พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม-พระลาวยอดนิยม - webpra
ພຣະເຄື່ອງພຣະບູຊາລາວຍອດນິຍົມ ( Lao Amulet Buddhist art of Laos )

หมวด พระเกจิภาคอีสานเหนือ

พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม - 1พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม - 2พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม - 3พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม - 4
ชื่อร้านค้า พระลาวยอดนิยม - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
tar (53)
ชื่อพระเครื่อง พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระเกจิภาคอีสานเหนือ
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ +66-8678-90968, 086-789-0968
อีเมล์ติดต่อ kamanit@gmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พ. - 12 ก.ย. 2561 - 18:45.47
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 13 พ.ย. 2561 - 21:42.07
รายละเอียด
พระผงท่าดอกแก้ว (ผงโสฬสมหาพรหม) หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

พระผงท่าดอกแก้ว ตำนานพระผงโสฬสมหาพรหม

#โสฬสมหาพรหม เป็นวิชาที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก ฉะนั้นนับแต่โบราณยากที่จะหาผู้ใดสำเร็จในวิชานี้ แต่โบราณจวบจนถึงปัจจุบันผู้ที่สำเร็จวิชา #โสฬสมหาพรหม มีน้อยกว่าน้อย ในกาลต่อมาผู้ที่สำเร็จในวิชาได้เดินทางเผยแพร่อารยะธรรมมาทางตะวันออก จะเป็นระยะเวลาใด ปีใด ไม่ปรากฏ แต่เป็นสถานที่แห่งหนึ่งของฝังแม่น้ำโขง ณ ภูเขาลูกหนึ่งในฝั่งประเทศลาวปัจจุบัน ที่นี่เป็นจุดกำเนิดแห่งสรรพวิชาทั้งหลาย ที่ประกาศความเกรียงไกรของสู่ชนชาวโลก และเป็นจุดศูนย์รวมของพระธุดงค์เจ้าทั้งหลายที่ต่างเดินทางไปเพื่อแสวงหาสัจธรรมและวิชาการ ด้วยจุดมุ่งหมายอันเดียวกันคือ “ความรู้แจ้ง” บ้างประสพผลสำเร็จบ้างไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งแล้วแต่บุญวาสนาและความอดทนของแต่ละท่านและ #โสฬสมหาพรหม หนึ่งไนสรรพวิชาทั้งหลายที่เหล่าพระเถระต่างพยายามค้นคว้าเพื่อความสำเร็จแห่งตน แต่ภายใต้ขั้นตอนอันละเอียดอ่อนและกลไกแห่งวิชาอันสลับซับซ้อน ได้กลายเป็นเงื่อนไขให้มีผู้ที่สำเร็จทั้ง 16 ชั้น น้อยกว่าน้อย
ณ สถานที่แห่งนี้ อันมีนามเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่พระธุดงค์ “ภูเขาควาย” ที่นี่ได้เป็นที่พำนักของพระเถระรูปหนึ่งนามว่า"

“หลวงปู่ศรีทัตถ์” หรือ “ยาคูศรีทัตถ์” ท่านเป็นที่เคารพของมหาชนสองฝั่งโขง ไม่ว่าท่านจะสร้างสิ่งใด ประชาชนทั้งสองฝั่งจะร่วมแรงร่วมใจถวายแด่หลวงปู่ ท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งท่านจะไปมาระหว่างวัดท่าดอกแก้ว กับภูเขาควายเป็นประจำพอช่วงเข้าพรรษาหลวงปู่จะจำพรรษาที่วัด พอออกพรรษาแล้ว ท่านจะธุดงค์ไปพำนักที่ “ภูเขาควาย” เป็นประจำทุกปีแม้ท่านชราภาพปานใดท่านก็ถือธุดงค์ไม่ได้ขาดแม้แต่ปีเดียว จวบจนท่านมรณภาพท่านก็อยู่ในวาระแห่งการธุดงค์

หลวงปู่ศรีทัตท่านมีศิษย์ที่ท่านถ่ายทอดสรรพวิชาการทั้งหลายจนสิ้นอยู่ 2 รูป ได้แก่

1. หลวงปู่สนธิ์ ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าอาวาสต่อจากท่าน หลวงปู่สนธิ์เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้ว จวบจนปี พ.ศ. 2510 จึงมรณภาพ

