
หัวข้อ: พระเนื้อดินสีจืดๆ ใช้ถูกเหงื่อไคลแล้ว เนื้อจัดขึ้นได้จริงหรือ
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
คนที่สะสมพระกรุ โดยเฉพาะพระเนื้อดิน ตอนสะสมพระใหม่ๆ ตอนที่ประสพการณ์ยังไม่ค่อยมี จะชอบพระเนื้อจัดๆ และก็เพราะในสมัยก่อน คนดูพระเป็นมีน้อย พระที่ออกจากกรุใหม่ๆ และพระทำเทียมเลียนแบบ มองด้วยสายตานักสะสมหน้าใหม่ แทบจะไม่มีความแตกต่างกัน เพราะนักสะสมหน้าใหม่ ไม่รู้วิธีดูพระ ว่าจุดสังเกตุการดูพระแท้ และธรรมชาติบนผิวพระว่าควรเป็นเช่นใด ดังนั้นพระเนื้อจัดๆจึงมัก เข้าตา นักสะสมหน้าใหม่ มากกว่า ทำให้ตัดสินใจเช่าพระได้ง่าย เจ้าของแผง และนักสะสมพระรุ่นเก่าๆ จึงมักชอบที่จะตกแต่งผิวพระ ให้ดูเนื้อจัด มองทะลุคราบผิวลงไป เห็นเนื้อใน ก็โดยการขัดถูคราบผิวด้านบนด้วยใบตองแห้งที่ยีเป็นฝอยแล้วมั่ง แปรงขนอ่อนมั่ง พร้อมทั้งเอาพระมาเช็ดถูคราบนํ้ามันที่ผิวหน้าของตนพลาง ขัดถูเนื้อพระโดยเอามือลูบ ให้คราบนํ้ามันซึมลงในเนื้อพระ จนเนื้อพระเริ่มหนึกนุ่ม เห็นว่านดอกมะขาม ลอยเต็มไปหมด แบบพระที่ห้อยใช้แล้ว พระที่ผิวโดนเหงื่อไคล เนื้อจะหนึกนุ่ม เป็นมันวาว สีสันจัดขึ้น ดึงดูดสายตาคนได้มากกว่าเดิม
ครั้นพอ ดูพระเป็น รู้จักการดูคราบกรุ รารัก และธรรมชาติบนผิว ก็เกิดความคิดว่า พระสภาพเดิมๆที่มีคราบผิวเป็นธรรมชาติก็มีความงามแบบเดิมๆไปอีกแบบหนึ่ง แล้วยังรักษาสภาพความคมชัด ที่ไม่โดนขัดถู ตกแต่งผิวให้ดูสกปรก ไม่เป็นธรรมชาติ แล้วสภาพที่เสียไปไม่สามารถ นำกลับคืนมาได้ ปัจจุบัน คนเป็นจึงนิยมพระสภาพเดิมๆที่เป็นธรรมชาติแบบ สุดๆ ดังนั้นการให้พระใครชม จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้ใครสัมผัสแตะต้องผิวพระได้อีก
อนึ่งรูปที่นำมาลงประกอบนี้ ผมดูดมาจาก web ต้องขออนุญาติท่านเจ้าของพระมา ณ ที่นี้ด้วย

ต่อความเข้าใจของนักสะสมหน้าใหม่ ที่มักจะโดนนักเล่นรุ่นพี่ มักจะพูดกรอกหูว่า พระเนื้อจืดๆแบบนี้ ใช้ไปๆ ถ้าโดนเหงื่อไคลแล้ว เนื้อพระก็จัดหนึกนุ่มขึ้นเองแหละวะ คำพูดข้อนี้สำหรับนักสะสมที่พอมีประสพการณ์จึงจะมีคำตอบของตนเอง ผมเองเมื่อเริ่มสนใจพระ ก็อายุราว 16 ปี จึงพอทันกับรอยต่อ ของความนิยมเกี่ยวกับพระสภาพเนื้อจัดๆ และสภาพผิวพระแบบเดิมๆเช่นทุกวันนี้
จากประสพการณ์ พอจะตอบได้เต็มคำว่า พระเนื้อจืดๆนั้นใช้ไปๆ โดนไอเหงื่อ โดนเสียดสีมากๆแล้ว ความจัดของเนื้อนั้นจะเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ก็น้อยมาก ราวสัก 20 % เมื่อเทียบกับพระเนื้อจัดกรุเดียวกัน
ที่เป็นเช่นนั้น ผมเข้าใจว่า พระที่มีเนื้อจัดๆกว่าพระกรุเดียวกัน น่าจะเกิดจากหลายปัจจัย อย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือ มวรสารที่นำมาจัดสร้างขึ้น น่าจะทำขึ้นหลายๆครั้ง แต่ละครั้งก็ผสมมวรสารที่แตกต่างกันไป ดินที่ใช้ก็ไม่ใช่ที่เดียวกัน แล้วสัดส่วนการผสม อาจจะแตกต่างกันมาก สภาพของกรุที่นํ้าท่วมถึง เนื้อพระจะฟ่าม เนื้อดินเกาะกันหลวมๆ เทียบกัน กับพระ
ที่อยู่บนๆ ไม่โดนนํ้าท่วมเนื้อจะแน่น และมีสีเข้มกว่า
ความเห็นของผมอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ ถ้าท่านใดที่มีความเห็นที่ อาจจะแตกต่างออกไป ก็ขอเชิญให้ความเห็นครับ

