-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู - หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน - หลวงปู่เรือง วัดเขาสามยอด
พระไพรีพินาศ หลวงปู่เรือง 1
ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระไพรีพินาศ หลวงปู่เรือง 1 |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู - หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน - หลวงปู่เรือง วัดเขาสามยอด |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ศ. - 26 ต.ค. 2561 - 21:00.59 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พ. - 30 พ.ย. 2565 - 22:47.14 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระไพรีพินาศ หลวงปู่เรือง 1 หนึ่งใน พระเครื่องดี ..ของท่าน ครับ... พระอรหันต์ แห่งสามร้อยยอด... พระไพรีพินาศ เนื้อผง หินงอกหินย้อย... ของดีหายาก...องค์นี้ ธรรมชาติ พระเดิม ๆ .. พระหนา ร่วม ๆ 1 ซ.ม....ปั๊มหมึก...เดิมๆ http://uauction2.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=407&qid=8804&sortby=ASC หลวงปู่เรือง อาภสฺสโร ปูชนียธรรมสถานเขาสามยอด จ.ลพบุรี ผู้เขียนหรือแอดมินนี้เคยมีโอกาสได้รู้จักหลวงปู่เรือง และรู้สึกเคารพรักท่านจากใจจริง เรื่องราวของหลวงปู่เรืองที่จะเล่าสู่กันฟังต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้พบได้เห็น ได้กราบเรียนสนทนากับหลวงปู่ และได้คุยกับผู้ที่บากบั่นขึ้นเขาไปกราบหลวงปู่เรืองถึงบนเขาสามยอด ซึ่งผู้เขียนได้รับข้อมูลที่น่าทึ่งมาจากท่านเจ้าของเรื่องเอง ช่วงที่หลวงปู่เรืองลงจากเขาสามยอดไปอยู่ที่อื่นหลายปีนั้น ช่วงที่หลวงปู่เรืองอยู่ที่อาศรมพรตภูผาโพธิสัตว์ อ.บุเปือย จ.อุบลราชธานี มีหลวงพี่อัญญาเป็นผู้ดูแลหลวงปู่เรือง ในช่วงนั้นเพื่อนบ้านตระกูลศรีสันติสุข ซึ่งบ้านเดิมอยู่ใกล้บ้านเก่าของผู้เขียน ได้เป็นผู้สร้างวัตถุมงคลถวายหลวงปู่เรือง ผู้เขียนเป็นผู้ออกแบบโดยหลวงปู่เรืองเป็นผู้สั่งให้สร้างเองทุกรุ่น เป็นวัตถุมงคลที่หลวงปู่เรืองตั้งใจสร้างเอง ครอบครัวศรีสันติสุขเป็นผู้ออกเงินและรับเป็นธุระไปดำเนินการให้หลวงปู่เรือง การสร้างทุกครั้งท่านระบุด้วยตัวท่านเองว่าให้สร้างเป็นอะไร หลวงปู่ตรวจแบบทุกรุ่นด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเหรียญหลวงปู่เรืองยืนรุ่นแรกนั้น หลวงปู่ออกแบบเองโดยท่านสั่งให้ทำเป็นรูปท่านยืนถือไม้เท้ายาว แล้วให้ถ่ายรูปไว้เป็นแบบ ท่านสั่งให้ทำเป็นรูปท่านยืนถือไม้เท้ายาวแบบที่ท่านทำท่าให้ดู