
หัวข้อ: บ่นกันสนุกครับ
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

นาน ๆ ทีหาเรื่องบ่นไปตามประสา ความจริงอยากจะบ่นบ่อย ๆ นะครับแต่ติดที่ระเบียบเว็ปเรื่องการโพส เพราะเรื่องแต่ละเรื่องมันก้ำกึ่งทั้งนั้น ก็เลยหาเรื่องมาปั่นกระทู้ไม่ได้เลย พอมารอบนี้เลยรวมมาหลายเรื่องเลย เอาให้สนุกได้แง่คิดกันด้วยครับ
เรื่องแรกผมได้อ่านกระทู้ของเว็ปมามีอยู่กระทู้นึงที่ถามเรื่องการรับของโจร ถึงแม้ผมจะได้ตอบไปในกระทู้นั่นแล้ว แต่ก็ขอเล่าไว้ให้เตือนใจนะครับ เมื่อสี่ห้าปีที่แล้วที่ผมเพิ่งฮึดกลับมานั่งส่องพระใหม่ หลังจากโดนจนเจ็บน้ำตาร่วงมา เพียงแต่ว่าตอนนั้นผมย้ายมาอยู่สุราษฏร์ธานีเรียบร้อยแล้ว ผมไม่รู้เลยว่าเราจะไปเริ่มที่ไหน มึนไปหมด (ในปัจจุบันมีหลายที่ครับแต่ที่เยอะที่สุดคือโรงหนังเก่านิโด้) ก็เลยลองขี่รถตระเวนแถวกองบินดู ก็ไปเจอแผงพระเล็ก ๆ อยู่แถวกองบิน พูดคุยกันก็ได้ความว่าเขารับพระมาจากวัยรุ่นแถวนั้น มันเอาจากบ้านมาขายเอาเงินไปเที่ยวกัน แต่เขาก็ไม่เอาทั้งหมดเพราะดูไม่ได้ทุกองค์ดูได้แต่พระทางใต้ ส่วนพระหลักราคาสูงก็ไม่มั่นใจ บางครั้งพวกนี้ก็เอาพระเก๊มาบ้างเหมือนกัน ตาดีได้ตาร้ายเสีย ผมจึงนัดกับเจ้าของแผงว่ามาวันไหนก็มาดูด้วยกัน ว่าแล้วมหกรรมกวาดพระราคาถูกก็เริ่มขึ้น ผมก็ได้พระราคาไม่แพงมากมาปล่อยราคาพอได้กำไร คนเอาไปปล่อยต่อได้ดี การเงินคล่องตัวขึ้นทันตาเห็น จนกระทั่งวันนึงมีพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน ซึ่งผมไม่ค่อยรู้เรื่องจริง ๆ แต่ดูจากความเก่าและความแห้ง พ.ศ.ลึกแน่นอน เจ้าของแผงไม่กล้าเสี่ยงเพราะกลัวเก๊ ผมจึงรับมาในราคาหนึ่งพัน พอนำกลับมาให้หัวหน้าซึ่งเป็นแฟนพันธ์แท้หลวงปู่ทวดถึงกับตะลึงเพราะมันคือหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ปี ๒๔๙๗ หัวหน้าบอกแค่ว่าหมื่นนึงเอาไหม โอ้...เอามาพันเดียวไม่ทันข้ามวันหมื่นนึงแล้ว ตกลงทันที หลังจากนั้นอีกห้าวันได้รับแจ้งว่ามีตำรวจต้องการพบจึงไปพบ ได้รับแจ้งว่าพวกเข้ารับแจ้งว่ามีคนแจ้งความว่าพระถูกขโมย สามารถจับวัยรุ่นที่ขโมยได้ ทั้งหมดให้การซักทอดว่าเอามาปล่อยให้กับผม โอ๊ย...ได้ฟังลมแทบจับ งานนี้ถูกไปให้ปากคำที่โรงพักพร้อมนายทหารพระธรรมนูญ โชคยังดีที่ได้คุยกับเจ้าทุกข์ เจ้าทุกข์แจ้งว่าถ้านำมาคืนได้หรือนำเงินมาให้หนึ่งแสนบาทค่าพระก็จะไม่ติดใจเอาความ ว่าแล้วก็รีบตาลีตาเหลือกกลับมาหาหัวหน้าทันที โชคยกกำลังสอง หัวหน้าปล่อยพระไปแล้วเมื่อวานราคาสามหมื่นบาท จึงขอให้หัวหน้าติดต่อคนซื้อให้เพื่อเจรจา สุดท้ายเมื่อคนซื้อทราบว่าเป็นพระที่ถูกขโมยมาจึงนำมาคืนให้แต่ขอเงินคืนพร้อมกับค่าเสียเวลาผมจึงขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวจ่ายเงินไปสามหมื่นห้าพันบาท งานนี้จึงจบจะว่าจบแบบแฮปปี้ก็บอกยากเพราะผมยิ้มไม่ออกจริง ๆ งานนี้เกือบไป เกือบเสียประวัติโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เสียแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเวลาไปหาพระนอกสนามผมจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น บางทีเคยเห็นพระดีแต่พอดูใต้องค์เห็นมีเส้นใยคล้ายกำมะหยี่ ชวนให้นึกขึ้นได้ว่ามันไปงัดเอามาจากหน้ารถใครมาหรือเปล่าเนี่ย สรุปสยองตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้
