
หัวข้อ: เล่าสู่กันฟัง
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

มาคุยด้วยเรื่องเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย จากประสบการณ์ของผมที่ออกจะดราม่าบ้าง หรือออกไปในแนวเฮๆฮาๆบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องจริงๆทั้งนั้น ที่เกี่ยวกับเรื่องพระสมเด็จน่ะครับ แต่ก็จะพยายามไม่ให้กระทบกระเทือนซางของใครๆหรอก ก็ต้องขอออกตัวก่อนว่าตัวผมเองไม่ใช่เซียน เซิน พระสมเด็จอะไรกะเขาหรอก ก็แค่พอดูเป็นบ้าง บางองค์ก็ดูไม่ออก ก็บอกว่าไม่รู้จริงๆ ไม่ดันทุรังตอบไปให้เจ้าของพระท่านมาด่าว่ามั่ว
ไอ้ที่เข้ามาตอบในกระดานพระสมเด็จนี่ก็เพราะแต่ก่อนเข้ามาอ่านแล้วเห็นว่า บางท่านที่ตอบๆเขาไปมันขัดกับความรู้สึกของผมเอง เพราะเราเห็นอยู่ทนโท่แล้วว่าพระเก๊ตาเปล่า ก็ยังตอบไปได้ว่าแท้ พิมพ์สวย เนื้อสวย ก็ไม่รู้ว่าเอาหลักเกณฑ์อะไรมาตอบ ทำให้คนอ่านที่ไม่รู้พลอยเข้ารกเข้าพงไปด้วย
ที่ผมพอจะตอบคำถามที่ถามมาได้ก็เพราะเคยเห็น เคยผ่านตา หมายถึงเคยซื้อ ขาย มาตั้งแต่หนุ่มๆ ยันเกือบแก่ ก็เลยอาจจะรู้มากกว่าคนอื่นหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าดูเป็นแล้วจะไม่โดนนะครับ โดนเหมือนกัน และก็เชื่อว่าทุกคนน่ะแหละ ไม่ว่าเซียนใหญ่ เซียนเล็ก ก็เคยโดนมาแล้วทั้งนั้น ถ้าบอกว่าไม่เคยโดนพระเก๊ ไอ้นั่นมันโกหก ครับ
สมัยที่ยังเฟื่องๆอยู่ตอนนั้นพระยังมีหมุนเวียนให้เล่นเยอะ ราคาไม่แพงหูดับเหมือนสมัยนี้ ซื้อมา ก็ขายไป กำไร ก็มากินมาเที่ยว ลงขวด ลงกระเป๋า (นักร้องคาเฟ่ อ่ะ) ถ้าเก็บงำเงินทอง หรือ ตุนพระไว้ขายตอนนี้ ป่านนี้รวยสะดือปลิ้นไปแล้ว พระส่วนใหญ่ก็แท้ทั้งนั้น เพราะซื้อหมุนเวียนกันอยู่ในวงการเพื่อนฝูง เก๊ก็คืนได้ บางทีก็ไม่ต้องลงทุน "เกอร์" มาก่อน อาศัยเครดิตเชื่อใจกัน ขายได้แล้วค่อยไปเคลียร์ทีหลัง
เชื่อไหมว่าแต่ก่อนนี้ เอาพระจากแผงท้ายตลาด มาขายแผงหัวตลาดหน้าตาเฉย คนซื้อก็ไม่รู้ว่าพระใคร เพราะบางทีมันก็ไม่ค่อยจอยกัน ต่างคนต่างถือว่า ข้าก็แน่ เหมือนกัน ก็สบายพวก tiger free hand อย่างผม เดี๋ยวนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้วเพราะพระไม่มีหมุนเวียน จะมีก็อยู่ในมือพวกเซียนใหญ่ หรือรังใหญ่ ซื้อขายกันที ราคาพระเอาไปซื้อที่นาได้เป็น 10 เป็น 100 ไร่มั้ง
ทีนี้มาถึงเรื่องปัญหาที่ถามเข้ามาในกระดานบ้าง บางท่านถามเข้ามาบางทีผมก็ตอบไม่ได้ หมายถึงฟันธงลงไปไม่ได้ว่า เก๊ หรือ แท้ เพราะว่า พระที่ท่านเอารูปถามเข้ามาบางทีดูแล้ว พิมพ์มันใกล้เคียงมาก อาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะๆทุกอย่าง เพราะพระสมเด็จเป็นพระเนื้อผง ส่วนผสมแต่ละองค์จะไม่เท่ากัน เพราะต้องเข้าใจนะครับว่า เนื้อและมวลสารต่างๆที่นำมาผสมในสมัยนั้นใช้ครกตำครับ ไม่ได้ใช้เครื่องปั่น มูลีเน็กซ์ เหมือนสมัยนี้ และก็คงไม่ได้ใช้เครื่องมือตวงส่วนผสมแต่ละอย่างให้เท่าๆกันหรือตามสัดส่วนแน่ๆ ก็คงใช้กะๆเอาน่ะแหละ ตำแหลกบ้าง ไม่แหลกบ้างก็แล้วแต่ไอ้จุก ไอ้เปีย มันจะขยันโขลกแค่ไหนเท่านั้น สมเด็จโตท่านคงไม่มาโขลกเองหรอกเพราะท่านก็ชราภาพแล้ว เนื้อก็เลยต่างกันตามแต่ครกใครครกมัน การหดตัวของเนื้อก็เลยไม่เท่ากัน แต่ตำหนิในแม่พิมพ์ยังอยู่ เหมือนบล็อกแตกของเหรียญน่ะแหละครับ นอกเรื่องไปชักไกลแล้ว พิมพ์เหมือนมาก แต่ตอบไม่ได้ว่าแท้หรือไม่ก็เพราะ พระฝีมือจัดๆ ทำได้ครับ เรื่องพิมพ์สบายมาก เพราะคนทำพูดได้ว่าเชี่ยวชาญมากในเรื่องพระสมเด็จ ทั้งเนื้อ ทั้งพิมพ์ อยู่ในสมองหมด
ทำไมถึงทำปลอม อันนี้ไม่รู้แฮะ อยากได้ตังค์มั้ง หรือร้อนวิชา คนที่ทำพระสมเด็จปลอม หมายถึงปลอมฝีมือขั้นเทพนะ ทีขนาดเซียนตกเก้าอี้น่ะส่วนใหญ่เป็นช่างซ่อมพระครับ ซ่อมมากับมือจะไม่รู้เชียวหรือว่าตำหนิอยู่ตรงไหนเนื้อหาเป็นอย่างไร ที่ผมบอกว่าส่วนใหญ่เป็นช่างซ่อม ก็เพราะไม่อยากจะกระเทือนไปถึงลูกหลาน เพราะถ้าบอกว่าส่วนน้อยก็ต้องรู้ว่าเป็นใคร ไถลนอกเรื่องอีกละ เมื่อพิมพ์ยังทำได้เหมือน ชนิดที่ส่ององค์จริงยังส่องกันตาแทบกลับ นับประสาอะไรกับแค่ดูรูป แล้วฟันธงโป้งลงไปเลยว่า ใช่ ไม่ใช่ สำหรับผมไม่ได้หรอกครับ ใครจะว่าไม่เก่ง ดูไม่ขาด ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่อยากมั่วครับ
แล้วจะรู้ได้ไง ว่าเก๊ หรือ แท้ ก็ต้องส่องจากองค์จริงๆน่ะแหละครับถึงจะรู้ เพราะของเก๊ ก็คือของ เก๊ อยู่วันยังค่ำ แต่ก็ต้องผู้ที่เชี่ยวชาญจริงๆเท่านั้นที่จะดูได้ และก็จะต้องมีประสบการณ์ที่เห็นของฝีมือพวกนี้มาก่อน เพราะความเก่าแท้ กับเก่าเทียม คนที่ชำนาญจริงๆเท่านั้นจึงจะแยกออก บางทีไม่แน่ใจยังต้องอาศัยเสียงข้างมากมาตัดสินกันเลยครับ ก็เลยต้องบอกให้ท่านๆที่ถามปัญหามาได้ทราบว่าผมไม่มีปัญญาที่จะส่องดูเนื้อจากรูปที่ท่านส่งมาได้ อย่างดีก็แค่ดูแค่ผิวเผินในภาพที่เห็นชัดๆเท่านั้น ก็เลยตอบไปตามความสามารถที่มีอยู่เท่านั้น ก็ต้องขออภัยที่ให้ความกระจ่างไม่เต็ม 100
ทุกวันนี้พระฝีมือที่ทำมานานหลายๆปี บางองค์เป็นสิบๆปี จะน่ากลัวมาก บางองค์ที่เห็นลงรูปกันในข่าวในคอลัมน์ต่างๆ ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าแท้ เพราะมันขัดหูขัดตาอย่างไรพิกล หากเราๆท่านๆ เกิดไปฟลุ๊กได้มาซักองค์ถ้าจะขึ้นคอก็หาหลวงพ่อที่มั่นใจว่าแท้และมีพุทธคุณห้อยเสริมพ่วงไปด้วยอีกซักองค์ สององค์ เอาไปช่วยๆกันยามคับขันก็ดี ครับ
คงพอแค่นี้ละครับ ยาวไปหน่อยมั้ง ใครอ่านจบ แล้วเม็นต์บอกด้วยนะครับ จะ + ให้แต้มนึง เอ้า..