2. หลวงปู่จันทร์ เขมิโย หรือ ท่านเจ้าคุณปู่ ที่เป็นที่สักการะอย่างสูงของชาวนครพนม ท่านเป็นมหาเถระที่ชาวนครพนมและ จังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพอย่างสูง ท่านมีสมณศักดิ์ที่ “พระเทพสิทธาจารย์” ท่านเจ้าคุณปู่เป็นเสาหลักแห่งพระศาสนา เป็นผู้วางรากฐานแห่ง พระธรรมยุติ ให้บังเกิดขึ้นที่นครพนม ท่านมรณภาพในปี พ.ศ. 2515

สำหรับหลวงปู่สนธิ์นั้น ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักในเรื่องของความขลัง อาจจะเนื่องจากท่านอยู่ไกลถึง นครพนม แต่ในครั้งเมื่อมีการปลุกเสกพระประมาณปี พ.ศ. 249กว่า หลวงปู่สนธิ์ท่านมาร่วมปลุกเสก พระที่วัดเทพศิรินทร์ท่านขึ้นมาแบบพระบ้านนอกไม่มีใครรู้จักนัก ครั้นพิธีปลุกเสกผ่านพ้นไป วันเดินทางกลับนครพนมได้มีปรากฏการณ์พิเศษคือ มีพระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระในครั้งนั้น ได้ เดินทางติดตามหลวงปู่สนธิ์ไปวัดท่าดอกแก้วหลายสิบองค์ คุณอาคม ( บุตรชายของอาจารย์ประถม อาจสาคร ) เล่าว่าอาจารย์ประถม ได้นำพระเครื่องของหลวงปู่สนธิ์ไปให้หลวงปู่เฮี้ยง (เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ วัดป่าอรัญญิกาวาส ชลบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของอาจารย์ประถม) ดู ปรากฏว่า ท่านดูไม่ออก กว่าจะดูรู้เรื่องว่า หลวงปู่สนธิ์ ทำพระอย่างไร ปลุกเสกอย่างไร วิธีไหน ก็เสียเวลาหลายวัน ต้องกำหนดจิตเข้าใน องค์พระอยู่นานจึงรู้เรื่อง พอรู้แล้วก็เอ่ยปากยกย่องหลวงปู่สนธิ์เป็นอย่างยิ่ง เสร็จแล้วก็ฝากพระ ของท่านไปให้หลวงปู่สนธิ์ดูบ้าง เมื่ออาจารย์ประถมนำพระไปถวายให้หลวงปู่สนธิ์ท่านก็บอกทันที ว่าพระองค์นี้ดีอย่างนั้น ดีอย่างโน้น ปลุกเสกด้วยวิธีนั้น วิธีนี้ คาถาบทนั้น คาถาบทนี้ หลวงปู่เฮี้ยงถึงกับร้อง ทำนองว่า เขารู้เราหมด แต่กว่าเราจะรู้เขาได้นั้นผิดกันเยอะ จากคำบอกเล่าของหลวงปู่สนธิ์ได้เล่าให้อาจารย์ประถม ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ตำแหน่งหัวหน้าสหกรณ์อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ปี พ.ศ. 2493 ฟังว่า จากการบอกเล่าของหลวงปู่สนธิ์เจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้ว ได้เล่าให้คุณประถม อาจสาคร ซึ่งขณะนั้นทางราชการได้มีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าสหกรณ์อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เมื่อปี พ.ศ. 2493 ฟังว่าอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่ศรีทัตต์ เป็นพระเถระผู้ทรงคุณยิ่งใหญ่ มีจริยวัตรที่งดงามหนักหนา เคร่งครัดในธรรมวินัยอย่างยิ่งยวด ท่านมีตบะแก่กล้าพระเณรไม่กล้าทำผิดวินัยเพราะไม่ว่าจะแอบทำอย่างไร ท่านและพูดดักหมดพระเณรกลัวลาน แต่ท่านก็ไม่เคยดุใคร และท่านนอกจากจะเชี่ยวชาญในวิปัสสนาธุระ คันธธุระแล้ว ท่านอุดมไปด้วยวิชาการต่างๆ มากมาย ในช่วงหลวงปู่เป็นเจ้าอาวาลอยู่นั้น ปรากฏว่าทั้งพระ ทั้งเณร ฆราวาส ต่างหลั่งไหลสู่วัดท่าดอกแก้ว เพื่อขอศึกษาวิชาการต่างๆ จากท่าน ทำให้วัดท่าดอกแก้วในช่วงนั้นกลายเป็น "ตักศิลา" ไปเลยและในช่วงทีหลวงปู่สนธิ์เป็นเณรอยู่นั้นได้ถูกเรียกใช้อยู่เป็นประจำ ก็เลยอยู่ดูแลหลวงปู่ศรีทัตถ์มากกว่าคนอื่น และตอนที่หลวงปู่สนธิ์เป็นเณรนั้น หลวงปู่ศรีทัตถ์ได้เขียนยันต์ให้ผืนหนึ่ง และบอกกับหลวงปู่ว่า “เณร เอายันต์ผืนนี้ไว้นั่งแทนเรือ ข้ามโขงไปหาปู่ที่เขา”