ได้ความรู้อีกแล้ว ขอ+ ให้ครับ

นึกถึงนักดูพระรุ่นเก่าๆ ที่นิยมเอาพระไปถูเหงื่อ คิดแล้วมันปวดตับจริงๆ ...พับผ่า..ซิ.. เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่นะครับ แต่เป็นพวกแผงแบกะดิน ลองผ่านไปแถวๆ สามแยก แถบริมถนนแถวสวนกวางตุ้ง จะมีแผงแบกะดินขายกันตลอดทั้งสายถนนเจริญกรุงเลย ผ่านไปดู เห็นนั่งขัดพระด้วยใบตองแห้งกันเหยงๆ อยากจะเข้าไปเขกกระโหลกซักโป๊กนึง แต่กลัวมันสวนเอา.... ไม่รู้เอาตำรามาแต่ไหนกัน หรือไม่ก็คงพวกเดียวกันรุ่นเก่าๆที่สั่งสอนกันมาก็ไม่รู้..แฮะ...แต่ถ้าพูดถึง เรื่องรารัก ว่านดอกมะขาม เดี๋ยวนี้ของเก๊ ก็ทำได้ใกล้เคียงนะครับ ต้องระวังหน่อย พวกมือใหม่ หรือมือกลางใหม่กลางเก่า อย่าดูหมึกจีนเป็นรารักเข้าให้ก็แล้วกัน ก็แนะนำให้หาของแท้ ราคาเบาๆอย่างพระกรุ อายุร้อยกว่าปี มาลองศึกษาดู อย่างที่ท่านนักสะสมเอาภาพมาให้ดู หรือของผมก็ได้ กรุวัดราชนัดดา กรุเดียวกัน (โฆษณา ขายของซะเลย ...แหะ...แหะ...) ของแท้ราคาถูก เอาไว้เป็นครู ครับ


พวกขายพระปลอมมีวิธีการแต่งพระ ที่สั่งสอนสืบทอดกันมา จนบางทีเอาพระแท้ไปแต่งด้วยความไม่รู้ น่าเขกกระโหลกจริงๆ
สำหรับผมเห็นเนื้อพระลำพูนจนชินตา แต่งยังไงก็ไม่เหมือน
พระกรุใหม่ที่ไม่โดนใช้เนื้อจะแห้งผาก พระกรุเก่าที่ไม่โดนใช้เนื้อจะหนึกแกร่ง ส่วนพระกรุเก่าที่โดนใช้เนื้อจะหนึกนุ่ม
อันนี้ คงต้องใช้ประสบการณ์ เห็นบ่อย ส่องบ่อยครับ
อย่างที่คุณ onepeer ว่าไว้ว่าสมควรที่นักสะสมใหม่ สมควรจะสะสมเป็นอย่างยิ่งก็คือ พระดีราคาถูก แค่สนนราคาหลักร้อย หลักพันต้นๆ อายุก็ปาเข้าไปร่วม 100 กว่าปีแล้ว อย่างองค์แรกที่เอามาให้ดูนั้น เนื้อจัดขนาดพระซุ้มกอยังอาย รารักบนเนื้อพระก็ดูแสนง่าย อย่างนี้ ผมเองเจอเมื่อไร เป็นโดดเข้าฟัดทันทีครับ

ขอบคุณครับ ได้ความรู้สำหรับมือใหม่ครับ