
หัวข้อ: 108-1009 นานา..สาระ..
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
เคยสงสัย!กันบ้างไหมครับ กับคำว่า พระครู..พระมหาปลัด..พระพรหม..นั้นมีความหมายว่าอย่างไร.
เมื่อประมาณ 15-16 ปีก่อน.. ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เนื้อเรื่องเขียนถึงสมณศักดิ์(ตำแหน่งต่างๆ) ตลอดจนจำนวนของพระภิกษุสงฆ์ที่ดำรงตำแหน่ง
ตอนนั้นอ่านแล้วก็ว่าน่าสนใจดี แต่..ไม่ได้นำมาบอกเล่ากัน เพราะคิดว่าคงไม่ได้นำมาใช้ เพราะชีวิตของผมคงไม่ได้บวชเรียนจนเป็นสมภารแน่ๆ
แต่ที่นำมาเรื่องนี้เขียน ก็เพียงเพื่อจะบอกว่า " เราในฐานะ พุทธศาสนิกชน ควรจะรับรู้เรื่องราวที่สำคัญ แบบนี้บ้าง! "
เวลาใครถาม..ก็พอจะอ้อมแอ้มตอบเขาได้ ถ้าตอบเขาไม่ได้ อาจโดนค่อนแคะมาว่า เรื่องแบบนี้ยังไม่รู้ เป็นชาวพุทธได้ยังไง? จะอายเขาปล่าวๆ
*** บทความนี้ผมต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก คือ.
1. หาหนังสือเล่มนั้นให้เจอ
2. ค้นคว้าจากเน็ตอีกหลายเว็บไซต์ แล้วมาประยุกต์เขียนอธิบายจากความเข้าใจของผม เป็นภาษาง่ายๆ เข้าใจง่าย
3.ต้องเริ่มต้นเขียนใหม่ถึง 3 ครั้ง. สาเหตุมาจากกำลังพิมพ์ไป แล้วพลาดกดแป้นพิมพ์พลาด ข้อมูลหายจ้อย! 2 รอบ
ท้อเลย..ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ทำไงได้หล่ะ เพื่อเพื่อนๆครับ. นี่กะว่ารอบนี้ถ้าพลาดอีก..ไม่เขียนแล้วกับบทความนี้..เหนื่อยจริงๆครับ.
สมณศักดิ์ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายความว่า
"ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานมีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกำหนด"
สมณศักดิ์ คือบรรดาศักดิ์ หรือยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบให้ดำรงมั่นอยู่ในสมณเพศ เพื่อเป็นกำลังสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาและเพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปโดยเรียบร้อย
การที่พระสงฆ์รูปใดได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ย่อมได้รับมอบหมายภาระหน้าที่ในการปกครองหมู่คณะแห่งสงฆ์ไปพร้อมกันด้วย
ชั้นยศสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยในปัจจุบัน
1. สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 1 พระองค์
2. สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 8 รูป จะเปนผู้ที่ไดรับสถาปนาจากชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะ โดยไดรับสุพรรณบัฏ
ผู้ไดสมณศักดิ์สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ เช่น.
- สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี วัดราชบพิธฯ กรุงเทพมหานคร
- สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว) วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร (มรณะภาพแล้ว)
- สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย วัดปากน้ำ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น.
การนั่งในงานพระราชพิธี นั่งรองจากสมเด็จพระสังฆราชฯ องคใดสถาปนากอนนั่งหนา ในชั้นสมเด็จพระราชาคณะนี้ ไมใช้ราชาศัพท ใช้ถ้อยคำสุภาพ
3. พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ หรือ เรียกอีกอยางหนึ่งวาชั้น “พรหม” 19 รูป (จำกัดจำนวนว่ามี 20 ตําแหนง)
จะเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นมาจากพระราชาคณะชั้นธรรม โดยไดรับหิรัณยบัฎ
ผู้ไดสมณศักดิ์ชั้นหิรัญบัฏ หรือ ชั้นพรหม เช่น.
* พระพรหมจริยาจารย วัดเบญจมบพิตรฯ กรุงเทพมหานคร
* พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตรฯ กรุงเทพมหานคร
* พระพรหมสุธี วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น.
มีขอนาสังเกตและจดจําคือ สมณศักดิ์อาจไปพองกับชั้นพรหม หรือ ชั้นสามัญ เชน.
พระพรหมสุธี วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร ชื่อจะพ้องกับ พระราชธรรมสุธี วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช แต่เมื่อจำได้แลวความสับสนจะหมดไป
4. พระราชาคณะชั้นธรรม 35 รูป (จํากัดจำนวนวามี 49 รูป) เปนชั้นที่ได้รับสัญญาบัตร
ได้รับการสถาปนาเลื่อนขึ้นมาจากพระราชาคณะชั้นเทพ
ผู้ไดสมณศักดิ์ชั้นธรรม เช่น.