อ่านจบหละ..ไม่ยาวหรอกครับ (กำลังดี) ก็ อ ย า ก บ อ ก ว่ า อ่ า น จ บ แ ล้ ว ค ร๊ า ป......
ปล.พระเก่าก็คนเกือบเก่าเล่า (มันส์ดีออก)

จบครับ หมายถึงผมอ่านจบ...ก็เป็นความรู้ครับ ได้ฟังจากเซียนรุ่นเก่า ไอ่เรารุ่นหลานก็ฟังเอาไว้....ผมชอบนะให้เลยครับ +1
นิยายกำลังภายในมากกว่านี้หลายเท่ายังอ่านจบ นับประสาอะไรกับสาระดี ๆ อย่างนี้จะอ่านไม่จบครับ ผมก็ชอบพระสมเด็จเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสมหวังแม้เพียงเศษเสี้ยวก็ยังยากครับ เสียดายเมื่อก่อนคนแก่ที่เคารพให้มาทำหายหมด ถ้ายังอยู่อาจจะมีแท้บ้างก็ได้เพราะเมื่อก่อนราคาไม่แพงครับ
กระพ๊ม!ก็อ่านจบเหมือนกัลล์..
สำหรับผมนะ.. การหาพระสมเด็จฯ ก็เหมือน.. การหาเลขสลากกินแบ่งฯรางวัลฯที่1. คือ.รู้ว่ายังมีอยู่ทุกงวด.. แต่เมื่อไหร่..จะเป็นงวดของเรา
ดังนั้น! จึงมีทางเลือก 2 ทาง คือ
1.ยังคงซื้อแบบหว่านแห...ล่ารางวัลที่1ต่อไป.. หรือ
2.โฟกัสแค่..2ตัว-3ตัวก็พอ ไม่หวังรางวัลฯ ถ้ามีบุญวาสนาพอ เดี๋ยวก็เจอะเอง
อ้อ! ผมสงสัยอยู่ 2ข้อ ช่วยคิดให้หน่อยครับ. เนื่องจากผมยังไม่เคยได้เป็นเจ้าของพระสมเด็จฯกับเขาบ้างเลย..เผื่อมีวาสนาจะได้นำมาปฏิบัติบ้าง!
หมายเหตุ..กรณีนี้ ตัวท่านเป็นคนทั่วไปไม่มีชื่อเสียงนะครับ
สมมุติว่า..
1.ถ้าเพื่อนๆมีพระสมเด็จฯแท้ๆ ท่านจะทำอย่างไร ขาย หรือ ไม่ขาย
2.ถ้าท่านมีพระสมเด็จฯ แต่พระองค์นั้น หาข้อสรุปไม่ได้ ว่าแท้! หรือ เก๊! (จากการพิสูจน์แล้วหลายช่องทาง) ถ้าท่านไปเจอสถานะการณ์นี้
- เซียนสายที่บอกแท้..! แต่ขอซื้อในราคาที่พอสมควร..แต่ไม่สูง (เรียกว่าซื้อเอาใว้ศึกษา) ณ.เวลานั้นท่านจะตัดสินใจอย่างไร?
- เซียนสายที่บอกเก๊!.. ไม่ขอซื้อ..บอกขายก็ไม่สนใจ
ท่านจะตัดสินใจอย่างไร?กับพระองค์นั้นดีครับ.

