
หัวข้อ: ประสบการณ์ดูการสัก หลวงพ่อตุ๋ย วัดอนงค์
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
เมื่อ40กว่าปีก่อน ผมยังเด็กเรียนมัธยม ตามไปดูพี่ชายซึ่งเป็นลูกศิษย์อาจารย์ตุ๋ย วัดอนงค์(ฝั่งธนบุรีเดินข้ามสะพานพุทธไปหน่อย) ไปสักยันต์กับท่าน ท่านสักน้ำมันครับ หวังผลทางพุทธาอาคมจริงๆ จะมีรอยสักอยู่ไม่กี่วันแล้วจะจางหายไป นอกจากของขึ้นเมื่อไหร่จึงจะเห็นรอยสักเป็นสีแดง
ตอนนั้นเห็นแล้วไม่กล้าสักเลยครับ เพราะสักแล้วจะ ลองของ กันแบบจะๆ คือ เอาตะปู3-4นิ้ว วางไว้บนไม้กระดาน เอาอีดาบฟันลงไปที่ตะปู ตะปูขาดกระเด็นออกเป็น2ท่อน ให้เห็นว่าอีดาบนี้คมจริง จากนั้นเอาอีดาบฟันลงที่ท้องของคนที่สักแล้ว ฟันแบบสุดแรงเกิด3ครั้ง คมดาบไม่ระคายเคืองผิวเลย(แต่ผู้โดนฟันบอกว่าจุกไปหลายวัน)
เท่านั้นยังไม่พอ เอามีดโกนหนวดแบบพับของช่างตัดผม มากรีดอย่างแรง ขวางเป็นกากบาดยาวลงไปบนแผ่นอก เห็นเลือดแตกซิบๆออกเป็นยางบอนออกมา แต่ก็แค่นั้น ไม่เหอะหวะ ลงไปถึงเนื้อ เหนียวจริงครับ
ผมเห็นอย่างนั้นเข่าอ่อนไม่กล้าสักเลย หลวงพ่อรู้ว่ายังเด็ก เลยให้พระลูกศิษย์ลงนะหน้าทองให้
เดินข้ามสะพานพุทธกลับมา พวกกระเป๋ารถเมล์สายปากน้ำ ได้กลิ่นน้ำมันจันทร์จากการลงนะหน้าทอง จะแซวหาเรื่องเพราะรู้ว่าไอ้นี่ไม่กล้าสักยันต์เหนียว ส่วนคนที่สักเหนียวจะมีกลิ่นน้ำมันไปอีกแบบ ไม่มีใครกล้าลองของครับ

น่าจะเป็นช่วงเวลาคราวเดียวกับของผมเหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมอยู่ ม.ปลาย แล้ว กำลังห้าวสุดๆ ย่านท่าดินแดงฝั่งธนฯ เหมือนกัน พอได้ข่าวเรื่องอาจารย์ตุ๋ย สักยันต์ให้บรรดาลูกศิษย์และบุคคลทั่วไป ก็แห่กันไปพร้อมสมัครพรรคพวก กะว่าเอาละวะคราวนี้ขอให้หนังดีๆกันซะบ้าง เวลามีเรื่องตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก(ขอประทานโทษ กลอนพาไปครับ) เวลาโดนสวนจะได้ไม่เป็นอะไร ก็เข้าไปสังเกตุการณ์ดูก่อนละครับ พอเห็นตอนสักยันต์เสร็จ ก็ลองกันเดี๋ยวนั้นเลย ก็อย่างที่ท่าน วังเทวี บรรยายไว้นั่นแหละครับ ถูกต้องหมดทุกอย่าง พอเห็นของจริงที่เขาลองกัน ไม่ไหวละครับ ใจไม่ถึงครับ ถอยหลังเลยไม่เอาแล้ว สักแล้วหนังเหนียวอย่างไรก็ไม่เอาแล้ว สักยันต์น่ะไม่เจ็บเท่าไร แต่ตอนลองนี่สิครับเห็นแล้วมันหวิวครับ
ไปกัน 6-7คน ไม่มีใครกล้าสักซักคน ถอยหลังกลับบ้านหมด ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงๆครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพอโตมีอายุขึ้นมาหน่อย ก็ลองคุยและก็สอบถามรุ่นพี่ๆ และรุ่นอาวุโสกว่าถึงเรื่องสักยันต์เสร็จแล้วก็ลองของกันจะๆตอนนั้นเลย บางท่านก็บอกว่าช่วงเวลานั้นเหนียวจริง แต่ถ้าผ่านเวลานั้นไปแล้ว อาจจะเสื่อมได้ ไม่ว่ามาจากสาเหตุใดก็ตาม อาจจะเกิดจากความประพฤติปฏิบัติของผู้ที่รับการสักยันต์ประพฤติผิดข้อต้องห้าม หรือเวทมนต์คาถาที่กำกับลงไปตอนสักอาจจะเสื่อมถอยหรือคลายลงไป อันนี้คงไม่มีใครตอบได้ หรือใครทราบก็ลองคุยให้ฟังบ้างก็ดีครับ จะได้เอาไว้ประดับสติปัญญา

