
หัวข้อ: สอบถามพิมพ์วันทาเสมา ค่ะ
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

วัดพลับ แท้ไหทคะ

ด้านข้าง

ขยาย

ไม่แท้ ครับ

ขอบคุณค่ะ ขอความกรุณานำรูปแท้มาให้ชมได้ไหมคะ ด้วยความเคารพค่ะ

รูปของพระหลักๆที่ราคาเช่าหาระดับหลักหลายๆแสน จนถึงหลักล้าน ส่วนใหญ่จะเป็นของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการพระ หรือที่เรียกกันว่า "เซียนใหญ่" ซึ่ง รูปพระของท่านเหล่านั้นส่วนมากเป็นรูปมีลิขสิทธิ์ทั้งนั้น การที่จะนำรูปเหล่านั้นมา "ก๊อป" หรือทำซ้ำ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม โดยที่เจ้าของไม่อนุญาต ก็เสี่ยงต่อการถูกฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ได้ครับ และรูปเหล่านั้นเจ้าของก็บล็อกเอาไว้ ไม่สามารถที่จะดึงภาพออกมาได้ แต่เข้าไปดูในเว็บส่วนตัวของท่านเหล่านั้นได้ ก็แนะนำให้เจ้าของกระทู้เลือกที่จะเข้าไปดูในเว็บที่เจ้าของเป็นผู้มีชื่อเสียงหน่อย อาทิเช่น amatasiam ของคุณป๋อง สุพรรณ หรือในเว็บของ Taprachan ก็เชื่อถือได้ครับ ส่วนรูปของผู้ตอบไม่มี ต้องขออภัยด้วย เพราะถ้ามีผู้ถาม 100ท่าน ขอดูรูปทั้ง100 ท่าน ก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ แต่ถ้าบางองค์มีเก็บเอาไว้ก็จะนำมาให้ดู ครับผม

ขอบคุณค่ะ สำหรับวิทยาทาน
ในความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ความจริงการให้การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องคนรุ่นใหม่หรือผู้ซึ่งมาสนใจศึกษาใหม่ น่าจะเปิดกว้างเปิดเผย ให้ความรู้บอกตำหนิพระเครื่อง พิมพ์แท้ที่แท้จริง เนื้อหาแท้ของพระ อะไรต่างๆเหล่านี้ น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย หรือเอาไตรวจสอบได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การตรวจหาความเก่า หาคาร์บอน14 ตรวจความเก่าของพระทางวิทยาศาสตร์ ตรวจมวลสาร มันก็จะน่ามีความเป็นสากลมากขึ้น และหมดข้อกังขา สำหรับทุกฝ่าย อ้าปากไม่ออก เพราะมันจบได้ด้วยเรื่องเหตุและผล ผสมกับส่วนหนึ่งของประสพการณ์ของเซียนในดูพระเบื้องต้น
ที่กล่าวมานี้ ดิฉันเสนอความคิดเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ เรียนเสนอท่านonepeer ว่าคิดเห็นอย่างไรคะ

จากที่ท่าน0nepeer แนะนำให้ไปชมตัวอย่างพระแท้เช่นในเวป amatasiam
เลยลองไปเสิร์ชมาค่ะ ได้มาตามรูป


เซฟเอามาเฉพาะรูป

แล้วนำมาทำภาพกราฟิคลักษณะเชิงซ้อนค่ะ


ปล.รูปเล็กไปหน่อย เพราะถูกบังคับให้โพสต์ไฟล์ได้ไม่เกิน15000b ค่ะ

เรียนขอความคิดเห็นจากท่าน onepeer ค่ะ

ฝากไฟล์ไว้ เพื่อดูรูปได้ใหญ่ขึ้นค่ะ
http://upload.sodazaa.com/share-0303_52DFFB1E.html