ก็ต้องขอบพระคุณเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับผม ที่เข้ามาเยี่ยมชมและทนอ่านกระทู้ของผมจนจบ ก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนน้ำใจงามๆของพวกเพื่อนๆหรอกครับ ก็ได้แต่กดแต้ม + like ให้ทุกท่าน แต่ก็ยังซึ้งใจในมิตรไมตรีที่ยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ทุกกระทู้ของเพื่อนๆ ก็ไม่เคยได้ขาดการเยี่ยมเยียนจากกันและกันเลย เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเท่านั้น ตรงนี้ต้องขอคารวะ ครับผม
ก็จะช่วย คุณ หนุ่ยพุทธบูชา คิดหน่อยครับ
ข้อที่ 1. ไม่แน่ใจในคำถาม ครับผม ที่ว่า ท่านจะทำอย่างไร ขาย หรือ ไม่ขาย น่าจะเป็น ซื้อ หรือ ไม่ซื้อ มากกว่า ถ้าเข้าใจความหมายผิดก็ขออภัยด้วยครับ ก็เอาความหมายตามที่ผมคิดก็แล้วกัน ถ้าเพื่อนขาย และเรามีความสามารถที่จะหาเงินมาซื้อได้โดยไม่เดือดร้อนครอบครัว ซื้อ ครับ เพราะสุดยอดความต้องการของนักเลงพระแทบจะทุกๆท่าน คือการได้ครอบครองพระสมเด็จแท้ๆซักองค์ ก็สมปรารถนาแล้ว
ข้อที่ 2. จากคำถาม ก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าตั้งใจไว้อย่างไร สำหรับพระองค์นี้ ขายทิ้ง ตัดปัญหา เก๊ แท้ออกไป หรือ ไม่ขาย เอาไว้ ศึกษา หาข้อยุติให้ได้
ถ้าเป็นผม ต้องหาข้อยุติให้ได้ก่อนครับ ว่าจะเป็นอย่างไรแน่ และก็เชื่อว่าทุกปัญหาจะต้องมีข้อยุติ และก็ไม่ทราบว่าหลายช่องทางที่คุณ หนุ่ย บอกมานั้น ผ่านการส่งเข้าประกวดหรือยัง สมมติว่ายังไม่ผ่าน ส่งเข้าประกวดเลยครับ เอาชัวร์ๆซัก 3 งาน
ถ้า 3 งาน ผ่านโต๊ะประกวดไปได้หมด โอ เค ชัวร์ แท้แน่นอน 1,000 % ถ้าไม่ผ่านทั้ง 3 งาน เลิก จบกัน เก๊ แน่นอนเหมือนกัน จะเอาพระไปทำอะไรก็ไม่ต้องตัดสินใจให้ยากแล้ว แต่ถ้ามี คละกันล่ะ ผ่าน 2 งาน ในจำนวน 3 หรือ ผ่านเพียง 1 ใน 3 แสดงว่าพระองค์นี้ เป็นพระประเภทดูยาก ขนาด กรรมการรับพระยังมีความเห็นของเสียงที่แตกต่างกัน กรณีนี้เป็น ผม เก็บครับ และก็อาจจะส่งประกวดไปเรื่อยๆอีก หรือถ้าขี้เกียจก็ไม่ต้อง แต่ถ้าขาย จะขายในราคาพระแท้ ต่อรองได้ตามธรรมเนียม ไม่ขายในราคาพระที่ซื้อเอาไว้ศึกษาแน่นอน เพราะคนที่ตีว่าแท้ ก็ต้องซื้อในราคาพระแท้เท่านั้น จะมาลูกเล่นว่าซื้อเอาไปศึกษา มุขนี้เก่าไปหน่อย ครับผม

ได้ความรู้อีกแล้วครับ
ขอบคุณ ครับ
เป็นคำตอบที่มีค่ามากครับ.
ข้อ1. แท้ชัวร์..
เจ้าของ
ส่วนมาก..90%จะไม่ขาย..ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆของแต่ละบุคคล แต่ เปลี่ยนใจได้..ถ้าราคาโดนใจ
ส่วนอีก 10% ขาย.. ถ้าได้ราคาที่ต้องการ
ส่วนคนซื้อ..
100% ซื้อแน่นอน แต่จะสมหวังหรือไม่ เป็นเรื่องของความลงตัวที่เหมาะเจาะ
ข้อ2. ผมว่าเป็นคำตอบที่น่าจะเอาไว้ในการตัดสินใจกันเลยครับ. (ส่วนมากจะเกิดกับเจ้าของพระฯภูธร)
หลายคนลังเลเมื่อเจอเหตุการณ์ ของชิ้นเดียวกันแต่ความเห็นต่าง..
จะขายก็เสียดาย.. พระฯ ไม่ขายก็เสียดาย.. โอกาส
ใช่เลยครับ "ต้องหาข้อยุติให้ได้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อตัดสินใจอย่างไรแล้วจะได้ไม่ต้องมาคร่ำครวญให้ได้ยิน
ปล. ส่วนคำว่า เอาใว้ศึกษาฯ ผมจัดว่า"เป็นมุขคำพูดที่เป็นอมตะ มากกว่า มุขเก่าๆ ครับ."
ขอแสดงความคิดเห็นคำถามของท่าน "หนุ่ยพุทธบูชา" หน่อยครับ...
1. ถ้าสมมติว่าผมมี ผมคงต้องขายเพราะไม่มีความสามารถรักษาท่านไว้ได้แน่นอน จะห้อยคอก็อันตราย คุ้มครอง "ท่าน" ไม่ได้แน่ น่าจะอยู่อย่างไม่มีความสุข เนื่องเพราะภาวะวิสัยที่ไม่เอื้ออำนวยในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะต้องได้ราคาพอสมควรในเมื่อพระเราแท้
2. คงจะไม่ขายเหมือนกัน เพราะเซียนคนที่ดูว่าแท้แต่กลับซื้อในราคาไว้ศึกษา ดูจะเอาเปรียบเรามากไป ต้องหาข้อยุติให้ได้เสียก่อนครับ ไม่ต้องรีบร้อน "โอกาสหน้า" อาจดีกว่าก็ได้
ผมอยู่สนามพระลำพูน-เชียงใหม่สัปดาห์ละ3วัน เห็นความสุขของชาวพระแก่ๆดังนี้ครับ
เที่ยวหาซื้อพระสมเด็จองค์ละไม่กี่ร้อย แล้วมาอวดกันว่า แท้ยังงั้นยังงี้ เขาให้ราคาเป็นหมื่นเป็นแสนแล้วไม่อยากขาย นอกนั้นก็มีพระหลักอื่นๆเช่น หลวงพ่อเงิน ก็แบบเดิม...ความสุขของคนแก่
อีกพวกทั้งหนุ่มทั้งแก่ เจอทุกสนามเที่ยวหาซื้อพระหลักๆทุกวันทุกนัด แล้วทึกทักเอาเองว่าแท้ บอกขายเป็นหมื่นเป็นแสน นานๆก็อาจจะมีหมูมาติดเบ็ดเพราะหลงคารมสักตัว
แต่คนที่ได้เงินเป็นหมื่นเป็นแสนตัวจริง ได้เงินจริง ได้ตลอด ได้มานาน ก็คือคนที่ขายพระเก๊ให้คนพวกนี้ ถึงแม้ว่าพระแต่ละองค์ราคาจะไม่กี่ร้อย แต่วันๆขายได้หลายองค์ รายได้เดือนนึงหลายหมื่น ปลูกบ้านซื้อรถกันเป็นล้าน เรื่องจริงครับ
ที่คุณ วังเทวี ให้ความเห็นมานั้น ถูกเผงเลย บ้านนอก หรือในกรุงเทพก็ตาม ชุมนุมพระตามร้านกาแฟ ก็เป็นความสุข เพ้อฝันของ คนแก่ๆ
ที่ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก็ยังไม่ประสีประสากับ พระเบญจภาคี องค์ละ 300 , 500 บาท โดนหลอกให้เช่า แล้วแกก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะลูกหลานหยิบยื่นให้
แต่นานๆไป พอแกล่วงลับไปแล้ว หลานๆเอาพระของคุณปู่ คุณตา ออกมาหวังว่า จะเป็นพระดี ใครพูดอะไรก็ไม่เชื่อ ปู่ให้พ่อมา จะเก๊ได้ไง
เดี๋ยวนี้เจอกันอย่างนี้ เป็นประจำแล้วครับ
ไม่อยากเปิดกระทู้ใหม่เพราะจะได้ต่อเนื่องกัน (ขออนุญาตท่าน onepeer อาศัยกระทู้ยอดฮิทนี้ก็แล้วกันครับ) คือตามความเห็นของท่าน วังเทวี และท่าน นักสะสม พวกเรามีความเห็นว่าควรจะจัดการกับพระเก๊ที่มีอยู่เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองอย่างไรดีครับ หรือจะปล่อยให้ตกไปสู่ลูกหลานในอนาคตต่อไปครับ ซึ่งผมเองก็มีอยู่ไม่น้อย จะแลกกับเพื่อนก็กล้วบาป จะทำลายก็ไม่กล้า จะฝังดินก็กล้วว่าเมื่อมีผู้พบเจอวันข้างหน้าเขาจะขุดกระดูกขึ้นมาด่าเอา เก็บไว้เฉย ๆ เกิดเป็นอะไรขึ้นมากระทันหันจะตกไปสู่ลูกหลาน ซึ่งเขาอาจแปลเจตนาเราผิดก็ได้ครับ (ไม่น่า...ซื้อมาเยอะเลย)

