
หัวข้อ: บ่นกันสนุกครับ
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

นาน ๆ ทีมาว่างบ่นเล่นสักที...พักนี้แย่มาก ๆ เลย ไม่ได้จับกล้องส่องพระมานานเกินไป พอมาลองฝีมือทีหงายท้อง ช่างน่าเศร้าจับพระมาสิบกว่าองค์ เก๊ทุกองค์ พี่ ๆ ที่เคารพท่านก็เมตตาถึงแม้จะสงสารแต่ก็อดแซวไม่ได้ว่า ไม่ได้ส่องมานานตาแตกหรอ....ฟังแรก ๆ ก็งง พอหายวิงเวียนหลังจากมองเงินเกือบหมื่นหายวับไป...ก็ต้องมองตัวเองว่า...ถ้ายังคิดจะหาพระเข้ากรุอยู่..ก็ต้องหมั่นส่องดูอยู่ประจำ....โอ้วววว....บทเรียนราคาแสนแพง.....
ส่องพระแล้วมองผิดว่าของเก๊เป็นแท้นั้น ใช่ว่าจะเกิดกันได้ยากนะครับ...ในบางครั้งถ้าเดินในแผงแล้วส่องพระมากเกินไปก็จะเกิดอาการสับสนได้เหมือนกัน....ด้วยเหตุนี่ในบรรดาเซียนพระที่ผมเห็นและรู้จัก(ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักผมก็ตาม) จึงมักจะดูด้วยตาเปล่าก่อน....ถ้ามั่นใจค่อยส่องดูเนื้อ...หรือบางทีมั่นใจมากก็ถามราคาควักเงินกันเลย...นั่นหล่ะครับของจริง...ดูกันได้ตามแผงพระทั่วไปเลยทีเดียว
หลังจากหายซึมเศร้าเคล้าน้ำตาเพราะเสียดายเงินแล้ว พี่ที่เคารพก็ปลอบใจเบา ๆ ว่า คิดอะไรมากมาย ขนาดพี่เองก็ยังมั่นใจแค่ บางขุนพรหมรุ่นร้อยปี หลวงปู่นาค หลวงปู่หินเอง นอกนั้นก็พลาดบ้างเหมือนกัน เฮ้อ...ฟังอย่างนี้แล้วจะชื่นใจไหมเนี่ย....
จะว่าไปก็น่าจะโชคไม่ดีด้วย...เมื่อหลายเดือนก่อน....พี่อีกท่านเพิ่งจะหัดส่องพระ....ได้บูชาหลวงปู่ทวดรุ่นสามกับหนุมานโลหะ(จำไม่ผิดน่าจะเนื้อทองแดง)มาจากเซียนพระคนหนึ่งของสมุยในราคาแสนนิด ๆ พอขอส่องดูปรากฏว่าบุญมีแต่กรรมบัง...พระและเครื่องรางแท้แน่นอน...แต่พอพี่ท่านขอกล้องเราไปส่องเท่านั้น...ขอทันทีเลย สะอึกครับงานนี้....กล้องนี้ถึงแม้จะใช้มานานตั้งร่วมสิบปี...ในสมัยนั้นก็สองพันปลาย ๆ นะครับ....แต่ก็เอา...เมื่อพี่กล้าขอ..เราก็กล้าให้ หลังจากให้ไปก็ไปหาอันใหม่มาในราคาสองพันปลาย ๆ เหมือนเดิม...สงสัยพอเอาออกสิองดู....คนขายเห็นกล้องเราเลยบวกราคาขึ้นแน่ ๆ เลย
หลายวันต่อมากลับไปเดินเล่นแผงพระอีกครั้ง...รอบนี้กะจะเลียแผลสักหน่อย เดินไปเดินมามาเจอพอดี....หลวงปู่จัน วัดโฉลกหลำ โดนใจสุด ๆ ดูตาเปล่าก็ดี....ส่องดูก็เยี่ยม ต่อราคาก็สะดวก แต่พอดีฉุกคิดขึ้นได้ว่าพระหลวงปู่จันเนื้อผงนั้นใช้มะพร้าวตายพลายเป็นส่วนผสม ด้วยเหตุนี้จึงมักจะมีกลิ่นน้ำมันมะพร้าวอยู่ด้วย(บางองค์ก็ไม่มีนะครับ) พอดมดูเท่านั้นก็นิ่งไปทันที....เอ่อ....กลิ่นน้ำมันมะพร้าวไม่มีมีแต่กลิ่นปูนจาง ๆ เอาหลาวววววว....จะตาแตกอีกไหมนี่....หลังจากชั่งใจก็ปล่อยวางในแผงต่อไป....ตกลงวันนั้นกลับบ้านมือเปล่า...แต่ตังเต็มเป๋าเหมือนเดิม
พูดถึงเรื่องกลิ่นในพระผงบางครั้งเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้นะครับ เพราะการสร้างวัตถุมงคลของแต่ละอาจารย์มักมีส่วนผสมที่เฉพาะ หรือการปลอมพระในบางครั้งก็ใช้วิธีที่คิดไม่ถึงเหมือนกัน เช่น พระหลวงปู่ทวด เคยมีผู้รู้ท่านหนึ่งแนะนำผมไว้ว่าถ้าดมแล้วได้กลิ่นน้ำบ๊วยให้ระวัง....อันนี้ผมได้ถามต่อว่าเพราะอะไร ท่านก็เมตตาตอบว่า การปลอมพระหลวงปู่ทวดนั้นถ้าเอาน้ำบ๊วยผสมในเนื้อด้วย จะทำให้เกิดราขึ้นฟูสวย คนปลอมพระนิยมทำ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในข้อสังเกตครับ
ท้ายสุดนี้แล้วคงต้องขอลาครับ....เอาไว้เลียแผลจนหายดีแล้วจะกลับมาส่องพระและบ่นให้ฟังกันอีกครับ ท้ายสุดนี้ได้มีคนส่งภาพที่ทำลายความฝันในวัยเด็กของผมมา....ผมถึงอย่างกับอึ้้งเลยทีเดียว....ตอนนั้นผมยังเด็กมากเลยไม่ได้สังเกต...ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอส่งภาพนี้เพื่อเป็นอุธาเห่าครับ