อาจารย์ประถมได้ถามว่า แล้วหลวงปู่เคยใช้ไหม หลวงปู่สนธิ์ไม่ตอบ ได้แต่นั่งหัวเราะแล้ว เงียบไป อาจารย์ประถมรุกเร้าเท่าใดก็ไม่เป็นผล ขอดูก็ไม่ให้ดู แต่ภายหลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์ประถมคอยดูจังหวะที่ได้เข้าไปในห้องของหลวงปู่สนธิ์และได้เห็นผ้ายันต์ผืนหนึ่งใหญ่ มากวางอยู่บนพานบูชา หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระ อาจารย์ประถมได้ทีถาม หลวงปู่ก็รับว่า ใช่ อาจารย์ ประถมก็ถามต่อว่าได้ใช้หรือไม่ หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า ใช้ 4 ครั้งแล้วไม่ได้ใช้อีกเลย และ ห้ามไม่ให้อาจารย์ประถมบอกต่อ จนกว่าจะถึงเวลาอันควร อาจารย์ประถมได้เก็บเป็นความลับ จนกระทั่งหลวงปู่สนธิ์มรณภาพ จึงได้เล่าให้ลูกหลานฟัง และภายหลังหลวงปู่สนธิ์มรณภาพ ก็ไม่ทราบว่าใครได้ไป เพราะอาจารย์ประถมได้ย้ายออกมาก่อน หลวงปู่สนธิ์ได้เล่าว่า หลวงปู่ศรีทัตถ์ท่านมีความเชี่ยวชาญในภาษา “รู้” มาก อีกทั้งเจนจบครบสูตร ในอักขระมหายันต์ทั้งหลาย หลวงปู่ศรีทัตถ์ท่านเคยบอกว่า วิชาลงผงวิเศษที่ยากนักหนาที่ท่าน สำเร็จมามี 3 สูตร ได้แก่

1. ผงโสฬสมหาพรหม
2. ผงนวโลกุตตระ
3. ผงโภชฌงค์บริพัตร

อาจารย์ประถมได้เคยเรียนถามหลวงปู่สนธิ์ว่า ท่านลงได้ครบทั้ง 3 สูตรหรือไม่ ท่านไม่ตอบ แต่ยิ้มๆและเงียบไปตามเดิม หลวงปู่สนธิ์ท่านเล่าว่า ในปีหนึ่งหลวงปู่ศรีทัตถ์ หลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านเตรียมตัวธุดงค์ไปภูเขาควาย คราวนี้ท่านเตรียมสิ่งของไปมากมายเป็น พิเศษและได้สั่งพระเณรว่า พรรษาหน้าให้เตรียมการไว้ ท่านกลับมาท่านจะได้สร้างพระธาตุเพื่อ เป็นที ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เตรียมบอกญาติโยม ด้วย การที่ท่านเตรียมของมากมายนี้ ท่านประสงค์จะสร้างผงวิเศษเอาไว้ผสมสร้างพระเพื่อแจก ญาติโยมที่มาร่วมทำบุญกับท่าน หลวงปู่สนธิ์ท่านเล่าว่า ผงวิเศษที่หลวงปู่ศรีทัตถ์จะไปสร้างในครั้ง นี้ก็คือ #ผงโสฬสมหาพรหม