รูปที่ผมแนะนำไปไม่ใช่รูปที่คุณนำมาลงใหม่นะครับ คนละรูปกัน ส่วนรูปที่ผมแนะนำเป็นพระที่ดูง่ายมาก ของเดิมเขาถ่ายออกมาชัดเจน แต่ผม "ก๊อป" ออกมาได้ไม่ชัดเท่าที่ควร เพราะผมไปเปลี่ยนโปรแกรม Window ใหม่ เลยทำให้วิธีการโหลดภาพต่างในระบบเก่าใช้ไม่ได้ และระบบใหม่ผมก็ยังไม่คล่องเท่าที่ควรภาพที่ออกมาก็เลยไม่ชัดเจนเท่าไร ถ้าอยากดูภาพนี้ชัดๆ ลองเข้าไปที่ google พิมพ์คำว่า พระวัดพลับ จะมีรายการขึ้นมาให้เลือก คลิกไปที่พระวัดพลับพิมพ์วันทาเสมา คลิกไปที่คำว่าค้นรูป แล้วเทียบดูรูปที่ผมนำมาลง ว่าเป็นภาพพระองค์เดียวกัน ส่วนองค์อื่นในภาพรวม ก็มีทั้งเก๊ และแท้ คละกันไป ส่วนการที่ทำกราฟฟิกภาพเชิงซ้อนในความหมายที่ว่าเป็นพระพิมพ์เดียวกัน เหมือนกัน แล้วจะเป็นข้อยุติว่าเป็นพระแท้เหมือนกัน น่าจะไม่ถูกต้อง เพราะต้องเข้าใจว่าการที่จะดูพระต้องดูที่องค์ประกอบโดยรวม โดยเริ่มจากพิมพ์ถูกต้องหรือไม่ เนื้อหามวลสารต่างๆมีตามที่วงการเขายอมรับหรือเปล่า และสุดท้าย คือความเก่า ถึงยุคหรือไม่ ซึ่งในของเก๊ก็มีหลายระดับฝีมือ พิมพ์อาจใกล้เคียงมาก เพราะถอดพิมพ์มา นึกออกไหมครับ แต่ก็ตื้นผิดธรรมชาติ แต่เนื้อหาและความเก่า ทำไม่ได้แน่ เก่าแบบธรรมชาติ กับเก่าแบบใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวเร่ง คนที่ชำนาญเคยผ่านและเคยจับต้องของแท้ๆมาแล้วจะมองออกไม่ยาก
สำหรับการตรวจหาความเก่าทางวิทยาศาสตร์ ด้วยวิธี C 14 สำหรับพระเครื่องที่อายุต่ำกว่า 300 ปี ลงมา ทำไม่ได้ ครับ เพราะความผิดเพี้ยนจะมาก ผมเคยอธิบายคร่าวๆไว้ในกระทู้ถามตอบพระสมเด็จ ส่วนเรื่องที่การให้ความรู้ในการดูพระว่าแท้ หรือไม่แท้ของบรรดาเซียนพระทั้งหลาย ก็ต้องทำใจครับ เพราะเป็นอาชีพของเขา ถ้านักสะสมดูพระเป็นกันหมดทุกคน เขาก็ทำมาหากินลำบาก การที่จะมาสอนหรือดูพระให้ฟรีก็คงจะยากสักหน่อย เพราะเขาถือว่าประสบการณ์ของเขาแลกมาด้วยความยากลำบาก ไม่ต้องหวังอะไรให้มากหรอกกครับ เอาแค่ขอให้เขาซื่อสัตย์ต่ออาชีพของเขาก็พอแล้ว เช่น เวลาจะซื้อพระจากเรา พระแท้ บอกแท้ พระเก๊ บอกเก๊ ก็เป็นพระคุณแล้ว แต่ถ้ารู้แล้วว่าแท้ แต่ดันบอกว่าเก๊ หวังว่าจะได้ของถูก อย่างนี้ก็ไม่ไหว "คบไม่ได้" ครับผม ส่วนพระองค์ที่คุณนำมาลงใหม่ ไม่ขอวิจารณ์ ครับ

มีปัญหาเรื่อง upload รูปครับ

upload

ลองเปรียบเทียบดูนะครับ กว่าจะ upload มาได้ เล่นเอาอดข้าวกลางวันเลยครับ ...เฮ้อ....

ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณท่าน onepeer มากๆๆค่ะ ที่เสียสละเวลา (รวมทั้งอดข้าวกลางวันด้วย555) มาให้วิชาความรู้ค่ะ
ไม่ใช่เพียงแต่ดิฉันคนเดียว แต่ให้ความรู้สำหรับคนที่ต้องการหาความรู้ท่านอื่น (ที่ไปเสิร์ชหา เมื่อเวลาผ่านไป หากกระทู้นี้ไม่ถูกลบ)
อย่างน้อย ดิฉันก็นับถือท่าน ที่แสดงความจริงใจ ในการให้ความรู้เปรียบประหนึ่งอาจารย์ ที่นำรูปพิมพืวันทาเสมา
แล้วระบุว่าเป็นรูปพระแท้มาให้ชมกัน
ในความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้คิดว่า เมื่อนำรูปพระแท้กับรูปของพระที่มีนำมาทำรูปเชิงซ้อน แล้วสรุปว่าเป็นพระจริงแท้
ไม่ใช่เลย
แต่คิดว่า เป็นเพียงแค่ การดูเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าพิมพ์ได้ก็จะได้ไปดูส่วนอื่นต่อไป อย่างเป็นเหตุเป็นผล
เช่น เมื่อพิมพ์ได้ ก็ไปดูที่ตำหนิของพิมพ์ ที่เป็นที่ยอมรับกันว่าทุกพิมพ์ควรมี
หรือไม่ก็ไปดูที่เนื้อหาพระ มีมวลสารอะไรบ้างตามที่มีบันทึกในสมัยที่มีการสร้างพระ
และความเป็นเหตุเป็นผล ของพระที่ผ่านการณ์เวลา แล้วจะมีลักษณะอย่างไร
ถ้าพิมพ์พระเมื่อเปรียบเทียบรูปกับพระแท้ แล้วไม่ผ่าน ยังห่างไกล ก็น่าจะเป็นข้อยุติได้
แต่ถ้าผ่านก็ควรที่จะพิจารณาในข้อต่อไป ใช่หรือไม่คะ???
ดังนั้น จึงขออนุญาตท่าน onepeer นำรูปพิมพ์แท้มาทำรูปเชิงซ้อน กับรูปพระของดิฉันค่ะ

เพราะว่าไฟล์ที่นำมาทำรูปเชิงซ้อนเป็นไฟล์ใหญ่ จึงนำรูปไปฝากไว้ที่อื่น ตามนี้ค่ะ
http://imagehost.thaibuzz.com/ia/anigifa1.gif
หรือ
http://imagehost.thaibuzz.com/show.php?id=158c8badc999421947c6a58ffb36d596

จากการที่ นำรูปแท้มาทำภาพเชิงซ้อน กับรูปของพระที่มี
เห็นว่า ก็น่าจะใกล้เคียง หรือว่า พอได้ๆๆ!! (ความคิดเห็นส่วนตัว)
จากนั้นก็เลยไปลองเสริชหา จุดตำหนิต่างๆของพิมพ์วันทาเสมานี้ในกูเกิ้ล
แล้วได้มาตาม 4 รูปนี้ค่ะ



ตำหนิ พระวันทาเสมา วัดพลับ



จากนั้นก็นำรูปพระที่ดิฉันมี มาเปรียบเทียบ
ดังรูป



ดูรูปขยายได้ที่นี่
http://imagehost.thaibuzz.com/iv/20058712054b4horza.jpg
และ
http://imagehost.thaibuzz.com/iv/20058712054b5horza.jpg