ตามสบายเลยครับท่าน piak8riw กระทู้ของผมก็เหมือนกับเป็นกระทู้ของเพื่อนๆทุกคนน่ะแหละครับ ดีซะอีกที่มีเพื่อนๆมาชุมนุมแสดงความคิดเห็นกันหลายๆแง่ หลายๆมุม ได้ประโยชน์ ได้สาระ และได้ความรู้ทั้งนั้น เพราะประสบการณ์ของแต่ละท่านที่ได้มาหาซื้อไม่ได้ด้วยเงินหรอกครับ อาจจะแลกมาด้วยการปาดเหงื่อบนหน้าผากยามเจอพระเก๊ หรืออาจจะยิ้มหน้าบานยามที่มีคนนิมนต์หลวงพ่อองค์แพงไปจากแผง เต็มที่เลย ครับผม

.....เป็นอันสืบเนื่องมาจากกระทู้ของอาจารย์ onepeer จนถึง พี่หนุ่ยพุทธบูชา...ยาวมาถึง พี่วังเทวี....ต่อมาที่กระทู้ พี่เปี๊ยกแปดริ้ว...
.....อ่านมาแล้ว ที่บอกว่าซื้อพระเก้มา แลัวอวดกัน บ้างแท้หละ บ้างเก้หละ บ้างก็เซียนใหญ่ๆท่านให้ราคาไม่เป็นที่พอใจเลยไม่ยอมขาย....
.....แล้วมันก็มีมาของคำว่า "ตอกตะปู" ก็อยากจะฟังเรื่องราวการตอกตะปูสืบเนื่องไปเลยครับจะได้ไม่เป็นการเสียเวลาครับ....
.....อยากฟังมากเลยครับ ขออาจารย์ onepeer พี่นักสะสม พี่เปี๊ยก พี่วังเทวี พี่หนุ่ย พี่หนุ่มเหนือ เล่าหน่อยครับ....Please

เคยเจอบ่อยๆ เวลาเดินตาม สนามพระ จะมีลุงแก่ๆ แบบว่า ท่าทางเหมือนเซียนเฒ่า ผู้ เต็มไปเคร็ดวิชา 108 กระบวนท่า ชอบคุยโอ่เรื่อง พระสมเด็จที่แกหวงนักหวงหนา ถ้าเซียนเด็กน้อยท่านใด เผลอไปจับแล้ว เอามาลูบๆ คลำๆ ส่องดู ท่านเซียนเฒ่าเริ่มได้ที ปรารภด้วยความภูมิใจ ว่า องค์นี้ลุงได้มาตั้งแต่สมัย หนุ่มๆ แล้วไอ้หลานชาย ลุงเรียกองค์นี้ ว่าองค์ เล่าปี่(เจ้านายขององค์กวนอู อีกที) แขวนเดียวเข้าไปร่วมรบในสมัยสงคราม เวียดนาม จนถึง หมาสงครามเอเชียบูรพายังไม่พอแขวนไปร่วมชุมนุม เมื่อ 14 ตุลา จนถึง ไปลุยกับม็อบเสื้อแดง ก็ไม่มีใครยิงลุงได้ รอดชีวิตกลับมา ยื่นขาย พระอยู่ตรงนี้แหล่ะ โฮ๊ะๆๆๆ ยังไม่พอมีเซียนใหญ่จากท่าพระจันทร์ เคยมาให้ราคาลุงเป็นแสนลุงยังไม่ขายเลย แต่ถ้าหลายชายสนใจอยากจะ เอาไว้ใช้คุ้มครองตัวเอง ในฐานะที่ลุงถูกชะตา หลานชายเป็นพิเศษ จะแบ่งให้ 2 พัน ว่าแล้วเจ้าหนุ่มฟังเซียนเฒ่าพรรณาจนเคลิ้มได้ที่จึง ควักตังค์ให้ เซียนเฒ่าไป 2 พัน แล้วเดินจากไป เซียนเฒ่าหลังจาก ได้ปล่อยวิชา ลิ้นมหาปะลัย สำเร็จแล้วจึง เอนกายนั่งลงที่ข้างแผงซักพัก ก่อนที่จะเดินไป แผงพระกองข้างๆ คุ้นเขี่ยพระสมเด็จเนื้อมันๆ ราคา 20 บาท จากแผงพระกอง เอามาวางไว้ที่แผงพระ ตัวเอง แทนที่องค์ เล่าปี่ อีกครั้ง เซียนเฒ่าตั้งชื่อ สมเด็จองค์นี้ว่าองค์เตียวหุย
ปล.อันนี้ผมแต่งขึ้นเองล้วนๆ นะครับ 55