* พระธรรมกิตติวงศ วัดราชโอรสาราม กรุงเทพมหานคร
* พระธรรมวราจารย วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
* พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว) วัดปาเกสรศีลคุณ จ.อุดรธานี (มรณะภาพ)
* พระธรรมสิงหบุราจารย์(หลวงพ่อจรัญ) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงหบุรี เป็นต้น.
5. พระราชาคณะชั้นเทพ 66 รูป (จํากัดจำนวนวามี 98 รูป) เปนชั้นที่ได้รับสัญญาบัตร
ได้รับการสถาปนาเลื่อนมาจากพระราชาคณะชั้นราช
ผู้ไดสมณศักดิ์ชั้นเทพ เช่น
* พระมงคลเทพโมลี วิ. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร
* พระเทพเจติยาจาย วิ.(หลวงพ่อวิริยังค์) วัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร
* พระเทพมหาเจติยาจารย วัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลําพูน
* พระเทพวิทยาคม วิ.(หลวงพ่อคูณ) วัดบานไร อ.ดานขุนทด จ.นครราชสีมา เป็นต้น.
** คําตอทายวา “วิ” หมายถึง วิปัสสนา **
*** จุดสังเกตุ พระราชาคณะฝายวิปสสนา ดูได้จากพัดพื้นขาว โดยทั่วไปเรียกวา พัดขาว ***
6. พระราชาคณะชั้นราช 144 รูป (จํากัดจำนวนวามี 209 รูป) เปนชั้นที่ได้รับสัญญาบัตร
ได้รับการสถาปนาเลื่อนมาจากพระราชาคณะชั้นสามัญ
ผู้ไดสมณศักดิ์ชั้นราช เช่น.
* พระราชศิริธรรมเมธี วัดเบญจมบพิตรฯ กรุงเทพมหานคร
* พระราชอุดมมงคล วิ.(หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังกวิเวการาม จ.กาญจนบรี (มรณะภาพแล้ว)
* พระราชภาวนาวิสุทธิ์ วิ. วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เป็นต้น.
7. พระราชาคณะชั้นสามัญ 394 รูป (จํากัดจำนวนวามี 480 รูป) เปนชั้นที่ได้รับสัญญาบัตร
ปกติจะสถาปนาเลื่อนมาจากพระครู ไมมีคําวา ธรรม เทพ หรือ ราช ตอจากคําวา พระ
ผู้ไดสมณศักดิ์เปนพระราชาคณะชั้นสามัญ เช่น.
* พระปริยัติบัณฑิต วัดปทุมคงคา กรุงเทพมหานคร
* พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร วิ.(พระอาจารยแบน) วัดดอยธรรมเจดีย จ.สกลนคร
* พระสุนทรธรรมาภรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุโขทัย เป็นต้น.
8. พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี-โท-เอก-พิเศษ(ไม่จำกัดจำนวน)
ทุกชั้นมีคําวาพระครูนําหนาราชทินนาม ซึ่งมีชั้นพิเศษ ชั้นเอก ชั้นโท ชั้นตรี ตามตําแหนง เช่น.
* พระครูวิมลวิหารการ เจาอาวาสพระอารามหลวง ชั้นเอก
* พระครูปริยัติสมณกิจ เจาคณะตําบลชนโท
* พระครูโสภณปญญาธร เจาอาวาสวัดอารามราษฎรชั้นตรี
* พระครูสุนทรบัติกิจ เจาคณะอําเภอชั้นเอก เป็นต้น.
9. พระครูฐานานุกรม ตั้งได้ตามจำนวนที่ปรากฏในสัญญาบัตรของพระราชาคณะ
เปนพระครูประกอบ สมณศักดิ์สมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะชั้นผูใหญ ตั้งแต่ชั้นราชขึ้นไป
หมายความว่า..จะเป็นพระสงฆ์รูปใดๆก็ได้ ที่ช่วยงาน,ประสานงานในด้านต่างๆ หรือ เคยอุปถัมภ์(พระรับใช้เฉพาะรูป) ซึ่งพระที่มีสมณศักดิ์ตั้งแต่ชั้นราชขึ้นไป สามารถแต่งตั้งได้ เช่น.
* พระครูปลัดสัมพิพัฒนศีลาจารย์และพระครูปลัดนายกวัฒน พระครูวินัย พระครูธรรมธร พระครูคู่สวด พระครูสังฆรักษ พระครูสมุห พระครูใบฎีกา เป็นต้น.