ท่านว่าทำเป็นรูปยืนมันกระฉับกระเฉงดี คนเอาไปใช้จะได้ตั้งตัวเร็วๆ วัตถุมงคลหลวงปู่เรืองที่เพื่อนบ้านตระกูลศรีสันติสุขสร้างถวายนั้น จะแจกเป็นทานทุกรุ่นทุกพิมพ์ หลวงปู่เรืองจะพูดเสมอว่า “นี่เป็นของกู” ผู้สร้างถวายนำกลับไปแจกเพียงเล็กน้อย บางรุ่นไม่ได้ไว้เลยด้วยซ้ำ ข้อนี้สามารถสอบถามได้จากหลวงพี่อัญญาศิษย์ของหลวงปู่เรือง หลวงปู่เรืองจะเก็บวัตถุมงคลชุดอาศรมพรตภูผาโพธิ์สัตว์ไว้กับตัวของท่านเอง เรื่องนี้มีศิษย์หลายท่านเคยเห็น ทั้งหลวงปู่ยังพูดเป็นนัยถึงความสำคัญของวัตถุมงคลชุดนี้หลายครั้ง ผู้ที่เคยได้รับแจกวัตถุมงคลชุดนี้ต่างก็พบกับประสบการณ์น่าอัศจรรย์ และเสาะหาเก็บสะสมกันอย่างเงียบๆมาตั้งแต่สร้างเสร็จใหม่ๆ บางอย่างถึงกับยอมซื้อหากันแพงๆ แต่ก็หาของได้ยากเพราะได้แจกออกไปมากแล้วคนหวงมาก ยิ่งหลวงปู่เรืองท่านพูดว่า “นี่เป็นของกู” ศิษย์ที่ทันรู้เห็นจึงหวงวัตถุมงคลชุดนี้กันแบบสุดๆ เดิมทีนั้นหลวงปู่เรืองยังมีผู้รู้จักไม่มากจะรู้กันในวงแคบ จะรู้จักหลวงปู่เรืองเฉพาะคนในบริเวณเขาสามยอดก่อน ชาวบ้านและทหารจะรู้ว่าบนเขาสามยอดซึ่งอยู่หลังโรงพยาบาทอานันทมหิดลมีพระอยู่รูปหนึ่ง โดยพระรูปนี้ธุดงค์มาอยู่ที่ถ้ำพระอรหันต์เมื่อพ.ศ.๒๔๙๓ ถ้ำนี้อยู่บนยอดเขาลูกที่สองของเขาสามยอด หลวงปู่เรืองเริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๘ ในปีนั้นเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเห็นได้ในเมืองไทย และในปีนี้นี่เองที่เมืองไทยเรามีการสร้างวัตถุมงคลที่อ้างถึงสุริยุปราคากันมากเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นกระแสวัตถุมงคลรุ่นสุริยุปราคากันทั่วประเทศ ตอนนั้นเองที่มีข่าวว่ามีพระอาจารย์ที่ยังไม่ดังอยู่จ.ลพบุรี ชื่อหลวงปู่เรืองสร้างพระรุ่นสุริยุปราคากับเขาด้วย ตอนนั้นผู้เขียนเองยังนึกว่าคงเป็นพระอาจารย์โปรโมทของนักสร้างพระ ก็เลยยังไม่สนใจ แต่แล้วบังเอิญว่าคุณแม่ของแฟนผู้เขียนได้ฝากผู้เขียนไปทำบุญบูชาพระของหลวงปู่เรือง ผู้เขียนจึงค่อยดูข้อมูลวัตถุมงคลหลวงปู่เรือง พอเห็นรายละเอียดก็จับจุดได้เลยว่า วัตถุมงคลหลวงปู่เรืองรุ่นสุริยุปราคาไม่ใช่ของที่สร้างโปรโมทเพื่อเซ็งลี้ เพราะจำนวนการสร้างดูแล้วมันช่างน้อยเสียจนน่ารันทดกันเลยทีเดียว ต่อให้ขายได้หมดก็ได้เงินไม่มากเลย ซึ่งวัตถุประสงค์การสร้างก็น่าสงสารน่าร่วมบริจาคด้วย เพราะแค่จะเอาเงินไปซื้อแทงค์น้ำหรือทำบ่อเก็บน้ำฝนเล็กๆแค่นั้นเอง เมื่อผู้เขียนไปทำบุญรับวัตถุมงคลหลวงปู่เรืองจากที่หนึ่งในก.ท.