555 เลื่อมใส..เลื่อมใส..จริงๆ ครับ องค์เล่าปี่ ของท่าน หนุ่มเหนือ อย่างนี้ต้องเอาไปอีก 1 like แล้วครับ แล้วอย่ามาลืมต่อ ภาค 2 องค์เตียวหุย ด้วยนะครับ รับรองแฟนตรึม แน่ๆ
ส่วน คำว่า ตอกตะปู ของ คุณ dorn80 ที่ถามมา ก็พอจะอธิบายความหมายคร่าวๆได้ดังนี้ ครับ
คือ สมมติว่า มีคนเอาพระมาให้ท่านดู แต่ไม่ยอมขายให้ท่านในทำนองหวงของ ทั้งที่ท่านก็หว่านล้อมปะเหลาะด้วยเหตุผลต่างๆ แต่ก็ยังใจแข็ง ไหนๆก็ซื้อไม่ได้แล้ว คนอื่นก็ไม่ต้องซื้อเหมือนกันวะ ตอกตะปูมันซะเลย ก็บอกกับเจ้าของพระว่า "น้องๆ พระองค์นี้น่ะอย่าไปขายใครนะ ถ้าจะขายก็มาขายพี่ พี่ให้แสนนึง" ทั้งๆที่ราคาพระอยู่ที่พันปลาย หรือหมื่นต้น ประมาณนี้ เจ้าของพระก็ตาเหลือกซิครับเมื่อราคาพระของตัวเองสูงขนาดเซียนให้ราคามาขนาดนี้ ราคาจริงมันคงจะสูงกว่านี้อีก ก็เลยออกทะเลไปเลยครับ ตกลงใครก็ซื้อไม่ได้ เพราะราคามันผิด สูงจนคนที่จะซื้อเบือนหน้าหนี พร้อมกับด่าเบาๆว่า "ไอ้บ้า"
ส่วนจะมีความหมายเป็นอย่างอื่นอีกหรือไม่ ก็ต้องให้เพื่อนๆช่วยมาออกความเห็นละครับ
ตอกตะปู ตามที่ท่า onepeer อธิบายนั้นความหมายชัดเจนครับ แต่ผมขอเสริมอีกสักนิดครับว่า ตะปูที่ตอกนั้นน่าจะตอกติดกับฝาโลงศพคือตอกตายและห้ามเปิดครับ (อยู่กับก๋ง..ตลอดไป)
ใครที่มีทุนหนาน่าจะเก็บรวบรวม รับบริจาค พระเก๊ พระปลอม ทุกรุ่น ทุกเนื้อ ทุกพิมพ์ แล้วหลอมรวมกัน สร้างเป็นพระเครื่องขึ้นมาสักรุ่นหนึ่ง ทั้งเหรียญ พระผง พระเนื้อชิน ฯลฯ โดยใช้มวลสารจากพระเก๊เท่าที่หาได้ ใช้เวลาสัก 1- 3 ปี แล้วนิมนต์หาเกจิดัง ๆ มาร่วมกันปลุกเสก เปิดให้เช่าทำบุญในราคาถูก ๆ เพื่อนำเงินรายได้ช่วยเหลือสังคม วัดวาอาราม ทุนการศึกษาหรือเพื่อนมนุษย์ที่ทุกข์ยาก โดยตั้งชื่อรุ่นให้เป็นมงคล ผมว่าน่าจะทำให้พระเก๊เปลี่ยนเป็นพระแท้ไปได้ส่วนหนึ่งนะครับ (ผมคิดเล่น ๆ ของผมคนเดียว) และเพื่อสืบทอดพระศาสนาด้วยและผมยินดีที่จะขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยครับ

อันนี้ เป็นเรื่องเล่า บางส่วนของลุง ท่าน หนึ่ง จะ ว่า ไป ท่าน เปรียบเสมือน อาจารย์ใหญ่ ของ ผม ในการดูพระกรุ ลำพูน
แกเล่าว่าบ่าย วันหนึ่งมีชาวบ้านมาขอพบ แกที่บ้านถึง 2 ครั้ง แต่ไม่เจอตัว มา เจอ ครั้งที่ 3 บอกว่ามีเรื่อง ทุกข์ ใจ มาก มา ปรึกษา พ่อ แก เป็น คน ลำพูน พึ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นาน ทิ้ง มรดก เอา ไว้ให้ คือพระรอด 2 องค์ ลูกหลานก็มีหลายคน ไม่รู้จะ แบ่ง กัน ยังไง ประมาณว่าจะให้ ช่วยขายว่ายังงั้นเถอะ อาจารย์แก ได้ยิน ครั้งแรกหูแทบผึ่ง แต่ก่อน จะ ตัดสินใจ แกจึงขอดูพระรอด มรดก เจ้าคุณพ่อก่อน ชาวบ้านจึงเอาพระรอดเก่า ให้แกดู ท่าน อาจารย์รับพระ รอด ไปดู พิจารณาอย่างถ้วนถี่ ปรากฏว่าเป็นของ เลียนแบบ แต่จะบอกเขาไปตรงๆ ก็ กลัว เสีย กำลังใจ จึงบอกไปว่า พระ รอด นี้ เป็น มรดกของพ่อ ป้า ขอใก้ป้าเก็บไว้ดีๆ เถอะ อย่าขายเลย เมื่อป้าชาวบ้านได้ยินแบบนั้น จึงรับพระคืน แล้วเก็บ เอา ไว้ จนถึง ทุกวันนี้

...ตอกตะปูของอาจารย์ onepeer มองภาพตามเนื้อเรื่องทะลุเลยครับ... ขอบคุณครับ
...ส่วนพี่เปี๊ยก เยอะขนาดนั้นเลยหรอครับ..เมื่อเดือนที่แล้วกลุ่ม "ศรัทธานำหน้าค่านิยม" (หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่) เขารวบรวมพระเก้และขอบริจาคโลหะ ต่างๆเพื่อจัดสร้างเหรียญหล่อเนื้อนวะโลหะเป็นรูปพิมพ์ยืนหลวงปู่ครับอยู่ใน Face book ครับโดยคุณ บอย อนุสาวรย์ ครับ ลองเข้าไปดูครับ
...ไม่น่าเชื่อพี่หนุ่มเหนือ ก็เล่าเรื่องได้ฮา มากเหมือนกันนะเนี๊ยะ คิ คิ คิ ติดตามตอนต่อครับ

