ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำนำฤกษ์มีแป้งเจิม-อิฐ สงขลา - webpra
VIP
พระแท้ดูง่าย สวยตาเปล่า
ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำนำฤกษ์มีแป้งเจิม - 1ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำนำฤกษ์มีแป้งเจิม - 2ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำนำฤกษ์มีแป้งเจิม - 3ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำนำฤกษ์มีแป้งเจิม - 4ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำนำฤกษ์มีแป้งเจิม - 5
ชื่อร้านค้า อิฐ สงขลา - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำนำฤกษ์มีแป้งเจิม
อายุพระเครื่อง 30 ปี
หมวดพระ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า - หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส – หลวงปู่สมชาย วัดเขาสุกิม – หลวงปู่บัว วัดศรีบูรพาราม
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ itsda99@gmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 17 มี.ค. 2562 - 00:28.34
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 14 พ.ค. 2562 - 16:16.32
รายละเอียด
หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ผ้ายันต์พัดโบก มหาลาภ ปี37

หลวงปู่คร่ำท่านได้จัดสร้างผ้ายันต์พัดโบกเมื่อ วันเสาร์ห้าของปี37 เป็นยุคท้ายๆของท่านแล้ว ท่านมรณภาพเมื่อปลายปี40 อุปเท่ห์ของผ้ายันต์พัดโบกคือ หยุดลม หยุดฝน ให้พัดพาไปที่อื่น เพราะวัดวังหว้าอยู่ในเมืองระยอง ช่วงมรสุม ลม ฝนสร้างความเสียหายให้เรือประมงและบ้านเรือนได้มาก อุปเท่ห์สำหรับคนทั่วไปคือให้พัดพาเหล่าเสนียดจัญไร เคราะห์ร้ายต่างๆ ให้ไปทางอื่น รวมทั้งหลวงปู่ได้ลงยันต์เมตตามหาลาภไว้ในผ้ายันต์นี้ด้วย ให้เรียกโชคเรียกลาภเข้ามาในบ้านและร้านค้า
ผ้ายันต์พัดโบกจะแบ่งเป็นสองท่อนคือแดงและขาว ลงภาพยันต์ต่างๆไว้พร้อมมูล ผ้ายันต์มีผืนขนาดใหญ่มาก ไม่เหมาะนำไปใส่กรอบไว้บูชา ขนาดใหญ่เท่าธงชาติ จริงๆแล้ววิธีการบูชาผ้ายันต์พัดโบกคือนำไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านหรือหน้าร้าน พัดสิ่งชั่วร้ายออกไป เรียกโชคเรียกลาภเข้ามา จากที่ได้เคยคุยกับผู้นำไปใช้ไปบูชา เมื่อแรกนำผ้ายันต์ไปติดไว้ที่หน้าร้าน ปรากฏว่ามีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น พอนานไปเห็นว่าผ้ายันต์ใหญ่เกินเกะกะที่จะแขวนไว้หน้าร้าน จึงนำมาติดไว้ที่หลังร้านแทน ปรากฏว่า ลูกค้าหายหมดเลย ทดสอบอยู่สามเดือนจึงนำผ้ายันต์พัดโบกมาติดไว้ที่หน้าร้านดั่งเดิม ลูกค้าถึงได้กลับเข้ามาใหม่ ประสบการณ์นี้ ไม่ได้อ่านมาจากในหนังสือนะครับ แต่จากการพูดคุยกับคนรู้จักกันที่นำผ้ายันต์ไปใช้บูชา

ดีจริงหรือไม่ ผ้ายันต์พัดโบก เป็นผ้ายันต์ที่ดังสุดในรอบยี่สิบปีนี้ เป็นที่แสวงหาของคนทั่วไป แต่มีของเสริมที่ทำขึ้นมา ไม่ทันหลวงปู่ปลุกเสก และของเก๊ออกมาหลายฝีมือ หมึกตราวัดปั๊มไม่สำคัญนะครับ ผ้ายันต์ที่ทันหลวงปู่ปลุกเสกมีทั้งตราวัดปั๊มและไม่มีตราวัดปั๊ม ที่สำคัญสุดคือแหล่งที่มาของผืนผ้ายันต์มากกว่าว่ามาจากสายตรงหรือไม่ ฝนนานปีย่อมเสื่อมสลายไป รีบบูชาก่อนไม่มีให้เก็บให้บูชา หายากครับ

พระมงคลศิลาจารย์ หรือหลวงปู่คร่ำ ยโสธโร ซึ่งชาววังหว้าและหมู่บ้านใกล้เคียงเรียกนามท่านว่า?ท่านพ่อคร่ำ?ท่าน มีอายุ๑๐๐ปีบริบูรณ์เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๐ พรรษา ๘๐นับเป็นพระเถระที่มีพรรษาสูงสุดของเมืองไทยรูปหนึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ ได้รับความนิยมและเป็นที่ศรัทธาของประชาชนทั่วประเทศ หลวงปู่คร่ำเป็นพระภิกษุที่มีบุญญาบารมีเป็นที่ปรากฏแก่ประชาชนมาเป็นเวลา นานแล้ว ท่านมีคุณูปการแก่สังคมหลายวงการอย่างกว้างขวาง ทั้งฝ่ายจักร และอาณาจักรทั้งในจังหวัดระยองและจังหวัดอื่นๆและเป็นปูชนียบุคคลที่ได้รับ การคารวะศรัทธาเป็นอย่างสูงจากชาวพุทธทั่วประเทศ เห็นได้จากงานพุทธาภิเษกที่สำคัญที่จัดในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง หลวงปู่จะได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีเกือบทุกครั้ง

เนื่องจากมีผู้ให้ ความเคารพศรัทธาหลวงปู่คร่ำจำนวนมากต่างพากันยึดหลวงปู่เป็นสรณะในยามที่ ต้องเผชิญกับภาวะคับขัน ทั้งยังขอพรบารมีจากท่านช่วยบันดาลใช้ประสบโชคลาภ ประสบความสำเร็จสมปรารถนามีความสุขสมหวังในชีวิตจึงมีผู้ให้สมญานามท่านว่า? เทพเจ้าของชาวระยอง?บ้าง?ท่านพ่อแห่งฝั่งทะเลตะวันออก? บ้าง?เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก?ฯลฯรวมความว่าหลวงปู่คร่ำเป็นพระที่อยู่ในใจ ของทุกคน

กำเนิดหลวงปู่คร่ำมีนามเดิมว่า คร่ำ อรัญวงศ์ ท่านเกิด วันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา ตรงกับวันที่๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ ที่บ้านวังหว้า ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โยมบิดาชื่อ นายครวญ อรัญวงศ์ โยมมารดาชื่อ นางต้อย อรัญวงศ์ หลวงปู่เป็นบุตรคนโต มีน้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน๓คนเป็นชายสองหญิงหนึ่งคือ
๑. นางเลื่อม อรัญวงศ์
๒. นายเกิด อรัญวงศ์
๓. นายทองสุข อรัญวงศ์

ต้นตระกุลของหลวงปู่
ตั้ง รกรากอยู่ที่บ้านวังหว้ามาช้านานหลายชั่วอายุคนมีญาติพี่น้องมากมายหลายสาย หลายตระกุลครอบครัวของท่านประกอบอาชีพเกษตรกรรมเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ใน ย่านนั้น เฉพาะอย่างยิ่งอาชีพทำสวนพริกไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อของอำเภอแกลงในสมัยนั้นเช่นเดียวกับจังหวัดจันทบุรี ที่มีเขตแดนติดกัน(เดิมอำเภอแกลงขึ้นอยู่กับจันทบุรี) เล่ากันว่าเมื่อหลวงปู่อายุได้ ๑๕ ปี หลังจากไปเรียนหนังสือที่วัดระยะหนึ่งแล้วก็กลับมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ สวนพริกไทย ดังที่บรรพบุรุษทำกันมา แต่ครั้งนั้นได้เกิดฝนแล้งไปทั่วบรรดาสวนพริกไทยในละแวกนั้นทั้งหมดได้พากัน เหี่ยวแห้งเฉาตายชาวบ้านแถบหมดตัวไปตามๆกันทุกครัวเรือนครอบครัวหลวงปู่คร่ำ จึงได้เลิกทำสวนพริกไทยและหันไปประกอบอาชีพอื่นตั้งแต่นั้นมาการศึกษา เมื่อเยาว์วัย หลวงปู่คร่ำเป็นเด็กฉลาดมีไหวพริบปฏิภาณดีเมื่ออายุได้ประมาณ๑๑ปีโยมบิดาได้ นำไปฝากเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ตรีเจ้าอาวาสวัดวังหว้า ตำบลวังหว้า ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน โดยจัดพานดอกไม้ธูปเทียน เครื่องสักการะนำไปถวายในวันพฤหัสบดี(วันครู)ตามประเพณีการเล่าเรียนและการ บวชเรียนของสังคมไทยเราแต่โบราณมาในสมัยนั้นต้องเรียนกันตามวัด อาศัยวัดเป็นโรงเรียน มีพระเป็นครูสอนการเรียนไม่มีหลักสูตรกำหนดไว้ชัดเจนเช่นปัจจุบันแต่พระก็ สอนจนลูกศิษย์สามารถอ่านออกและเขียนได้เป้นอย่างดีทั้งอักษรไทยและอักษรขอม ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเนื่องจากตำราต่างๆสมัยก่อนเฉพาะอย่างยิ่งคัมภีร์ ทางพุทธศาสนาจะเขียนด้วยอักศรขอมทั้งสิ้น ไม่มีหนังสือที่พิมพ์ด้วยอักษรไทยเช่นทุกวันนี้ผู้ที่เรียนหนังสือจะต้อง เรียนภาษาไทยควบคู่ไปกับภาษาขอมด้วยเสมอ การเรียนของหลวงปู่คร่ำนั้นมิได้เรียนเฉพาะที่วัดวังหว้าเท่านั้นท่านยังไป เรียนต่อกับสมภารหลำ ที่วัดพลงช้างเผือก ซึ่งอยู่ใกล้กับตำบลวังหว้าอีกด้วยเรียนอยู่จนอายุได้๑๕ปีมีความรู้หนังสือ ดีแล้วจึงได้กลับไปอยู่กับบิดามารดาตามเดิม เพื่อช่วยเหลือครอบครัวประกอบอาชีพต่อไปสมณเพศ เมื่ออายุครบ๒๐ปีหลวงปู่ได้อุปสมบทที่วัดวังหว้าเมื่อวันจันทร์ แรม ๗ ค่ำ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่๑๑มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้รับฉายาว่า?ยโสธโร?แปลว่าผู้ทรงไว้ซึ่งยศหรือผู้ดำรงยศ พระอุปัชฌาย์ คือ พระครูสังฆการบูรพทิศ (ปั้น อินทสโร) เจ้าคณะแขวงแกลงวัดราชบัลลังก์ พระกรรมวาจารย์ คือพระใบฎีกาหลำ ปัญญายิ่ง รองเจ้าคณะแขวงแกลง วัดพลงช้างเผือก พระอนุสาวนาจารย์ คือพระอธิการเผื่อน เจ้าอาวาสวัดวังหว้า