ผงโสฬสมหาพรหมนี้หลวงปู่สีทัตต์ได้สร้างขึ้นสมัยอยู่ภูเขาควาย ประเทศลาว ใช้เวลาสร้างอยู่นานนับปี ท่านจะสร้างของท่านอย่างไรไม่ทราบ แต่ว่ามีตำราแสดงการสร้างผงโสฬสมหาพรหมไว้พอได้ศึกษาเป็นนัยแห่งความรู้ได้ ดังนี้

การลงผงโสฬสมหาพรหมนั้น ต้องลงอักขระด้วยตัวธรรมเป็นกลยันต์ โดยถอดตัวต้นจนถึงตัวสุดท้าย ผูกสลับเป็นกลยันต์ 16 มุม ในแต่ละมุมแบ่งออกเป็น 16 ชั้น ใน แต่ละชั้นลงอักขระ 16 ช่อง อักขระแต่ละตัวแต่ละช่อง ต้องลบถมเรียกสูตร 16 คาบ ผูกอธิษฐาน เสกยันต์โสฬสมหาพรหมครบแล้วทั้ง 16 สูตรถือเป็น 1 ครั้ง และลงในระบบเดียวกันนี้ 16 ครั้ง แล้วรวมที่ลบมาอธิษฐานจิตปลุกเสกตามฤกษ์บน-ล่าง ตามตำราบังคับ เสร็จแล้วให้เอาผงวิเศษ ลูบลงในกระดานลงผง หากบังเกิดอักขระขอมธรรมของยันต์โสฬสมหาพรหมบนกระดานลงผงโดย ไม่ได้เขียน โดยใช้เพียงผงวิเศษลูบให้สำเร็จเป็นยันต์ ถือว่าสำเร็จ หากลูบแล้วไม่ปรากฏยันต์ ในกระดานลงผง จะต้องเริ่มต้นลงใหม่ตั้งแต่ต้น!

ผู้ที่ลงผงวิเศษได้ครบสูตรโสฬสมหาพรหมได้สำเร็จ จะดลบันดาลให้เทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล 22 ชั้นพรหม ภะคะวะพรหม จน ถึง พรหมสุทธาวาส ทุกพระองค์ลงและขึ้นมาอนุโมทนาอำนวยพร ผงวิเศษนี้มีอานุภาพอันทรงความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ผู้ที่บูชาผงวิเศษนี้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ลาภ สักการะ วาสนาบารมี บริบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ปัญญา บารมีสมบัติ ปรารถนาสิ่งใด จักสำเร็จดังปรารถนา ผงโสฬสมหาพรหมที่หลวงปู่ศรีทัตสร้างขึ้นนี้ ท่านได้นำไปสร้างพระแจกที่วัดท่าดอกแก้ว ท่านสร้างไว้ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเหลือท่านเก็บใส่บาตร ตกทอดมาถึงหลวงปู่สนธิ์ท่านก็ เก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้อะไร ต่อมาท่านได้สร้างผง นวโลกุตระ ขึ้น ท่านจึงได้สร้างพระปิดตาแจก ชาวบ้าน และได้นำผงทั้ง 2 ชนิดมาใส่รวมกัน อาจารย์ประถมเป็นศิษย์หลวงปู่เฮี้ยง และมีความชำนาญในการสร้างพระ เพราะได้ช่วยหลวงปู่เฮี้ยงสร้างพระตั้งแต่ยุคแรกๆ ของวัดป่า (พศ. 2484) และเมื่ออาจารย์ประถมมาถึงท่าอุเทน ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่สนธิ์ชาวบ้านนับถือมาก และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ประถมนับถือ คือ มีพลทหารนายหนึ่ง อาจารย์ประถมได้ขอตัวมาช่วยงานของสหกรณ์ ได้มีเรื่องกับ ชาวบ้านและโดนยิงเข้าไป 3 ชุด กระเด็นตกน้ำ แต่ไม่ตาย เพราไม่มีระคายผิวหนัง เสื้อผ้าขาดกระจุย ทั้งตัวมีตะกรุดดอกเดียว คือ ตะกรุดเก้าแปเก้าย้อ ของหลวงปู่สนธิ์ด้วยเหตุนี้อาจารย์ ประถมจึงไปเสาะหาท่านถึงวัดและศึกษาวิชาการจากท่าน และเนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการสร้างพระ ท่านจึงคิดจะสร้างพระถวายหลวงปู่สนธิ์ในราวปลายปี พ.ศ. 2493 จึงเข้าเรียนหลวงปู่สนธิ์และท่านก็อนุญาตและหลวงปู่สนธิ์ก็ได้มอบผงวิเศษที่มีอยู่ในบาตรใหญ่นั้น ให้อาจารย์ประถมนำไปสร้างพระ