ก็ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยนึงครับ เพราะกระทู้ที่เขียนยังขาดส่วนที่สำคัญอยู่บางตอน เพราะผมพิมพ์ๆไป มันก็ลืม ประเภทได้หน้าลืมหลังอะไรทำนองนั้น (อย่าคิดมากครับผม) เพราะเคาะพิมพ์แบบร่ายกันสดๆ แบบไม่มีลูกชิ้นหรือเนื้อเปื่อยมาผสมเลย ก็เลยไม่มีพล็อตเรื่องเตรียมไว้ นึกอะไรได้ก็ใส่ลงไป
มาถึงตอนที่ว่า ถ้าพิมพ์เหมือนหรือใกล้เคียงแล้วจะทำไง อันนี้หมายถึงพระสมเด็จ นะครับ พระอื่นไม่รู้ หรืออาจจะคล้ายกัน ก็ต้องหยิบส่องกันละครับ บางคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า ที่บอกว่าผิดพิมพ์ แล้วไม่ต้องส่องดูเลยหรือ ก็ขอตอบว่า ไม่ต้องส่องเลยครับ เพราะเก๊ แน่นอน ตำหนิไม่มีให้เห็นเลยแม้แต่จุดเดียว เพราะอะไรหรือ ก็เพราะพระทุกองค์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ดิน ชิน ผง หรือ เหรียญ ต้องมีตำหนิที่เกิดจากแม่พิมพ์ทั้งนั้น มากน้อยก็แล้วแต่ ยกตัวอย่าง พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ๋ จุดตำหนิใหญ่ๆ ที่เป็นจุดตายที่ทุกองค์จะต้องมี อยู่ที่เส้นกรอบ ฐาน วงแขน ไหล่ ซอกรักแร้ ถ้าไม่มีให้เห็น ไม่ต้องดูเลย แต่บางองค์ตำหนิอาจจะมีไม่ครบ ก็ต้องดูส่วนประกอบอื่นไปด้วย เช่น สัดส่วนขององค์พระ ความมาตรฐานของขนาด บางองค์มองดูในรูปดูดี แต่พอมาเห็นขนาดองค์จริง คนละเรื่องเลย บางคนที่ดูพระ(เซียน) ก็ทำกิริยาน่าเกลียดมาก ไม่รู้ว่ามาจากนิสัยส่วนตัวที่อาจจะไม่ได้รับการอบรมมารยาทมาเลยหรืออย่างไร ดูพระที่คนเอามาขาย อาจจะ 5-6 องค์ รวมๆกัน แบบไม่ต้องส่องนะครับ เพราะพระผิดพิมพ์ พี่ท่านเล่นเขี่ยทิ้งเหมือนเขี่ยตัวหนอน ตัวแมลงที่น่ารังเกียจเลย อันนี้ไม่ดีจริงๆ
เมื่อพิมพ์ใช่ หรือใกล้เคียง องค์ประกอบดีหมายถึงเนื้อมองดูเก่า หรือพอจะเก่า ก็ต้องหยิบส่องทั้งนั้นและเชื่อว่าต้องเกือบทุกคน ถ้าคนที่ไม่หยิบส่อง ก็ต้องดูว่า ไอ้หมอนี่ มันเซียนจริง หรือ เซียนเก๊ คือ ดูไม่เป็น ส่องไปก็เท่านั้น อีกประเภทนึง พวกนี้ไม่ใช่เซียนมืออาชีพ แต่เป็นพวกนอกตำรา พวกจับพลัง ครับ อ่ะ...ไม่ได้คิดจะก้าวล่วงพวกท่านนะครับ ผมเองก็ประเภท ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ชอบลบหลู่ อาจจะเป็นไปได้ หรือ เป็นไปไม่ได้ อันนี้ไม่สามารถพิสูจน์ แต่ก็เชื่อว่า ก็อาจจะมี % เหมือนกัน
เพราะเราเชื่อในพุทธคุณของพระเครื่องว่ามีจริง ก็ต้องมีพลังงานในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง แสดงออกมาเพื่อปกป้อง คุ้มครอง ผู้ที่เลื่อมใสสวมใส่ พลังงานนั้นอาจจะมีผู้ที่มีความสามารถชนิดที่อาจจะร่ำเรียนมาทางไสยเวท หรือทางวิปัสนากรรมฐาน และจะต้องเป็นผู้ที่ทรงศีลยึดมั่นในศีลธรรมซึ่งอาจจะเป็นฆราวาสหรือนักบวช ก็ได้ แต่ไม่ใช่ ไอ้ตี๋ อายุ 20 กว่า 30 ที่เห็นนั่งฟาดเหล้าหัวราน้ำ หรือเที่ยวซ่องกระหรี เดินเข้า เดินออก หัวกระไดเป็นมัน แล้วมายืนกำพระที่จะดู หลับตาทำปากขมุบขมิบ สักพัก ก็มาบอกว่า พระไม่ดี อย่างโน้น หรือ แท้อย่างนี้ อย่างนี้ ก็ไม่ไหว เชื่อไม่ได้ หรือเรื่องจับพลัง อะไรนี่ เพื่อนๆคนไหน มีข้อมูลอย่างไร ก็ช่วยมาให้ความกระจ่างหน่อยครับ
นอกเรื่องไปไกลอีกแล้ว เลยลืมเลยว่าจะเขียนอะไรอีก อ้อ...ดูพิมพ์ แล้วส่อง เมื่อส่องเรียบร้อยแล้วถึงจะมีคำตอบได้ว่า พระแท้ หรือ ไม่ อย่างไร ดังนั้นท่านที่สงสัยว่าพระของตัวเอง เซียนบอก เก๊ โดยไม่ส่องดูเลย ก็คงจะได้คำตอบนะครับ และคงจะเข้าใจความหมายของ คำว่า พระผิดพิมพ์ ดียิ่งขึ้น เพราะบางท่านไม่เข้าใจ คือ มองดูพระก็เหมือนกันหมด มี 3ชั้น นั่งสมาธิ เกศแหลม มีซุ้มโค้ง กรอบสี่เหลี่ยม แต่จริงแล้วไม่เหมือนกัน ก็ต้องไปพิจารณาให้ดีๆ แล้วก็จะร้องว่า อ้อ..ที่แท้เป็นแบบนี้เอง
แล้วเนื้อเก่าล่ะ ก็เก๊เก่าไงครับ บางองค์เก๊ มาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ โน่นแน่ะ อายุอานามพระเก๊ ก็กว่า 5-60 ปี ขึ้นไป บางคนบอกให้ดูเนื้อ ไม่ต้องดูพิมพ์ ก็ไม่ว่ากันครับ แล้วแต่ ใครจะเชื่อ ถ้าเชื่อผม รับรองไม่เสียตังค์ ซื้อพระเก๊แน่ๆ เพราะเป็นวิธีของเซียนๆที่ทำมาหากินอยู่ในแวดวงพระเครื่อง เขาใช้วิธีนี้ทั้งนั้นแหละครับ
ก็จบแค่นี้ละครับ นึกไม่ออกแล้วว่ามีอะไร อีก ถ้านึกออกก็จะมาเพิ่มเติมให้ใหม่ ขอบคุณ ครับที่อ่านจนจบ