หลวง ปู่คร่ำมุ่งศึกษาด้านพระธรรมวินัยซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นมา ของพุทธศาสนาและหลักธรรมของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยนั้นวัดวังหว้ายังไม่มีสำนักสอนธรรมหลวงปู่ต้องไปเรียนที่วัดพลงช้าง เผือก และสอบได้นักธรรมตรีและโทเป็นลำดับนอกจากเรียนรู้พระธรรมวินัยเป็นพื้นฐาน แล้ว ท่านยังศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ และตำรับยาสมุนไพรจนมีความรู้ความสามารถนำไปใช้บำบัดรักษาช่วยเหลือชาวบ้าน ได้เป็นอย่างดีในสมันที่ยังไม่มีสถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลดังเช่นทุกวันนี้ วิชาที่หลวงปู่ชำนาญเป็นพิเศษ คือ กรรมวิธีต่อและประสานกระดูกอันเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆ มีผู้มารับการรักษาที่วัดวังหว้าเป็นประจำและหายกลับไปทุกคน จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว การศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคม หลวงปู่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของพระครูนิวาสธรรมสาร(หลวงพ่อโต) วัดเขากะโดนและวัดเขาบ่อทอง ซึ่งหลวงพ่อโตเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐานชำนาญการธุดงควัตร เป็นผู้มีพลังจิตรแก่กล้า และวิทยาคมขลังเป็นเลิศ หลวงปู่คร่ำได้ร่ำเรียนด้วยอุตสาหะพากเพียรจนมีความรู้ความชำนาญในวิชาอาคม หลายด้านเมื่อกลับมาที่วัดวังหว้าก็ได้ฝึกฝนพลังจิตเจริญสมาธิภาวนาโดยตลอด มิได้ขาดในกาลต่อมาหลวงปู่ได้ใช้วิทยาคมที่ได้ฝึกฝนร่ำเรียนมานั้นให้เป็น ประโยชน์ต่อญาติโยมและบุคคลทั่วไปนานัปการจนชื่อเสียงเกียรติคุณขจรไกลไป ทั่วเมืองไทยและต่างประเทศสิ่งหนึ่งที่หลวงปู่ยึดมั่นโดยตลอดคือ กตัญญุตาการรำลึกถึงคุณของบูรพาจารย์ทุกปีของหลวงปู่จะประกอบพิธีไหว้ครู ตามหลักปฏิบัติสืบเนื่องมาไม่เคยขาดจึงส่งผลให้หลวงปู่คร่ำเจริญยิ่ง ด้วยชื่อเสียงเกียรติคุณตลอดมาการปกครองและอบรมสานุศิษย์หลังจากหลวงปู่อบรม ได้ ๔ พรรษา พระอธิการเผื่อนเจ้าอาวาสวัดวังหว้าได้มรณภาพลงหลวงปู่คร่ำได้รับมอบหมายให้ ทำหน้าที่เจ้าอาวาสสืบแทนหลวงปู่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างแก่พระภิกษุสงฆ์โดย ทั่วไป จึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆดังนี้
ปี พ.ศ. ๒๔๖๔เป็นเจ้าอาวาสวัดวังหว้า
ปี พ.ศ. ๒๔๗๔เป็นเจ้าคณะหมวดเนินฆ้อ
ปี พ.ศ. ๒๔๗๙เป็นเจ้าคณะตำบลเนินฆ้อ
ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ เป็นพระอุปัชฌาย์

เมื่อ หลวงปู่สูงอายุขึ้น สุขภาพพลานามัยไม่สมบูรณ์ จึงลาออกจากเจ้าคณะตำบลเนินฆ้อ มุ่งสร้างเสนาสนะและปฎิสังขรณ์วัดวังหว้าจนเจริญรุ่งเรืองตราบเท่าทุกวันนี้ หลวงปู่คร่ำได้อบรมสั่งสอนศิษย์ให้ยึดมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ถูกที่ควร ท่านได้กำหนดระเบียบการปกครองของวัดวังหว้า ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติและระเบียบคณะสงฆ์ กฎมหาเถรสมาคม รวมทั้งระเบียบต่างๆของทางราชการทุกประการกฎระเบียบของวัด ภิกษุสามเณรทุกรูปในวัด ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัดต้องตั้งใจเล่าเรียนพระธรรมวินัย ต้องทำวัตรทุกเช้าเย็น ภายในบริเวณวัดงดเว้นอบายมุขทุกชนิดของดีหลวงปู่ วัตถุมงคล เครื่องรางของขลังของหลวงปู่คร่ำ มีมากมายหลายอย่าง ทั้งตะกรุดโทนสีผึ้งเมตรตา ผ้ายันต์ น้ำมันงา และเหรียญแบบต่างๆสิ่งที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของหลวงปู่คร่ำ คือผ้ายันต์พัดโบก ชื่อเต็มว่า?ผ้ายันต์พัดโบกมหาลาภหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง?แบ่งเป็นสองท่อน ท่อนบนสีแดงท่อนล่างสีขาวประกอบด้วยรูปหลวงปู่และยันต์หลายชนิดผ้ายันต์ พัดโบกนี้หลวงปู่ทำขึ้นเพื่อป้องกันวาตภัย ทั้งลมและฝนในยามที่มรสุมรุนแรงจะพัดทำความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนผ้า ยันต์พัดโบกจะโบกให้ลมเปลี่ยนทิศทาง รวมทั้งโบกเอาความชั่วร้ายอื่นๆมิให้กล้ำกรายมาถึงบ้านเรือนของผู้ที่ครอบ ครองผ้ายันต์นี้ได้ ผ้ายันต์พัดโบก เป็นยันต์พัดโบกให้ร้านค้าต่างๆโบกนำลาภผลเข้าสู่อาคารร้านค้าอีกด้วยบรรดา บ้านเรือนแถบชายฝั่งทะเลตะวันออกเกือบทุกบ้านจะมีผ้ายันต์พัดโบกหลวงปู่คร่ำ ไว้คุ้มภัยและเป็นมงคลแก่บ้านเรือนรวมไปถึงกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆทั่ว ประเทศไทยก็ปรากฏยันต์พัดโบกของหลวงปู่คร่ำอยู่ทั่วไปแม้แต่ในประเทศลาว ผ้ายันต์พัดโบกหลวงปู่คร่ำยังโบกสะบัดไปถึงเวียงจันทน์ในประเทศเขมรซึ่งเป็น ดินแดนแห่งไสยศาสตร์ผ้ายันต์พัดโบกของหลวงปู่ก็โบกไปทั่วจากคนไทยที่ไปทำมา ค้าขายที่นั่นเมตตาธรรมค้ำจุนโลก ตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัตร์หลวงปู่ปฏิบัติตนสำรวมในศีลอย่าง เคร่งครัดได้รับความเคารพนับถือและศรัทธาจากสานุศิษย์และมหาชนทั่วประเทศที่ เดินทางมานมัสการทุกวัน หลวงปู่จะนั่งพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้พูดคุยด้วยถ้าพอมีเวลาใครขอให้ช่วยทำอะไร ถ้าไม่ขัดต่อศีลธรรมและเป็นเรื่องที่ดีงามแล้วหลวงปู่ไม่เคยขัดช่วยทุก เรื่องตั้งแต่เริ่มเป็นเจ้าอาวาสเป็นต้นมา ไม่เคยอยู่นิ่งเฉยสร้างวัดสร้างโรงเรียนหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำบลวังหว้าทุกโรงเรียน หลวงปู่ได้มีส่วนช่วยก่อสร้างและทะนุบำรุงตลอดเวลา

สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๗๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูประทวน
พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท
พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้น เอก
พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระมงคลศีลาจารย์

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top