จากรูป
จึงเรียนมา ให้ท่าน onepeer ช่วยพิจารณา ในส่วนที่เป็นตำหนิของพระวันทาเสมา วัดพลับ ค่ะ

ก็คงจะไม่วิจารณ์ หรือ พิจารณา อะไรต่อไปแล้วละครับ ต้องขออภัยด้วย เพราะการดูพระจากภาพถ่ายที่โพสต์มา โอกาสที่ถูก หรือ ผิด เต็ม 100% คงยาก ยิ่งถ้าความเห็นเกิดขัดแย้ง ก็ควรจะนำพระไปตรวจสอบดีกว่าครับ จะแน่นอนกว่า เพราะผู้ตรวจสอบจะได้เห็นของจริงเลย เลือกสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของวงการหน่อยก็แล้วกัน ครับผม

โพสต์นี้ เป็นข้อมูลทั่วไปที่หาได้ในเน็ต เกี่ยวกับพระวัดพลับค่ะ
พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์วันทาเสมา(ยืนถือดอกบัว)แชมป์สมเด็จพระสังฆราช(สุก) ไก่เถื่อน เป็นผู้สร้าง นี่คือพระกรุพระเก่าที่มีอายุมากกว่า ๒๐๐ ปี
อายุสูงกว่า “พระสมเด็จทั้งบางขุนพรหมและวัดระฆัง” พระเครื่องที่มีประสบการณ์สูงยิ่งใน “ทรงเมตตา และมหาเสน่ห์” และสิ่งสำคัญ ราคาเช่าบูชาพอที่จะจับต้องได้ไม่ยาก
“พระสมเด็จวัดพลับ” อมตะแห่งพระเครื่องที่มีอายุการสร้างมากกว่า ๒๐๐ ปี (นะโม ๓ จบ) เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุถู ภูกุตะกุ
(พระคาถาเมตตามหานิยม ของดีคู่พระสมเด็จวัดพลับ)
จากพระราชนิพนธ์ของ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ได้ทรงเล่าว่า “สมเด็จพระสังฆราช(สุก) ไก่เถื่อน”
ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๒๗๖ ปีฉลู ในรัชสมัยของ “สมเด็จพระเจ้าบรมโกษ” แห่งกรุงศรีอยุธยา พระอาจารย์สุกท่านมีพระเกียรติคุณในด้านบำเพ็ญสมถภาวนา
มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพของพุทธบริษัท ตั้งแต่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นอธิการวัดท่าหอย ณ กรุงเก่าอยุธยาแล้ว จวบจนกระทั่งเมื่อ “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
(ร.๑)” ได้ขึ้นครองราชย์ เมื่อพ.ศ.๒๓๒๕ จากนั้นไม่นาน ด้วยความเคารพศรัทธาต่อ “พระอาจารย์สุก” แห่งเมืองกรุงเก่าอยุธยา ตั้งแต่เมื่อครั้งยังมิได้ขึ้นครองราชย์
ล้นเกล้าฯ ร.๑ จึงได้ทรงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ในกรุงเทพฯ “พระอาจารย์สุก” ก็ไม่ขัดข้อง แต่ขอจำพรรษาอยู่ในวัดที่เงียบสงบเพื่อบำเพ็ญวิปัสสนาธุระ ล้นเกล้าฯ ร.๑
ก็ทรงโปรดเกล้าตามอัธยาศัย และในที่สุด “พระอาจารย์สุก” ก็ได้เลือกที่จะจำพรรษาอยู่ที่ “วัดพลับ” ซึ่งตั้งอยู่กรุงธนบุรี(เดิม) ซึ่งเมื่อสมัยสองร้อยกว่าปีก่อน
ในบริเวณวัดพลับแห่งนี้ยังมีป่าไม้ที่หนาแน่น มีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ และรวมไปถึง “ไก่ป่า” ซึ่งราษฎรในสมัยนั้นนิยมเรียกว่า “ไก่เถื่อน” จำนวนไม่น้อย
และ “พระอาจารย์สุก” ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดพลับแห่งนี้ตั้งแต่พ.ศ.๒๓๒๕ จนถึงพ.ศ.๒๓๖๓ เป็นระยะเวลาถึง ๓๘ ปี และในช่วงที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้ไม่นาน
ล้นเกล้าฯ ร.๑ ก็ได้ทรงแต่งตั้งให้ “พระอาจารย์สุก” เป็นพระราชาคณะที่ “พระญาณสังวร” “วัดพลับ” แรกเริ่มเดิมทีเป็นวัดโบราณ สร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
เป็นราชธานี จวบจนกระทั่งเมื่อ “พระบาทสมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจุฬาโลก” ขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าบริเวณวัดพลับเดิมมีความคับแคบ
และเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อพระอาจารย์สุกที่พระองค์ทรงเคารพศรัทธามานาน จึงได้ทรงสร้างวัดขึ้นใหม่ในบริเวณที่ดินที่อยู่ติดกับวัดพลับ
และทรงโปรดให้รวมวัดพลับให้เป็นวัดเดียวกัน และพระราชทานนามวัดที่สร้างขึ้นใหม่นี้ว่า “วัดราชสิทธาราม”
แต่ด้วยความคุ้นชินกับการเรียกชื่อวัดแห่งนี้มานาน ราษฎรละแวกนั้นก็ยังเรียกชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วัดพลับ” มาจนตราบทุกวันนี้ “สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน
แห่งวัดพลับธนบุรี” มิได้เป็นที่เคารพศรัทธาเฉพาะล้นเกล้าฯ ร.๑ เพียงเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นที่เคารพศรัทธานับถือเป็นอย่างมากของพระบรมวงศ์