เรื่องต่อไป คนที่มีแผงพระน่าจะเคยเจอนะครับ คนที่นำพระแท้มาปล่อยแต่ขอราคาสูงมากเพราะมันแท้ สุดท้ายก็ปล่อยไม่ได้ ผมเคยเจอครับตอนตระเวนอยู่ตามแผงพระ มีลุงคนนึงนำพระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิงมาปล่อย เอามาปล่อยค่อนข้างสูงถึงห้าพันบาท ผมเดินเข้าไปดูเห็นว่าแท้ แต่น่าจะปล่อยได้แค่สามพันสำหรับที่นี่(พระบางองค์ต่างสถานที่ราคาอาจต่างกันนะครับขึ้นอยู่กับว่าเราปล่อยที่ไหนหรือกับใคร สายตรงหรือเปล่า) จึงบอกไปว่าสองพันได้ไหม เท่านั้นหล่ะด่าผมเสียแย่เลย ว่าแล้วก็เอาไปปล่อยในแผง ผมก็ลืมไปแล้วจนตอนบ่ายผมก็เห็นลุงแกนั่งซึมอยู่จึงได้เข้าไปถาม แกถามผมว่าทำไมมันขายยากจังไปแผงไหนก็ให้แค่พันหรือสองพันเท่านั้นอย่างเก่งก็ได้แค่สองพันห้า ผมจึงบอกแกว่าราคาที่ลุงต้องการถ้าลุงเป็นเจ้าของแผงเองก็ได้อยู่ครับ แต่ลุงต้องเข้าใจด้วยว่าคนเช่าจากลุงไปเขาก็ต้องการกำไร ถ้าเอาจากลุงไปห้าพันเขาจะขายเท่าไรหล่ะครับ อีกอย่างไม่รู้ว่าเมื่อไรจะขายได้ด้วยถ้าเอาจากลุงไปแล้วต้องเก็บไว้อีกสามเดือนจึงขายได้ช่วงนั้นเขาจะกินอะไรหล่ะครับ ลุงแกนั่นฟังอย่างเศร้า ๆ แกบอกว่าต้องการใช้เงินจริง ๆ จะเอาไปประกับลูกชาย ผมก็อยากช่วยอยู่แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะช่วยยังไง พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าวันรุ่งขึ้นจะมีนายทหารต่างหน่วยท่านนึงท่านชอบพระกรุมาก มาราชการที่กองบิน จึงลองโทรศัพท์เพื่อติดต่อดูปรากฏว่าได้ผลครับ ท่านสนใจอยู่เลยนัดกันและพาลุงไปด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ในราคาห้าพัน แต่ก็ได้ในราคาสี่พัน มีความสุขทุกคนครับ ส่วนผมสุขใจอย่างเดียวครับงานนี้ไม่มีเงิน
บ่นกันเรื่องสุดท้ายครับอย่างเพิ่งเบื่อนะครับอันนี้คุยกันสนุก ๆ พอดีมีคนถามถึงเรื่องโค๊ดกลับหัวซึ่งผมก็ให้ความเห็นไปแล้ว เลยทำให้นึกถึงของแปลก ๆ ได้ พอดีว่าผมมีรุ่นพี่ที่รับเลี่ยมพระอยู่ในกองบินเราสนิทกันพอดูเลยครับ วันนึงผมได้นำคำหมากมาให้เลี่ยม พี่เห็นเลยสงสัยถามมาว่าของใครหรอน้อง ผมก็ตอบไปว่าของท่านอาจารย์ทอง วัดสถลครับพี่ แค่ได้ยินเท่านั้นประโยคต่อมาคือ พี่ไม่เชื่อหรอก อันนี้ผมก็ไม่ว่าครับ ผมจึงได้บอกไปว่า พี่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับเพราะผมเข้าใจ อาจารย์ทองท่านไม่นิยมฉันหมากด้วยเหตุนี้จึงไม่มีคำหมากแน่นอนครับ แต่วันนั้นอาจารย์ท่านมอบให้ผมมากับมือของท่าน (ยังแห้งไม่สนิทด้วย) ท่านบอกว่าทดลองดูวิชาไม่ได้ใช้เดี๋ยวลืมหมด มันยังไม่แห้งนะเอาไปตากแดดให้แห้งก่อน ท่านทำไว้สองคำ มอบให้ผมมาหนึ่งคำ ด้วยเหตุนี้ผมจึงเชื่อว่ามันเป็นของแท้ แต่นอกจากคำพูดของผมแล้วมันไม่มีหลักฐานใดเลยว่าของชิ้นนั้นเป็นของแท้ ผมจึงมองไปว่าสักวันหนึ่งถ้าอาจารย์ท่านละสังขาร หมากคำนี้ก็คงเป็นได้แค่ของปลอมชิ้นนึงที่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ว่ามันแท้ ว่าแล้วหลังเลี่ยมเสร็จก็เอาขึ้นคอทันที งานนี้ใครว่าเก๊ผมไม่ว่า เพราะผมรู้ว่าแท้คนเดียวเท่านั้นไม่เป็นไร
ท้ายสุดฝากภาพไว้ให้เตือนใจแบบขำ ๆ นะครับ โอกาสหน้าจะมาบ่นอีกครับ



เดินทางใกล้ไกลปลอดภัยทั่วโลก
ด้วยความเคารพ


อ่านเพลินเลยครับ เรื่องที่พลาดไปแล้วถือว่าเป็นประสบการณ์ครับ เอามาเล่าต่อถือเป็นวิทยาทานครับ
ปล.รถพี่คันนี้อย่าจอดแถวบ้านผมนะ ผมจองพระสมเด็จ องค์ใหญ่ดี 555

ขอบคุณครับที่มาบ่นให้ฟัง...3 ยิ้มครับ
+1 ครับพี่ อ่านแล้วเพลิดเพลินจริงๆ ครับพี่ ได้ความรู้ ได้ข้อคิดอะไรอีกหลายอย่าง แถมยังมีขำขันตบท้ายด้วย ยังรอพี่มาบ่นเพิ่มอีกหลายๆ เรื่องนะครับ
ขอบคุณครับ

+1 สนุกดี
ผมก็เคยเจอครับเรื่องรับของโจรซวยกว่านั้นถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตายอีก เรื่องมีอยู่ว่ามีเด็กเอาพระมาขายให้ในราคาสูงทีเดียวผมจึงไม่เอ่ะใจแต่มีหลายองค์(ทั้งเก๊และแท้)ผมก็ชื้อในราคาเหมาเพราะองค์ที่แท้ก็คุ้มแล้ว อีกสองวันต่อมามีตำรวจมาที่บ้านเลยเพราะเด็กมันซักทอดมาหาผมโดนข้อหารับของโจร แต่พอเจรจากับเจ้าทรัพย์เท่านั้นแหละครับพระองค์ที่เก๊เจ้าทรัพย์บอกว่าไม่ใช่ของตนผมจึงให้เด็กบอกเจ้าทรัพย์ว่าพระที่ให้ผมเช่ามีตามนี้จริงๆแต่เด็กมันบอกว่าไม่ใช่ตามนี้เอาล่ะทีนี้งานเข้าผมจึงถูกตั้งข้อหารับของโจรทันทีเลย ตำรวจจึงเชิญผมไปให้ปากคำที่โรงพักแต่ระหว่างทางมีเด็กมากระซิบบอกผมว่าเจ้าทรัพย์กับเด็กที่เอามาขายให้มันเป็นน้าหลานกันจึงคิดว่าเป็นทีมงานที่จะเรียกเงินจากผมหรือเปล่าพอให้ปากคำผมก็ถามไปว่าน้าของเด็กแจ้งความจับผมข้อหารับของโจรไม่กลัวว่าหลานของตัวเองจะโดนข้อหาลักทรัพย์หรือทั้งสองตกใจที่ผมรู้ ผมจึงด่าไปว่าทำไมมึงจึงเอาเด็กมาหากินอย่างนี้(เด็กอายุ 11ปี)เดี๋ยวพวกมึงก็ไม่ตายดีหลอกพอให้ปากคำเสร็จก็กลับบ้าน(ยังไม่โดนจับ) พอวันรุ่งขึ้นประมาณหกโมงเช้าตำรวจมาที่บ้านอีกแล้วบอกว่าไอ้น้าหลานถูกยิงตายเมื่อคืนนี้ ผมตกใจมากกลัวยิ่งกว่ารับของโจรอีก ตำรวจเอาผมขึ้นรถไปโรงพักเลยสอบสวนนานมากเพราะตำรวจสงสัยผมคนเดียวเลยตอนนั้นภรรยาจึงได้ประกันตัวผมออกมาสู้คดี สรุปอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาจับคนยิงได้เป็นเด็กโต๊บอลเพราะน้ามันติดหนี้โต๊ะบอลอยู่แสนกว่าบาทผมจึงหลุดส่วนข้อหารับของโจรผมให้เงินช่วยค่าทำศพเมียของผู้ของเมียผู้ตายก็ไม่ติดใจอะไรเพราะรู้มาแต่ทีแรกแล้วแต่ไม่ขอเกี่ยวด้วย ผมจึงไปรดน้ำมนต์ถวายสังฆทานปล่อยปลา ปล่อยนกและบอกกับตัวเองว่าถ้ามีใครมาให้เช่าพระที่เราไม่มั่นใจก็จะไม่เอาอีกแล้วเข็ดจริงๆ
ขอให้ทุกท่านจงมีสติอย่าประมาทโดยท่องคาถา "อย่าโลภ ๆ ๆ ๆ " แล้วจะปลอดภัย และพึงระลึกอยู่เสมอว่า "คนตายเพระาสมบัติ สัตว์ตายเพราะอาหาร" นี่คือสัจจธรรม ขอทุกท่านจงโชคดีครับ