พระพุทธองค์ ทรงแสดง กาลามสูตร กังขานิยฐาน 10 ประการ - webpra

หัวข้อ: พระพุทธองค์ ทรงแสดง กาลามสูตร กังขานิยฐาน 10 ประการ

กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

พระพุทธองค์ ทรงแสดง กาลามสูตร กังขานิยฐาน 10 ประการ
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 1
บายศรีพระเครื่อง
ตั้ง: 28 ตอบ: 174
คะแนน: 17
รายละเอียด
กาลามสูตร กังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ใน กาลามสูตร อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ) ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น พระสูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร หรือ กาลามสูตร พระพุทธองค์ ทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกทกาละมะ นั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้น โกศล ไม่ให้เชื่อ งมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ ตัวอย่าง อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้
โพสต์เมื่อ อ. - 16 เม.ย. 2556 - 22:13.14
ความคิดเห็นที่ 1:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 1
วังเทวี
ตั้ง: 100 ตอบ: 858
คะแนน: 289
ร้านค้า:
รายละเอียด

เป็นคำสอนในพุทธศาสนาที่ชาวพุทธเราควรทราบและปฏิบัติครับ

ขอช่วยเสริมอีกนิดว่า เปรียบเสมือนการกินเกลือครับ ถ้าไม่กินก็ไม่รู้ว่า เค็ม นั้นมันเป็นอย่างไร ถึงใครจะบอกจะอ้างอย่างไร ว่าเค็มนั้น มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่กระจ่าง ไม่ควรเชื่อ จนกว่าจะกินเกลือแล้วรู้รสเค็มด้วยตนเองครับ

ปล. กลับมาแล้วหรือครับคุณบายศรี ยังจำได้ คิดถึงเสมอครับ

โพสต์เมื่อ พ. - 17 เม.ย. 2556 - 15:50.44
Top