เอาวัยเด็กของผมคืนมา ตอนเล่นกับเพื่อน ชอบแย่งเป็นสีแดง แล้วก็ชอบคิดไปเองว่าเป็นแฟนกับสี ชมพู
ฮ่าๆๆๆ!.. เรื่องเล่าของท่าน ramin_sukimm ทุกเรื่อง... อ่านสนุก - ปนความรู้ - เปื้อนน้ำตา(ของเจ้าของเรื่อง..ฮา) ครบรส(โหด-มัน-ฮา)
จัดว่าเป็นนักเขียน เรื่องเล่า..ที่มีพวงสวรรค์..เอ๊ย!..พรสวรรค์.. นับถือ!..นับถือ!... ข้าน้อยขอคารวะท่าน 1 จอก.(1 แต้ม)
ส่วนเรื่องตบท้าย..(ขอหยุดขำ..ก่อน)
เรื่องแรก มันเป็น "กงกรรม-กงเกวียน" ครับ. สมัยเด็กๆ มักได้ยินผู้ใหญ่-ผู้ปกครองฯ พูดเสมอ! " ชอบดูกันจัง! หนังหลอกเด็ก " เริ่มเข้าใจแหลว..หล่ะ..
เรื่องที่สอง.. มันเป็นคำสอนปนความสุขเล็กๆน้อยๆของคนมีเมียแล้ว..ที่สร้างสรรค์ม๊าก! พวกที่โสดๆ..ทั้งหลายจำไว้ ฮ่าๆๆ ชอบๆๆๆ ฮือๆๆๆ
ขอแจมนั่มแน่....เว่าถึงเมีย...ใผ๋ซิบ่ย่าน....5555

เรื่องกลิ่นพระน่าสนใจครับ
พระที่ใส่ตลับไว้ตั้งแต่ตอนได้มาใหม่ๆโดยไม่เปิดออกเลย ไม่น่าเชื่อว่า ถึงแม้เวสาผ่านไปเป็นสิบปี กลิ่นนั้นยังอบอวลอยู่ในตลับได้ แต่เมื่อเปิดได้ไม่นานกลิ่นจะหมดไปและไม่มีกลิ่นอีกเลย
พระเนื้อผงหลายๆอย่างในปัจจุบัน ปลอมเนื้อได้เหมือนมาก ต้องดมดูถ้ามีกลิ่น แสดงว่ายังใหม่กว่าอายุของพระแท้
พระเนื้อโลหะที่ปลอมมักแต่งผิวด้วยขี้ผึ้งเบอร์28 หรือน้ำยาแต่งผิว ถ้าส่องแล้วได้กลิ่น ควรวางไว้ที่เดิมครับ แต่ถ้าเอาไปลวกน้ำร้อนกลิ่นจะเบาบางลง จึงต้องอาศัยประสบการณ์ ดูว่าพระนั้นแต่งผิวมาหรือไม่