
หัวข้อ: สารด่วนจาก ท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ

วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เรื่อง สารจาก ท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เรียน ท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ สมาชิกชมรมทุกท่าน
วันนี้ ผมได้นำสารคำพูดของ ท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มาเรียบเรียงเป็นลายลักษณ์อักษรลงบนสารฉบับนี้ ซึ่งใจความของคำพูดจากท่านอาจารย์มีหลายกรณี ผมจึงขออนุญาตแยกย่อยตามหัวข้อไปนะครับ
(๑) หัวเรื่องที่หนึ่ง
“ตามที่ได้มีสมาชิกจำนวนมาก ได้ติดต่อไปหาอาเฮียประธานฯ เพื่อร้องทุกข์เกี่ยวกับกรณีการยื่นภาพพิมพ์ 3 พุทธศิลป์และพวงกุญแจพระโพธิสัตว์ ซึ่งอาจารย์ได้ร่นเวลาสิ้นสุดของการยื่นแสดงหลักฐานเข้ามาเป็นภายในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 นั้น”
“เมื่อวานนี้ อาเฮียประธานฯ ได้มีโอกาสได้พบกับอาจารย์ อาเฮียประธานฯ ได้นำเรื่องราวที่สมาชิกจำนวนมากร้องทุกข์มา เนื่องด้วยสมาชิกส่วนหนึ่งตั้งใจที่จะติดหลักฐานขึ้นไปลงทะเบียน ในวันที่อาจารย์จะทำพิธีเททองหล่อเศียรองค์พระพิฆเนศ ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งสมาชิกเหล่านี้ถือว่าเป็นโอกาสได้ร่วมงานพิธีเททองหล่อเศียรองค์พระ พิฆเนศและได้ถือโอกาสยื่นหลักฐานด้วยตนเองในโอกาสเดียวกัน แต่บังเอิญอาจารย์มีกำหนดวันสิ้นสุดการยื่นหลักฐานไว้ ณ วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ทำให้สมาชิกเหล่านี้ต้องรีบดำเนินการนำหลักฐานมาฝากให้อาเฮียประธานฯ เป็นผู้ดำเนินการให้แทน และบางท่านที่ไม่สะดวกในการนำหลักฐานมาฝาก เนื่องด้วยระยะทางที่ห่างไกล หรือภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ทำให้การนำหลักฐานมาฝากกับอาเฮียประธานฯ เป็นเรื่องลำบาก”
“อาจารย์ได้รับทราบจากอาเฮียประธานฯ ว่าในช่วงเวลาแค่ 3-4 วันที่ผ่านมา หลังจากที่อาจารย์มีสารแจ้งเปลี่ยนกำหนดวันสิ้นสุดการยื่นหลักฐาน มีสมาชิกจำนวนมากนำหลักฐานมายื่นโดยฝากผ่านอาเฮียประธานฯ มากกว่า 150 ราย ซึ่งอาเฮียประธานฯ ได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาขอความเมตตาจากอาจารย์ ขอให้อาจารย์ยืดเวลาออกไปอีกเล็กน้อย ขอให้กำหนดเวลาปิดการยื่นหลักฐานเป็นวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เพื่อให้กลุ่มสมาชิกที่ไม่สะดวกจะเดินทางมาฝากหลักฐานกับอาเฮียประธานฯ แต่ตั้งใจจะนำหลักฐานไปยื่นด้วยตนเอง ในวันทำพิธีเททองหล่อเศียรพระพิฆเนศ ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 สามารถจะกระทำการยื่นหลักฐานได้ด้วยตนเองภายในกำหนดเวลาดังกล่าว”
