมก็พัฒนามาเรื่อยๆตามประสบการณ์ (วัดค่าดูแล้วมันเติบโต แต่มันช้า)  เคยคิดจะเลิกเล่นพระเหมือนกันเพราะเล่นเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะรวยเหมือนเซียนท่าพระจันทร์มีแต่จนและก็จน 

 

ถามใจตัวเองตอนนี้ยังชอบพระเครื่องอยู่  แล้วคุณล่ะเป็นไงมาไงมาเล่นพระได้อย่างไรเล่าสู่กันฟังบ้างสิครับ

 

// เจษ ครับ //

 

 

 

อยากรู้ว่าท่านสมาชิกแต่ละคนเข้าสู่วงการพระเครื่อง (มาเล่นพระ) ได้อย่างไร อยากรู้ว่าท่านสมาชิกแต่ละคนเข้าสู่วงการพระเครื่อง (มาเล่นพระ) ได้อย่างไร
โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 16:31.53
ความคิดเห็นที่ 1:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
นกเค้าแมว
ตั้ง: 103 ตอบ: 498
คะแนน: 23
รายละเอียด

Embarassed

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 16:37.40
ความคิดเห็นที่ 2:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
cheds
cheds (227) (-2) 192.168.1.32
ตั้ง: 63 ตอบ: 207
คะแนน: 48
รายละเอียด

คุณ นกเค้าแมว อ่านแล้ว งง เหรอ (งง ตัวเองหรือ งง ผมครับ) 555555  Cool

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 16:44.02
ความคิดเห็นที่ 3:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: -1
พระเอกพระเครื่อง
ตั้ง: 38 ตอบ: 1896
คะแนน: 63
รายละเอียด

รู้สึกชอบตั้งแต่จำความได้ แต่ไม่ใช่ชอบเพราะพุทธคุณ

แต่ชอบเพราะมองว่า เป็นของสะสม

ทุกวันนี้ก็ไม่แขวนพระเลย แม้แต่องค์เดียว

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 16:46.10
ความคิดเห็นที่ 4:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 2
ramin_sukimm
ตั้ง: 30 ตอบ: 148
คะแนน: 62
รายละเอียด

จำได้ว่าตอนเด็กๆชอบเอาพระในหิ้งมาดูเล่นประจำ  ชอบเอามาดูเล่น  จนตอนโตหน่อยได้พระองแรกจากตาเป็นพระปิดตา  ให้พกติดตัว  แรกๆก็ห้อยเป็นเครื่องประดับเฉยๆ  เพิ่งจะรู้คำว่าพุทธคุณเป็นยังไงก็ตอนไปมีเรื่องกับคนอื่นเขา  เสื้อขาดแต่แค่เป็นแนวแดงๆเท่านั้น  ตั้งแต่นั้นจึงเริ่มมองดูอย่างจริงจังขึ้น  เริ่มศึกษาลึกขึ้นโดยสอบถามจากผู้รู้ทั่ว ๆ ไป  ไม่มีแนวทางเป็นของตัวเองเจอใครรู้สายไหนก็ได้ความรู้สายนั้นมา    พอเรียนจ่าปีสุดท้าย(พ.ศ.2543)เลยลองอาจหาญ  เข้าสนามพระดู  ช่วงแรกไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ  มือดีมากได้ทั้งความรู้  ได้เห็นของแท้มากมาย  และที่สำคัญได้จับพระรองในราคาชาวบ้าน  ปล่อยราคาดีหลายองค์ทีเดียว  จนมั่นใจว่าเก่งเลยเล่นพระหลักดูได้เรื่องเลย  เป็นหนี้แสนกว่าบาท  ผมยังจำได้วันที่แม่ผมถอดพระผงสุพรรณให้ผมไปปล่อยใช้หนี้ผมแทบร้องเลยทีเดียว  ตั้งแต่นั้นมาเลยไม่เคยได้มองพระอีกเลยเพิ่งมาส่องพระอีกครั้งยังไม่น่าถึงปีเลย  ผมกล้่าพูดได้อย่างนึงครับว่าผมชอบและสะสมพระไม่เปลี่ยนแปลงครับ แต่ผมไม่มีความคิดจะหาพระำไปปล่อยอีกแล้วครับ   ขอบคุณครับ

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 17:32.22
ความคิดเห็นที่ 5:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
cheds
cheds (227) (-2) 192.168.1.32
ตั้ง: 63 ตอบ: 207
คะแนน: 48
รายละเอียด

 *** ท่าน ramin_sukimm (21) 110.77.155.172  

 เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากครับ  อ่านแล้วทำให้ใจนิ่งขึ้น มีสติ  ส่วนตัวผมชอบแน่พระเครื่องแต่สุขุมเก่าเดิมเยอะครับ  Smile 

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 17:46.10
ความคิดเห็นที่ 6:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 2
1431jojo
ตั้ง: 144 ตอบ: 603
คะแนน: 107
ร้านค้า:
รายละเอียด

ผมเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด แต่ก็ไปโตอยู่กับตายายที่จังหวัดสิงห์บุรี จนอายุเข้าเรียนถึงได้กลับมาเรียนที่กรุงเทพ ปิดเทอมก็จะกลับไปอยู่กับตายายเป็นอย่างนี้มาตลอด แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกิดประสบการณ์อัศจรรย์เหลือเชื่อ ปีนั้นผมน่าจะประมาณ 10 ขวบ ถึงช่วงปิดเทอมใหญ่ผมก็กลับไปสิงห์บุรีเหมือนเดิม มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ผมเดินเล่นเลาะแม่น้ำเจ้าพระยา ลงไปทางใต้ซึ่งจะเป็นแนวหาดทรายยาวไปหลายกิโล สายตาผมก็เหลือบไปเห็นพระเหรียญรูปไข่ตกอยู่บนพื้นทรายคาดว่าน้ำน่าจะพัด ขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าเป็นหลวงพ่ออะไรเพราะผิวเหรียญถูกสนิมเขียวจับ เต็มไปหมด ด้วยความดีใจตามประสาเด็กผมหยิบเหรียญหลวงพ่อใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วก็เอามือปิดปากกระเป๋าด้วยความดีใจตามประสาเด็ก รีบเดินกลับบ้านจะเอาไปอวดตากับยาย เดินมาได้สักสามสี่ร้อยเมตรก็นึกอยากจะดูเหรียญอีกครั้ง แต่ไม่อยู่แล้วครับหลวงพ่อหายไปแบบไร้ร่องรอย กระเป๋าเสื้อผมก็ไม่รั่ว แล้วตั้งแต่วินาทีที่เอาหลวงพ่อใส่กระเป๋าเสื้อ มือผมก็กุมปากกระเป๋าตลอด ความรู้สึกของผมตอนนั้นคือเสียดายมากผมเดินย้อนกลับไปหาวนเวียนอยู่ตรงนั้น หลายเที่ยวแต่ก็ไม่พบ หาดทรายโล่งๆถ้าเกิดเหรียญหลวงพ่อตกผมก็น่าจะเจอ และที่แปลกและน่าอัศจรรย์ใจสุดๆก็คือ กระเป๋าไม่รั่ว มือผมก็กุมอยู่ไม่มีทางที่หลวงพ่อจะร่วงหล่นไปได้เลย ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยสะสมพระเครื่องมาตลอด แล้วเรื่องพระหนีในช่วงวัยเด็กของผมก็ไม่ได้เกิดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวด้วย แต่เกิดทั้งหมดถึง 3 ครั้ง อีก 2 ครั้งจะหายแบบไหนถ้าสนใจผมจะกลับมาเล่าให้ฟังครับ

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 19:14.12
ความคิดเห็นที่ 7:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 2
khamsonx
ตั้ง: 26 ตอบ: 142
คะแนน: 13
รายละเอียด

ที่บ้านผมพ่อกับแม่ชอบไปเทียววัดครับตามประสาคนสมัยก่อน ไปวัดไหนก็เช่าหาพระเครื่องกลับมาตลอด ส่วนตัวผมเรียนศิลปะเเละมีความชอบเกี่ยวกับโบราณวัตถุ ศิลปะยุดเก่าเป็นพื้นฐาน และตอนเด็กๆเคยมีความหลังฝังใจที่เลวร้ายเนื่องจากขโมยพระพ่อไปขาย พอโตขึ้นมาทำงานมีทุนทรัพย์เลยเริ่มเข้ามาสะสมพระตั้งแต่ทำงานปีแรกๆตั้งแต่ตอนที่พระยังไม่มีการรับประกันเหมือนตอนนี้  พอเข้ามาสะสมมีหลายครั้งที่เบื่อคนเลยห่างหายไปบ้างแต่ยังวนเวียนกลับมาตลอด จนปัจจุบันมีพี่น้องที่เล่นหาเข้าขากันในกลุ่มเลยสะสมแบบมีความสุขและเพราะผ่านอะไรในวงการนี้มาเยอะเลยพอจะเข้าใจและทำใจได้ ตอนนี้ไม่คิดจะเลิกราไปไหนมันเข้าเส้นเลือดไปแล้ว แนะนำนักเล่นหาใหม่ๆอยากสะสมแบบสนุกและมีความสุขลองหากลุ่มที่เข้ากับเราดูครับ แบ่งกันดูอวดกันบ้างโชว์กันบ้างแบ่งของกันบ้างมีที่ให้ปรึกษาแล้วจะสนุกกับงานอดิเรกโดยการสะสมพระเครื่องครับ

 

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 19:37.12
ความคิดเห็นที่ 8:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 1
panor77
ตั้ง: 44 ตอบ: 84
คะแนน: 4
ร้านค้า:
รายละเอียด

ผมเริ่มสนใจพระเครื่องก็ตอนออกจากบ้านครั้งแรก ผมไม่เคยห่างบ้านห่างพ่อแม่เลย ไปทำงานที่สมุทรปราการนะครับ แล้วแม่ก็ให้เหรียญพระเครื่องผม 1 องค์ ไว้ขึ้นคอ คือพระองค์แรกของผม เหรียญหลวงพ่อคง วัดชำป่างาม จ. ฉะเชิงเทราครับ แล้วก็มีประสบการณ์....!!! ทำให้ผมเริ่มศรัทธา และก็เริ่มเช่าพระเก็บสะสมเน้นพระสร้างใหม่ ดูง่าย ไม่ต้องเสี่ยง และที่เริ่มมาเปิดร้านในเว็บปล่อยให้เช่าก็เพราะพี่ๆ เพื่อนๆแนะนำครับ แล้วก็เริ่มเช่าพระตามกระแส การเช่าส่วนใหญ่ก็จอง และเช่าโดยการประมูล และก็เจอปัญหาหลายอย่าง เช่น ประมูลมาเป็นพระเก๊

ส่งมาให้เราพระหายบ้าง  พระเก๊คืนพระก็ไม่รับคืนแต่เขียนว่ารับประกันตามกฎ และคืนพระโดนหักเงินอีกแต่ผมก็ยอมครับ  ทำให้ผมดูอะไรดีๆ หลายอย่าง เกี่ยวกับพระเครื่องและเรื่องวงการพระเครื่องครับ.....!!!

โพสต์เมื่อ อา. - 26 ส.ค. 2555 - 23:01.47
ความคิดเห็นที่ 9:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 2
trustnow
ตั้ง: 80 ตอบ: 587
คะแนน: 49
รายละเอียด

เหตุเกิด ณ วันที่เท่าไหร่ เวลาอะไรก็จำไม่ได้ เมื่อปี 2548 แต่ก็ดึกพอสมควรแล้ว ในขณะที่ ผมและพี่ชายร่วมทั้งแม่ขายของอยู่หน้าร้านซึ่งติดถนนใหญ่ เส้นทางถนนเเพชรเกษมหัวหิน หน้าปากซอยหัวหิน 23 ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่ที่หน้าร้าน พลันก็ได้ยินเสียง โครมมม พอหันหน้าไปตามเสียง ก็พบรถทัวคันใหญ่ วิ่งมาโดยที่ลดความเร็วลง พร้อมทั้งเห็นไฟแล๊บที่พื้นถนน คล้ายๆมีวัตถุอะไรบางอย่างของหน้ารถทัวขูดกับพื้นถนนมาตลอดทางเป็นระยะทาง ประมาณ 100 เมตร จนมาจอดเกือบถึงหน้าร้านผมพอดี ( นึกอยู่ในใจคาดว่ากันชนรถหรืออะไรคงหลุดอ่ะนะ เลยขูดถนนมาไฟแล๊บเลย ) แต่ก็ยังมองดูอยู่จนเห็นคนขับรถลงมาจากรถ เดินอ้อมมาที่หน้ารถแล้วก้มดูอะไรบางอย่าง ก้มอยู่ 2 - 3 ครั้ง และแล้วคนขับรถทัวก็วิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งพร้อมกับกริยาร้อนรน โบกรถที่ผ่านไปผ่านมา แล้วก็มีรถเก่งจอดรับ คนขับรถทัวก็ขึ้นรถจากไป ส่วนบนรถทัวผู้โดยสารยังนั่งกันอยู่เป็นปกติ ผมกับพี่ชายก็ขยับไปยืนดูใกล้ๆ อีกนิดแต่ก็ยังไม่ได้วิ่งเข้าไปดู จนกระทั่งเริ่มได้ยินเสียงร้องว่า ช่วยด้วยๆๆ หลายครั้ง ผมและพี่ชายรวมทั้งลูกค้าที่นั่งทานก๋วยเตี่ยวอยู่ก็เดินตามหาเสียงที่ร้อง ให้ช่วยนั้น จนกระทั่งก้มลงไปมองใต้ท้องรถ ก็พบเสียงขอความช่วยเหลือจนได้ เป็นผู้ชาย 1 คนผู้หญิง 1 คน จักรยานยนต์ 1 คัน ที่ติดอยู่ใต้รถทัวด้านหน้ารถอยู่ระหว่างหัวรถกับล้อรถด้านหน้า ณ เวลานั้นยังไม่มีหน่วยกู้ภัยใดๆมาช่วยเลย เราก็พยายามหาทางช่วยคนทั้งคู่โดยการพยายามดึงเค้าออกมาแต่ทำไม่ได้ เราวิ่งกันไปหาไม้ขนาดใหญ่ พยายจะช่วยกันงัดรถทัวก็ไม่ไหว ซํกพักรถกู้ภัยก็มา เราทั้งหมดช่วยกัน โดยลืมนึกไปว่าทำไมไม่ให้คนบนรถลงกันมาก่อน 555นึกแล้วขำ คนบนรถก็นั่งกันเฉย บางคนก็หลับไม่รู้เรื่อง หลังจากช่วยกันอยู่พักใหญ่ก็สรุปได้ว่ายกกันไม่ไหว เจ้าหน้าที่เลยวิทยุไปขอรถยกหวังจะมายกให้หัวรถทัวเชิดขึ้นเพื่อนำผู้บาด เจ็บออกมา ซักพักรถยกก็มา รถยกยกรถทัวขึ้นได้จริงๆ แต่แล้วทันใดนั้นรถก็ไหล เกือบจะทับหัวผู้ชายที่ติดอยู่ โชคดีที่ผมและพี่ชายช่วยกันเอาไม้เสาที่นำมางัดรถในตอนแรกหนุนไว้ทัน ไม่งั้นมีหวัง........ แต่สุดท้ายก็ช่วยผู้บาดเจ็ดทั้ง 2 คนออกมาได้ ทันทีที่คนทั้งคู่ออกมาได้เค้าก็ยืนขึ้น ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาช่วยพร้อมทั้งเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมก็สังเกตเห็นพี่ผู้ชายปกติดีไม่มีเลือดซักหยดมีแต่รอยไหม้ที่ขาเพราะโดน ท่อรถจักรยานยนต์ แต่พี่ผู้หญิงขาจะเดาะ ไม่ถึงกับหักเพราะยังยืนได้ และก็ไม่มีเลือดเช่นกัน พลันก็ได้ยินเสียงคนถามว่าพี่ห้อยพระอะไร พี่ผู้ชายก็หยิบขึ้นมาให้ชมเป็นตะกรุด กับพระขุนแผน พลันได้ยินแว่วๆว่าหลวงพ่อตัด หรือยังไงนี่แหละ ( มาทราบทีหลังว่าเป็นขุนแผนรุ่นแรกกับตะกรุดไม่ทราบรุ่นของหลวงพ่อตัด วัดชายนา ) ทุกคนที่ทราบที่เห็นก็อัศจรรย์ใจยิ่งนักกับเหตุการณ์ครั้งนี้ครับ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ จนกระทั่ง อีกสองวันต่อมา ก็เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง ครั้งนี้เห็นคาตาใกล้มากๆ รถจักยานยนต์คันนึงเสียหลักไถลล้มลงไถลมากับพื้นไฟแล๊บอีกเช่นกัน คนไปทาง รถไปทาง คนไถลมาจนเกือบถึงหน้าร้านผมผมกับพี่ชายก็ลุกพยายามจะเดินไปช่วยแต่ยังไม่ ทันถึงตัว คนที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมาซะก่อนพร้อมทั้งปัดฝุ่นที่ติดตามตัวและเดินมาที่ ร้าน พร้อมกับพูดว่าพี่ๆ ขอซื้อน้ำขวดนึงครับ เราก็ถามว่าน้องไม่เป็นไรเหรอ น้องคนนั้นก็ตอบกลับมาว่าสบายพี่ ผมศิษย์หลวงพ่อตัด พร้อมทั้งโชว์ตะกรุดให้ชม ผมลองมองสำรวจร่างกายน้องเค้าก็ไม่พบบาดแผลใดๆ ไม่มีเลือดซักหยดอีกแล้ว หลังจากเห็นทั้งสองเหตการณ์ วันรุ่งขึ้นผมและครอบครัวก็ไปถึงวัดชายนาได้พบกับหลวงตาแก่ๆ ที่ทักด้วยเสียงอันดังว่า " มึงมากันทำไม ที่นี่มีอะไร" อิอิอิ หลังจากวันนั้นจนวันนี้ผมก็เลยเข้ามาสู่การสะสม ศึกษา และให้เช่าพระจนถึงปัจจุบันครับ

โพสต์เมื่อ จ. - 27 ส.ค. 2555 - 01:09.16
ความคิดเห็นที่ 10:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 1
หนุ่ยพุทธบูชา
ตั้ง: 188 ตอบ: 863
คะแนน: 367
รายละเอียด

ผมเป็นลูกคนสุดท้อง จากทั้งหมด ๗ คน คุณพ่อเสียตั้งแต่ปี ๑๕ ยังเด็กครับ จำได้เสมอว่า พ่อไม่ได้เป็นคนรวยอะไร สะสมพระไว้ให้ลูกๆ ๑ หีบใหญ่ แบ่งเป็นกล่องไว้ ๗ กล่องเขียนชื่อไว้หมดทุกคน พอพ่อเสีย พี่ๆไม่ค่อยจะสนใจเรื่องพระฯกันซักเท่าไร ทำงานกันตลอด แต่มีอยู่คนหนึ่ง ชอบพาคนนอกมาดูพระของพ่อเป็นประจำ พวกนั้นดูแล้วก็พูดไปเรื่อยว่า มีแต่พระทุ่งเศรษฐี เขาไม่เล่นกัน เอาไปทีละหลายองค์แลกตังค์ไม่กี่ร้อย บอกแม่ว่าตอนไม่อยู่บ้านกัน เขาเอาใคร?ก็ไม่รู้มาซื้อพระ แม่ก็บอกว่า เขาคงขายส่วนของเขา พอเราจะขอกล่องของเราก็บอกว่า ยังเด็ก โตแล้วค่อยเอาไป นี่ก็แก่แล้วเชื่อไหม? เหลือแต่กล่อง " พระฯธุดงค์ "ไปหมดแล้ว  ตามพระกริ่งมาได้องค์เดียว 

 ไม่เป็นไร? หาเอง-เก็บสะสมเองก็ได้  เริ่มจาก เสาร์-อาทิตย์ ไปท้องสนามหลวงเช่าพระที่เขาตวงกันเป็นกระป๋องนม เดินไปวัดมหาธาตุเข้าไปขายมั่ง เอากำไรเก็บไว้กินขนม เดินท่าพระจันทร์เข้าไปดูพระที่เซียนเขาใส่ตู้ไว้ ขอความรู้จากคนที่ท่าทางใจดีหน่อย ไม่มีกล้องหรอก อาศัยดูตาเปล่า "ไม่ใช่เก่งแต่ไม่มีตังค์ซื้อกล้อง"  จนเซียนเหล่านั้น อพยพกันไปตามห้างสรรพสินค้า เมื่อก่อน เดอะมอลล์งามวงค์วานจะมีกลุ่ม พี่พยับ กับ พี่ต้อยเมืองนนท์ เป็นหัวแถว อีกฟากถนน จะเป็นห้างบางลำภูงามวงค์วาน จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ผมจำไม่ได้แล้วว่าใคร? จนเดอะมอลล์ไฟไหม้ เลยมารวมกัน ที่บางลำภูแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น" พันธ์ทิพย์งามวงค์วาน " สะสมพระเรื่อยเปื่อยครับ พึ่งจะมาเน้นเฉพาะ สาย และ หมวดพระ เมื่อ๑๐กว่าปีมานี้เอง ไม่ค่อยมีพระสร้างใหม่ๆ เพราะตามไม่ทัน(เคยโดน!..ยันตระ! เข็ดเลย... ทิ้งเจ้าพระยาฯ( ไม่ใช่อาบ-อบ-นวด นะ) เพราะเชื่อ...พวกตีปี๊ป หลงคิดว่า เป็นอรหันต์ หนอยแน่ะ...อรหมุน... ระวัง!กันไว้บ้างนะครับ. สื่อหลอกลวง-ต้มตุ๋น ทำหนังสือ ขายหนังสือ ขายพระเก๊ทีตัวเองทำ ได้ตังค์จากหนังสือแล้วยังได้ตังค์จากการขายพระเก๊ที่ตัวเองลงอีก 2 เด้ง! ทีเดียว...เชียวเนียว...

โพสต์เมื่อ จ. - 27 ส.ค. 2555 - 02:41.10
ความคิดเห็นที่ 11:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 2
วังเทวี
ตั้ง: 100 ตอบ: 858
คะแนน: 289
ร้านค้า:
รายละเอียด

มาแบบไม่ได้ตั้งใจครับ...

ภรรยาอยู่ประเทศเบลเยี่ยม จู่ๆเธอเงียบหายไป ไม่มีข่าว ไม่ส่งเงิน

จนผมเหลือเงินอยู่11บาท ไปซื้อข้าวสารมา1ลิตร เผลอลืมทิ้งไว้ ไก่มาจิกกินหมดเลย

เลยตัดสินใจเอาเหรียญกษาปณ์ที่สะสมไว้ไปเปิดแผงขายในสนามพระลำพูน วันแรกได้เงิน600บาท จากวันนั้นสนามพระเลยกลายเป็นที่ทำงานของผมจนถึงวันนี้

ต่อมาได้รู้จักกับคุณราชันย์ดำ เค้าเห็นใจผม เลยยกพระที่เหมามาตามบ้าน ให้1ขันใหญ่ๆไม่คัดออกด้วยนะ ใจใหญ่จริงๆ ได้เกิดเลย

ปัจจุบันนี้ภรรยามาอยู่ด้วยกันหลายปีแล้ว ไม่ต้องบินไปบินมาเหมือนแต่ก่อน ที่ตอนนั้นเธอหายเงียบไปเพราะประสบอุบัติเหตุนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน

ตอนแรกเธอเองก็ไม่อยากให้ผมไปสนามพระอีก เพราะไม่มีความจำเป็นอะไร เธอมีเงินเกษียรเดือนละ1700 ก็พอกินพอใช้ไม่เดือดร้อนอะไร

แต่ห้ามไม่ได้แล้วครับ ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ พระเครื่องเป็นสิ่งเสพติดที่ผมขาดไม่ได้ครับ

โพสต์เมื่อ พ. - 29 ส.ค. 2555 - 08:03.21
ความคิดเห็นที่ 12:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
cheds
cheds (227) (-2) 115.87.210.172
ตั้ง: 63 ตอบ: 207
คะแนน: 48
รายละเอียด

ท่าน วังเทวี

"ยังงี้เขาเรียกว่าชีวิตฟ้าลิขิตมา (เป็นเซียนพระ)"  Cool   เป็นกำลังให้ครับ เพราะทำในสิ่งที่รักที่ชอบ

 

โพสต์เมื่อ พ. - 29 ส.ค. 2555 - 15:45.19
ความคิดเห็นที่ 13:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
เด็กตลาดช่องแค
ตั้ง: 6 ตอบ: 345
คะแนน: 49
รายละเอียด

อยากรู้ว่าท่านสมาชิกแต่ละคนเข้าสู่วงการพระเครื่อง (มาเล่นพระ) ได้อย่างไร

 

ถ้าถามว่าเข้าสู่วงการพระเครื่องได้อย่างไร หรือมาเล่นพระได้อย่างไร ต้องบอกว่า ทุกวันนี้ผมก็คิดว่าผมยังไม่ได้เข้าวงการ เรียกว่าสะสมดีกว่า ผมเองไม่แน่ใจว่าเข้าต้งแต่เมื่อไร ถ้าเอาที่รู้จักพระเครื่องของหลวงพ่อพรหม ผมก็รู้จักตั้งแต่จำความได้ เพราะท่านเป็นพระประจำหมู่บ้าน ตำบลเลยก็ว่าได้ จึงผูกพันท่านมาก เหมือนญาติผู้ใหญ่ มากกว่า เกจิ สมัยก่อนจะเห็นพวกเซียนพระ(รุ่นแรก) ของหลวงพ่อพรหม ไป ที่บ้านที่ตลาดบ่อยมาคุยกับที่บ้านขอเช่านั้นเช่านี้ ขอศึกษานั้นศึกษานี้ แต่พอผมมาเรียนกรุงเทพฯ ไปเดินสนามพระ (เซียนพระจำไม่ได้ว่าผมเป็นใคร และผมก็ไม่อยากให้ใครจำหรือรู้ด้วย) ผมไปเดินดู เอย ทำไม สิ่งที่เรารับรู้ กับเราได้ฟังจากสนาม หรืออ่านหนังสือในตอนหลังจากนั้น (ตอนนั้นมีหนังสือใหญ่ท่าไม้ และสุนทรออกแล้ว) ทำไมไม่เหมือนกับที่เรารับรู้มาก่อน ครั้งหนึ่งมีงานประกวดจำได้ว่า ที่สวนอัมพร พี่ชายเอาพระที่บ้านไปประกวด เซียนพระคนหนึ่งจำพี่ชายได้ บอกเตี่ยไม่มาด้วยหรือ ปรากฏว่างานนั้นพระเราเองติดที่ 3 แต่องค์ที่ได้ที่ 1 นั้น พี่ชายจำได้ว่าของที่บ้าน เซียนคนนั้นไปเช่ามาจากที่บ้านเมื่อ เดือนก่อน แกบอก สงสัยงานนี้รางวัลมีล๊อกไว้แล้ว ทั้งที่พระองค์ที่พี่ชายส่งสวยกว่าเยอะ เตี่ยแกไม่ออกเพราะองค์สวยแกจะคัดเก็บไว้ให้ลูก ปรากฏว่าหลังจากนั้นเซียนคนนั้นตามมาที่บ้านที่ตลาดขอเช่าองค์ดังกล่าว พี่ชายไม่ออก บอกน้ามีองค์สวยกว่าติดรางวัลแล้วจะมาองค์นี้ทำไม ต่อมา หลังจากบ้านโดนยกเค้า ครั้งนั้น เคยตามเตี่ยไปสนามพระที่ท่าพระจันทร์ เซียนรุ่นนั้น สมัยก่อนก่อนที่บ้านโดนยกเค้า กับตอนที่ไปครั้งนั้นให้การต้อนรับต่างกันมาก ผมยอมรับเลยครับ ตั้งแต่นั้นมาผมจะมีอคติกับพวกเซียนพระและที่มีตู้ขายพระ (ทุกวันนี้ถ้าผมรู้ผมจะรักษาระยะห่างไว้) อีกอย่างเตี่ยผมขอไว้ว่า

 

อย่าเข้าวงการพระเครื่อง เพราะหาความจริงใจ ไม่ได้ ทุกอย่างมีแต่ผลประโยชน์ แต่ถ้าจะเข้า ขอ 2 อย่าง หนึ่ง อย่าเป็นกรรมการงานประกวด สอง อย่าเป็นกรรมการวัด

 

จนเมื่อทำงาน แต่ก็ไม่แสดงให้ใครเห็นว่าเรามีพระหลวงพ่อ หรือผูกพันกับหลวงพ่อพรหม ทำตัวแบบคนทั่วไป แต่ถ้ามีเวลาก็จะไปเดินตลาดนัดมังถ้าว่างจริง แต่ไม่เคยไปงานประกวดเลย หรือแสดงตัวให้ใครรู้ จนวันหนึ่ง เห็นน้องที่ทำงาน มันเปิดnet ดู และดูหนังสือพระ เราก็ แปลกใจว่า เดียวนี้มีweb พระทางnet ด้วยหรือมันรู้ว่าเราคนนครสวรรค์ มันก็ถามว่า พี่คนนครสวรรค์ ใช่เปล่า ผมบอกว่าใช่ พี่มีพระหลวงพ่อพรหมเปล่า ผมบอกมี ก็เอาในคอให้ดู   บอกพี่คนตาคลีเปล่า ผมบอกเปล่า ผมคนช่องแค (คือถ้าคนในท้องที่จะเข้าใจนะครับ ว่า คนช่องแค หมายถึงคนที่อยู่ที่ช่องแค คนตาคลีก็จะหมายถึงคนที่อยู่ที่ ตัวตาคลี คนจันเสน หมายถึงคนที่อยู่ที่จันเสน)  น้องมันก็งง นึกว่าเราล้อมันเล่น ผมบอกจริงๆๆ ผมเป็นคน ที่อยู่ที่ ตำบลช่องแค จริง ช่องแค เป็นชื่อตำบล วัดช่องแค อยู่ใกล้บ้านผมสมัยก่อนเดินตามรางรถไฟไปทำบุญกับพี่ เตี่ยผมเป็น.................   มันก็คงคิดว่าผมล้อมันเล่น มันก็บอกว่า ถ้าเตี่ยพี่เป็น.................. อย่างนั้นพ่อผมก็เป็นเจ้าอาวาส วัดช่องแคแล้ว มันหยิบพระหลวงพ่อพรหม มาให้ดู มี อยู่ 10-20 องค์ (ผมมองแล้ว เก้สะส่วนใหญ่ แบบดูไม่ต้องเข้ากล้อง) ผมเห็นพี่มีรูปถ่ายแค่องค์เดียว   แล้วมันก็พูดดูถูกผมอีกเยอะ ผมก็ไม่สนใจ ผมก็ลองสมัคร สมาชิก web สยาม ก็คิดว่า ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร ก็นึกขึ้นได้ ว่าเราอยู่ในตลาดนิ และเติมโตจากตลาด อย่างนั้นเราเอาชื่อนี้ละกัน เด็กตลาดช่องแค  น้องคนเดิมมาเห็นผมใช้ชื่อนี้ มันก็แซวอีกว่า ทำไมพี่ไม่โชว์ไปเลยว่า เด็กวัดช่องแค ผมก็บอกว่า ผมไม่ได้เกิดหรืออยู่ โต ที่วัด อีกอย่างทำไมผมจะใช้ชื่อนี้ไม่ได้ ผมก็เริ่มยั่ว ผมก็บอกว่า การมีพระปริมาณมาก ไม่ใช่ว่าใครจะเหนือกว่าใคร และไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าใครเก่งกว่าใคร โดยเฉพาะถ้าในจำนวนนั้นเป็นพระเก้สะส่วนใหญ่ มีพระแค่องค์สององค์ แต่แท้ กับมีพระเป็นสิบองค์แต่เก้หมด มันก็ต่างกัน น้องมันก็เลยโกรธ พี่มาว่าผมได้อย่างไรว่าพระผมเก้ พี่ดูพระเป็นไหม ผมไม่เคยเห็นพระพี่เลยนอกจากรูปถ่าย ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่มีพระแท้ และดูพระเป็น เห็นมีรูปอยู่รูปเดีจยว ผมบอกอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมเอาพระมาให้ดู แค่กล่องเดียวนะ   มันก็ยังบอกอีกว่า กล่องเดียว เก้หมดไม่ต้องเอามานะพี่ แบบไปเหมามาจาก แผงข้างถนน มาหรอกผมนะ   แล้วน้องมันก็เดินหัวเราะไป

 

วันรุ่นขึ้นผมเอาพระมาแค่กล่องเดียว แต่ว่างเต็มโต๊ะขาว เลย มันงงมาก ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้   น้องมันก็ยังคิดว่าเก้ หาพระฝีมือมาหรอกมัน มันไปตามพี่safety ที่เล่นพระมาดู safety ยังอึ่ง บอกตั้งแต่เล่นพระมา ไม่เคยเจอใครมีพระหลวงพ่อพรหมเยอะขนาดนี้ นอกจากตามตู้พระ และแท้ดูง่ายทุกองค์

 

น้องมันก็ขอโทษผม มันนึกว่าผมแกล้งมัน   ซึ่งถามว่าผมโกรธน้อง เขาไม่ผมไม่โกรธ ผมก็มานั่งพิจารณาว่า ทำไมมันไม่เชื่อ ทั้งที่เราบอกแล้วว่าพระน้องมันเก้ ผมก็มาถึงบางอ้อ ว่า ผมบอกแต่ว่าเก้แท้ แต่ไม่บอกว่าเก้แท้อย่างไร อีกอย่างผมไม่ได้ทำตัวเป็นเซียนพระ หรือแสดงตนเป็นเซียนพระความน่าเชื่อถือไม่มี ผมเห็นในweb เล่นพระมั่วกันมาเลย มาช่วยเขาดูให้ ก็บอกว่าเก้แท้ อย่างไร ผมก็ไม่ได้เอารูปพระผมไปลงโชว์ ผมแค่อธิบายวิธีดู ไม่มีรูปพระให้เทียบ ไม่โชว์พระ เพราะผมไม่ได้คิดจะขาย อีกอย่างเราอยากให้เขาเชื่อเหตุผล ไม่ได้เชื่อเพราะเรามีพระเยอะ หรือเชื่อเพราะเราเป็นใคร อยากให้เขาดูเป็น จนวันหนึ่ง มีคนmail ด่า ซึ่งก็เยอะ แต่มีmail หนึ่ง ด่าทำให้ผมได้คิด เขาด่าผมว่า

 

ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณดูพระเป็น คุณมันมั่ว ไม่เคยมีพระแท้ๆๆกับเขาสิ ถึงดูพระแท้เป็นเก้ หรือไม่ก็มีแต่พระเก้ เป็นไปไม่ได้ที่คน ไม่มีพระแท้ จะดูพระเป็น อย่าบอกนะมีแต่ไม่ลงโชว์ ผมเห็นคนเล่นพระมันก็อยากอวดพระเพื่อจะชายทั้งนั้น ข้อมูลก็ยกเมฆทั้งเพ

 

นับตั้งแต่นั้นมาผมเลยพยายามศึกษาถ่ายรูปลงโชว์ลงข้อมูลที่ผมมีอยู่ไม่ตรงกับวงการลงไป ประจวบกับจีพระ เขาเชิญให้ผมเปิดร้านฟรี ผมก็เห็นว่าดี เพราะถ้าให้เสียตังค์เปิดผมก็ไม่เปิดแน่ เพราะผมไม่ได้เน้นขาย ก็เลยไปลงไว้

 

เล่าสะยาวเลย ทุกอย่างมันมีลำดับขั้นมีเหตุมีผล รองรับกันมานะครับ ตั้งแต่ต้น มีพัฒนาการ ผมจึงบอกไม่ได้ผมเริ่มเมื่อไรครับ   ทุกวันนี้ผมก็ยังอยากให้คนเชื่อในเหตุผล ไม่ใช่เชื่อ เพราะผมคือใคร หรือเป็นใคร หรือเพราะผมเป็นคนท้องที่ หรือเพราะผมมีพระหลวงพ่อพรหมเยอะ ผมยืนยันตามนี้จริงๆ

โพสต์เมื่อ ศ. - 07 ก.ย. 2555 - 15:31.43
ความคิดเห็นที่ 14:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
prakringlover
ตั้ง: 44 ตอบ: 83
คะแนน: 2
ร้านค้า:
รายละเอียด

หนังสือพระ1กองโตๆของพ่อตาทำให้ผมถลำลึกครับ! ผมเปิดร้านค้าขายทำให้มองหาพระเครื่องไว้บูชาบ้าง พระกริ่งไงเป็นมงคลกับชีวิต(คนบอกมายังงั้น) เราก็เอาเลยเช่าเอง ไม่ศึกษาและปรึกษาใครหรอก กดมา3องค์ เก๊ เก๊ และเก๊ พ่อตาบอกไม่ต้องแห่ ไม่ต้องส่อง(เก๊ตาเปล่า) เราก็อ้าวเฮ้ย! พ่อตาส่งพระมาให้องค์นึง มึงเอาไปดูซะ พระหล่อโบราณ พระโลหะเก่าเป็นยังงี้ๆๆ ผมก็เลยหัดส่อง หัดดูและศึกษาตลอดมา จะปีนึงแล้วครับ ที่เก็บสะสมและเล่นหาพระเครื่อง เจอเขี้ยวบ้าง งาบ้างก็มีแผลนิดหน่อย ไม่จุกและไม่เข็ด:) ชอบซะแล้วครับ

โพสต์เมื่อ ส. - 15 ก.ย. 2555 - 18:16.52
ความคิดเห็นที่ 15:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
cheds
cheds (227) (-2) 192.168.1.3
ตั้ง: 63 ตอบ: 207
คะแนน: 48
รายละเอียด

**Cool Smile 

กระทู้นี้มือใหม่หัดขับทั้งหลายต้องฝึกเรียนรู้จากประสบการณ์ของเซียนรุ่นพี่  จะได้ไม่หลงทางและเข้าใจพระเครื่องเข้าใจวงการพระเครื่อง  ไม่ใช่เล่นสะเปะสะปะเข้าป่าเข้าดงไปโน้นแบบนี้อนาคตดับครับ (เพราะหาทางออกไม่เจอ)    Cool

 

โพสต์เมื่อ พฤ. - 20 ก.ย. 2555 - 13:38.34
Top