
หัวข้อ: เกร็ดประวัติ(เล็กๆ)ที่มาของตลาด.. พระเครื่อง พระบูชา
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
พลาดท่า.. ตกม้า(บาดเจ็บ!เล็กๆ) สำหรับกระทู้ที่แล้ว! เลยจะขอแก้ตัวด้วยกระทู้นี้... ก็แหล๋วกัลล์เน๊าะ
เรื่องนี้... เป็นเครดิตของท่าน ผศ. รังสรรค์ ต่อสุวรรณ นะครับ. ท่านเขียนไว้ในหนังสือเก่า(ที่ผมสะสมอยู่) เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ที่มาของตลาดพระเครื่อง พระบูชาครับ.
ขอเริ่ม..เลยเน้อ!!!
... ประวัติของวงการพระเครื่อง พระบูชา สัญณิฐานว่า น่าจะเริ่มต้นประมาณปี 2490 ศูนย์พระเครื่องและพระบูชาตั้งอยู่บริเวณสองข้างถนนริมคลองหลอด เริ่มตั้งแต่ศาลสถิต พระแม่ธรณีฯ จนมาจรดศาลแพ่งฯ ซึ่งยังเป็นเรือนไม้อยู่ เป็นแผงพระจรที่ตั้งและเก็บได้ บริเวณศาลแพ่งมีร้านขายน้ำ ขายกาแฟ เป็นเพิงตั้งอยู่ เราเรียกว่า " บาร์มหาผัน " ผู้คนที่สนใจพระในครั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย และข้าราชการที่สูงอายุ เราเรียกว่ารุ่นผ้าขาวม้าพาดไหล่ เดินดูพระตามแผงพระ ครั้งนั้นพระส่วนใหญ่จะเป็นพระแท้ เพราะพระแท้ยังมีมากและราคาไม่แพงนัก สำหรับผู้สูงวัยสามารถเล่นหาได้ ...
... พอตกเย็น บรรดาพ่อค้าและข้าราชการ ก็จะมานั่งชุมนุมกันที่บาร์มหาผัน นำเอาพระมาอวดกัน มาแลกกันดูและถกเถียงกัน ตลอดจนท้ายที่สุดก็จะแลกพระกัน เมื่อจะแลกพระกันก็ต้องตีราคาพระแต่ละองค์ให้เป็นที่ยอมรับกันก่อน เมื่อแลกพระกันแล้ว ราคาพระต่างกันจึงต้องชดเชยเป็นตัวเงิน จำได้ว่าในปี พ.ศ. 2490 พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ราคาองค์ละ 4,000 บาท พระสมเด็จวัดบางขุนพรมกรุเก่า รุ่นตกเบ็ด ราคาองค์ละ 200 บาท ส่วนพระขุนแผนเคลือบ ราคาองค์ละประมาณ 500 บาท ...
... ประเพณีการตั้งราคาพระจึงเกิดขึ้น เนื่องจากมีวัตถุประสงค์จะแลกเปลี่ยน จนก่อเกิดประเพณีการซื้อ-ขายพระกันจนตราบเท่าทุกวันนี้ เพื่อเป็นการเคารพในองค์พระพุทธศาสนา ผู้คนจะเรียกขาน การซื้อ-ขายพระ เป็น " การเช่าพระ " ...
... ต่อมาเทศบาลกรุงเทพฯ ต้องการให้ถนนและคลองหลอดสะอาดเรียบร้อย จึงขับไล่แผงพระทั้งหมด มาตั้งอยู่ในบริเวณวัดมหาธาตุ แผงพระซึ่งเคยเป็นแผงเคลื่อนย้ายได้ เริ่มตั้งรกรากเป็นร้านค้าถาวร แต่ ความไม่เป็นระเบียบของร้านค้าถาวรซึ่งสร้างในลักษณะชั่วคราว ก่อเกิดบรรยากาศที่เหมือนสลัม! ผสมกับความแออัดของผู้คน กลายเป็นชุมชนแออัดที่สกปรก ไม่เหมาะที่จะเป็นวัดมหาธาตุซึ่งเป็นพุทธสถานอันสำคัญยิ่ง ของปวงชนชาวไทย ...
... วัดมหาธาตุ ได้กำหนดให้ศูนย์พระเครื่องภายในวัดมหาธาตุทั้งหมด ย้ายออกตามกำหนด เพื่อให้วัดมหาธาตุคืนสู่ความเป็นวัด เพื่อที่พุทธศาสนิกชนจะได้เข้ามากราบ นมัสการบวรพระพุทธศาสนา ...
... ศุนย์พระเครื่องจึงได้ย้ายไปตั้งอยู่ในบริเวณ วัดราชนัดดา และ เพื่อให้ใกล้กับวัดมหาธาตุ บริเวณ ตลาดท่าพระจันทร์ ซึ่งสร้างเป็นตลาดสดในครั้งแรก แต่กลายเป็นตลาดร้าง จึงประจวบเหมาะกับศูนย์พระเครื่องได้ย้ายเข้ามาแทนที่ในตลาดสด กลายเป็นศูนย์กลางชุมนุมพระเครื่องและพระบูชาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตราบเท่าทุกวันนี้....
ผิด-ถูก ประการใด? ต้องขออภัย! เพราะ ผมเอง.. ก็เกิดไม่ทันหรอก! (พึ่งจะทำบัตรฯ ปชช.เมื่อไม่นานมานี่เอง.ห้ามถาม? ว่ารอบไหน?)
จะมีประโยชน์หรือเปล่า.. ก็ไม่รู้! ก็เอาไว้อ่านเล่นๆ ช่วงว่างๆก็แล้วกันเน๊าะ.

ถ้าใครเก็บพระสมเด็จตั้งแต่ยุคนั้น ซัก 100 องค์ แล้วเอามาขายในยุคปัจจุบันนี้ คงรวยไม่รู้เรื่องไปเลย...

ขอบคุณสำหรับข้อมุลครับพี่ ในสมัยผมก็อยู่ที่ท่าพระจันทร์เรียบร้อยแล้วครับ ในสมัยก่อนพอจะจำได้ว่าถ้าจะปล่อยพระเช่าพระ ให้ไปที่ท่าพระจันทร์ เพราะได้ราคาดี บรรดาเซียนพระก็พร้อมใจกันไปอยู่ที่นั่นกัน ผมยังพอจำได้ถึงตอนที่ยังหาพระตามบ้านไปปล่อยที่นั่นได้ครับ มีทั้งเสน่ห์และมนต์ขลังมากเลย ท่าพระจันทร์ในยุคนั้น แถมบางครั้งก็มีพระหลักเข้ามาให้ดูเป็นขวัญตาด้วย แต่ในสมัยนี้ตลาดพระกระจายกันไปหมดเลยครับ แถมยังไม่รวมว่าพระนี้แท้ที่นี่ที่อื่นเก๊อีกต่างหาก เฮ้อ..คิดแล้วน่าเศร้าครับ