สมเด็จเทียนชัย หลวงพ่อสมจิตร์ วัดสว่างอารมณ์ -จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525

สมเด็จเทียนชัย หลวงพ่อสมจิตร์ วัดสว่างอารมณ์

สมเด็จเทียนชัย หลวงพ่อสมจิตร์ วัดสว่างอารมณ์  - 1สมเด็จเทียนชัย หลวงพ่อสมจิตร์ วัดสว่างอารมณ์  - 2สมเด็จเทียนชัย หลวงพ่อสมจิตร์ วัดสว่างอารมณ์  - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง สมเด็จเทียนชัย หลวงพ่อสมจิตร์ วัดสว่างอารมณ์
อายุพระเครื่อง 68 ปี
หมวดพระ พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ จ. - 04 มี.ค. 2562 - 21:06.39
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 17 ม.ค. 2566 - 19:09.19
รายละเอียด
สมเด็จเทียนชัย หลวงพ่อสมจิตร์ วัดสว่างอารมณ์


.....ของดี ที่จะกลาย เป็นตำนาน.....


.....ตำนาน แห่ง ผงมหาเสน่ห์ อีกหนึ่งสำนัก....


เนื่องด้วยมีอยู่ครั้งหนึ่งมีศิษย์ของท่านอุตตรินำพระของท่านไปขูดผสมน้ำให้หญิงสาวคนหนึ่งดื่มเข้าไป แล้วเกิดความลุ่มหลงและรักเจ้าหนุ่มคนนั้นอย่างจริงจัง เซียนพระรุ่นเก่าให้ฉายาว่า “ขูดหลังรับเลี้ยง” ทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปขอพระจากท่าน ซึ่งท่านก็แจกจนหมด คนอยากได้ก็ขอเช่าจากคนที่ได้รับไปแล้ว แต่ทุกคนต่างหวงแหนจึงทำให้พระชุดนี้ดูเหมือนจะสาบสูญไปจากการหมุนเวียนในสนามพระมานานแล้ว


ขอบพระคุณข้อมูลจาก

นสพ.ข่าวสด



คอลัมน์ มุมพระเก่า
อภิญญา
....
....
วัตถุมงคล-สมเด็จเทียนชัย พระเกจิดัง'หลวงพ่อสมจิตร'


พระครูปลัดสมจิตร เปมิโย อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่คนนอกพื้นที่รู้จักน้อย เพราะท่านเป็นพระสันโดษ พูดน้อย สไตล์พระปฏิบัติ จึงไม่ค่อยมีการเผยแพร่เกียรติคุณของท่านให้เป็นที่รู้จักกัน

ตามประวัติกล่าวว่า ท่านชอบธุดงค์ รุกขมูลไปเรื่อยๆ และชอบศึกษาพุทธาคมจากครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ เรียกได้ว่า "เป็นคนแก่เรียน" แต่เนื่องจากประวัติความเป็นมาของท่านไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ตั้งแต่ครั้งก่อน จึงไม่อาจทราบว่าท่านได้มอบตัวเป็นศิษย์ของครูบาอาจารย์รูปใดบ้าง

จนครั้งหนึ่งท่านจาริกไปพื้นที่ว่างเปล่าที่ต.คลองด่าน และได้นิมิตเห็นหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย มาบอกให้ท่านสร้างวัด ณ ที่แห่งนี้ เพราะครั้งหนึ่งสมัยที่หลวงพ่อปานจาริกผ่านมาทางนี้ ท่านทราบด้วยญาณว่า ณ ที่แห่งนี้ต่อไปจะต้องเป็นธรณีสงฆ์ จึงได้อธิษฐานไว้เพื่อรอให้ผู้ที่เหมาะสมมา สร้างวัดเพื่อจะได้เป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาในภายภาคหน้าและจะประสบความสำเร็จในกาลต่อมา หลังจากหลวงพ่อสมจิตรทราบถึงนิมิตดังกล่าวจึงได้เริ่มสร้างวัด ณ ที่แห่งนั้นโดยให้ชื่อว่า "วัดสว่างอารมณ์" ตั้งแต่นั้นมา

ท่านถือกำเนิดในตระกูลแย้มขวัญยืน เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2462 เป็นบุตรของนายแต้ม และนางบรรจง มีพี่น้อง 2 คน ท่านเป็นพี่ชายคนโต ส่วนน้องชายชื่อนายบุญเจือ มีภูมิลำเนาเดิมอยู่บริเวณถนนตก เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เมื่ออายุ 12 ปี ได้ออกจากบ้านหายไปหลายปีจนทุกคนในครอบครัว เข้าใจว่า "เสียชีวิตไปแล้ว" จนกระทั่งวันหนึ่งในปี พ.ศ.2497 มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน และถามหาโยมแต้มกับโยมบรรจง พร้อมกับได้แนะนำตัวเองว่า อาตมาคือเด็กชายสมจิตร ลูกชายคนโตที่หายจากบ้านไปเมื่อประมาณ 24 ปีก่อน

ทุกคนต่างตกตะลึงและประหลาดใจมากจึงพยายามจ้องมองและพิจารณาดูอยู่นานจึง จำได้เพราะใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาก และต่างพากันร้องไห้ด้วยความดีใจที่ยังได้มีโอกาสมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โยมแม่บรรจงซึ่งในขณะนั้นดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิทไม่สามารถมองอะไรเห็นได้ตั้งแต่ท่านหายไปจากบ้าน ถึงกับร้องไห้โฮเป็นการใหญ่ พร้อมกับเอื้อมมือสองข้างมาจับต้องใบหน้าของท่านอาจารย์สมจิตรซึ่งเป็นพระลูกชายในขณะนั้น

นอกจากนี้ ท่านอาจารย์สมจิตรก็ยังต้องสูญเสียบิดาในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน จึงทำให้ท่านอาจารย์สมจิตรรู้สึกเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง และได้ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ในวันนั้นโดยกล่าวต่อหน้ามารดาและญาติพี่น้องว่า "ท่านจะขอถือบวชไปตลอดชีวิตและจะขอตายในผืนผ้าเหลืองเท่านั้น" หลังจากวันนั้นท่านก็มุ่งปฏิบัติธรรมและออกธุดงค์อย่างเคร่งครัด เพื่ออุทิศผลบุญกุศลให้กับบิดา-มารดา ตลอดจนญาติพี่น้องเพื่อเป็นการไถ่ถอนความผิดที่ทำให้ทุกคนต้องเสียใจและเป็นห่วงมานานหลายปี

ท่านถือธุดงค์เดี่ยวไปในที่ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา โดยจะปักกลดอยู่ห่างจากหมู่บ้านหรือชุมชนพอสมควร ชาวบ้านที่รู้ข่าวว่ามีพระมาปักกลดก็จะพากันมาทำบุญตักบาตร โดยนำอาหารและเครื่องใช้ต่างๆ มาถวาย บ่อย ครั้งที่ชาวบ้านจะนำปัญหาหรือข้อขัดข้องใจมาขอความเมตตาให้ช่วยเหลือ ท่านก็จะสั่งสอนและชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ไปตามวิถีแห่งธรรมะ ตามหลักของพระพุทธศาสนา หรือบางครั้งก็ให้คำทำนายทายทักตามดวงชะตาและโชควาสนาของแต่ละท่านไป ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก เพราะคำทำนายของท่านมักจะแม่นยำมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำทายทักที่เป็นข้อห้ามของท่าน หากโยมหรือลูกศิษย์ที่ท่านได้ทายทักห้ามไว้ แล้วไม่เชื่อยังฝืนกระทำก็จะได้รับความเสียหายและสูญเสียเกือบทุกรายไป

จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านและลูกศิษย์มีความเชื่อถือศรัทธามาก จนเรียกท่านว่า "อาจารย์สมจิตร" และคอยติดตามท่านอยู่เสมอว่าท่านจะมาปักกลดอีกครั้งเมื่อใด เนื่องจากท่านเป็นพระธุดงค์เดี่ยวตลอดเวลา จึงไม่ค่อยอยู่กับที่นานนัก ทำให้ไม่ค่อยมีใครทราบหรือรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของท่านมากนัก บ่อยครั้งที่มีญาติโยมบางคนที่มาทำบุญซักถามเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ท่านก็มักจะยิ้มแล้วพูดสั้นๆ ว่า "ขอให้มองไปข้างหน้า.." ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่มีใครเลยจะทราบว่า ท่านหมายถึงอะไร


วัตถุมงคล-สมเด็จเทียนชัย พระเกจิดัง'หลวงพ่อสมจิตร'(จบ)

มุมพระเก่า
อภิญญา


พระครูปลัดสมจิตร เปมิโย หรือ หลวงพ่อสมจิตร อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่าง อารมณ์ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้มาธุดงค์ที่คลองด่านแห่งนี้

ชาวบ้านเห็นปฏิปทาอันน่าเลื่อมใส จึงกราบอาราธนาให้ไปพักในวัดสว่างอารมณ์ ที่ปากอ่าวบ้านล่าง ซึ่งขณะนั้นวัดสว่างอารมณ์ว่างเจ้าอาวาสลงพอดี และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสอันดับรูปที่ 5 ในเวลาต่อมา หลวงพ่อสมจิตรจึงรับภาระธุระเจ้าอาวาส เห็นว่าพระอุโบสถเดิมที่หลวงพ่อปานสร้างไว้ทรุดโทรมลงมาก จนไม่อาจจะซ่อมแซมในบริเวณที่เดิมได้ จึงได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้นในบริเวณที่ตั้งในปัจจุบัน

ต่อมาท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรม เป็นพระครูปลัด เป็นครูบาอาจารย์ที่มีลูกศิษย์และชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและศรัทธาเป็นจำนวนมาก ทั้งใกล้และไกลในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น มักจะมีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น และทำให้บรรดาลูกศิษย์หรือผู้ที่มาพบท่านอาจารย์รู้สึกประหลาดใจต่อเหตุการณ์และคำทำนายทายทักของท่านอาจารย์เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการทำนายทายทักที่มีความแม่นยำมาก

หลวงพ่อสมจิตรมรณภาพ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2520 สิริอายุ 59 ปี พรรษา 23 หลังจากนั้นได้จัดงานพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2542

ทั้งนี้ มีเรื่องที่น่าประหลาดใจคือ หลังจากท่านมรณภาพไปไม่นาน ลูกศิษย์และพระในวัดก็ได้ค้นพบสมุดประจำตัวของท่านซึ่งบันทึก ไว้ในวันที่ 19 กันยายน 2520 ท่านได้ตรวจดูดวงชะตาของท่านเองและบันทึกไว้ว่า "วันนี้ดวงของเราตกเคราะห์หนักมาก ต้องหาจุดเริ่มต้นสว่างใหม่" ซึ่งในวันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายของท่านเช่นกัน เพราะตามปกติท่านจะออกจากวัดเพื่อไปฉันเพลตามที่ลูกศิษย์นิมนต์มา แต่ท่านก็ปฏิเสธโดยให้พระรูปอื่นไปแทน

หลังจากท่านได้ฉันเพลจากที่ลูกศิษย์และชาวบ้านนำมาถวายที่กุฏิก็ขอตัวไปด้านหลังกุฏิ ปล่อยให้ลูกศิษย์และญาติโยมที่มาหานั่งรับประทานอาหารและพูดคุยกันอยู่ในกุฏิ จนเวลาล่วงเลยไปนาน ลูกศิษย์เห็นผิดสังเกตจึงออกไปดู พบว่าร่างของท่านนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นเพราะเป็นลม โดยศีรษะบริเวณเหนือใบหูด้านขวาฟาดกับขอบกระถางต้นไม้ เมื่อคุณหมอมาดูอาการและแจ้งว่าท่านอาจารย์ถึงแก่มรณภาพ เมื่อข่าวนี้ได้ทราบถึงพระเณรญาติโยม ถึงการจากไปของท่านต่างตกตะลึงและเศร้าโศกกับการมรณภาพของท่านเป็นอย่างมาก

ในการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น แรกๆ ท่านไม่นิยม แต่เนื่องด้วยจำเป็นจะต้องหาสิ่งตอบแทนน้ำใจของญาติโยมที่เสียสละปัจจัยมาช่วยสร้างวัดกับท่าน แท้จริงแล้วท่านมีความสามารถในการเขียนลบผงพุทธคุณได้เยี่ยมยอดไม่แพ้ครูบาอาจารย์รูปใด แต่ไม่เคยพูดหรือเล่าให้ใครฟัง

ดังนั้นท่านจึงดำริสร้างพระผงพุทธคุณขึ้นมาชุดหนึ่งในปี 2499 มีอยู่หลายพิมพ์ อาทิ สมเด็จเทียนชัย เป็นพิมพ์ที่นิยมสุดสร้างเป็นรูปสมเด็จโต บริกรรมบาตรน้ำมนต์

ตามภาพที่ท่านนิมิตเห็นนอก จากนั้นยังสร้างพิมพ์พระสังกัจ จายน์ พระปิดตา เป็นต้น รวมๆ แล้วหลายสิบพิมพ์โดยท่านเป็นผู้เขียนและลบผงวิเศษ นอกจากนั้นยังได้นำพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหักมาบดละเอียดและผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ตลอดจนปลุกเสกเดี่ยวในอุโบสถจนมั่นใจจึงนำมามอบให้ญาติโยมไว้บูชากัน อีกส่วนหนึ่งได้บรรจุไว้ที่ฐานชุกชีใต้องค์พระประธานของวัด

ปรากฏว่าพระเครื่องของท่านนั้นมีประสบการณ์เรื่องเมตตา มหานิยม และค้าขายโด่งดังมาก จนกระทั่งคนพื้นที่แถบนั้นต้องดั้นด้นไปหาเพื่อขอพระมาบูชากัน แต่เนื่องด้วยมีอยู่ครั้งหนึ่งศิษย์ของท่านอุตรินำพระของท่านไปขูดผสมน้ำให้หญิงสาวคนหนึ่งดื่มเข้าไป แล้วเกิดความลุ่มหลงและรักเจ้าหนุ่มคนนั้นอย่างจริงจังยิ่งทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปขอพระจากท่าน ซึ่งท่านก็แจกจนหมดคนอยากได้ก็ขอเช่าจากคนที่ได้รับไปแล้ว แต่ทุกคนต่างหวงแหนจึงทำให้พระชุดนี้ดูเหมือนจะสาบสูญไปจากการหมุนเวียนในสนามพระมานานแล้ว

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top