
หัวข้อ: การล้างขี้มือ คราบสกปรก บนผิวพระเนื้อดิน
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
หลายๆท่านที่นิยม สะสมพระกรุ โดยเฉพาะพระเนื้อดิน เมื่อเวลาได้พระใหม่ๆมา คงเคยพบเจอว่า พระนั้นสกปรก มีคราบเหงื่อไคล
และขี้มือใครต่อใคร สัมผัสมา จนเนื้อหยาดเยิ้ม ที่บางคนเรียกกันว่าพระเนื้อจัดนั้น นักสะสมรุ่นคุณปู่นิยมกันมาก บางคนพอได้พระมา เนื้อพระไม่จัด ก็เอามือที่เปรอะเปื้อนเหงื่อไคลลูบไล้ บางคนก็ใช้ใบตองแห้งขยี้จนเป็นฝอย แล้วถูกับเนื้อพระ จุดประสงค์ก็คือ เนื้อพระจะได้ดูจัดขึ้น โดยหารู้ไม่ว่า การทำเช่นนั้น จะทำให้พระสูญเสียความคมชัดไป และธรรมชาติที่แห้งผาก คราบกรุ และรารักที่มีประปราย บนผิวเนื้อ ที่ช่วยให้ เป็นเครื่องยืนยัน ถึงความแท้ของพระเนื้อดิน แบบเดิมๆ ก็หลุดมลายหายไป
ปัจจุบัน หากยังมีใคร ดันไปทำเช่นนั้นอีก แม้แต่เพียงเอามือไปลูบถูพระ ของผู้อื่นเข้าละก้อ มีหวังได้เกิดทะเลาะกัน เป็นเรื่องใหญ่โต
โกรธกันแบบไม่ยอมคบหากันอีก เพราะสมัยนี้ นักสะสมทั่วๆไปนิยมพระสภาพเดิมๆ ไม่นิยมไปตกแต่งให้พระเนื้อจัดขึ้น เพราะนอกจาก ความคมชัดของพระจะลดลงแล้ว ธรรมชาติของผิวเนื้อที่แห้งผาก มีคราบกรุบางๆแบบเดิมๆนั้น ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้อีก ดังนั้น สมัยนี้การจะควักพระออกให้ผู้อื่นดู จึงมักจะเลี่ยมใส่กรอบ ไม่ให้มือเข้าไปสัมผัสกับองค์พระได้อีก
วิธีการที่จะล้างคราบสกปรก ตลอดจนขี้มือออกจากผิวพระนั้น จะช่วยให้ผิวพระ แห้งผาก เป็นธรรมชาติ ดูแล้วเหมือนกับพระองค์นั้น แทบจะไม่เคยโดนสัมผัสมาก่อน ผลพลอยได้ก็คือ ได้เช็คพระว่า มีรอยอุด มีซ่อมที่ใดบ้างหรือไม่

เราจะใช้ใบชาจีน จะเป็นยี่ห้ออะไรก็คงใช้ได้ อย่างตราสามม้าที่มีขายตาม 7- อิเลเว่นก็ได้ ใส่พระลงในภาชนะที่เป็นพลาสติก ถ้าเป็นกระเบื้อง หรือแก้วจะแกร่งเกินไป จนกระทบกับเนื้อพระอาจทำให้เนื้อพระบิ่นได้ ใส่ใบชาลงไปสักหยิบมือหนึ่ง แล้วหยด สบู่เหลว ยี่ห้อ จอนห์สัน ลงไป สัก 2 -3 หยด ให้ห่างๆองค์พระ จากนั้น ใช้นํ้าร้อนที่มีอุณหภูมิราว 70 - 80 องศา C โดยสังเกตุว่านํ้าร้อนเริ่มมีควันฉุยลอยขึ้นมา และเริ่มเกิดฟองปุดๆเล็กน้อย อย่าใช้นํ้าเดือด สบู่ก้อนควรหลีกเลี่ยง เพราะจะละลายไม่หมด และปริมาณอาจมากเกินไป เทนํ้าร้อนลงไป อย่าให้โดนองค์พระโดยตรง ให้ระดับนํ้าท่วมองค์พระสัก 3 - 4 ซ.ม. แล้วใช้พู่กันขนอ่อนกวนนํ้าเฉพาะด้านบน ระวังอย่าให้ไปกระทบ องค์พระเข้า ใช้เวลาประมาณ 3 นาฑี ค่อยๆเทนํ้าออกลงในภาชนะพลาสติกอีกใบหนึ่งที่นำมารองรับ จนนํ้าเริ่มเหลือน้อย ใช้กระดาษทิสชู่กระจุกหนึ่งกันไว้ที่ปากภาชนะที่กำลังเทนํ้า เทนํ้าออกจนหมด แล้วค่อยเทพระออกบนผ้าแห้ง หรือกระดาษทิสชู่ ซึ่งอาจมีใบชาติดไปด้วย
ตอนนี้เราสามารถหยิบพระมาใส่ฝ่ามือ แล้วใช้กล้องส่องดูรอยอุดรอยซ่อมขององค์พระ เนื้อพระเก่าเมื่อเริ่มแห้ง นํ้าที่เกาะติดองค์ พระอยู่จะแห้งวูบไปกับตา ส่วนใดที่ยังคงเปียกชื้น ใช้เวลานานผิดปกติ ก่อนความเปียกชื้นจะมลายหายไป แสดงว่า เป็นส่วนที่เนื้อพระ ไม่ได้มีอายุเท่ากันกับเนื้อส่วนอื่นๆ ที่ผ่านกาลเวลา แบบเป็นธรรมชาติ ก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไร
ท่านที่ลองใช้วิธีนี้ดู จะพบว่า ผิวเนื้อพระ จะมีฝ้านวลขึ้นมา ราวกับไม่เคยโดนสัมผัสจับต้องมาก่อน การใช้นํ้าร้อนที่ร้อนพอสมควรนี้ก็เพื่อฆ่าแมลงกินเนื้อพระ และไข่ที่อาจจะติดมากับองค์พระ ไม่ให้เนื้อพระโดนกินหลังจากนี้ ถ้าไม่เช่นนั้น แมลงกินพระอาจจะระบาดไปยังพระองค์อื่น ที่อยู่ในกล่องเดียวกันได้ นอกจากนั้นนํ้าร้อนจะช่วยให้คราบนํ้ามันที่ซึมอยู่บนผิวพระละลายปนออกมาได้ดีกว่านํ้าเย็น
ใบชานั้นก็เป็นสารที่ใช้ล้างคราบนํ้ามันอีกอย่างหนึ่ง ดังจะพบว่า ถ้าใครเคยไปกินไก่ย่างสนามมวยในสมัยก่อน ( ไม่ได้ไปนานแล้ว ยังไม่รู้ว่ายังใช้ใบชาอยู่อีกหรือไม่ ) คงพบว่าตอนนั้นเขาจะมีนํ้าชาใส่ชามมาให้ คนที่ไม่รู้จะนึกว่าเขาเสริฟนํ้าชา ตอนกินไก่ย่างก็จะซดนํ้าชาเข้าไปโฮกใหญ่ๆ กว่าจะรู้ว่าเขาเอาไว้ล้างมือขั้นแรก ก่อนไปห้องนํ้าฟอกสะบู่อีกที ก็คงทำหน้าปูเลี่ยนๆ อยากอ้วกเป็นแน่
บางท่านอาจสงสัยว่าวิธีนี้ใช้กับพระเนื้อชิน และพระเนื้อผงได้หรือไม่ พระเนื้อชินนั้นใช้ได้ครับ แต่ต้องเป็นพระเนื้อชินที่เนื้อแน่นๆ ถ้าเป็นพระชินเงิน ที่ผุ ระเบิด เนื้อแห้งและหลุดร่วนเป็นผง ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะความชื้น จะเร่งให้พระเสียหาย หรือผิวปรอทจะดำคลํ้าลงได้ ถ้าไม่ได้ผึ่งพระจนหมดความชื้น พระผงก็เช่นกัน เนื้อพระส่วนมากจะยุ่ย และละลายนํ้าง่าย เช่นพระผงวัดปากนํ้า ที่มีปัญหาโดนนํ้าไม่ได้เลย เพราะการเกาะติดกันของเนื้อก็เกิดจากสารประสานเนื้อแบบหลวมๆ แค่ตากแห้ง แล้วคงสภาพเป็นก้อนนั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงครับ

สมัยหัดเล่นพระใหม่ๆ พอได้พระมาก็เอาไปให้คนแก่ๆ (ที่เข้าใจว่าดูพระเป็น) ดูให้ แกก็จับพระของเราถูตามหน้าตาของแก เหงื่อก็จับพระจนเยิ้ม แล้วก็ส่องดู ตอนนั้นยังไม่ประสีประสาเรื่องพระ ก็เลยถามแกไปว่า ทำไมต้องเอาพระเช็ดเหงื่อด้วยล่ะลุง แกตอบว่า จะได้เห็นเนื้อ ชัดๆ ...อุแม่...เจ้า..เป็นสมัยนี้ คงช็อคตาตั้ง เป็นลม 10 ตลบเลย
เยี่ยมครับ วิธีล้างคราบสกปรก ให้ความรู้ดีมาก + 1 ครับผม

เข้ามาหาความรู้เพิ่มเติม...ขอบคุณครับ like เลย...

แจกแต้มครับ
ชอบมากครับคุณนักสะสม ขอบคุณมากครับ
คงต้องลองทำดู แต่ก่อนนี้ใช้น้ำอุ่น กับภู่กันค่อยๆปัดออก แต่หลังๆไม่ค่อยกล้าทำ กลัวพระไม่อยู่ในสภาพเดิม
แต่บางทีพระสภาพเดิม ก็มีคราบเยอะไปก็ไม่สวย ลูกค้าก็กลัวซ่อม พอล้างก็๋โดนติว่าล้าง
แต่อ่านข้อคิดของคุณนักสะสมที่ว่าเป็นการฆ่า ตัวกินพระ ชอบตรงนี้ครับ
เมื่อวานได้พระลือหน้ายักษ์มา ถ้าแท้ก็หายากมากทีเดียว จะล้างหรือไว้เดิมๆ ขอคำแนะนำด้วยครับ



ยังไม่ได้ลองทำ เดี๋ยวจะลองทำดู แต่ตอนนี้เอาไป +1

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างแล้วครับ...ขอบคุณครับ...

อยู่บ้านหลังนี้ได้ความรู้เยอะครับ จัดไป + ๑
ด้วยความเคารพ