ม. ก็ได้รับแจกรูปหลวงปู่เรืองใบเล็กมาด้วยหลายใบ นึกอย่างไรไม่ทราบเลยขอแบ่งจากแม่แฟนหนึ่งใบ แล้วก็เอาไปวางไว้บนพานพระเหนือโต๊ะทำงาน แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก ต่อมาก็ลืมพระภิกษุชราภาพที่ชื่อหลวงปู่เรืองไปโดยสนิท เวลาผ่านไปประมาณเดือนกว่าๆ ผู้เขียนฝันเห็นหลวงปู่เรืองกำลังนั่งมองมา พอตื่นแล้วยังนึกไม่ออกว่าเป็นหลวงปู่เรือง ที่แปลกคือฝันแบบนี้ซ้ำๆกันอยู่สามครั้ง เลยเอะใจว่าพระรูปนี้น่าจะมีอะไรกับเราแน่ แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าคือหลวงปู่เรือง เพียงแต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่ๆ ขณะที่ผู้เขียนนั่งเขียนหนังสือเพลินๆ ปากกาเกิดหลุดมือหล่นกลิ้งเข้าไปใต้เก้าอี้ที่นั่งอยู่ เก้าอี้นี้เป็นแบบโซฟาเดี่ยวบุบวม ซึ่งตั้งติดพื้นทึบไม่มีช่องว่างให้มองเห็นใต้เก้าอี้ ผู้เขียนจึงต้องใช้ไม้บรรทัดขนาดยาวสอดเข้าไปเขี่ยของออกมา ปรากฏว่าเขี่ยได้เป็นปากกาที่หล่นและได้รูปหลวงปู่เรืองที่เคยวางไว้บนพาน ซึ่งไม่ทราบว่าหล่นไปอยู่ใต้เก้าอี้ตั้งแต่เมื่อไร พอเห็นรูปภาพหลวงปู่เรืองผู้เขียนรู้ทันทีเลยว่าที่ฝันเห็นหลวงปู่เรืองนั้น ท่านมาเตือนที่ไปนั่งทับรูปภาพของท่านนั่นเอง และรู้สึกเหมือนกับว่าท่านเรียกให้ไปพบ ขณะนั้นผู้เขียนนึกดีใจว่า พระอาจารย์ที่มีสมาธิจิตสูงเก่งของจริงยังมีเหลืออยู่ เมื่อถึงวันหยุดผู้เขียนจึงขับรถไปจ.ลพบุรีเพื่อไปกราบนมัสการหลวงปู่เรือง พอไปถึงเชิงเขาสามยอดหลังโรงพยาบาลอานันทมหิดล ก็พบว่ามีถุงทรายและกองทราย พร้อมทั้งมีท่อนไม้ไผ่วางไว้หลายอัน ตอนนั้นเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า แต่อากาศร้อนไม่ใช่เล่น กองทรายและถุงทรายที่มีอยู่นั้น หมายความว่าให้ช่วยกันขนทรายขึ้นไปบนบนเขาเพื่อใช้ในการถมพื้นและก่อสร้างนั่นเอง กองไม้ไผ่ก็คือให้เอาไว้ช่วยค้ำเวลาเดินขึ้นเขา ผู้เขียนเคยเดินป่าฝ่าดงมาก่อน จึงพอรู้ว่าการแบกของขึ้นเขานั้นมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงขนทรายขึ้นไปแค่ครึ่งถุง ระหว่างทางที่ขึ้นเขาก็เห็นมีกองทรายเทไว้เป็นระยะๆ บางที่เจอถุงทรายวางทิ้งไว้ทั้งถุง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคนที่แบกถุงทรายขึ้นเขาไม่ประมาณกำลังตัวเอง พอแบกถุงทรายขึ้นเขาไปแล้วจึงไปไม่ไหว ต้องถิ้งถุงทรายเอาไว้ซะงั้น ทางขึ้นเขาไปหาหลวงปู่เรืองนั้นต้องนับว่าทุลักทุเลไม่น้อย มีช่วงที่เป็นทางชันมาก แถมยังไม่มีร่มเงาให้นั่งพักบังแดดเลย เพราะภูเขานี้เป็นภูเขาหินเป็นส่วนใหญ่หาดินทำยายาก ต้นไม้ก็อาศัยนั่งพิงหลังไม่ได้ เพราะดันเป็นต้นงิ้วทั้งนั้นหนามแหลมเปี๊ยบ แดดก็ร้อนมาก แล้วยังบังเอิญว่าทิศทางที่จะขึ้นเขาลูกแรกไปนั้น ยังเป็นด้านบังลมเอาเสียอีก จึงร้อนแดดจัดแบบไม่มีลมช่วยระบายความร้อนเลย หลวงปู่เรืองอยู่บนยอดเขายอดที่สอง จึงต้องขึ้นไปที่ยอดเขาลูกแรกก่อน ช่วงใกล้ถึงยอดเขานั้นจะชันเอามากๆ ทหารต้องมาปรับพื้นที่ทำทางเดินและบันใดไว้บางช่วง พอขึ้นมาถึงยอดเขาลูกแรกแล้ว จะเป็นทางเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาเพื่อไปยอดเขายอดที่สอง ช่วงนี้ค่อยยังชั่วเพราะเส้นทางเริ่มมีต้นไม้ พอเดินไปเรื่อยๆจะเข้าสู่ดงต้นไผ่ จะมีลิงมาเฝ้ามองดูจนกระทั่งเข้ามาแย่งของกิน นอกจากนี้ยังมีงูเพราะเป็นป่าไผ่รกๆ ทางเดินจะเดินไปได้สบายๆทางขึ้นๆลงๆสลับกันไป เส้นทางนี้จะไปถึงยอดเขายอดที่สองที่หลวงปู่เรืองท่านพำนักอยู่ ในระหว่างทางที่ขึ้นเขาไปนั้น จะมีคนเดินลงเขาสวนทางมาเป็นพักๆ ดูยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อสอบถามดูก็ได้ความว่ามากราบนมัสการหลวงปู่เรือง ที่น่าแปลกก็คือแทบทั้งหมดไม่ได้เป็นคนเล่นพระเครื่องราง จะเป็นชาวบ้านคนทำมาหากินทั่วไป และที่ขึ้นเขามาหาหลวงปู่เรืองก็เพราะฝันถึงหลวงปู่เรือง แล้วมาเห็นรูปท่านในหนังสือ จึงถามทางมาหาหลวงปู่เรืองจนพบได้ในที่สุด ผู้เขียนแบกถุงทรายขึ้นไปถึงบนยอดเขายอดที่สอง ก็พบหลวงปู่เรืองท่านนั่งอยู่ มีพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งนั่งยิ้มมองมาที่ผู้เขียน ท่านชื่อพระมหาเสรีเป็นศิษย์หลวงปู่เรือง พระมหาเสรีศิษย์หลวงปู่เรืองบอกว่า หลวงปู่เรืองเพิ่งมานั่งเหมือนนั่งรอก่อนที่ผู้เขียนจะมาถึงราวๆสิบนาที ท่านสั่งให้เตรียมน้ำดื่มเอาไว้ด้วย เมื่อได้กราบนมัสการหลวงปู่เรืองแล้ว จึงนั่งสนทนาสัพเพเหระ และเล่าให้หลวงปู่ฟังว่าฝันเห็นหลวงปู่เรืองเลยมากราบนมัสการ ผู้เขียนไม่ได้เล่าว่านั่งทับรูปของท่าน หลวงปู่เรืองท่านพูดทันทีว่า “มึงมามัวนั่งทับรูปกูอยู่ได้ตั้งหลายวัน ไม่รีบมาหากูเร็วๆ” นี่ผู้เขียนเจออภินิหารหลวงปู่เรืองตั้งแต่แรกที่พบท่านกันเลย หลังจากวันนั้นผู้เขียนได้ไปกราบหลวงปู่เรืองเดือนละสองครั้งคืออาทิตย์เว้นอาทิตย์ ได้คุยกับคนที่ขึ้นเขามากราบหลวงปู่เรืองหลายๆท่าน จึงได้รับฟังประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ใจของหลวงปู่เรืองจากเจ้าของเรื่องโดยตรง ไม่ใช่ได้ฟังชนิดแบบเขาว่าคนโน้นเล่าว่าคนนี้เล่าว่า ซึ่งเขาเป็นใครคนไหนก็ไม่รู้ ประสบการณ์ที่ได้ยินมาจากเจ้าของเรื่องเองมีทั้งรถพลิกคว่ำแต่คนไม่เป็นอะไร โดนแทงไม่เข้า