หมวด พระกรุ เนื้อดิน - เนื้อผง

พระนารายณ์ทรงปืน กรุสำปะซิว สุพรรณฯ

ชื่อร้านค้า	ชาติ คลองบางเขน - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	norton (26)
ชื่อพระเครื่อง	พระนารายณ์ทรงปืน กรุสำปะซิว สุพรรณฯ
อายุพระเครื่อง	707 ปี
หมวดพระ	พระกรุ เนื้อดิน - เนื้อผง
ราคาเช่า	7,000 บาท
เบอร์โทรติดต่อ	081-8388166
อีเมล์ติดต่อ	chart66@sanook.com
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	อ. - 14 มิ.ย. 2554 - 15:27.38
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	พ. - 25 มิ.ย. 2557 - 14:09.30

รายละเอียด
พระเครื่องของกรุนี้ เท่าที่พบจะเป็นพระเนื้อดินเผา แต่ที่แปลกก็คือมีพบพระท่ามะปราง ซึ่งลักษณะคล้ายกับพระท่ามะปรางของจังหวัดทางภาคเหนือ พระซุ้มนครโกษา และพระนารายณ์ทรงปืน ซึ่งไปเหมือนกับพระของจังหวัดลพบุรี "สำปะซิว" เดิมชื่ออาจจะเป็น "สำปะทิว" เนื่องจากสุนทรภู่ได้เคยเขียนโคลงสี่สุภาพ ใน "โคลงนิราศเมืองสุพรรณ" เรียกชื่อ "สำปะซิว" ว่า "สำปะทิว" แต่ต่อมาภายหลังอาจจะเรียกเพี้ยนกันมาเป็น "สำปะซิว" ในปัจจุบัน พระกรุที่พบนั้นความจริงไม่ได้พบภายในวัดสำปะซิวเลย แต่ขุดพบใกล้ๆ ในละแวกนั้น ในสมัยก่อนได้มีการขุดพบพระบูชาศิลปะลพบุรีอยู่หลายครั้งทางทิศใต้ใกล้ๆ กับวัดสำปะซิว ต่อมาภายหลัง นายดี ซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ทางเหนือของวัดสำปะซิว ได้ขุดที่ดินในบริเวณริมรั้วบ้านก็ได้พบพระเครื่องเนื้อดินเผาขึ้นมาจำนวน มาก พระที่พบเป็นพระเนื้อดินเผา ค่อนข้างหยาบ มีกรวดทรายผสมอยู่ในเนื้อพระ ที่เป็นเนื้อค่อนข้างละเอียดก็มีพบบ้าง พิมพ์ที่พบนั้นเป็นพระท่ามะปราง พุทธลักษณะคล้ายกับพระท่ามะปรางทั่วๆ ไปที่พบแถบทางจังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร และสุโขทัย นอกจากนี้ ยังพบพระซุ้มนครโกษา และพระนารายณ์ทรงปืนอีกด้วย ซึ่งศิลปะพิมพ์ทรงก็คล้ายกับพระที่พบทางจังหวัดลพบุรี นอกจากเนื้อหาเท่านั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของพระกรุนี้ ซึ่งเป็นพระเนื้อดินเผาแกร่งและค่อนข้างหยาบ สาเหตุที่เรียกกันว่าพระกรุวัดสำปะซิวนั้น ก็คือ เมื่อมีผู้ถามว่าเป็นพระที่ไหน ชาวบ้านก็มักจะตอบว่า "พระสำปะซิว" ก็เลยเรียกกันมาติดปากว่า "พระกรุวัดสำปะซิว" เนื่องจากใกล้เคียงบริเวณนั้นมีวัดสำปะซิวตั้งอยู่ จากการสังเกตดูการขุดพบพระมักจะพบตามบริเวณพื้นดิน ไม่ปรากฏเจดีย์หรือโบราณสถานอื่นใดเลย ซึ่งอาจจะผุพังเสียหายไปนานแล้ว สันนิษฐานว่า บริเวณนี้น่าจะเป็นที่ชุมชนมาตั้งแต่สมัยลพบุรี เพราะพบพระบูชาเป็นสมัยลพบุรีแทบทั้งสิ้น ต่อมาก็พบพระเครื่องท่ามะปรางและพระซุ้มนครโกษาอีก ซึ่งอายุของพระเครื่องก็น่าจะอยู่ในราวสมัยสุโขทัยปลาย ส่วนพระพิมพ์ท่ามะปรางนั้น เคยพบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรีเช่นกัน มีพิมพ์ทรงที่คล้ายกันมาก แต่เนื้อหาของกรุวัดพระศรีฯ จะละเอียดกว่ามาก และที่กรุวัดพระศรีฯ ยังพบพระท่ามะปรางเนื้อชินเงินอีกด้วย จึงน่าจะเป็นไปได้ว่าพระของทั้งสองกรุนี้น่าจะสร้างในยุคสมัยเดียวกัน ส่วนพุทธคุณนั้น พระกรุวัดสำปะซิวโดดเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด อีกทั้งเมตตามหานิยมก็ดีเช่นกันครับ ในปัจจุบันนี้พระกรุวัดสำปะซิวแท้ๆ นั้นเริ่มหาชมได้ยากแล้วครับ สนนราคาก็สูงขึ้นมากเช่นกันครับ สำหรับองค์นี้เป็นพิมพ์นารายณ์ทรงปืน ที่มีขนาดใหญ่ และมีความหายากมากๆรองจากพิมพ์ผงสุพรรณครับ