“อาจารย์ ได้พิจารณาและปรึกษาหารือกับอาเฮียประธานฯ แล้ว ก็มีความเห็นร่วมกันว่าสมควรที่จะเลื่อนวันสิ้นสุดการยื่นหลักฐานภาพพิมพ์ 3 พุทธศิลป์และพวงกุญแจพระโพธิสัตว์ ไปเป็นวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557"
"โดยมีข้อแม้บางประการดังนี้ ขณะนี้อาจารย์ได้จัดเตรียมเหรียญพระโพธิสัตว์เนื้อเงิน รุ่นหมดห่วงครบรอบอายุ 60 ปีไว้ประมาณ 1,350-1400 องค์ และมีสมาชิกได้ยื่นหลักฐานมาแล้วก่อนหน้านี้จำนวนมาก อาจารย์คาดว่าจะเหลือโควตาพระโพธิสัตว์รุ่นหมดห่วง ที่มีลงลายเซ็น “ฉ” ฉิ่งงดงามไว้ด้านหลังเหรียญอีกประมาณแค่ไม่เกิน 100 เหรียญ กลุ่มที่ส่งหลักฐานมาลงทะเบียนช้า หากว่าเกินจากจำนวนพระโพธิสัตว์ที่อาจารย์จัดเตรียมไว้ จะต้องยอมรับสภาพ คือรับพระโพธิสัตว์ในปีหน้าไปแบบไม่มีลายเซ็น “ฉ” ฉิ่งงดงามด้านหลังเหรียญ เป็นเหรียญพระโพธิสัตว์ที่ด้านหลังเหรียญมีแต่รอยสายฝนอย่างเดียว ไม่มีลายเซ็นใดๆ และสมาชิกกลุ่มนี้จะต้องรับสภาพที่จะต้องรอไปอีกหลายเดือน ก่อนที่อาจารย์จะว่าง และพอเจียดเวลาเรียกให้นำพระกลับมาให้อาจารย์ลงลายเซ็นด้านหลังให้ และลายเซ็น “ฉ” ฉิ่งอาจจะเป็นแบบหวัดๆ ก็ได้”
“ ดังนั้น กลุ่มสมาชิกที่ยังชะล่าใจ คิดว่าส่งหลักฐานเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งๆ ที่อาจารย์ได้เปิดโอกาสให้นำหลักฐานมาลงทะเบียนมานานเป็นเดือนๆ แล้วก็ตาม หรือกลุ่มสมาชิกที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะขายหรือจะนำมาลงทะเบียนดี ขอให้รีบตัดสินใจเสีย ตัวท่านเองจะเป็นผู้กำหนดชะตาของตนเอง หากว่ารับพระโพธิสัตว์เป็นแบบหลังเหรียญมีแต่รอยสายฝนไป แปลว่าสมาชิกพวกนี้ หากเป็นพ่อค้า จะต้องนอนรอไปอีกหลายเดือนกว่าจะได้มีโอกาสนำพระกลับมาให้อาจารย์ลงลายเซ็น คงต้องนั่งมองคนอื่นเขาทำการตลาดไปพลางๆ ก่อนหลายเดือนนะครับ”
(๒) หัวข้อที่สอง
“อาจารย์ของดการนำอาหาร, ยารักษาโรค, ครีมนวดต่างๆ มามอบให้อาจารย์”
“ตามที่สมาชิกทุกๆ ท่านรับทราบว่า อาจารย์มีอาการปวดแขนและสะบักด้านขวามือ เนื่องมาจากการมุมานะในการนั่งเซ็นด้านหลังเหรียญพระโพธิสัตว์ รุ่นครบรอบอายุ 60 ปี จำนวนมากอย่างต่อเนื่องยาวนาน ประกอบการงานบูรณะวัดกำลังก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง และอาจารย์มีการพักผ่อนน้อยเกินไป ทำให้อาการอับเสบของกล้ามเนื้อและระบบประสาทยังรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา”
“ได้มีสมาชิกจำนวนมากที่ไปแวะเยี่ยมเยียนอาจารย์ทั้งที่วัดร่องขุ่น และที่บ้านซอยอารีย์สัมพันธ์ เพื่อจะนำอาหาร, หยูกยาหรือครีมนวดต่างๆ ไปให้กับอาจารย์ อาจารย์ไม่ได้ต้องการสิ่งของเหล่านี้ ขอเพียงเดินทางมาพบ มาพูดคุย ฉันท์ลูกศิษย์กับอาจารย์ก็เพียงพอแล้ว การนำอาหารมามากมาย เป็นภาระและความลำบากใจของอาจารย์ หยูกยาที่นำมาทั้งหมด อาจารย์ก็มิได้นำมาใช้ ได้แต่ขอให้ธาวินนำไปไว้ที่ห้องปฐมพยาบาลของเจ้าหน้าที่ประจำวัดร่องขุ่น”