จากหลักฐานในจดหมายเหตุว่าท่านทรงผนวชเจ้านายในรัชสมัยรัชกาลที่ ๑ และ ๒ ปรากฏนามของ “พระญาณสังวร สุกไก่เถื่อน” เป็นพระกรรมวาจารย์ทุกพระองค์
และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ท่านยังทรงเป็น “พระอุปัชฌาจารย์ ของล้นเกล้าฯ ร.๓ และ ณ.๔” อีกด้วย จึงนับได้ว่า “สมเด็จพระสังฆราชองค์นี้”
ถึงพร้อมด้วยสมณคุณพรหมจริยวัตรศีลสมาจารบริสุทธิ์ ทรงมีปฏิภาณปรีชาสามารถและสมบูรณ์ด้วยวุฒิคุณวุฒิ จนเป็นที่ยอมรับและศรัทธาสูงสุดจาก
พระมหากษัตริย์ถึง ๔ พระองค์ และด้วยเหตุที่ประกอบพุทธศาสนกิจ เป็นประโยชน์อันไพศาลแก่พุทธบริษัท ดังนั้น ล้นเกล้าฯ ร.๒
“พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย” ทรงเห็นสมควรสถาปนาสมฐานันดรศักดิ์ ให้เต็มตามราชประเพณี ดังนั้นในปี พ.ศ.๒๓๖๒
จึงได้ทรงโปรดเกล้าสถาปนาให้ขึ้นเป็น “สมเด็จพระสังฆราชสุก” สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ รวมเวลาที่พระองค์ท่านได้ทรงดำรงตำแหน่ง
สมเด็จพระสังฆราชอยู่ประมาณ ๓ ปี(พ.ศ.๒๓๖๒-๒๓๖๕) โดยทรงสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๓๖๕ พระชันษายืนยาวถึงประมาณ ๘๙ ปี
นี่คือสุดยอดพระอริยะสงฆ์ ๔ แผ่นดินที่คนไทยไม่ควรลืม ในช่วงเวลาอันยาวนานถึงประมาณ ๓๘ ปี โดนเริ่มจากพ.ศ.๒๓๒๕-๒๓๖๓ ที่ “สมเด็จพระสังฆราชสุก”
จำพรรษาอยู่ ณ วัดพลับ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า บริเวณวัดพลับแห่งนี้จะมี “ไก่ป่า” ซึ่งคนในยุคนั้นเรียกว่า “ไก่เถื่อน” ออกมาหากินชุกชุม
แต่ธรรมชาติของสัตว์ป่าชนิดนี้ จะตื่นตกใจง่าย กลัวผู้คน ขอเพียงแต่ได้ยินเสียงคนเดิน ก็จะวิ่งหนีเข้าป่าทันที เป็นเรื่องแปลกใจที่จะมีก็แต่ “สมเด็จพระสังฆราชสุก”
เท่านั้นที่เดินเข้าใกล้ได้ ให้อาหารได้ และไก่เถื่อนเหล่านี้ เมื่อได้กินอาหารหรือข้าวสารจากพระหัตถ์ของท่านเพียงครั้งเดียว จากไก่เถื่อนที่เกรงกลัวผู้คน
กลับเชื่องราวไก่บ้านที่ถูกเลี้ยงมาแต่เกิด เรื่องนี้เป็นที่เล่าขานและเลื่องลือ จนเป็นที่มาแห่งสมญานามต่อท้าย และเรียกติดปากกันมาสองร้อยกว่าปีแล้วว่า
“สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน แห่งวัดพลับ กรุงธนบุรี” ด้วยเพราะท่านมีเมตตาภาวนาอันแก่กล้า และพระคาถาของท่าน(คาถาบนหัวเรื่อง)
สิ่งมีชีวิตที่มองเราเป็นศัตรู ให้กลายเป็นมิตรได้ในทันที (เป็นคนดีมีเมตตาต่อผู้คน “โกรธยาก เป็นมิตรง่าย” เป็นคุณประโยชน์กับทุกคน)
จากเรื่องเล่าของวัดพลับว่า ในปีพ.ศ.๒๔๗๐ ชาวบ้านย่านเจริญพาสน์ ได้ไล่ตามจับกระรอกสีขาวตัวหนึ่ง เมื่อโดนไล่จับ กระรอกตัวนั้นได้หนีลงไปในโพรงเล็กๆ
ใต้เจดีย์ในวัดพลับ ชาวบ้านได้ใช้ไม้กระทุ้งโพรงแห่งนั้น แต่สิ่งที่พบกลับกลายเป็น “พระสมเด็จวัดพลับ” จำนวนหนึ่ง ต่อมาทางวัดจึงได้ทำพิธีเปิดกรุเป็นทางการ
ด้วยเหตุนี้นักสะสมพระรุ่นพ่อ รุ่นตาจึงมักเรียกขานว่า “พระกรุกระรอกเผือก” อยู่หลายสิบปี แต่ที่ถูกต้องและเป็นคุณต่อเรา สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะให้เกียรติ
“สมเด็จพระสังฆราชสุก” ด้วยการเรียกนามพระเครื่องที่พระองค์ทรงสร้างว่า “พระสมเด็จวัดพลับ” มิใช่เรียก “พระวัดพลับ” เท่านั้น
เพราะจะทำให้ผู้เรียกเช่นนี้ขาดความมีสัมมาคารวะ ไม่รู้สูงรู้ต่ำ และหากท่านพอมีกำลังทางการเงิน นี่คือพระกรุพระเก่าที่มีอายุมากกว่า ๒๐๐ ปี
อายุสูงกว่า “พระสมเด็จทั้งบางขุนพรหมและวัดระฆัง” พระเครื่องที่มีประสบการณ์สูงยิ่งใน “ทรงเมตตา และมหาเสน่ห์” และสิ่งสำคัญ
ราคาเช่าบูชาพอที่จะจับต้องได้ไม่มากเกินเหตุ สรุปเรื่องราวพระสมเด็จวัดพลับ มีพิมพ์ดังต่อไปนี้
๑. พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์วันทาเสมา(ยืนถือดอกบัว)
๒. พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์ตุ๊กตาใหญ่-เล็ก
๓. พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์พุงป่องใหญ่-เล็ก
๔. พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์สมาธิเข่ากว้าง
๕. พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์สมาธิใหญ่-เล็ก
๖. พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์ตุ๊กตาใหญ่-เล็ก
๗. พระสมเด็จวัดพลับ พิมพ์พระปิดตา