อาจารย์ประถมเล่าไว้ว่า ในเวลาที่รับผงวิเศษนั้นมือสั่นไปหมด เพราะทราบดีว่าผงวิเศษในบาตรนั้นวิเศษเพียงใด อาจารย์ประถมจึงได้สร้างพระท่าดอกแก้ว ถวายหลวงปู่สนธิ์เมื่อสร้างเสร็จแล้ว อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษที่เหลือในราวครึ่งบาตรกว่า ถวายคืนแด่หลวงปู่สนธิ์ท่านกลับบอกว่าให้เก็บไว้สร้างพระต่อไปในอนาคต

หลังจากนั้นเมื่ออาจารย์ประถมทำงานที่ท่าอุเทนครบวาระ ได้ถูกย้ายไปทำงานที่ อ.ธาตุพนม และก่อนที่จะไปประจำการ อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษนี้เดินทางไปที่จังหวัดขอนแก่น โดยไปขอบารมีท่านเจ้า คุณพระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) นานถึง 6 เดือน และได้นำไปขอบารมีจากพระอริยสงฆ์อีกหลาย รูปได้แก่ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโณ แห่งภูลังกา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สิม พุทธจาโร หลวงพ่อ สมาธิ หลวงปู่หัว วัดบ้านคำครึ่ง และ พระวิปัสสนาจารย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนครพนม หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ ตอนที่นำผงไปขอบารมีหลวงปู่จันทร์นั้น หลวงปู่จันทร์เห็นแล้วก็จำได้ ถึงกับออกปากว่า ไปเอาผงนี้มาจากไหน และหลังจากนั้นหลวงปู่จันทร์ก็ได้ขอแบ่งผงไว้ 1 ชั้นปิ่นโต ผงนี้ได้นำมาสร้างพระเครื่องรุ่นปี พ.ศ. 2500 คือพระพิมพ์สมเด็จและพระนางพญา และตอนที่นำไปถวายหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นเมื่อเห็นแล้วถึงกับก้มลงกราบทันที พระอาจารย์วังก็เช่นกัน นอกจากนี้ อาจารย์ประถมยังได้นำผงวิเศษนี้ไปเก็บไว้ที่วัดเทพศิรินทร์ ในพระอุโบสถ และได้ขอบารมีจาก ท่านเจ้าคุณนรฯ ด้วย

หลวงปู่สนธิ์ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ลุ่มน้ำโขงที่มีบุญญาบารมีมาก มีสมาธิจิตเป็นเยี่ยมและต้องบรรลุธรรมขั้นสูงจึงสามารถเรียนวิชา ''น้ำมนต์เจ็ดพระจันทร์'' ได้ ท่านคือต้นแบบแห่งน้ำมนต์นี้ และต่อมาหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ ก็ได้มาขอร่ำเรียนวิชานี้จากท่านสืบทอดวิชาต่อมา และถือเป็นเกจิองค์แรกที่หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน มองเห็นแป๊บเดียวก็รู้ว่า เพชรในตม เจอของดีเข้าแล้ว เขาไม่ใช่ธรรมดา เขามีดีในตัว จึงมอบผงโสฬสมหาพรหมให้ครอบครอง ส่วนจริยวัตรนิสัยใจคอของท่านนั้นยอดเยี่ยมมาก ไม่ถือตัว ไม่โอ้อวดใดๆ อยู่แบบเรียบง่าย สมถะแต่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ช่วยเหลือชาวบ้านทุกคน จึงได้สมญานามว่า ''พระอริยะสงฆ์ผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง''

เอวัง

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top