“อาจารย์เชื่อในเรื่องของการยินดีรับกรรม ยินดีรับความเจ็บปวด ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ซึ่งอาจารย์เชื่อว่าเป็นผลจากกรรมเก่าที่เคยสร้างไว้ เมื่ออาจารย์ยอมทนรับกรรมรับความเจ็บปวดด้วยการทำสมาธิ เพื่อให้กรรมเก่าเหล่านี้ได้ผ่านพ้นไป ย่อมจะดีกว่าการไปทานยาหรือฉีดยาระงับอาการเจ็บปวด ซึ่งจะเสมือนว่าเราหลีกเลี่ยงการรับกรรมเก่าของเรา และในไม่ช้า กรรมเก่าเหล่านี้ก็จะย้อนกลับมาอีก เนื่องจากเรายังไม่ได้รับผลจากกรรมที่เราสร้างไว้ในอดีตนั่นเอง อาจารย์ยอมทนรับความเจ็บปวดเหล่านี้ เพื่อให้ผลงานพระโพธิสัตว์ที่อาจารย์ตั้งใจสร้างตั้งใจ เพื่อมอบให้แก่ลูกศิษย์เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายตามที่รับปากไว้ ได้สามารถบรรลุเสร็จสิ้นตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลา”
“ ผลงานพระโพธิสัตว์รุ่นครบรอบ 60 ปีนี้ จะเป็นหนึ่งในที่สุดของผลงานทั้งหมดที่อาจารย์ตั้งใจบรรจงสร้างขึ้นมา เพื่อให้ลูกศิษย์ทุกท่านได้ชื่นชมผลงานอันเป็นที่สุดของการออกแบบและความ อลังการงานสร้าง และจะมีมูลค่ามหาศาลต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน”
“อาจารย์จะให้ลูกศิษย์เตรียมภาพถ่ายองค์จริงของพระโพธิสัตว์รุ่นครบรอบอายุ 60 ปี และจะนำภาพบางส่วนของกล่องบรรจุหลักฐานที่สมาชิกจำนวนมากนำหลักฐานมาลง ทะเบียนไว้แล้ว มาลงแสดงบนกระดานแจ้งข่าวสารจากอาจารย์ เพื่อให้เห็นว่าอาจารย์พูดจริง และมีหลักฐานให้ชมกันอย่างชัดเจน สมาชิกอาจจะได้เห็นพระโพธิสัตว์องค์จริงอย่างใกล้ชิด ในงานแสดงผลงานพุทธศิลป์ ณ ห้างสรรพสินค้าพารากอน ในเดือนธันวาคมนี้ และหลังจากนั้น ก็จะไปเห็นพระโพธิสัตว์องค์จริงอีกครั้งในวันที่รับพระที่วัดร่องขุ่น คือ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558”
(๓) หัวข้อที่สาม
“มีสมาชิกจำนวนมากตั้งใจที่จะเดินทางไปร่วมพิธีเททองหล่อเศียรพระพิฆเนศ สำหรับท่านที่ตั้งใจจะเข้าร่วมพิธี ขอให้นุ่งขาวห่มขาวไปนะครับ คนที่แต่งกายไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่ของวัดจะกันพวกท่านออกไปนั่งด้านหลัง หรืออาจจะปิดกั้นมิให้เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ดังนั้น เพื่อความเป็นสิริมงคลและความพร้อมเพรียง ขอให้ทุกท่านอย่าได้แต่งกายแปลกแยกไปจากผู้อื่น แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดตา จะดูดีที่สุด เมื่อถ่ายภาพออกมาจะสวยงาม และเหมาะสมกับกาลเทศะมากที่สุด”