ขอบคุณท่าน onepeer มากๆๆๆค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง

ผู้ตอบ: เสียสละเวลาพิมพ์ให้มากมาย VS ผู้ถาม: copy เนื้อหาบนเวปฯ มาวางให้ผู้ตอบศึกษา
.....ขอแนะนำให้ค่อยๆ ศึกษาครับ

เรียนคุณบอยพิจิตร
สิ่งหนึ่งที่ยอมรับเลยว่า ท่าน onepeer ได้เสียสละเวลาในการมาตอบกระทู้
ถ้าท่าน ไม่มาตอบก็ได้ ก็ไม่มีใครจะมาทะเลาะหรือเห็นแย้งกับท่าน ให้เสียเวลา
ปวดหัว กับสิ่งที่เหมือนธุระไม่ใช่ แต่สิ่งที่ท่าน onepeer ทำ ดิฉันถือว่า ท่านให้เกียรติมากๆ
เป็นสิ่งทีในวงการพระเครื่องน่าจะยกย่องท่านด้วยซ้ำไป
ไม่ว่า สิ่งที่ท่าน onepeer เสนอมาจากความคิดเห็นของท่าน จะถูกหรือผิด กี่% จากภาพถ่าย
ดิฉันก็ถือว่านี่คือ อาจารย์ อีกท่านหนึ่ง ถ้าไม่งั้น ก็ไม่มีใครกล้าออกมาวิจารณ์เสนอแนะ ออกความคิดเห็น แบบนี้อีก
แท้ก็ว่าแท้ เก๊ก็ว่าเก๊ ถ้าช่วยๆกันดูแล้วไม่แน่ใจ ก็บอกไม่แน่ใจ
เป็นสิงที่ถูกต้องตามวิถีแล้วค่ะ อย่างให้ระบบ เซียนใหญ่ตามใจข้า มาใช้อีกเลย
ทุกอย่าง ควรจะเป็นไปด้วยเหตุและผล แท้และเก๊ตามหลัก วิชาการ เหตุผลที่ยอมรับกัน
จากกระทู้นี้ ยิ่งทำให้ดิฉัน ยิ่งกราบขอบคุณ ท่าน onepeer มากๆๆๆ
ทีให้ความรุ้ต่างๆมากมาย ให้ข้อสนอแนะ ให้ดูรูปพระแท้ ให้อนุญาตนำภาพไปภาพเชิงซ้อน
ถ้าคนทีเขาไม่สนใจ เขาไม่มาเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้หรอก
ปล. คนที่มาศึกษากับพระเครื่องใหม่(เพิ่งเริ่มศึกษา) คงไม่มีตำราหรือหนังสือมากมาย ที่จะเอามาโชว์
ก็คงหาสิ่งที่มาได้ง่ายสุดคือในเน็ต ถูกบ้างผิดบ้าง ก็ต้องศึกษากันไป เหมือนในสิ่งท่คุณบอยว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันเชื่ออยู่อย่างคือ ถ้าหาความรู้ใส่ตัวเสมอ ในสิ่งที่อยากรู้นั้นๆ มันสามารถทันกันได้ค่ะ
การเรียนรู้ ที่ได้ดูพระจากรูปนั้นไม่พอหรอกครับ ถ้าไม่ได้พบเห็นพระแท้มาบ้างพอสมควร พิมพ์นั้น บางอย่างอาจจะอธิบายเป็นตัวอักษรได้ ส่วนเนื้อหา และธรรมชาตินั้น ไม่สามารถอธิบายได้ใกล้เคียงความจริงเลย ดังนั้นคนที่ไม่เคยเห็นพระแท้ รวมถึงไม่มีพระไว้ดูเอง ยากที่จะดูพระเป็น นี่ยังไม่รวมถึงว่า พระที่เห็นแล้วเข้าใจว่าแท้นั้น แท้จริงหรือไม่ คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าใครที่บอกว่า พระองค์นั้นแท้ พระองค์นี้เก๊ เขาเหล่านั้นดูพระเป็นหรือไม่ ถ้าดูพระเป็นก็ยังมีปัญหาอีกว่า เขาเหล่านั้นพูดความจริงหรือไม่ มีเล่ห์กระเท่ห์แอบแฝงอยู่แค่ไหน เอาแค่นี้ก็ปวดหัวอยากเลิกเล่นพระไปเลย มีลูกศิษย์ผมบางคนบอกว่า ก่อนหน้าเห็นพระแท้ที่บางองค์เนื้อจัดๆเข้า พอได้เห็นก็ถึงกับอุทานออกมาว่า พระที่แท้ๆบางองค์นี่นดูง่ายจริงๆ แค่เห็นเป็นครั้งแรกรวมอยู่กับพระเก๊ก็แยกออก แล้วยังพบอีกว่า ในชีวิตเขานั้นพบเห็น ศูนย์พระที่มีคนขายที่พูดเก่ง มีคนเรียกว่า อาจารย์ๆ กันนั้น ความจริงแล้วดูพระไม่เป็น ผมเองก็เจอบ่อยที่ทั้งคนขาย และคนซื้อก็ดูพระไม่เป็นด้วยกันทั้งคู่ ก็ได้แต่หลงเชื่อ และหลอกกันไป ดังนั้นปัญหาก็คือ คุณจะเจอกับคนที่รู้จริง มีของแท้ ไม่หลอกลวงผู้มาขอความรู้ เพราะโดยมากกะเอาพระเก๊มาอัดลูกศิษย์ทั้งนั้น