ก็ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยนึงครับ เพราะกระทู้ที่เขียนยังขาดส่วนที่สำคัญอยู่บางตอน เพราะผมพิมพ์ๆไป มันก็ลืม ประเภทได้หน้าลืมหลังอะไรทำนองนั้น (อย่าคิดมากครับผม) เพราะเคาะพิมพ์แบบร่ายกันสดๆ แบบไม่มีลูกชิ้นหรือเนื้อเปื่อยมาผสมเลย ก็เลยไม่มีพล็อตเรื่องเตรียมไว้ นึกอะไรได้ก็ใส่ลงไป
มาถึงตอนที่ว่า ถ้าพิมพ์เหมือนหรือใกล้เคียงแล้วจะทำไง อันนี้หมายถึงพระสมเด็จ นะครับ พระอื่นไม่รู้ หรืออาจจะคล้ายกัน ก็ต้องหยิบส่องกันละครับ บางคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า ที่บอกว่าผิดพิมพ์ แล้วไม่ต้องส่องดูเลยหรือ ก็ขอตอบว่า ไม่ต้องส่องเลยครับ เพราะเก๊ แน่นอน ตำหนิไม่มีให้เห็นเลยแม้แต่จุดเดียว เพราะอะไรหรือ ก็เพราะพระทุกองค์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ดิน ชิน ผง หรือ เหรียญ ต้องมีตำหนิที่เกิดจากแม่พิมพ์ทั้งนั้น มากน้อยก็แล้วแต่ ยกตัวอย่าง พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ๋ จุดตำหนิใหญ่ๆ ที่เป็นจุดตายที่ทุกองค์จะต้องมี อยู่ที่เส้นกรอบ ฐาน วงแขน ไหล่ ซอกรักแร้ ถ้าไม่มีให้เห็น ไม่ต้องดูเลย แต่บางองค์ตำหนิอาจจะมีไม่ครบ ก็ต้องดูส่วนประกอบอื่นไปด้วย เช่น สัดส่วนขององค์พระ ความมาตรฐานของขนาด บางองค์มองดูในรูปดูดี แต่พอมาเห็นขนาดองค์จริง คนละเรื่องเลย บางคนที่ดูพระ(เซียน) ก็ทำกิริยาน่าเกลียดมาก ไม่รู้ว่ามาจากนิสัยส่วนตัวที่อาจจะไม่ได้รับการอบรมมารยาทมาเลยหรืออย่างไร ดูพระที่คนเอามาขาย อาจจะ 5-6 องค์ รวมๆกัน แบบไม่ต้องส่องนะครับ เพราะพระผิดพิมพ์ พี่ท่านเล่นเขี่ยทิ้งเหมือนเขี่ยตัวหนอน ตัวแมลงที่น่ารังเกียจเลย อันนี้ไม่ดีจริงๆ
เมื่อพิมพ์ใช่ หรือใกล้เคียง องค์ประกอบดีหมายถึงเนื้อมองดูเก่า หรือพอจะเก่า ก็ต้องหยิบส่องทั้งนั้นและเชื่อว่าต้องเกือบทุกคน ถ้าคนที่ไม่หยิบส่อง ก็ต้องดูว่า ไอ้หมอนี่ มันเซียนจริง หรือ เซียนเก๊ คือ ดูไม่เป็น ส่องไปก็เท่านั้น อีกประเภทนึง พวกนี้ไม่ใช่เซียนมืออาชีพ แต่เป็นพวกนอกตำรา พวกจับพลัง ครับ อ่ะ...ไม่ได้คิดจะก้าวล่วงพวกท่านนะครับ ผมเองก็ประเภท ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ชอบลบหลู่ อาจจะเป็นไปได้ หรือ เป็นไปไม่ได้ อันนี้ไม่สามารถพิสูจน์ แต่ก็เชื่อว่า ก็อาจจะมี % เหมือนกัน
เพราะเราเชื่อในพุทธคุณของพระเครื่องว่ามีจริง ก็ต้องมีพลังงานในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง แสดงออกมาเพื่อปกป้อง คุ้มครอง ผู้ที่เลื่อมใสสวมใส่ พลังงานนั้นอาจจะมีผู้ที่มีความสามารถชนิดที่อาจจะร่ำเรียนมาทางไสยเวท หรือทางวิปัสนากรรมฐาน และจะต้องเป็นผู้ที่ทรงศีลยึดมั่นในศีลธรรมซึ่งอาจจะเป็นฆราวาสหรือนักบวช ก็ได้ แต่ไม่ใช่ ไอ้ตี๋ อายุ 20 กว่า 30 ที่เห็นนั่งฟาดเหล้าหัวราน้ำ หรือเที่ยวซ่องกระหรี เดินเข้า เดินออก หัวกระไดเป็นมัน แล้วมายืนกำพระที่จะดู หลับตาทำปากขมุบขมิบ สักพัก ก็มาบอกว่า พระไม่ดี อย่างโน้น หรือ แท้อย่างนี้ อย่างนี้ ก็ไม่ไหว เชื่อไม่ได้ หรือเรื่องจับพลัง อะไรนี่ เพื่อนๆคนไหน มีข้อมูลอย่างไร ก็ช่วยมาให้ความกระจ่างหน่อยครับ
นอกเรื่องไปไกลอีกแล้ว เลยลืมเลยว่าจะเขียนอะไรอีก อ้อ...ดูพิมพ์ แล้วส่อง เมื่อส่องเรียบร้อยแล้วถึงจะมีคำตอบได้ว่า พระแท้ หรือ ไม่ อย่างไร ดังนั้นท่านที่สงสัยว่าพระของตัวเอง เซียนบอก เก๊ โดยไม่ส่องดูเลย ก็คงจะได้คำตอบนะครับ และคงจะเข้าใจความหมายของ คำว่า พระผิดพิมพ์ ดียิ่งขึ้น เพราะบางท่านไม่เข้าใจ คือ มองดูพระก็เหมือนกันหมด มี 3ชั้น นั่งสมาธิ เกศแหลม มีซุ้มโค้ง กรอบสี่เหลี่ยม แต่จริงแล้วไม่เหมือนกัน ก็ต้องไปพิจารณาให้ดีๆ แล้วก็จะร้องว่า อ้อ..ที่แท้เป็นแบบนี้เอง
แล้วเนื้อเก่าล่ะ ก็เก๊เก่าไงครับ บางองค์เก๊ มาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ โน่นแน่ะ อายุอานามพระเก๊ ก็กว่า 5-60 ปี ขึ้นไป บางคนบอกให้ดูเนื้อ ไม่ต้องดูพิมพ์ ก็ไม่ว่ากันครับ แล้วแต่ ใครจะเชื่อ ถ้าเชื่อผม รับรองไม่เสียตังค์ ซื้อพระเก๊แน่ๆ เพราะเป็นวิธีของเซียนๆที่ทำมาหากินอยู่ในแวดวงพระเครื่อง เขาใช้วิธีนี้ทั้งนั้นแหละครับ
ก็จบแค่นี้ละครับ นึกไม่ออกแล้วว่ามีอะไร อีก ถ้านึกออกก็จะมาเพิ่มเติมให้ใหม่ ขอบคุณ ครับที่อ่านจนจบ