“อาจารย์ไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์ทุกท่านนำชนวนเก่า, แผ่นทองเหลือง หรือ แผ่นทองแดงใดๆ มาใส่ในเบ้าหลอม เพื่อให้หลอมรวมในน้ำทองที่จะใช้เทเศียรองค์พระพิฆเนศโดยเด็ดขาด เนื่องจากทองที่ใช้ในการหล่อครั้งนี้ มีการกำหนดปริมาณของส่วนผสมมาเป็นอย่างดีแล้ว”
“พิธีเททองหล่อเศียรพระพิฆเนศครั้งนี้ จะกระทำอย่างเรียบง่าย ไม่มีพิธีกรรมทางสงฆ์หรือพิธีกรรมทางพราหมณ์ อาจารย์ถือฤกษ์สะดวกเป็นฤกษ์ในการเททอง หากน้ำโลหะทองหลอมเหลวพร้อม สภาพอากาศพร้อม อาจารย์ก็จะเริ่มเททองเลย และอาจารย์เชื่อว่าพระพิฆเนศองค์นี้ มิใช่ผลงานที่สร้างขึ้นมาเพื่อผลประโชน์หรือชื่อเสียงส่วนตน แต่เป็นผลงานที่สร้างไว้เพื่อชาวโลกทุกคนได้มีโอกาสกราบไหว้บูชา และถือเป็นอีกหนึ่งงานประติมากรรมที่อาจารย์เกิดมาเพื่อสร้างผลงานที่ วิจิตรอลังการองค์นี้"
"ดูจากการเททองชิ้นส่วนต่างๆ ขององค์พระพิฆเนศ ไม่ว่าก่อนหน้าการเททอง จะมีเมฆดำเมฆฝนมืดฟ้ามัวดิน แต่ระหว่างพิธีเททองชิ้นส่วนที่ผ่านมาทุกครั้งนั้น ไม่เคยมีอุปสรรคใดๆ ปรากฏเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ก่อนหน้าพิธีเททองจะมีฝนตก แต่พอถึงเวลาเททอง ฝนจะหยุดทันที ทำให้งานเททองสามารถดำเนินไปจนเสร็จสิ้นทุกครั้ง นี่คือประจักษ์พยานว่าฟ้าดินหมู่เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้มาร่วมรับทราบ ถึงพิธีนี้ด้วยทุกครั้ง”
(๔) หัวข้อที่สี่
“วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.30 นาฬิกา อาจารย์จะเดินทางมาบรรยายพิเศษหัวเรื่อง “การวางแผนชีวิตและการทำงานเพื่อไปสู่ความเป็นศิลปินอาชีพ” ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโครงการศิลปินดาวเด่นบัวหลวง 101 ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2557 ลูกศิษย์ที่สนใจในงานศิลปะ หรือจะก้าวไปสู่การเป็นนักสะสมผลงานศิลปะ ควรจะมาร่วมฟังการบรรยายในครั้งนี้ ซึ่งใจความของการบรรยายจะมีประโยชน์ทั้งตัวศิลปินที่กำลังจะก้าวต่อไปใน อนาคต และกับเหล่านักสะสมผลงานศิลปะ เพื่อให้มารับทราบถึงวิธีการและแนวทาง รวมทั้งมุมมองผลงานศิลปะในแง่มุมต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของการเก็บสะสมต่อไปในอนาคต”
“เนื่องด้วยงานในครั้งนี้ มีการบรรยายและเปิดแถลงข่าวด้วยในโอกาสเดียวกันนี้ สถานที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอสำหรับลูกศิษย์ทุกท่าน หากว่าเป็นไปได้ขอให้ผู้ที่สนใจจะเข้าฟังการบรรยายครั้งนี้ สมควรที่จะต้องมาถึงสถานที่ก่อนเวลาพอสมควร เพื่อจัดหาที่จอดรถให้เรียบร้อยเสียก่อน”
ผมจึงขออนุญาตนำสารจากคำพูดของท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ได้ฝากมาถึงท่านสมาชิกทุกท่าน ลงแจ้งให้ทุกท่านได้รับทราบโดยทั่วถึงกันครับ
ขอแสดงความนับถือ
ภูวเดช ยงมหาภากรณ์
(ประธานชมรม)