เรียนท่าน นักสะสม
ตามที่ท่านได้กล่าวมานี้ ดิฉันก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง
การที่ไม่ได้เห็นพระแท้มาเลย ก็ยากที่จะบอกได้ว่าพระอื่นๆเดียวกันนั้นแท้หรือไม่ กรณีนี้ดิฉันยอมรับเลยว่า ไม่เคยเห็นพระวันทาเสมา แท้ๆด้วยตาตัวเองเลย
จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาสอบถาม เมื่อมีท่านผู้มาตอบ เลยอยากเห็น(แม้แต่รูป)พระแท้บ้าง จะได้ศึกษาอย่างเป็นกิจลักษณะ
ปัญหาหลายๆอย่างที่พบเจอ คือ เมื่อขอ(ความกรุณา)ดูรูปตัวอย่างพระะแท้ บ้างได้ไหม ก็จะเจอคำตอบลักษณะ...ต้องเสียเวลาให้ด้วยหรือ (แค่พิมพ์คำว่า"เก๊"ก็สละเวลาให้แล้ว)
หรือ รูปมีลิขสิทธิ์อาจจะโดนฟ้องได้ จึงทำให้ผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้ หนทางก็ตีบตัน วงการพระเครื่องเลยดูเหมือนมัวๆเทาๆ เจ้าเล่ห์ หลอกเด็ก ตบหัวเด็ก ยังไงไม่รู้
ทำให้คนที่มีพระแท้(หรืออาจจะแท้) อาจจะกลัวถูกหลอกเอาง่ายๆได้เสมอ หลายคนหรือบางคนก็ต้องมีการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองมากขึ้น พยายามศึกษาให้มากขึ้น
โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่เมื่อถูกหลอกแล้วมารู้ทีหลัง จะเจ็บใจมาก แต่ถ้าสอน แล้วแนะนำ ว่าแบบนี้จริง แบบนี้เก๊ แบบนี้รับได้โดยสนิทใจ แบบไร้ข้อกังขาค่ะ
หรือระบบพุทธพานิชย์ ที่มีราคากลาง แล้วเราปล่อยที่70% ถ้าคุยตรงๆแบบนี้รับได้ มันเป็นไปตามอุปสงค์-อุปทาน อยู่แล้ว
เมื่อคนมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น คิดว่า ปัญหาอาจารย์เก๊หรืออาจารย์แท้แต่หลอกลวง ก็จะหมดความน่าเชื่อถือไปเองค่ะ
ด้วยความเคารพค่ะ ท่านนักสะสม

สำหรับผู้ที่มาศึกษาใหม่ แล้วหนทางมันตีบตัน
ไม่เคยดูพระแท้ตัวจริง ไม่มีใครสอน
อย่างน้อย ก็ต้องพยายามหารูป ที่คาดว่าน่าจะเป็นพระแท้มาเปรียบเทียบ
เช่น พระที่เข้าประกวดนี่หล่ะ
ปล.ไม่รู้จะขอโทษ ขออนุญาต ขอความเห็นใจ จากเจ้าของภาพได้อย่างไร เพื่อเป็นวิทยาทาน
ขอขอบคุณเจ้าของภาพ ไว้ล่วงหน้าค่ะ
ตัวอย่าง พระวันทาเสมา วัดพลับ ที่เคยประกวด



ตัวอย่าง พระวันทาเสมา วัดพลับ ที่เคยประกวด



ตัวอย่าง พระวันทาเสมา วัดพลับ ที่เคยประกวด



ตัวอย่าง พระวันทาเสมา วัดพลับ ที่เคยประกวด



ตัวอย่าง พระวันทาเสมา วัดพลับ ที่เคยประกวด



ตัวอย่าง พระวันทาเสมา วัดพลับ จากหนังสือ
ปล.ขอบคุณเจ้าของหนังสือ เพื่อเป็นวิทยาทาน



เป็นนังสือที่สามารถเสิร์ชได้จากเน็ตทั่วไป



ภาพตัวอย่าง พระวันทาเสมา วัดพลับ



ตัวอย่างภาพ สอนดูตำหนิ พระวันทาเสมา



ลองนำภาพ จากหนังสือที่สอนดูตำหนิ พระวันทาเสมา วัดพลับ
นำมาทำภาพเชิงซ้อน



ชมรูปขยายใหญ่ ทั้ง2รูป ที่นี่
http://upicy.com/share-349D_52E55F62.html
และ
http://upicy.com/share-6EA7_52E55F62.html