รายละเอียด

พระเครื่องของกรุนี้ เท่าที่พบจะเป็นพระเนื้อดินเผา แต่ที่แปลกก็คือมีพบพระท่ามะปราง ซึ่งลักษณะคล้ายกับพระท่ามะปรางของจังหวัดทางภาคเหนือ พระซุ้มนครโกษา และพระนารายณ์ทรงปืน ซึ่งไปเหมือนกับพระของจังหวัดลพบุรี

"สำปะซิว" เดิมชื่ออาจจะเป็น "สำปะทิว" เนื่องจากสุนทรภู่ได้เคยเขียนโคลงสี่สุภาพ ใน "โคลงนิราศเมืองสุพรรณ" เรียกชื่อ "สำปะซิว" ว่า "สำปะทิว" แต่ต่อมาภายหลังอาจจะเรียกเพี้ยนกันมาเป็น "สำปะซิว" ในปัจจุบัน พระกรุที่พบนั้นความจริงไม่ได้พบภายในวัดสำปะซิวเลย แต่ขุดพบใกล้ๆ ในละแวกนั้น ในสมัยก่อนได้มีการขุดพบพระบูชาศิลปะลพบุรีอยู่หลายครั้งทางทิศใต้ใกล้ๆ กับวัดสำปะซิว ต่อมาภายหลัง นายดี ซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ทางเหนือของวัดสำปะซิว ได้ขุดที่ดินในบริเวณริมรั้วบ้านก็ได้พบพระเครื่องเนื้อดินเผาขึ้นมาจำนวน มาก

พระที่พบเป็นพระเนื้อดินเผา ค่อนข้างหยาบ มีกรวดทรายผสมอยู่ในเนื้อพระ ที่เป็นเนื้อค่อนข้างละเอียดก็มีพบบ้าง พิมพ์ที่พบนั้นเป็นพระท่ามะปราง พุทธลักษณะคล้ายกับพระท่ามะปรางทั่วๆ ไปที่พบแถบทางจังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร และสุโขทัย นอกจากนี้ ยังพบพระซุ้มนครโกษา และพระนารายณ์ทรงปืนอีกด้วย ซึ่งศิลปะพิมพ์ทรงก็คล้ายกับพระที่พบทางจังหวัดลพบุรี นอกจากเนื้อหาเท่านั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของพระกรุนี้ ซึ่งเป็นพระเนื้อดินเผาแกร่งและค่อนข้างหยาบ

สาเหตุที่เรียกกันว่าพระกรุวัดสำปะซิวนั้น ก็คือ เมื่อมีผู้ถามว่าเป็นพระที่ไหน ชาวบ้านก็มักจะตอบว่า "พระสำปะซิว" ก็เลยเรียกกันมาติดปากว่า "พระกรุวัดสำปะซิว" เนื่องจากใกล้เคียงบริเวณนั้นมีวัดสำปะซิวตั้งอยู่ จากการสังเกตดูการขุดพบพระมักจะพบตามบริเวณพื้นดิน ไม่ปรากฏเจดีย์หรือโบราณสถานอื่นใดเลย ซึ่งอาจจะผุพังเสียหายไปนานแล้ว สันนิษฐานว่า บริเวณนี้น่าจะเป็นที่ชุมชนมาตั้งแต่สมัยลพบุรี เพราะพบพระบูชาเป็นสมัยลพบุรีแทบทั้งสิ้น ต่อมาก็พบพระเครื่องท่ามะปรางและพระซุ้มนครโกษาอีก ซึ่งอายุของพระเครื่องก็น่าจะอยู่ในราวสมัยสุโขทัยปลาย

ส่วนพระพิมพ์ท่ามะปรางนั้น เคยพบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรีเช่นกัน มีพิมพ์ทรงที่คล้ายกันมาก แต่เนื้อหาของกรุวัดพระศรีฯ จะละเอียดกว่ามาก และที่กรุวัดพระศรีฯ ยังพบพระท่ามะปรางเนื้อชินเงินอีกด้วย จึงน่าจะเป็นไปได้ว่าพระของทั้งสองกรุนี้น่าจะสร้างในยุคสมัยเดียวกัน

ส่วนพุทธคุณนั้น พระกรุวัดสำปะซิวโดดเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด อีกทั้งเมตตามหานิยมก็ดีเช่นกันครับ ในปัจจุบันนี้พระกรุวัดสำปะซิวแท้ๆ นั้นเริ่มหาชมได้ยากแล้วครับ สนนราคาก็สูงขึ้นมากเช่นกันครับ
สำหรับองค์นี้เป็นพิมพ์นารายณ์ทรงปืน ที่มีขนาดใหญ่ และมีความหายากมากๆรองจากพิมพ์ผงสุพรรณครับ