10. พระครูประทวนสมณศักดิ์ (พระครูผู้อุปการะการศึกษา)(ไม่จำกัดจำนวน)
จะมีคําวาพระครูนําหนา ชื่อเดิม เช่น พระครูสมชาย พระครูจําเนียร เปนตน
11. พระเปรียญ พระภิกษุที่ศึกษาเปรียญธรรมไดแลว ยังไมไดรับสมณศักดิ์ หรือเรียกวา เปนพระมหา จะใชคําวา ป.ธ.หลังนาม เช่น.
* พระมหาสันติ สุปญโญ ป.ธ.๙ พระมหาสมชาย สุเมโธ ป.ธ.๖ พระมหาโสภณ วรญาโณ ป.ธ.๔
* ที่เปนเจาอาวาสโดยทั่ว ๆ ไปเรียกวา พระอธิการ
* ที่เปนเจาคณะตําบล เรียกวา เจาอธิการ ฯลฯ
แรกๆ..ก็อาจจะเข้าใจยาก.. จำยากอยู่บ้างนะครับ แต่ถ้าค่อยๆอ่านทำความเข้าใจแล้ว คงจะไม่ยากเกินครับ.
ทีนี้..พอเราได้ยินชื่อของพระสงฆ์หรือไปทำบุญที่วัดใกล้ๆบ้าน ก็จะได้รับทราบว่า พระสงฆ์ที่วัดของเรา ท่านดำรงสมณอยู่ในตำแหน่งใด?
ผมลองเปิดอ่านจากสมาร์ทโฟนแล้ว ข้อความที่เขียนจะมีกล่องสี่เหลี่ยมในตำแหน่ง " วรรณยุกต์ " ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร?
แต่ผมเปิดอ่านจาก โน๊ตบุ๊ค pc ก็ปกติ หรือท่านใดมีปัญหาอ่านไม่รู้เรื่อง บอกมาบ้างนะครับ ว่างๆจะได้เขียนลงมาให้ใหม่.
อ่านรู้เรื่องครับ ..ขอเสริมเกร็ดเล็กๆน้อยๆ...ขอแจม อิอิ
ท่านปัญญานันทภิกขุเคยกล่าวไว้ว่า การตั้งสมณศักดิ์ให้กับพระอริยสงฆ์ ก็เปรียบเสมือนการตั้งยศให้กับช้าง ผมขอเสริมความ
กล่าวคือ เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ซึ่งเป็นช้างในประวัติศาศตร์ชาติไทย ท่านก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นพระยงพระยาอะไร ท่านก็คิดว่าตัวเองเป็นช้าง กินอาหารของช้าง ทำหน้าที่ของช้าง
ก็คือ ความไม่ยึดมั่นในตัวตน เป็นไปตามธรรมชาติ
พระอริยสงฆ์ก็เฉกเช่นเดียวกัน ตั้งให้ท่านเป็นอะไรท่านก็ไม่ยึดถือเอาเป็นตัวเป็นตน ปฏิปทาเป็นปรกติ และสั่งสอนผู้คนตามแนวทางของพระศาสดา
คือ ความไม่ยึดมั่นถือมั่น ในตัวตนและของๆตน

อ๋อ...อ่านมาทั้งหมด ก็มีฉะนี้แล....เข้าใจแล้วครับ
และท่านพี่ วังเทวีก็ทำให้เข้าใจใน สัจธรรมที่ว่า "ช้างมันไม่ได้ยินดียินร้ายใน ลาภ ยศ" เพราะมัน "เดรฉาน"
แต่ "คน" ที่อาศัยฝ้าหมคลุมกาย มีสัมณศักดิ์ต่อท้าย ยาวๆ มีลูกศิษย์ลูกหากันเยอะ มีเบ็นช์เหลืองๆ เงินสดในบัญชี เยอะแยะ....นั้นเขาเป็น "คน" หรือ "มนุษย์" ครับ........................

เรื่องพระสงฆ์องค์เจ้า หรือเรื่องที่มีสาระความรู้นี่ต้องยกให้ คุณ หนุ่ยพุทธบูชา เยี่ยมจริงๆ ข้อมูลแน่นปั้ก ส่วนท่่าน วังเทวี นี่ถ้าบอกว่าเป็นพระมหาเปรียญมา ก็จะไม่แปลกใจเลย รู้จริงเหมือนนั่งฟังพระระดับท่านมหามาเทศน์ให้ฟัง ส่วนผม มันแก่กระโหลกกะลา จริงๆ เป็นแต่พระเครื่อง พระบูชา ส่วนพระสงฆ์องค์เป็นๆ หรือ พระธรรมวินัย ไม่กระดิกหู ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย ก็ได้แต่หาความรู้จากท่านทั้งสองนี่แหละ
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ.
นานา..สาระ.. เรื่องที่ 2. มองต่างมุม (มุมใคร?..มุมมัน?)
ที่บ้านผมมี 3 คน. มีผม..ภรรยา..และ หลานชายตัวดี อายุย่าง19 ปี
ตัวผม.. สนใจทุกอย่าง ไม่ว่าจะดูละครทีวี อ่านนสพ. ท่องเน็ต ฟังเพลง พบปะพูดคุย ดินฟ้าอากาศ ปลูกต้นไม้ เลี้ยงหมา-แมว
ภรรยา.. ชอบทำอาหาร ดูละคร ดูข่าวทีวี เล่นเกมเล่นคอมพ์บ้างเป็นบางเวลา
เจ้าหลานชายตัวดี.. งานบ้านต้องสั่ง งานกิจกรรมเต็มที่ การเรียนเกือบไม่ผ่าน สนใจเกมออนไลน์ ชอบ(บ้า)ฟุตบอล ทั้งเล่นทั้งดู ใช้เน็ตดูซีรีย์ฮอร์โมน..
ทุกค่ำคืนวันศุกร์จะมีรายการพิเศษฯ.. มีท่านหัวหน้า..มาพูดเรื่องราวต่างๆให้ฟัง
ผม..
ก็ฟังไป แล้วก็ทำงานไปด้วย เข้าใจครับว่า ท่านพูดเรื่องอะไรบ้าง
ภรรยา..
ทำกับข้าวไป..ฟังไปด้วย..สั่งงานผมไปด้วย เรื่องไหน?ที่เขาพอรู้..เขาก็เข้าใจ เรื่องไหน?ที่เขาตกข่าวไม่รู้.. เขาก็จะถามผม
ส่วนเจ้าหลานตัวดี..
นั่งเล่นโทรศัพท์ - เกมเศรษฐี ผมเคยถามมันว่า " ที่พูดเจื้อยแจ้วในทีวีหน่ะ..รู้เรื่องบ้างไม๊ " ไม่รู้..เป็นคำตอบของมัน..แล้วก็ตั้งใจกดเกมเศรษฐีต่อ..
เฮ้อ!..อนาคตของชาติ

เยี่ยมครับ ความรู้ทั้งนั้นเลย
กระทู้108-1009 นานา..สาระ.. นี้
ผมตั้งใจเอาใว้ว่า เมื่อมีเรื่องราวอะไรใหม่ๆ ที่คิดว่าพอจะมีประโยชน์ ก็จะนำลงในกระทู้นี้กระทู้เดียว! (ไม่อยากตั้งกระทู้ใหม่แล้ว) ถ้าสนใจก็ติดตามอ่านกันนะครับ
ปล. ทุกเรื่อง.. ทุกตอน.. เพื่อนๆสมาชิกฯสามารถเข้ามาพูด-คุย แสดงความคิดเห็นได้ตลอด
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา.. จัดไปซัก 2 คลิป. ฝากใว้เป็นอุธาหรณ์...
สำหรับผม..ไม่ใช่อุบัติเหตุ.. " ประมาท-เลินเล่อ-ความไม่รู้-การไม่ใส่ใจ..ล้วนๆ "
http://kaeloveake.blogspot.com/2014/09/blog-post.html
" Ready.. 3-2-1 Go..3นาที 01วินาที.. Game Over..!! "
http://www.youtube.com/watch?v=sciAL0tlLXQ
เรื่องยศฐาบรรดาศักดืิ์ของพระนี่ บางรูปต้องใช้ปัจจัยและวิชามารมาก ๆ กว่าจะได้มา(ทั้งกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ป้ายสี สาระพัดวิธีการ ทั้งเหยียบย่ำคู่ต่อสู้ ฆ่าได้ฆ่า) ผมเคยได้ยินคนใกล้ชิดพระรูปหนึ่งอยูวัดที่แปดริ้ว ขอยศโดยเซ็นเช็คเปล่า ๆ ให้เขาเติมตัวเลขเอาเอง ปรากฏว่าเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 30 ล้านบาทต่อใบ (ปัจจุบันเท่งทึงแล้วได้ใช้ยศยังไม่ถึงปี) น่าอนาถครับเงินชาวบ้านทั้งนั้น คงเป็นเรื่องจริงเพราะสมัยก่อนก็มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับเครื่องราชพระมาแล้วหลายครั้ง ทั้งหลอก ทั้งโกง ทั้งปลอม ฯลฯ เพราะยึดถือคาถา " ยศฐาและเงินมี สีกามา" แน่นอน....สาธุ อมิตพุทธ