ไม่ทราบว่า เป็นที่ คอมพ์ของผม หรืออย่างไร พอพิมพ์จบ คลิกที่แสดงความคิดเห็น ทำไม มันซ้อนขึ้นมามากมายทุกทีเลยครับ สาบานได้ว่า มันเป็นโดยที่ผมไม่ได้เจตนาเลย ครับผม
พี่..dorn80 เอาเปรียบนะครับ รออ่านอย่างเดียวเลย เขียนมาให้น้องๆอ่านบ้างดิ!
นักนิยมพระหลายท่านโดน "ตะปูตัวเบ้อเร้อ" ตอกไว้โดยไม่รู้ตัว แถมตะปูหลายๆตัว..ที่โดน หาใช่จากใครที่ไหนมาตอก.. ตัวเองนั่นแหล่ะ! ที่เป็นคนตอกซะเอง.. ตัวอย่าง เช่น.
ตัวที่1. ขาดทุนไม่ขาย..ว้อย! ยอมอดอย่างเสือ..ดีกว่าอิ่มอย่าง....(เติมเองในใจนะจ๊ะ)
" 2. หลับยาว..เต่าคลาน.. เล่นตามใจตัวเอง ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเช่นไร? พระที่เราสะสมอยู่ ราคาไม่กระเตื้องขึ้นเลย เพราะเล่นตามใจตัวเอง
" 3. เก็งพลาด..แทงหวยผิด.. อุส่าห์จองมาราคาพาร์ หวังกำไร แต่ราคาในท้องตลาดต่ำกว่าราคาพาร์ ก็ไม่ระบายออก (หวังอนาคต) นานวันไปยิ่งตก " ไม่ปล่อย..ยึดมั่นในตะปูตัวที1."
" 4. ซื้อพระหลัก! พระฮิต! ผิดราคา สนใจแต่ราคา ไม่ใส่ใจสภาพของพระ กรณีนี้! รวมเอาซื้อพิมพ์ธรรมดาในราคาพิมพ์นิยมไว้ด้วย
" 5. ขายพระหลัก! พระฮิต! ผิดราคา เหมือนกับข้อ 4. แค่เปลี่ยนสถานะจากผู้ซื้อ เป็นผู้ขาย
" 6. ประเภท..เงินหาง่าย.. ของหายาก เงินหน่ะ..หาเมื่อไหร่ก็หาได้.. แต่พระ(องค์นี้สิ)ไม่รู้จะหาได้อีกเมื่อไหร่? เป็นต้น
พี่..dornนี่แหล่ะ! เคยบอกผม การซื้อการขาย กำไร-ขาดทุน เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ถ้าจะเล่นพระให้สนุก มีรายได้ ต้องไม่ยึดติดกับของที่สะสม ไปสะสมประสพการณ์ ได้จับพระชิ้นใหม่ๆเสมอ ได้ปล่อยออก สะสมทั้งเงิน ประสพการณ์ ได้เพื่อน ได้ลูกค้า ได้ความเชื่อมั่นสร้างรากฐานให้มั่นคง เมื่อนั้น..ต่อให้เป็นตะปูลงอาคมก็ บ่ มิ ไก๊
- คนขายพระสมเด็จเก๊! เขาได้กำไรชิ้นละ 30-40 บาทเขาก็เอาแล้ว เพราะเขาไม่ยึดติด ว่า พระของเขามันจะเก่าจะเนื้อจัด-ส่องมันแค่ไหน? เพราะแหล่งที่มาก็คือโรงงานทำพระปลอม คงไม่มีใครบ้าเอาของแท้ๆมาหย่อนปะปนให้ลุ้นระทึกหรอก มีแต่พวกเรานี่แหล่ะ..ที่ไปยืนคุ้ยเขี่ย..หวังฟลุ๊ก!
ส่วนเรื่องจะทำอย่างไรกับพระปลอมของพี่ piak8riw
ที่ผมทำอยู่ตอนนี้คือ.. แยกเก็บไว้ในกล่องที่เขียนกำกับไว้ว่า " ของไม่แท้ " ไม่นำออกมาปล่อยต่อ เก็บเอาใว้เป็นครู เปิดมาดูบ้างกันลืม จะได้จำให้ขึ้นใจว่าถ้าไปเจอแบบนี้ที่ไหน?.. อย่าห้าว! ส่วนลูกหลานถ้ามันไม่เชื่อสิ่งที่ผมเขียนไว้บนกล่อง ก็ช่างหัวมัน!
เรื่องพระเก๊! ผมเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนๆกับโรคระบาด โรคติดต่อ ที่จัดการอย่างไร? มันก็ไม่หมดไป สู้ไปหาทางป้องกัน-สร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง จะดีเสียกว่า ด้วยการไปหาแหล่งความรู้ที่สังคมฯส่วนใหญ่ให้การยอมรับ ไม่ใช่..ไปหาแหล่งที่สนับสนุนความเชื่อของเรา พระของเรา
และเท่าที่ผมทราบ กฏหมายที่จะเอาผิดเรื่องของเลียนแบบโดยตรงยังไม่มี ผมเห็นมีแต่..กฏหมายลิขสิทธิ์ กฏหมายคุ้มครองสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญา
ว่าแต่..จะมีผู้สร้างท่านใดบ้างครับที่ไปแจ้งจดสิทธิบัตรลิขสิทธิ์ แต่..ที่ผมแน่ใจว่าท่านนี้แจ้งจดสิทธิบัตรแน่ๆ ก็อ.เฉลิมชัย ครับ. หรือใครอยากลองของ ก็ลองปลอมผลงานของอาจารย์แก แล้วเอามาขายดูสิ อาจารย์แกจะแจ้งความตามจับไหม?
เข้ามาอ่านหาความรู้จ้า ขอบคุณที่เชียนเรื่องราวดี ๆ มาให้อ่านกัน
แบบนี้เห็นที ว่าง ๆ ต้องไปขอความรู้จากท่าน onepeer ซักกะหน่อย


ขอบคุณ ครับผม แต่ตัวกระผมเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายหรอกครับ ก็แค่ระดับชาวบ้านๆ ธรรมดา ที่อาจจะซุกซนชอบสอดรู้สอดเห็นมากกว่าคนทั่วไปซักนิด และก็เป็นประเภทปากสว่างเห็นที่ลับก็ออกมาแจ้งแถลงกันให้รู้กันไปทั่วๆ ก็เลยอาจจะมีข้อมูลอะไรบ้างนิดหน่อย ถ้าจะเป็นเรื่องวิชาการอะไรๆ ก็คงจะไม่มีหรอกครับ เพราะความรู้น้อย ก็อาจได้เพียงประสบการณ์ตอนหนุ่มๆ มานิดหน่อยเท่านั้น ว่างเมื่อไร เดี๋ยวต้องขอเข้าไปแจมในกระทู้ ของท่าน jorawis บ้างละครับ ขอบคุณ ครับผม