" สำรวม " - webpra

หัวข้อ: " สำรวม "

กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

" สำรวม "
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 3
หนุ่ยพุทธบูชา
ตั้ง: 188 ตอบ: 863
คะแนน: 367
รายละเอียด

" สำรวม " ของผมหมายถึง.. การฉันภัตตาหารของพระภิกษุสงฆ์ ภิกษุณีย์ สมณะชี พราหม์ ที่นำเอาอาหาร หวานคาว ที่รับบิณฑบาตมาได้ นำมาใส่รวมในบาตรแล้วฉันอาหาร

 รสชาติของอาหารคาว ขนมหวาน ที่รวมกันมันไม่อร่อยลิ้นสักเท่าไหร่หรอก.. แต่ก็ทำให้ท้องอิ่มได้..มีแรง..มีกำลังที่จะปฏิบัติธรรมได้โดยไม่ต้องยึดติดกับ.. รูป,รส,กลิ่น,สี อันเป็นหลักธรรมของพระศาสดาผู้ซึ่ง ตัด-ลด-ละ-กิเลส-โลภะ-โทษะ ให้ทุเลาเบาบางลง

 ผมมีเกร็ดประวัติ เรื่องราวเกี่ยวกับภัตตาหารของ..ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต ซึ่งก่อนที่ท่านจะบวชเป็นพระภิกษุฯ ท่านได้รับราชการฯในวัง ในรัชสมัยฯ ของพระบาทสมเด็จฯพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.6) จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยานรรัตนราชมานิต

 การบวชของท่าน.. มาจากการบวชเพื่อ.. ถวายเป็นพระราชกุศลฯแด่..องค์รัชกาลฯที่ 6 ที่ได้เสด็จสวรรคตสู่สวรรค์คาลัย

ซึ่งในระหว่างที่ยังเป็น " นวกภิกขุ(พระบวชใหม่)อยู่นั้น พระภิกษุนรรัตนก็ได้ปฏิบัติตน เยี่ยง! นวกภิกขุทั้งหลาย คือ การออกรับบิณฑบาต , การออกนอกวัดไปไหน-มาไหน เพียงแต่...ฉันภัตตาหารวันละหนึ่งเวลา และ เป็นอาหารมังสวิรัต

 ต่อมา..ท่านเห็นว่า..การออกบิณฑบาตนั้นไม่สู้จะเป็นประโยชน์นัก จะเป็นการไปตัดลาภพระภิกษุรูปอื่นๆ เพราะทราบว่ามีหลายคนตั้งใจจะใส่บาตรเฉพาะกับท่าน และ ภัตตาหารที่ได้จากการบิณฑบาตมา.. ก็ไม่ได้ขบฉัน (ท่านฉันมังสวิรัต) ท่านจึงงดบิณฑบาต แต่..ได้ให้ทางบ้านจัดนำอาหารมังสวิรัตมาถวายเท่านั้น

 พอย่างเข้าพรรษาที่ 5-6 ท่านก็เปลี่ยนจากอาหารมังสวิรัต มาเป็นอาหารที่ท่านคิดตำหรับขึ้นเอง เป็นตำหรับที่ท่านเล็งเห็นว่า.. มีประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ และ ท่านก็ฉันแบบนั้น จำเจอยู่ชนิดเดียว!..แบบเดียว! จนตลอดชีวิตของท่าน

 อาหารที่พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต ฉันในระยะ 35 พรรษาหลังนี้  มีผู้โจษขานกันไปต่างๆนาๆ บ้างก็ว่าเป็นอาหารจากสำนักพระราชวังส่งมาบ้าง! บ้างก็ว่าเป็นข้าวคั่วบ้าง! เป็นรำบ้าง! ซึ่งเป็นการกล่าวกันไป โดยที่อาจจะไม่รู้ความจริง หรืออาจจะ รู้เท่าไม่ถึงการณ์..

 ** อาหารที่ท่านฉันนั้น นายตริ จินตยานนท์ (น้องชาย) และครอบครัวเป็นผู้ปรุงถวาย เสร็จแล้วได้ให้ลูกชายนำมาถวายที่วัด ในเวลา 8.00น. ซึ่งเป็นเวลาที่พระภิกษุนรรัตนจะลงทำวัตรเช้า **

อาหารที่ท่านฉันนั้นประกอบด้วย..

 1. มะนาว ผลขนาดกลาง แกะเอาแต่เนื้อแยกเป็นกลีบๆ 6-9 กลีบเพิ่มจำนวนตามขนาดของผลมะนาว

 2. ใบไม้สีเขียว ใช้ใบไม้ที่รับประทานได้ ตำละเอียดขนาดก้อน เท่าหัวแม่มือ โดยปกติจะใช้ใบฝรั่ง เพราะที่บ้านปลูกต้นฝรั่งไว้ แต่บางคราวก็ใช้ใบไม้อื่นๆเช่น ใบสะเดา ใบกระถิน ใบมะม่วง ใบมะเฟือง ใบมะยม ใบมะดัน ใบก้ามปู ฯลฯ 

 3. อาหารกวน ใช้แทนเป็นกับข้าว ประกอบด้วย ถั่ว 5 อย่าง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อย่างละเท่าๆกันต้มให้้เปื่อย โม่ให้ละเอียด ใส่กะทะกวน ผสมเกลือ น้ำตาลทรายแดง น้ำมะขามเปียก ชิมรสให้กลมกล่อม กวนจนแห้ง การกวนครั้งหนึ้งๆจะเก็บเอาไว้ใช้ถวายได้ 1 อาทิตย์

 4. ถั่วเขียวและข้าวสาร ส่วนผสมเท่ากัน โม่ให้ละเอียด ผสมน้ำกวนในกะทะจนสุก ใช้แทนข้าว

 5. มันเทศ ล้างสะอาดไม่ปอกเปลือก ตัดเป็นชิ้นๆพอใส่ลงกล่องได้ นึ่ง 9 คำ

 6. กล้วยน้ำว้า

 7. ของหวาน คือ ขนมกวนแห้งๆ เช่น. ถั่วกวน เผือกกวน มันกวน ข้าวตู

ภาชนะใส่อาหาร เป็นกล่องอลูมิเนียม รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีฝาปิด ขนาดกล่อง สูง 1นิ้ว กว้าง 6 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว

การจัดวางอาหารลงกล่องจะจัดลงตามส่วนดังนี้ ใช้ใบตองรองกล่องก่อน แบ่งกล่องเป็น 3 ช่องเท่าๆกัน 

 ช่องซ้าย.. วางมันเทศนึ่ง 9 ชิ้น

 ช่องกลาง.. วางมะนาวลงตรงกลาง > กลบด้วยใบไม้ตำ > กลบด้วยอาหารกวนตามข้อ 3 (กับข้าว) > แล้วกลบด้วยถั่วเขียวผสมข้าวสารตามข้อ 4. (ข้าว)

 ช่องขวาตอนบน.. วางกล้วยน้ำว้าปลอกเปลือกแล้ว ตัดแบ่งไม่ให้ขาดผลละ 3 ท่อน 2 ผล

 "........" ตอนล่าง.. วางขนมหวาน ข้อ 7. จำนวน 9 คำ

เสร็จแล้วตัดใบตองปิดอาหารที่จัดทำ แล้วปิดฝากล่อง ชั้นแรก..ห่อด้วยผ้าสีเหลือง แล้วห่อด้วยผ้าพลาสติดสีขาว อีกชั้นหนึ่ง แล้วใส่ลงในถุงพลาสติกรัดด้วยยางให้เรียบร้อย ส่งถวายให้ทันเวลา 8.00 น.ทุกวัน (เป็นช่วงที่ท่านเดินทางกลับจากทำวัตรเช้าที่พระอุโบสถ กลับไปกุฏิ) ถ้าไปไม่ทันหรือเลยเวลาไปแล้ว ท่านจะไม่อยู่รอ.. จะเดินกลับไปกุฏิทันที และ ไม่รับถวายของที่กุฏิ ทุกกรณี!

 ท่านจะฉันอาหารประมาณเวลา 10.00 น. ช้อนที่ท่านใช้เป็นช้อนที่ทำด้วยกะลา..

จากอาหารที่ท่านฉันจำเจ ตลอด 35 พรรษาเศษฯนี้ จะแสดงให้เห็นว่า ท่านเน้น!เพื่อความคงอยู่ของสังขารเท่านั้น! ไม่ได้ปราถนาในรสชาติความเอร็ดอร่อยของอาหาร ซึ่งผิดกับสามัญชนโดยทั่วไป ที่พยายาสรรหาอาหารมาบำรุงบำเรอความอยาก..ที่เรียกร้องให้เปลี่ยนรสชาติอยู่เสมอ

 และนี่..คือ พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต พระภิกษุฯผู้มีคุณธรรมวิเศษฯ สมควรที่เรา.. เหล่าสาธุชนคนดีให้ความเคารพฯ กราบไหว้อย่างสนิทใจ ขอขอบคุณ..

  เครดิต!...จากหนังสือ..อัตตชีวะประวัติ..ของท่านเจ้าประคุณ ธมฺวิตกฺโก ภิกขุ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวิหาร. 

สุดท้าย.. ยังมีอีกไหมครับ. ปัจจุบันนี้ ที่ทำแต่ไม่พูดทั้ง.. บรรพชิต แล.. ฆารวาส  สวัสดี!!!

โพสต์เมื่อ อา. - 29 ก.ย. 2556 - 01:47.49
ความคิดเห็นที่ 1:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
finally
ตั้ง: 23 ตอบ: 482
คะแนน: 27
รายละเอียด

ตถตา

โพสต์เมื่อ อา. - 29 ก.ย. 2556 - 08:11.02
ความคิดเห็นที่ 2:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
วังเทวี
ตั้ง: 100 ตอบ: 858
คะแนน: 289
ร้านค้า:
รายละเอียด

ขอบคุณ คุณหนุ่ยครับ ที่กรุณาเผยแพร่วัตรปฎิบัติของท่านเจ้าคุณนรฯ ที่น่ากราบไหว้บูชาครับ

เสริมของคุณFinallyนิดนึงครับ คงจะพิมพ์ตกไป น่าจะเป็นคำว่า ตถาคตา

ตถาคตา หมายความว่า ความเป็นเช่นนั้นเอง

พระพุทธเจ้าทรงใช้คำเรียกตัวเองว่า ตถาคต หมายความว่า ผู้เห็นความเป็นเช่นนั้นเอง

กล่าวตามที่ครูบาอาจารย์ มีท่านพุทธทาสภิกขุ พระปัญญานันทภิกขุ เป็นต้น ท่านได้สั่งสอนเอาไว้ครับ 

โพสต์เมื่อ อา. - 29 ก.ย. 2556 - 11:11.21
ความคิดเห็นที่ 3:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 1
finally
ตั้ง: 23 ตอบ: 482
คะแนน: 27
รายละเอียด

ผมค้นมาจาก google ครับ ท่าน วังเทวี

โพสต์เมื่อ อา. - 29 ก.ย. 2556 - 15:27.44
ความคิดเห็นที่ 4:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
dorn80
ตั้ง: 73 ตอบ: 558
คะแนน: 184
รายละเอียด

ชื่นชมทั้ง 3 ท่านครับ โดยเฉพราะท่านเจ้าของกระทู้ที่นำเสนอสิ่งดีๆมาเล่าสู่กันฟังครับ..Laughing

โพสต์เมื่อ อา. - 29 ก.ย. 2556 - 16:09.06
ความคิดเห็นที่ 5:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
วังเทวี
ตั้ง: 100 ตอบ: 858
คะแนน: 289
ร้านค้า:
รายละเอียด
finally:

ผมค้นมาจาก google ครับ ท่าน วังเทวี

ต้องขอโทษคุณfinally เป็นอย่างมากครับ ผมพิมพ์ดูในGoogleแล้ว คำว่า ตถตา มีจริงอย่างที่คุณFinallyบอกไว้ครับ

และเป็นคำที่มีความหมายเดียวกันกับ ตถาคตา คือ กล่าวโดยสรุปหมายความว่า ความเป็นเช่นนั้นเอง

ขอบคุณมากครับ ผมได้คำใหม่อีกคำ อิอิ

โพสต์เมื่อ อา. - 29 ก.ย. 2556 - 20:34.53
ความคิดเห็นที่ 6:
คะแนน ความคิดเห็นที่มีประโยชน์: 0
devilman
ตั้ง: 13 ตอบ: 91
คะแนน: 18
ร้านค้า:
รายละเอียด

กราบท่านเจ้าคุณนรฯด้วยเกล้าครับ

ขอบคุณพี่หนุ่ยครับ สำหรับสิ่งที่ดีๆที่เล่าสู่กันฟัง

โพสต์เมื่อ พ. - 02 ต.ค. 2556 - 19:46.14
Top