โดนยิงไม่เข้ายิงไม่ถูกยิงไม่ออก ค้าขายดี หน้าที่การงานดีเจริญรุ่งเรือง ผู้เขียนได้ยินมากับตัวหลายเรื่อง ผู้เป็นเจ้าของเรื่องเป็นประชาชนทั่วๆไป ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๓๘ - ๒๕๔๐ วัตถุมงคลหลวงปู่เรืองได้รับความนิยมทุกรุ่น ชื่อเสียงของหลวงปู่เรืองโด่งดังไปทั่วประเทศ ผู้ที่เคราพนับถือหลวงปู่เรืองยังมีชาวมาเลเซีย สิงคโปร์อีกไม่น้อย เมื่อหลวงปู่เรืองดังแล้วก็เป็นธรรมดาที่ใครๆก็อยากสร้างวัตถุมงคลของท่าน ทางเขาสามยอดต้องมีประกาศออกมาว่าจะสร้างเป็นรุ่นสุดท้ายและจะไม่มีการให้สร้างอีก จึงเรียกวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่ารุ่นทิ้งทวน แต่แล้วการประกาศเช่นนี้ก็ไม่เกิดผล เพราะยังมีคนสร้างวัตถุมงคลมาขอให้หลวงปู่เรืองปลุกเสกอยู่นั่นเอง ทางเขาสามยอดจึงต้องเปลี่ยนเป็นสร้างวัตถุมงคลปีละครั้ง ผู้เขียนเคยกราบเรียนสอบถามหลวงปู่เรืองเรื่องการเลิกสร้างวัตถุมงคล ท่านว่าท่านไม่ต้องใช้เงินเพราะอยู่บนเขา และบนเขาก็ไม่มีพื้นที่จะสร้างอะไรแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะสร้างวัตถุมงคลอะไรอีก ต่อมาหลวงปู่เรืองให้ผู้เขียนเป็นธุระเขียนอะไรบางอย่างทำเป็นสมุดข่อยให้ท่าน ท่านว่าไม่มีแบบให้เขาดู ผู้เขียนจึงจัดทำตามที่ท่านสั่ง ท่านยังว่า ถ้ากูลงเขาไปแล้ว มึงต้องเป็นธุระให้กูอีก ตอนนั้นผู้เขียนยังนึกว่าท่านพูดสัพยอกเล่นเลยไม่ได้คิดอะไรไม่รู้ความหมายของท่าน วันหนึ่งผู้เขียนกับเพื่อนรุ่นน้องไปกราบหลวงปู่เรือง อยู่ๆหลวงปู่เรืองก็พูดขึ้นว่า “มึงมาก็ดีแล้ว มึงมาเรียนคณิตศาสตร์กับกู” แล้วหลวงปู่ให้ปิดประตูเพื่อไม่ให้คนอื่นมายุ่ง คณิตศาสตร์ที่หลวงปู่เรืองว่าก็คือคิดเลขหวยนั่นเอง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าท่านสนับสนุนเรื่องหวย หลวงปู่เรืองท่านสงสารคนที่เดือดร้อนจนต้องมาขอหวยจากท่าน ท่านอธิบายให้ผู้เขียนฟังว่า ตอนท่านยังอยู่ถ้าเดือดร้อนจริงๆมาขอเลขจากท่าน ท่านก็พอสงเคราะห์ได้ แต่ถ้าท่านล่วงลับไปแล้วจะไปพึ่งใคร ท่านจึงคิดวางแบบคำนวณเลขออกมา ท่านว่าไม่มีญาณก็ใช้เลขที่ท่านคิดนี้หาหวยเอา ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือหลวงปู่เรืองคิดสูตรเลขหวยให้คนรุ่นหลังเอาไว้ใช้นั่นเอง หลวงปู่เรืองปิดประตูกุฏิสอนคณิตศาสตร์ให้ผู้เขียน เพื่อนรุ่นน้อง(ปัจจุบันบวชนานเกือบ๒๐ปีแล้ว)ที่ไปด้วยจึงพลอยได้เรียนด้วย ติดตามต่อได้จาก http://m-legens.blogspot.com/2016/07/blog-post_27.html |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments