-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด เครื่องรางของขลัง
ประคำ หลวงพ่อ อุตตมะ กันไฟ หันฟ้า ศักดิ์สิทธิ์ ปี 37 เส้นที่ 1




ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | ประคำ หลวงพ่อ อุตตมะ กันไฟ หันฟ้า ศักดิ์สิทธิ์ ปี 37 เส้นที่ 1 |
อายุพระเครื่อง | 31 ปี |
หมวดพระ | เครื่องรางของขลัง |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ศ. - 22 พ.ย. 2562 - 20:51.01 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พฤ. - 28 พ.ย. 2562 - 20:07.50 |
รายละเอียด | |
---|---|
เดิม ๆ เก่าเก็บ ตั้งแต่ ปี 37 ไม่ต้องกังวลใจ..ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่ ของท่านครับ ((วันนี้ ถ่ายภาพจาก กล้องมือถือ ครับ)) ....หลวงพ่อ อุตตมะ ... เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๔ หลวงพ่ออุตตมะได้สั่งช่างที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า แกะสลักพระพุทธรูปหินอ่อนองค์หนึ่ง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๕ ศอก ซึ่งจะหนักถึง ๕ ตัน ลักษณะเหมือนพระพุทธชินราชที่จังหวัดพิษณุโลก โดยส่งรูปพระพุทธชินราชไปให้ดูเป็นตัวอย่าง ที่ต้องใช้ช่างเมืองมัณฑะเลย์ ก็เพราะที่เมืองนี้มีภูเขาหินอ่อนสีขาว คุณภาพดี โดยตกลงราคากันเป็นทอง เพราะไม่สะดวกจะเทียบอัตราระหว่างเงินไทยกับพม่า ซึ่งขณะนั้นทองมีราคาบาทละ ๔๕๐ บาท แบ่งจ่ายเป็น ๓ งวด โดยงวดแรกจ่ายเมื่อเริ่มสร้างจ่ายทองหนัก ๑๐ บาท งวดที่ ๒ จ่ายเมื่อลงมิอไปแล้ว ๑ ปี อีก ๕ บาท จนเมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงจ่ายให้อีก ๑๐ บาท พระพุทธรูปที่สั่งทำเสร็จในเดือนเมษายน ๒๕๑๕ แต่ถูกรัฐบาลพม่าสั่งห้ามเคลื่อนย้ายและตรวจสอบหาเจ้าของ หลวงพ่ออุตตมะจึงติดต่อพระในพม่าซึ่งเป็นลูกศิษย์ให้ช่วย เพราะหลายองค์ก็เป็นพระผู้ใหญ่เป็นที่เกรงใจของรัฐบาล ลูกศิษย์ของท่านไปติดต่อทั้งกรมการศาสนาและแม่ทัพ บอกแต่ว่าจะส่งไปให้หลวงพ่ออุตตมะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะส่งไปเมืองไทย แม่ทัพจึงบอกให้หลวงพ่ออุตตมะทำหนังสือแจ้งมาว่าวัดอยู่ที่ไหน เรื่องนี้ได้ขึ้นไปถึง อูนุ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯอูนุเป็นผู้เคร่งในพุทธศาสนาและรู้จักหลวงพ่อดี อีกทั้งมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลไทย จึงอนุญาตให้ส่งพระพุทธรูปมาให้หลวงพ่อที่เมืองไทยได้ เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่และหนักมาก การขนส่งทางเส้นทางปกติคงจะมีปัญหามาก หลวงพ่อจึงเห็นว่าน่าจะใช้เส้นทางป่า โดยใช้ถนนจากเมืองมัณฑะเลย์มาเมืองมะละแหม่ง แล้วตัดตรงมาด่านเจดีย์สามองค์ แต่เส้นทางนี้ยังไม่มีถนน ทั้งยังอยู่ในย่านที่มีกองกำลังติดอาวุธของขบวนการกู้ชาติมอญและกะเหรี่ยง พระพุทธรูปจึงติดอยู้ที่เมืองมะละแหม่งจนถึง พ.ศ.๒๕๑๗ พอออกพรรษาหมดฝนแล้ว หลวงพ่อจึงปรึกษามอญกู้ชาติ ให้ช่วยกรุยทางพอรถสิบล้อหรือรถลากไม้ไปได้ เพื่อขนส่งพระพุทธรูปมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ มอญกู้ชาติปฏิเสธว่าไม่สามารถทำได้ เพราะต้องผ่านเขตอิทธิพลของกองกำลังกู้ชาติกะเหรี่ยง หลวงพ่อจึงเรียก ซวยชัย รองหัวหน้ากะเหรี่ยงกู้ชาติที่เป็นรองนายพลโบเมี๊ยะมาพบ รองหัวหน้ากะเหรี่ยงก็ว่า เส้นทางนี้ต้องผ่านหมู่บ้านกะเหรี่ยงถึง ๙ แห่ง ซึ่งล้วนเป็นหมู่บ้านเก่า มีต้นไม้ใหญ่ตัดไม่ได้อยู่มาก ที่สำคัญยังมีหมู่บ้านกะเหรี่ยงคริสต์อีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละพวกเพราะไม่ได้นับถือพุทธ คือหมู่บ้านกอสุเล หลวงพ่อจึงเชิญหัวหน้าหมู่บ้านกอสุเลมาขอความช่วยเหลือเรื่องทำถนน หัวหน้ากะเหรี่ยงคริสต์บอกว่าถ้าเป็นถนนของหลวงพ่อไม่มีปัญหา เขายินดีถวายชีวิตทำให้ ขอแต่ให้รอน้ำในแม่น้ำลดก่อน หลังจากนั้นไม่นาน พอน้ำลดหัวหน้าหมู่บ้านกะเฟรี่ยงคริสต์ก็เรียกประชุมลูกบ้านราว ๕๐๐ คน สั่งให้ทำถนนโดยแบ่งความรับผิดชอบเป็นเขตๆไป มีหัวหน้าดูแลแต่ละเขต ถนนผ่านไปที่ใดก็ให้ตัดต้นไม้ได้ เพราะถือว่าเป็นถนนพระพุทธ ภายในเดือนเดียวก็ตัดถนนจากถ้ำพระที่มะละแหม่งมาถึงด่านเจดีย์สามองค์ ชาวบ้านก็เข้าช่วยขุดตอไม้จนราบเรียบด้วยความศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะ ทำเอาชาวมะละแหม่งทึ่งไปตามกัน และเมื่อไปถามชาวกอสุเลว่าเขานับถือคริสต์ เหตุใดจึงไหว้หลวงพ่ออุตตมะ ชาวกอสุเลก็บอกว่าเขาไหว้ผู้มีพระคุณ เมื่อถนนเสร็จหลวงพ่อก็ยกพลไปอัญเชิญพระพุทธรูปมาวัดวังก์วิเวการาม มีทั้งมอญและกะเหรี่ยงร่วมขบวนไปมาก มีผู้ศรัทธานำรถสิบล้อมาช่วยขนบุกป่าด้วยศรัทธา ๒ คัน หลวงพ่อขอให้ซวยชัยช่วยดูแลขบวนอัญเชิญพระพุทธรูปไปจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ให้ด้วย กองกำลังกระเหรี่ยงพุทธก็มาอารักขา ชาวกอสุเลก็สมทบไปด้วย เดินทางกันทั้งวันทั้งคืนไม่พัก จนมาถึงด่านเจดีย์สามองค์เช้าพอดี พระพุทธรูปหินอ่อนที่หลวงพ่ออุตตมะสั่งทำ โดยมีจุดประสงค์จะนำมาเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดวังก์วิเวการามนั้น ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในโบสถ์ตามตั้งใจไว้ เพราะขณะนั้นในโบสถ์มีพระประธานที่เจ้าคุณพระธรรมโกศาจารย์อัญเชิญมาให้แล้ว จึงไปสร้างวิหารให้ประดิษฐาน ซึ่งพระพุทธรูปหินอ่อนองค์นี้ ก็คือพระพุทธรูปที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อขาว” พระประธานในวิหารวัดวังก์วิเวการามในปัจจุบัน |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments