หลวงพ่อแปลก - webpra

หัวข้อ: หลวงพ่อแปลก

กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

หลวงพ่อแปลก
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

รูปถ่ายหลวงพ่อแปลก เป็นภาพขนาดบูชา ถ่ายเมื่อครั้งท่านมาจำพรรษาอยู่ที่

วัดโพธาราม แล้ว รูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๓

แต่รูปนี้ถูกดัดแปลงข้อความด้านล่าง บันทึกการมรณภาพของท่าน ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๙ อายุ๘๗ปี และนำมาใช้ในงานศพของท่านที่วัดราษฎร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา โดยมีเจ้าคุณบัว(หลวงบัวเจ้าอาวาสวัดหลวงสิริบูรณาราม อำเภอสรรพยา ในขณะนั้นเป็นประธานใน


คลิก http://www.upload-thai.com/download.php?id=c9fa846a5c3a9b78ea7b964dc5fc6eb3

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 13:10.04
ความคิดเห็นที่ 1:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

รูปถ่ายหลวงพ่อแปลก เป็นภาพขนาดบูชา ถ่ายเมื่อครั้งท่านมาจำพรรษาอยู่ที่

วัดโพธาราม แล้ว รูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๓

 

 

แต่รูปนี้ถูกดัดแปลงข้อความด้านล่าง บันทึกการมรณภาพของท่าน ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๙ อายุ๘๗ปี และนำมาใช้ในงานศพของท่านที่วัดราษฎร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา โดยมีเจ้าคุณบัว(หลวงบัวเจ้าอาวาสวัดหลวงสิริบูรณาราม อำเภอสรรพยา ในขณะนั้นเป็นประธานในพิธี

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 13:17.23
ความคิดเห็นที่ 2:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

หลวงพ่อแปลก นามเดิม นายแปลก นามสกุลพินิจจันทร์ เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๒ บ้านท้องคุ้ง หมู่๔ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท มีพี่น้องร่วมอุทร ๒ คน ๑.นายแปลก พินิจจันทร์ ๒.นางนิด พินิจจันทร์

 

นายแปลกเมื่อถือกำเนิดมา มีใบหูขวาเป็นติ่งเล็กๆ ไม่มีรูหู ส่วนใบหูข้างซ้ายสมบูรณ์ทุกประการ และไม่มีปัญหาในการรับฟังแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เองจึงมีชื่อว่าแปลก และใช้เป็นชื่อจริง ตราบเท่าอายุขัยของท่าน

 

นายแปลกสมรส กับนางแช่ม เดชอยู่(นามสกุลเดิม นางแช่ม เกิด พ.ศ.๒๔๓๘ เสียชีวิตลงเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ อายุ๘๘ ปี) มีบุตรธิดา ๑๐ คน ชาย๔ คน หญิง๖ คน ๑.นางประทุม ๒.นายปรุง ๓.นายเปล่ง ๔.นางฉลวย ๕.นางฉลุย ๖.นายแปลง ๗.นายโปร่ง ๘.นางแฉล้ม ๙.นางบัวขาว ๑๐.นางส้มลิ้ม

 

เรื่องราวประวัติของหลวงพ่อแปลก นายปลั่ง(เล็ก) มิ่งขวัญ อดีตผู้ใหญ่บ้านหัวแหลม(โพธิ์เตี้ย)ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นลูกเขย ได้รับการบอกเล่าจากนางแช่ม พินิจจันทร์ แม่ ยาย

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 13:18.57
ความคิดเห็นที่ 3:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

นายปลั่ง มิ่งขวัญ สมรสกับ ส้มลิ้ม พินิจจันทร์(นามสกุลเดิม)เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ส้มลิ้มเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนายแปลก และนางแช่ม พินิจจันทร์ นายปลั่งเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๙(ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๕ อายุ๗๖ ปี และส้มลิ้ม(ภรรยา)เกิด พ.ศ.๒๔๘๐ เสียชีวิตเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘

 

นายแปลกไปบวชเป็นพระภิกษุครั้งที่๒ ที่ อำเภอสรรคบุรีแล้ว ตั้งแต่ส้มลิ้มยังเยาว์วัย หลังจากนายปลั่งแต่งงานกับ ส้มลิ้ม เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ นายปลั่งจึงต้องดูแลทั้ง นางแช่ม และนางส้มลิ้ม และในหนึ่งรอบปี นายปลั่ง ต้องเป็นตัวแทนนางแช่ม ไปเยี่ยมเยือนหลวงพ่อแปลกที่ อำเภอสรรคบุรี ด้วยเหตุนี้เองนายปลั่ง จึงได้ทราบประวัติของหลวงพ่อแปลกไว้มากพอสมควร

 

ตามคำบอกเล่าของนางแช่ม นายแปลกเมื่อครั้งยังครองเรือน ทำอาชืพเกษตร(นาข้าว)ขึ้นตาล(ทำน้ำตาลโตนด)มีที่นา ๑๐๐กว่า ไร่ ตำบลสรรพยาติดกับบ้านห้วยกรด(อำเภอสรรคบุรี)มีต้นตาลโตนดมากในยุคนั้น

 

หลังจากมีการจัดรูปที่ดิน ระหว่างประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๘-๒๕๒๐ ต้นตาลโตนดถูกทำลายไปเยอะมากทั้งๆ ที่เป็นต้นไม้เศรษฐกิจของชาวบ้านทั้งสรรพยาและห้วยกรด ใช้ทำทั้งน้ำตาลก้อน น้ำตาลสด ไอ้เป้

 

ไอ้เป้ เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง ภูมิปัญญาชาวบ้าน แม้แต่กรมหลวงชุมพร เสด็จมาวัดมะขามเฒ่าเพื่อเรียนวิชากับ หลวงปู่ศุข และพักค้างแรมหลายวัน ยังต้องให้คนใกล้ชิดจัดหาถวาย ผมนายบาแดงดื่มแล้วยังติดใจ แช่ตู้เย็นแล้วสุดยอด

 

แค่ความคิดจัดรูปที่ดินในยุคนั้น ต้องแปลงเกรดตัดต้นตาลทุกต้นที่ขวางหน้า ไม่อย่างนั้นจัดรูปที่ดินไม่ได้มันเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงระดับจักวาฬ ความคิดสุดยอดของการจัดรูปที่ดินใน พ.ศ.นั้น คิดได้ยังไงวะ!

 

คนไทยแท้บ้านนอกจนๆมันสมองดีๆ คิด ค้นคว้าทำอะไรขึ้นมาได้ ผู้มีอำนาจทุกยุคทุกสมัย สมคบคิดร่วมกับนายทุน ช่วยกันสกัดกีดกันด้วยกฎหมายทางภาษี ถ้าผู้มีอำนาจมันคิดช่วยเหลือส่งเสริม คนไทยแท้และจนหัวสมองดี ป่านนี้คงมี

ไอ้เป้ DeChai Natแข่งขันกับชาติอื่นเขาไปแล้ว

 

เวลา ณ ป่านฉะนี้ ปืนเถื่อน บ้านหนองอีเติ่ง จังหวัดอุทัยธานีอีกหนึ่งภูมิปัญญาความสามารถ คงพัฒนามาอีกไกลโขไม่แพ้ต่างชาติ และสามารถพัฒนาแสนยานุภาพกองทัพไทยได้เป็นอย่างดี ประหยัดงบประมาณในการซื้ออาวุธ แต่ถูกสกัดดาวรุ่งให้เหลือ แค่ทำมีดพกเขากวาง กรรไกรตัดต้นไม้ ยอดไม้ ถ้าบ้านหนองอีเติ่งไม่โดนสกัดดาวรุ่ง อบจ. จังหวัดอุทัยธานี คงมีงบประมาณป้องกันน้ำท่วม แบบไม่ให้ท่วมทั้งจังหวัด แถมเหลือส่งไปให้ส่วนกลางได้อีกด้วย ถุย!ชีวิตคนไทยแท้สมองดีแต่ยากจน นายบาแดงนอกเรื่องไปไกลแล้ว ขอกลับเข้ามา

 

นางแช่มเล่าต่อว่า นายแปลก ทำนาข้าว ทำน้ำตาล แต่ไม่ทอดแหหาปลา บักเบ็ด ดักลอบ ไม่ชอบเบียดเบียนสัตว์ใหญ่น้อย ทำให้นางแช่มต้องออกหาเอง นายแปลก เป็นคนใจดี อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ชอบพูดให้ร้ายใคร

 

จากคำบอกเล่าของนางแช่ม นายปลั่งยืนยันว่า คุณพ่อแปลกเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเฟื่องแน่นอน นางแช่มเล่าต่อไปว่า นายแปลกเมื่อเสร็จภารกิจจากการทำนา ขึ้นตาล ชอบไปอยู่รับใช้หลวงพ่อเฟื่อง ที่วัดสรรพยา(วังหิน)เป็นประจำ วัดมีงาน จะช่วยเหลือตลอด รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อเฟื่อง จนมีความรู้ความสามารถในการเขียนอักขระเลขยันต์ บางครั้งหลวงพ่อเฟื่องยังให้ช่วยเขียนเสื้อยันต์ จารอักขระยันต์ลงตะกรุด

 

หลวงพ่อเฟื่อง วัดสรรพยา(วังหิน)มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ หลวงพ่อแปลก ท่านเกิด พ.ศ.๒๔๓๒ เป็นศิษย์หลวงพ่อเฟื่องได้หรือไม่ท่านผู้นับถือสนใจหลวงพ่อแปลก โปรดพิจารณา

 

ตามประเพณีของชายชาวไทย เมื่อครบอายุ ๒๐ปี ก็ต้องอุปสมบทเป็นพระ เช่นเดียวกัน นายแปลก ก็เข้ารับการอุปสมบทตามประเพณีไทย มาแล้ว ๑ พรรษา จากนั้นก็สึกออกมาครองเรือน ทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัว นายแปลกเป็นผู้มีฐานะ มีที่นา ๑๐๐กว่าไร่ เมื่อไปบวชเป็นครั้งที่๒ ลูกทั้ง ๑๐คน ได้รับแบ่งที่นา คนละ๑๐ไร่ นายแปลกได้ดูแล ครอบครัวและลูกๆ ทุกคนได้เป็นอย่างดี

 

ช่วงเวลาการบวชครั้งที่๒ ของหลวงพ่อแปลก นางแช่ม เล่าให้นายปลั่ง(ลูกเขย)ความว่า นายแปลกไปบวชครั้งที่๒ ในช่วงที่ ส้มลิ้ม บุตรสาวคนสุดท้อง กำลังจะโกนจุกในปีนั้นพอดี ถ้านับตามประเพณีการโกนจุกที่นิยมในยุคนั้น ส้มลิ้ม จะมีอายุได้๗ ขวบ(หลวงพ่อแปลก เกิด พ.ศ.๒๔๓๒ ส้มลิ้ม เกิด พ.ศ.๒๔๘๐) การโกนจุก ของส้มลิ้ม จะตรงกับ พ.ศ.๒๔๘๗ แสดงว่าหลวงพ่อแปลก บวชครั้งที่๒ เมื่ออายุ๕๕ ปี โดยประมาณ

 

สาเหตุการไปบวชครั้งที่๒ นี้ นางแช่มเล่าว่า ก่อนจะไปบวชเคยปรารภ กันนางแช่มว่าลูกๆก็โตหมดแล้ว(แต่ไม่ได้บอกว่าอยากบวชพระ)หลังจากนั้น มาวันหนึ่ง นายแปลกก็บอกกับนางแช่ม ซึ่งเป็นภรรยา ว่า จะไปงานบวชนาค ที่วัดสังฆาราม ที่อำเภอสรรคบุรี นายแปลกหายไปหลายวัน มีคนมาส่งข่าวนางแช่ม ว่านายแปลกบวชพระ ตามพ่อนาคที่ไปช่วยงานบวชที่วัดสังฆารามไปแล้ว

 

นายแปลกไปบวชพระครั้งนี้ นางแช่มเล่าว่าไม่มีปัญหาครอบครัวอย่างใดทั้งสิ้น และหลวงพ่อแปลกเมื่อบวชเป็นพระแล้วก็ไม่เคยมาวุ่นวายหรือรบกวนกับครอบครัว ในเรื่องใดๆทั้งสิ้น หลวงพ่อแปลกเมื่อบวชแล้ว ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสังฆาราม ช่วงนี้ท่านคงได้พบปะสนทนา ศึกษาหาความรู้จากหลวงพ่อปลื้มด้วย และท่านก็ได้ช่วยเหลือหลวงพ่อปลื้ม ในการทำวัตมงคลบางอย่าง ตามพื้นฐานภูมิรู้ที่ท่านได้รับมาจากหลวงพ่อเฟื่อง เรื่องนี้นายปลั่ง(ลูกเขย)ได้รับการบอกเล่าจากหลวงพ่อแปลกโดยตรง

 

หลวงพ่อแปลกท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสังฆาราม อยู่ระยะหนึ่ง ก็ได้รับการชักชวน จากหลวงตาม่อม พระลูกวัดโพธาราม อำเภอสรรคบุรี เป็นพระที่รู้จักกันชวนไปอยู่ด้วย หลวงพ่อแปลก ท่านก็เป็นพระลูกวัดเช่นกัน จึงย้ายวัดมาจำพรรษาอยูที่วัดโพธาราม แต่ก็ยังไป-มา ระหว่างวัดสังฆารามและวัดโพธาราม(ตามคำบอกเล่าของนายปลั่ง)

 

หลวงพ่อแปลกท่านเป็นพระทองคำ เก่งในวิชาอาคมมาตั้งแต่ครั้งเป็นฆราวาส แม้จะบวชเมื่ออายุมาก แต่หลวงพ่อแปลก ท่านสมถะ เรียบง่าย ถ่อมตน ไม่โอ้อวด ยกตนข่มท่าน ใจดี ชอบช่วยเหลือ มีอภินิหาร มีวาจาสิทธิ์ อันเกิดจาก การปฏิบัติ สะสมบำเพ็ญเพียรบารมีของท่าน หลวงพ่อแปลกท่านจะไม่ใช้วิชาอาคมที่ท่านมีอยู่ไปในทางสร้างเวรกรรม แลดูว่าท่านเป็นพระทางเมตตา แต่แท้จริงท่านครบเครื่อง(นายบาแดง ประเมินว่าในการบวชครั้งที่๒ นี้ หลวงพ่อแปลกท่านออกจากการครองเรือน ลดความสำคัญในความเป็นตัวตนลง เป็นธรรมะที่ทำให้จิตใจเบาสบายไม่ติดยึดสิ่งใด)

 

 


โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 13:21.14
ความคิดเห็นที่ 4:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

นายปลั่ง มิ่งขวัญ และคุณประทีป แร่จั่น เล่าตรงกันว่า หลวงพ่อแปลกท่านไม่ฉีกซองปัจจัยที่คนนำมาถวาย ไม่จับต้องธนบัตร

 

ตั้งแต่ท่านมาจำพรรษา อยู่วัดโพธาราม มีผู้คนนับถือท่าน ทั้งใกล้และไกล ด้วยความที่ท่านเป็นพระลูกวัด ท่านก็สงเคราะห์ผู้คนที่มาหาท่านด้วยการเป่ากระหม่อม ท่านไม่ใช่พระหมอน้ำมนต์ สักยันต์ หมอยา หมอทำนายทายทัก เป็นข้อมูลยืนยันจากนายปลั่ง มิ่งขวัญ อาจจะสงเคราะห์ ให้บ้างตามแต่ท่านเห็นสมควร บางครั้งบางรายที่ท่านเมตตาสงเคราะห์ทักทำนายและเป็นไปตามนั้น จึงเป็นที่มาของวาจาสิทธิ์

 

ส่วนใหญ่หลวงพ่อแปลกจะเป่ากระหม่อมให้เป็นหลัก และเริ่มจากการลงตะกรุด เขียนผ้ายันต์ให้ ทุกคนที่ขอ ต้องนำวัสดุมาเอง ท่านมีความชำนาญในการเขียนอักขระแลเลขยันต์ ตะกรุดและผ้ายันต์ทำให้แล้ว ถ้านานมากไม่มาเอา ท่านก็จะให้คนอื่นไป ไม่จดจำว่าเป็นของใครบ้าง คนขอต้องมาเฝ้าตามเอาเอง

 

ตะกรุดของท่าน ไม่เป็นเอกลักษณ์ มีทั้งทองแดง อลูมิเนียม หลอดยาสีฟัน ตามฐานะของผู้คนที่มาขอท่าน ไม่มีการทำเตรียมไว้แจก ใครมาขอและนำวัสดุมาก็จะทำให้ แล้วต้องมาติดตามให้ดี

 

รูปถ่ายขาวดำขนาดบูชา ที่นำมาให้ชมนี้ เป็นสมบัติของนายปลั่ง(เล็ก) มิ่งขวัญ นายปลั่งขอภาพนี้กับหลวงพ่อแปลกด้วยตนเอง บนกุฏิหลวงพ่อแปลก ที่วัดโพธาราม เมื่อคราวไปเยี่ยมท่าน และนำวัสดุ แผ่นทองคำแท้ เงินและนาค ให้หลวงพ่อแปลกลงตะกรุดสามกษัตริย์ให้ แต่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว และได้ดัดแปลงแก้ไขภาพถ่ายใบนี้ ใช้ในงานศพหลวงพ่อแปลก ที่วัดราษฎร์ อำเภอสรรพยา เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙

 

นายปลั่งเล่าถึงสุขภาพของ หลวงพ่อแปลกท่านแข็งแรงมาก ยังไม่เคยได้ยินข่าวว่าท่านเจ็บป่วยหนักประการใด ในรอบ๑ ปี หรือเมื่อมีโอกาสก็จะไปเยี่ยมท่าน ที่วัดโพธาราม อำเภอสรรคบุรี

 

หลวงพ่อแปลกอายุได้ประมาณ ๘๕ปี ญาติพี่น้องของท่าน รวมทั้งนายปลั่งมีความเห็นว่าต้องนำท่านกลับมาดูแล เพราะการบิณฑบาต ท่านอาจจะไม่สะดวก จึงได้ไปนิมนต์ท่านกลับมาและให้จำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา ในปี พ.ศ.๒๕๑๗

 

นายปลั่งเล่าต่อไปว่า ถึงแม้หลวงพ่อแปลกจะมีอายุมาก การลุกนั่ง เดิน ฉันอาหาร ยังช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นไปตามปกติ อาจจะเคลื่อนไหวช้าบ้างตามสภาพความเสื่อมของสังขาร ที่ชัดเจนก็คือท่านมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ไม่หลง ไม่มีโรคร้ายมาเบียดเบียน ตราบจนกระทั่งวันมรณภาพ

 

 

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๙ หลังจากหลวงพ่อแปลก ท่านฉันเช้าแล้ว ประมาณช่วงสาย ท่านลงมาทำตัดหญ้า บริเวณกฏิของท่าน หลวงพ่อแปลกท่านเป็นลม และมรณภาพด้วยอาการอันสงบ ณ วัดราษฎร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท

 

งานศพหลวงพ่อแปลก จัดขึ้น ณ วัดราษฎร์ โดยมีหลวงตาบัว วัดหลวงสิริบูรณาราม เจ้าคณะอำเภอสรรพยา ในขณะนั้น เป็นประธาน และได้ปรึกษากันระหว่างญาติของท่าน และลูกศิษย์ที่นับถือท่าน โดยมีกำหนดเก็บร่างของท่านไว้ ๑ปี โดยนำโลงที่ใส่ร่างของท่าน ไปฝังไว้ในป้าช้าของวัดราษฎร์ ที่อยู่ตรงข้ามกับวัด

 

จริงแล้วประมาณ ๑๐เดือน จากกรกฎาคม ๑๙-ถึง เมษายน ๒๐ ต่อไปนี้เป็นเรื่อง อจินไตย นายบาแดงขอให้ท่านผู้อ่านเป็นผู้พิจารณาเอง นายปลั่งเล่าว่า หลวงพ่อแปลกท่านมาเข้าฝัน ให้ไปนำท่านขึ้นมาเสียที ท่านรำคาญเสียง เสียงที่ว่านั้น คือในช่วงขณะนั้นมีการจัดรูปที่ดิน ใช้รถแทรกเตอร์ไถพื้นดิน และไถอยู่รอบๆบริเวณหลุมศพของหลวงพ่อแปลก เพราะมีป้ายปักชื่อของท่านไว้ ถ้าบาแดงจำไม่ผิด หลวงพ่อแปลกท่านมาเข้าฝัน นายปลั่ง ถึง๒ครั้ง เรื่องที่ให้นำร่างท่านขึ้นมา

 

นายปลั่งคิดว่า นำร่างหลวงพ่อแปลกขึ้นมาคราวนี้ ก็ควรจัดงานเผาร่างท่านให้เรียบร้อย จึงกำหนด วันขุดโลงที่บรรจุศพท่านขึ้นมา นายปลั่ง ตามคนมาช่วย๑ คน ชื่อนายรักษ์ เดชอยู่ ซึ่งเป็นญาติกัน มาช่วยในการทำศพ นายปลั่งเล่าต่อไปว่า ขุดร่างหลวงพ่อแปลก กันตั้งแต่เช้า

 

และก็ต้องพบกับความประหลาดใจ ศพของท่านอยู่ในสภาพเดิม มีปลายจมูกของท่านสีคล้ำนิดเดียว บาแดงถามซ้ำเรื่องสภาพศพหลวงพ่อแปลก นายปลั่งยังยืนยำคำพูด เรื่องการใช้ฟอร์มาลีนฉีดศพไม่ต้องพูดถึงไม่มี นายปลั่งยืนยันเช่นเดิม

 

เมื่อจับต้องร่างท่านเนื้อยังนิ่ม ตัวไม่แข็ง เปิดเปลือกตาสองข้างดู ตาขาวดำทั้งสองข้างอยู่ครบ และไม่แห้ง นายปลั่งคิดว่าศพของท่านน่าจะแห้งลงไปบ้าง ก็จะรูดหนังและเศษเนื้อออกไปบ้าง และตัดเอ็นตามข้อ เอาเฉพาะกระดูกใส่กระสอบที่เตรียมมา ทั้งนายปลั่ง และนายรักษ์ ต่างนั่งมองหน้ากัน

ทั้งสองท่าน ที่ไปช่วยปลงศพต่างคิดเหมือนกันว่า ร่างหลวงพ่อแปลกท่านไม่เน่าย่อยสลาย เนื้อตัวก็ยังนิ่มดวงตาสองข้างเต็มอยู่ครบ ตามธรรมชาติของศพ ดวงตาจะย่อยสลายไปเป็นอันดับแรกนายบาแดงสัมภาษณ์นายปลั่งผู้เล่าให้ข้อมูล พิจารณาดูผู้เล่าแล้วท่านไม่ได้สนใจในเรื่องนอกเหนือธรรมชาติมากนัก ท่านก็คงนับถือหลวงพ่อแปลกและทำมาหากินดูแลลูกหลานตามปกติเช่นสามัญชนโดยทั่วไป ไม่ตื่นเต้น ได้เห็น ได้รู้และเก็บไว้ในความทรงจำ 

เวลาสายมากแล้ว แดดเริ่มแรงนายปลั่งต้องไปตามคนมาช่วยทำศพเพิ่ม อีก๑ คน ในสมัยก่อนเวลาทำศพสดๆเขาต้องใช้มีดแร่เนื้อเผาทิ้งเสียก่อน แล้วรวมกระดูกมาทำพิธีเผาตามประเพณีหลวงพ่อแปลกก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ร่างของท่านไม่ย่อยสลายทั้งที่ใส่โลงฝังดินประมาณ ๙ เดือนขึ้นไปถูกน้ำท่วมมิดพื้นดินที่ฝังร่างของท่านประมาณ ๑ เดือนกว่าๆ 

นายปลั่งเล่าว่าตามคนมาช่วยแร่ศพหลวงพ่อแปลก มีดปาดลงไปเลือดยังเป็นสีแดงไหลออกมาแยกกระดูกและเนื้อออกจากกัน นำเนื้อศพหลวงพ่อมาเผาไฟ ตั้งแต่กลางวันจนตะวันตกดินเนื้อหลวงพ่อแปลกเผาไม่ไหม้ หมดฟืนไปเยอะ ไปนิมนต์พระที่วัดราษฎร์มาทำพิธีซัดเกลือเพื่อล้างอาถรรพ์ก็ยังเผาไม่ไหม้ จนพลบค่ำ สุดท้ายต้องนำเนื้อและกระดูกหลวงพ่อแปลกบางส่วนที่ยังแร่ไม่หมดรวมทั้งก้อนเนื้อที่เผาไฟไม่ไหม้นำไปทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา กระดูกบางส่วน นำไปประกอบพิธีเผาที่วัดมะปรางอำเภอสรรพยา เป็นพื้นที่ ที่ลูกชายคนโตท่านอาศัยอยู่ที่นั่นและนำกระดูกที่ประกอบพิธีเผาแล้วนำมาไว้ที่วัดสรรพยา 


สุดท้ายนายบาแดงขอเสริมเป็นข้อสังเกตเป็นเรื่องความเชื่อท่านผู้อ่านต้องพิจารณานายบาแดงเคยได้ยินคนรุ่นตาเล่าว่า ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ ฆราวาส เมื่อมรณภาพ ตายลงร่างไม่เน่าเปื่อย เนื้อตัวอ่อนนิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือธรรมชาติคนรุ่นคุณตาท่านว่า พระภิกษุรูปนั้น ฆราวาสผู้นั้น สำเร็จธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งนายบาแดงได้ยินเรื่องราวหลวงพ่อแปลกมานาน ตั้งแต่มาทำงานที่อำเภอสรรพยาเพิ่งจะมาเสาะหาประวัติของท่านมานำเสนอ วัตถุมงคลของท่านทุกอย่างน่าใช้บูชาแต่มีปริมาณไม่มาก เป็นของดีราคาถูกที่ไม่ธรรมดา

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 13:22.01
ความคิดเห็นที่ 5:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

เรื่องราวต่อไปนี้จะเป็นเรื่องที่เป็นอจินไตย เป็นเรื่องอภินิหารและอำนาจจิตของหลวงพ่อแปลก(นามเดิม นายแปลก พินิจจันทร์)แต่นายบาแดงจะขอสัมภาษณ์ จากผู้คนที่พบเห็นและอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นแต่ละเรื่องอาจจะต่างสถานที่ เวลาและบุคคล เรื่องที่ไม่มีตัวบุคคลยืนยันนายบาแดงจะไม่เขียนเล่าลงไว้ ณ ที่นี่และขอให้เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลยพินิจของทุกท่าน


โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 13:23.11
ความคิดเห็นที่ 6:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

เรื่องอภินิหารหลวงพ่อแปลก จากข้อมูลสัมภาษณ์ นายขาว เกิดเสม (เล่าไว้ณ วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ ณ พ.ศ.นี้ท่านอายุ ๖๐ ปี) นายขาว อดีตศิษย์วัดราษฎร์ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กวัดและอยู่มาก่อนที่หลวงพ่อแปลก จะมาจำพรรษาที่วัดราษฎร์เป็นเรื่องที่นายขาว เกิดเสม ได้ประสบพบเห็นด้วนตนเองเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่หลวงพ่อแปลกมาพักอยู่ที่วัดราษฎร์ ระยะเวลาสั้นๆ ก่อน พ.ศ.๒๕๑๗เรื่องที่นายขาว บอกเล่านี้เกิดขึ้นประมาณปีพ.ศ.๒๕๐๖-๒๕๐๙

 



                                               

 

 

                                                                                ขว้างผ้าเช็ดบาตรเป็นกระต่าย


นายขาวเล่าว่าช่วงนั้นตนยังเป็นลูกศิษย์วัดราษฎร์และเป็นเด็กนักเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดราษฎร์ระดับประถมศึกษาเป็นเรื่องที่ท่านผู้เล่าบังเอิญประสบพบเห็นแบบไม่ได้รับการเชื้อเชิญจากหลวงพ่อแปลก เรื่องมีอยู่ว่าในวั้นนั้น พระฉันเพลแล้วหลวงพ่อแปลก ท่านเดินกลับกุฏิไป โดยมีพระบวชใหม่(บวชพรรษาเดียว) ชื่อพระเบี้ยวเดินตามหลวงพ่อแปลกไปที่กุฎิด้วย


นายขาว ทำภารกิจของเด็กวัดเสร็จก็เดินผ่านไปทางกุฏินั้นด้วยเหมือนกัน นายขาวเล่าว่าช่วงนั้นหลวงพ่อแปลกท่านมาพักอยู่ที่กุฏิของเจ้าอาวาสองค์เก่าของวัดราษฎร์ภายในห้องกุฏิมีพระพุทธรูปโบราณทั้งนั่งและยืนมากพอสมควรและถูกจัดเรียงไว้เป็นโต๊ะหมู่บูชาปัจจุบันพระพุทธรูปหายไปหมดแล้วสภาพกุฏิก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเมื่อนายขาวผ่านมาที่หน้าประตูกุฏิ ได้ยินหลวงพ่อแปลกท่านพูดกับพระบวชใหม่ว่า

ท่านเบี้ยวช่วยจับกระต่ายหน่อย นายขาว สะดุดหยุดยืนดูที่หน้าประตูหันไปมองพร้อมแลเห็นหลวงพ่อแปลก นั่งอยู่และใช้ผ้าที่ท่านกำลังเช็ดบาตรขว้างมาทางหน้าประตู แต่ผ้าเช็ดบาตรตกลงมาก่อนถึงหน้าประตู พลันเมื่อผ้าตกถึงพื้นผ้ากลับกลายเป็นกระต่ายวิ่งวนอยู่ภายในห้องนายขาวซึ่งเป็นเด็กขณะนั้นก็เข้าไปวิ่งไล่จับกระต่ายในกุฏิ แต่ไม่สามารถจับได้กระต่ายหนีเข้าไปหลังโต๊ะหมู่บูชาแล้วหายลับไป ด้วยความเป็นเด็กไม่ได้สอบถามอะไรจับกระต่ายก็ไม่ได้ จึงเดินออกจากกุฏิไป ความคิดในขณะ ณ เวลานั้นมีความสงสัยและคิดว่าพระหลวงตาองค์นี้ทำอะไรแปลกๆ

 





                                      ฝูงผึ้งมาไล่เด็กดื้อ


เป็นเรื่องที่ นายขาวเกิดเสม พบเห็นและเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อแปลกด้วยตนเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองต่อจากเรื่องขว้างผ้าเช็ดบาตรเป็นกระต่าย แต่ต่างวันเวลา  ส่วนตัวนายขาวยังเป็นศิษย์วัดและนักเรียนอยู่

นายขาวเล่าว่า วันหนึ่งช่วงพักกลางวันซึ่งเป็นวันโรงเรียนเปิดเรียนตามปกติ วัดกับโรงเรียนอยู่ติดกัน

หลวงพ่อแปลกเรียกนายขาวไปพบแล้วสั่งว่า ให้ไปบอกกลุ่มเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่กำลังขึ้นปีนต้นมะยม ข้างกุฏิของท่าน โดยสั่งนายขาวไปว่าให้เด็กกลุ่มนั้นลงมาจากต้นมะยม เพราะข้างบนต้นมะยมนั้นมีผึ้งอยู่เดี๋ยวผึ้งจะต่อยเอา นายขาวคิดอยู่ในใจว่าอยู่มานานไม่เคยเห็นว่าจะมีรังผึ้งอยู่บนต้นมะยมนี้เลย แต่ก็ไม่เถียงโต้แย้งประการใด ปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสั่งนายขาวเดินไปถึงกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่กำลังปีนต้นมะยมกันอย่างสนุกสนานโดยตะโกนบอกเด็กกลุ่มนั้นไปว่า หลวงตาบอกให้ทั้งหมดลงมาจากต้นมะยมเดี๋ยวผึ้งจะต่อยเอา


นายขาวเล่าต่อว่าก็เดินไปตะโกนบอกเด็กกลุ่มนั้นไปอย่างที่หลวงพ่อสั่ง แต่มองไปก็ไม่เห็นมีผึ้งสักตัวเด็กกลุ่มนั้นมองลงมาตามเสียงที่นายขาวตะโกนบอกไป แต่ก็ไม่มีใครสนใจคงเล่นกันต่ออยู่บนต้นมะยม พร้อมทั้งขย่มต้นมะยม สั่นไหวไปมา นายขาวยืนอยู่ข้างล่างดูเด็กนักเรียนกลุ่มนั้นเล่นขย่มต้นมะยมกันอย่างสนุกสนาน อยู่ๆก็ปรากฏฝูงผึ้งฝูงใหญ่ขึ้น บนยอดพุ่มมะยมด้านบนสุด แล้วผึ้งฝูงนั้นเคลื่อนตัวลงมาไล่เด็กนักเรียนที่กำลังขย่มต้นมะยมกลุ่มนั้น นักเรียนกลุ่มนั้นรีบลงมาแบบแย่งกันลงวิ่งหนีไปทางอาคารเรียน ฝูงผึ้งตามขับไปและก็หายไปทางอาคารเรียนเช่นเดียวกัน


บาแดงสัมภาษณ์นายขาว เกิดเสมต่อไปว่า หลังจากฝูงผึ้งขับกลุ่มเด็กนักเรียนไปแล้ว มีความนึกคิดอย่างไรนายขาวเล่าต่อว่าความนึกคิด ณ ขณะนั้น สงสัยว่าฝูงผึ้งมันมาจากทางทิศไหนอยู่ๆฝูงผึ้งก็ปรากฏขึ้น ฝูงผึ้งฝูงนั้นไล่ต่อยเฉพาะเด็กกลุ่มที่เล่นบนต้นมะยมฝูงผึ้งผ่านกลุ่มเด็กนักเรียนที่เล่นอยู่ด้านล่างโดยไม่ทำร้ายภายหลังสอบถามกลุ่มนักเรียนที่โดนฝูงผึ้งไล่ ไม่มีใครโดนผึ้งต่อยเลยสักคนเดียวและมาคิดต่อไปอีกว่า หลวงพ่อแปลก ท่านมีวาจาสิทธิ์

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 13:23.36
ความคิดเห็นที่ 7:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

แล้วจะนำภาพวัตถุมงคลมาให้ชมภายหลังนะครับ  กำลังรวบรวมอยู่ 

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 14:00.58
ความคิดเห็นที่ 8:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

..

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 14:01.58
ความคิดเห็นที่ 9:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

หลวงพ่อแปลก  เมืองชัยนาท

โพสต์เมื่อ พ. - 05 ก.ย. 2555 - 14:16.59
ความคิดเห็นที่ 10:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-2
u-1-2
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

นำลงเรียบร้อย

 

โพสต์เมื่อ จ. - 01 ต.ค. 2555 - 23:45.13
ความคิดเห็นที่ 11:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
u-1-1
u-1-1
ตั้ง: 0 ตอบ: 0
คะแนน: 0
รายละเอียด

เรียนเว็ปมาสเตอร์

    

           นายบาแดงอยากให้ลงข้อมูล ที่เป็นข้อความเรื่องหลวงพ่อแปลกให้ครบสมบูรณ์ ตามที่ผมส่งมา ขอบคุณที่ลงให้ แต่เห็นว่ายังไม่ครบ เรื่องหลวงพ่อแปลก ยินดีให้ตรวจสอบ รับผิดชอบ ทุกกรณี

โพสต์เมื่อ อ. - 02 ต.ค. 2555 - 20:51.48
Top