ข้อมูล เนื้อหา ของพระวันทาเสมา วัดพลับ ที่เป็นตัวอักษร ที่พอจะศึกษากันพอสรุปได้ดังนี้
ก่อนที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จจะไปครองวัดมหาธาตุเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดพลับมาก่อน ประกอบกับพระวัดพลับเป็นพระเนื้อผงสีขาว และมีส่วนผสมคล้ายคลึงกับพระสมเด็จอรหังมาก จึงสันนิษฐานได้ว่า "พระวัดพลับ" ก็น่าจะสร้างโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชสุก (ไก่เถื่อน) เจ้าตำรับพระผงเช่นกัน
เนื้อหามวลสารของพระวัดพลับและพระสมเด็จวัดระฆังฯ จะดูคล้ายคลึงกันมาก คือ เนื้อขององค์พระเป็นสีขาว มีความหนึกนุ่ม และมีรอยแตกร้าวแบบไข่นกปรอท จะมีความแตกต่างกันตรงที่พระวัดพลับบางองค์จะมีรอยรานของเนื้อพระอันเกิดจากความร้อน ซึ่งพระสมเด็จวัดระฆังฯจะไม่ปรากฏรอยรานเลย แต่ก็ไม่ถือเป็นเอกลักษณ์สำหรับพระวัดพลับทุกองค์
การพิจารณาผิวของ "พระวัดพลับ" ที่บรรจุอยู่ในกรุเจดีย์กระรอกเผือกเป็นเวลานานนับร้อยกว่าปีนั้น ให้ดูที่สีผิวขององค์พระจะค่อนข้างขาว ปรากฏเป็นคราบน้ำ ตกผลึกเป็นสีขาวและสีเหลืองอ่อนเจือปนที่เรียกกันว่า 'ฟองเต้าหู้' สันนิษฐานว่า เกิดจากคราบน้ำในกรุหรือคราบน้ำฝนที่รั่วไหลเข้าไปในกรุ ทำปฏิกิริยากับเนื้อพระที่มีส่วนผสมของปูนขาว เมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงเกิดเป็นหินปูน พระบางองค์ดูเหมือนมีเนื้องอกขึ้นจากพื้นผิวขององค์พระเป็นเม็ดๆ อันเกิดจากสภาพของกรุพระเจดีย์ ซึ่งตอนกลางวันได้รับความร้อน พระในกรุก็จะอมความร้อนไว้ เมื่อกระทบกับน้ำที่ซึมเข้ามาในกรุผสมกับปูนขาว จึงกลายเป็นปูนเดือดบนองค์พระและตกตะกอนเป็นเม็ดๆ คล้ายเนื้องอก แต่จะเป็นที่พื้นผิวเท่านั้นไม่ได้เกิดจากเนื้อขององค์พระ เมื่อขูดเอาเนื้องอกส่วนนั้นออก ผิวขององค์พระก็จะเรียบเหมือนเดิมทุกประการ
พระวัดพลับ แตกกรุราว พ.ศ.๒๔๖๕ เนื่องจากมีผู้พบเห็นกระรอกเผือกตัวหนึ่งวิ่งอยู่ในบริเวณวัด แล้ววิ่งเข้าไปในโพรงแคบของเจดีย์ข้างอุโบสถ ด้วยความอยากได้กระรอกเผือก ผู้พบจึงได้ใช้ไม่กระทุ้งเข้าไปในโพรง แต่เมื่อชักไม้ออกมาปรากฏว่า มีพระผงสีขาวขนาดเล็กพิมพ์ต่างๆ ไหลทะลักออกมาเพราะผนังเจดีย์ที่โบกไว้แตกออกเป็นช่อง ด้วยแรงกระทุ้งของไม้ พระที่พบได้ถูกลำเลียงออกมาแจกจ่ายและให้เช่ากัน นักนิยมพระเครื่องรุ่นก่อนจึงเรียกว่า “พระกรุกระรอกเผือก”
เมื่อสังฆวรานุวงศ์เถระ (ชุ่ม) วัดพลับ ทราบเรื่อง จึงได้ให้พระเณรช่วยกันรวบรวมพระที่เหลือในกรุทั้งหมดขึ้นมาเก็บไว้ในกุฏิ
พระวัดพลับ เป็นพระผงเนื้อขาว กล่าวกันว่า เป็นต้นตำหรับพระเนื้อตระกูลสมเด็จ ซึ่งสร้างมาก่อนพระเนื้อผงอื่นใด โดยการสร้างจะสร้างพระขึ้นจากผงวิเศษเป็นหลัก มีน้ำมันตังอิ้วเป็นตัวประสาน ผสมปูนเปลือกหอยเข้าไป ส่วนมวลสารอื่นๆ เช่น เกสรดอกไม้ ขี้ธูป ไคลเสมา ฯลฯ ล้วนเป็นส่วนผสมรอง ท่านสมเด็จพระสังฆราช (สุก) เป็นผู้คิดค้นวิธีสร้างพระผงดังกล่าว และนำมาสร้างพระเป็นองค์แรก คือ พระสมเด็จอรหัง วัดมหาธาตุ สืบต่อมาองค์อาจารย์รุ่นหลังๆ ก็ได้นำการผสมสร้างพระของท่านมาเป็นแบบอย่าง แม้กระทั่ง พระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ธนบุรี ก็ได้ศึกษาเอาพระวัดพลับเป็นแบบฉบับการสร้างพระผงของท่านด้วยเช่นกัน

พระวัดพลับ เป็นพระผงเนื้อขาว กล่าวกันว่า เป็นต้นตำหรับพระเนื้อตระกูลสมเด็จ ซึ่งสร้างมาก่อนพระเนื้อผงอื่นใด โดยการสร้างจะสร้างพระขึ้นจากผงวิเศษเป็นหลัก มีน้ำมันตังอิ้วเป็นตัวประสาน ผสมปูนเปลือกหอยเข้าไป ส่วนมวลสารอื่นๆ เช่น เกสรดอกไม้ ขี้ธูป ไคลเสมา ฯลฯ ล้วนเป็นส่วนผสมรอง ท่านสมเด็จพระสังฆราช (สุก) เป็นผู้คิดค้นวิธีสร้างพระผงดังกล่าว และนำมาสร้างพระเป็นองค์แรก คือ พระสมเด็จอรหัง วัดมหาธาตุ สืบต่อมาองค์อาจารย์รุ่นหลังๆ ก็ได้นำการผสมสร้างพระของท่านมาเป็นแบบอย่าง แม้กระทั่ง พระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ธนบุรี ก็ได้ศึกษาเอาพระวัดพลับเป็นแบบฉบับการสร้างพระผงของท่านด้วยเช่นกัน
ปล.ถ้ามีโอกาส จะถ่ายรูปมาโคร ขยายเนื้อหามาให้ชมกันในโอกาสต่อไป
ผมไม่ทราบว่าที่คุณสนใจพระเครื่องนั้น มีเป้าหมายอย่างใด และสนใจในพระกรุเก่า หรือเกจิอาจารย์ ถ้าสนใจในพระกรุเก่า ก็แทบเรียกได้ว่า สายเกินไป เพราะพระกรุนั้นแทบจะหมดไปจากตลาดแล้ว ที่พบเห็นพระแตกกรุทุกวันนี้ ส่วนมากหรือเกือบทั้งหมด เป็นพระผียัดกรุ หรือ พระ ( สงฆ์ ) ยัดกรุ ทั้งนั้น แต่ก็ยังมีพระแท้อยู่อีกส่วนหนึ่ง อยู่กับคนที่เป็นพระ (ดูพระเป็น) พระบางชนิดบางเนื้อหานั้นดูยาก ดูง่ายผิดกัน บางชนิดสามารถอธิบายถึง ความแท้ของพระออกมาได้เป็นหลักการณ์ เรียกได้ว่ามีมาตราฐาน บางอย่างก็ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ในหลักเกณฑ์ว่า พระนั้นแท้อย่างไร ได้แต่เอาของแท้ พร้อมทั้งของเก๊ให้ดู แล้วบอกว่านี่คือความแตกต่าง ซึ่งโอกาสเสี่ยงของการสะสมพระแบบนี้มีสูงมาก ผมสะสมพระมา 30 กว่าปี ยังมีพระที่ดูไม่เป็นหลายอย่าง ที่เป็นก็ไม่ต้องไปยืมจมูกใครมาช่วยดู หรือรับรองให้ พระที่ดูไม่เป็นก็ไม่สะเออะไปสะสมด้วย นอนหลับสนิทไม่ต้องผวา ลุกขึ้นมาส่องพระกลางดึก พลางสงสัยว่ามันยังไงกันแน

เรียนท่าน นักสะสม
การที่ดิฉันมาสนใจพระเครื่องนี้ เพราะมีพระเก่าที่อยู่ในพานที่โต๊ะหมู่บูชาตั้งแต่สมัยคุณย่าอยู่พอประมาณ
ซึ่งก็เห็นอยู่แบบนี้ เห็นตั้งแต่เด็ก และก็ไม่เห็นว่าญาติพี่น้องจะมาสนใจ หรือไฝ่หาความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องกัน
อาจเป็นเพราะสมัยก่อน ถ้าใครอยากดูพระเป็น ต้องไปหาหนังสือมาอ่าน นั่งส่องพระกันเป็นวันๆ และที่บ้านก็ไม่มีใครไฝ่ทางนี้
จนคุณย่าเสียไปเป็น10ปี รวมทั้งมีเน็ต ทำให้มีการค้าคว้าได้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น รวมทั้งรู้ว่าพระเก่าต้องมีมูลค่าแน่ๆ
แรกๆก็ค้นหาดูก่อนว่าเป็นพระอะไร จากที่ไหน คุณย่าไปเที่ยวไหนบ้างในอดีต ก็สนุกดี
ดังนั้น พระที่มีก็อาจจะเป็นได้ทั้งพระกรุและพระเกจิ ศึกษาทั้งหมดค่ะทั้ง2อย่าง แต่เฉพาะพระที่มี ไม่ได้ไปเช่าซื้อหาเพิ่ม
ได้อ่านประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า นิยายต่างๆ ความขลัง ประสบการณ์ของพระต่างๆ ได้ความรู้และสนุก
ที่สำคัญ ยิ่งรู้ว่าเป็นพระที่มีมูลค่า ยิ่งสนุก ยิ่งลุ้น ยิ่งต้องค้นคว้า อย่าไปเชื่อใครง่ายๆ
ด้วยความเคารพค่ะ ท่านนักสะสม
การมีพระอยู่บนหิ้งตั้งแต่สมัย คุณปู่คุณย่า ไม่ได้หมายความว่าพระที่มีนั้นเป็นพระเก่า พระเก๊นั้นมีปลอมกันมาก่อนสมัยปู่คุณจะเกิดเสียอีก แล้วส่วนมากคนเก่าๆที่สนใจพระนั้นก็ดูพระไม่เป็น ธรรมดาก็จะเจอเพื่อนคอเดียวกันที่ร้านกาแฟ บางทีมีคนรู้จักกันเอาพระมาขายให้ บางทีเห็นพระถูกตาถูกใจก็เช่าหามา เก็บๆเอาไว้ พอมาสมัยรุ่นลูกรุ่นหลานก็เข้าใจว่าพระของคุณปู่คุณย่า น่าจะเป็นพระเก่า แล้วเอาพระนั้นมาให้คนที่มีความรู้ดู คนดูเป็นบอกว่า พระไม่เก่า ก็ไม่เชื่อ อาจจะคิดว่าคนดูให้จะโกหก เพื่อหลอกเอาพระไปเสียอีกก็มี พระดีพระเก่านั้นไม่ได้เจอกันง่ายๆ ในวงการนี้มีเล่ห์เหลี่ยมสกปรก สารพัน ถ้าดูพระไม่เป็นก็จะไม่รู้เจตนาของคนรอบข้าง อาจมองเจตนาไม่ออก ถ้าเป็นแล้ว ไม่ว่าใครจะมาไม้ไหนก็เดาเจตนาออกทันที

เรียนท่าน นักสะสม
ถ้ามีการปลอมพระตั้งแต่สมัยโบราณ ดิฉันก็จะตั้งสมมุติฐานมองพระเก่าทุกพระ เป็นพระปลอมไว้ก่อน
แล้วไล่ดูจุดที่น่าจะแท้ ตามจุดต่างๆ ตามมา
ขอบคุณท่านนักสะสม ที่ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ในการดูพระค่ะ