การสักครับ ไม่ว่าจะสักน้ำมันหรือสักหมึก ก็ศักดิ์เหมือนกันครับ ผมเป็นคนนึงที่รกการสักยันต์มาก ในสมัยก่อน ขนาดทางครอบครัวห้ามไว้ ผมก็ยังแอบไปสักน้ำมันมา ผลก็คือ ถูกเฆี่ยนไปเสียหลายที แถมไม่ให้เข้าบ้านอีกเกือบสองอาทิตย์ จนแผลที่สักหายแล้วทางบ้านจึงถึงยอมให้เข้าบ้าน สำหรับผมในสมัยนั้น ได้มีหมอสักมาจากเขมร มาปลูกเพิงหมาแหงน ที่ปลายนารับลูกศิษย์แล้วสักให้ พอสักเสร็จ ก็จะเอามีดสปาต้ากรีดหลังจนเป็นผื่นแดงไปหมด ซึ่งจะกรีดหลังจากใส่เสื้อแล้วด้วยเท่านั้น ส่งผลให้เสื้อขาดไปหมด หลังจากกรีดเสร็จ ถ้าเป็นเด็กแบบพวกผมก็จะถีบตกเพิงไปเลย แต่ถ้าเป็นคนมีอายุก็จะสะกิดบอกให้ลงไป เรื่องความเหนียวหลังจากสักเชื่อถือได้เลยครับ แต่การถือคำครูนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ เพราะถ้าเรารักษาสัจจะที่ครูมอบให้มาได้ของที่เรารับมาก็จะอยู่นานครับ แต่ถ้าถามว่าอยู่ได้ตลอดไปมีไหมคำตอบก็คือ ถ้าไม่นับคนรุ่นเก่าจริงๆ (ในปัจจุบันนี้ไม่น่ามีแล้ว ยกเว้นพระสงฆ์) ไม่มีแล้วครับ เพราะในปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงในบางเรื่อง ในสถานที่ได้ ยกตัวอย่าง บางสำนักมีการห้ามลอดใต้สะพาน แต่บ้านเราก็สะพานลอยเพียบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้รับมาก็รอวันเสื่อมครับ จะช้าเร็วก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น แล้วถ้าถามว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจะสักไปทำไม ผมตอบได้เลยครับว่านอกจากจะชอบเป็นการส่วนตัวแล้วผมยังสักเพื่ออนุรักษ์มันไว้ด้วย( ปัจจุบันผมสักอยู่ที่วัดบางพระที่เดียว) ให้ลูกหลานได้ดูว่าการสักยันต์มันเป็นอย่างไง ส่วนเรื่องการเสื่อมนั้นจะไปกังวลทำไมครับ ในเมื่อเรามียันต์อยู่กับตัวแล้ว เราก็แค่กลับไปให้ครูที่สักยันต์เป่าให้ใหม่ก็ขลังเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งเราควรจะไปทุกปี ด้วยเหตุนี้เราจึงควรไปในงานไหว้ครูทุกปีไงครับ นอกจากจะไปเพื่อพอครูแล้วยังถือโอกาสเพิ่มความเข้มขลังให้ยันต์ของเราด้วย ได้พบศิษย์คนอื่นด้วย คิษย์อาจารย์เดียวกันก็ย่อมช่วยเหลือกัน ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นข้อดีทีเดียวครับ สำหรับผมถึงแม้ว่าสักน้ำมันมาหลายปีแล้ว แต่ก๋เพิ่งเปลี่ยนเป็นหมึกเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ผมขอเคารพและบูชาครูท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เก๊าะ!!! แสดงว่า ของเขาดีจริงๆ ขนาดกระเป๋ารถเมล์ ยังรัก.. ยังแซว.. แล้วคนที่บ้าน(ที่อยู่อีกซีกของโลก) จะไปไหน?รอด จอดสนิท!
ส่วนที่สักเหนียว.. แล้วไม่มีใครกล้าลองของ สงสัย!จะออกมากันหลายคน (เพราะ..ยังจุกอยู่ เลยช่วยกันประคองกันออกมา) .. ขำๆรับวัน (...) ออกครับ.
อาจารย์ตุ๋ย สักแล้วลองเลย เป็นที่รู้จักของพวกวัยรุ่น ประมาณปี 20 เรื่อยมา สมัยนั้นเด็กฝั่งธนฯ นิยมมาสักกันมาก (ตามตี๋ใหญ่ ที่ถูกยิงตาย น่าจะประมาณปี 21 ถ้าจำไม่ผิด) ผมอยู่บางขุนเทียน ไปกับเพื่อน .. เพื่อนนอนคว่ำสัก พอเสร็จแล้ว เอาดาบซามูไรฟันดังบึ้กๆๆ เป็นรอยแดงแค่ยางบอนเท่านั้น ส่วนตัวผมไม่ได้สัก ยุคนั้นที่เฮี้ยนๆ ก็มี สักเก้ายอด (ยุคสมัยที่สอง ยุคแรกเป็นของรุ่นใหญ่ที่ตลาดยอด บางลำภู ) กับสักพ่อแก่ คู่นี้เจอกันตีกันประจำ ..เป็นจิ้งจก กับ ตัวเอสที่คอ
อาจารย์ตุ๋ยตามมา สักน้ำมัน วัยรุ่นไปสักกันคืนละหลายสิบคน ก็ดีไปอย่างเหมือนกัน คือถ้ารู้ว่า สักอาจารย์เดียวกัน จะไม่ตีกัน..เพราะอาจารย์ตุ๋ยสั่งไว้ว่าห้ามทะเลาะกันเอง