พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525

พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย

พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ  วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย - 1พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ  วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย - 2พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ  วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย - 3พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ  วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย
อายุพระเครื่อง 10 ปี
หมวดพระ พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 02 ธ.ค. 2564 - 21:31.50
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 02 ส.ค. 2565 - 13:27.15
รายละเอียด
พระเจ้า 5 พระองค์ หลวงพ่อขันติ วัดพระเจ้าศรีสัมฤทธิ์ (สิริพัฒนาราม) จ.เชียงราย

ท่านจาร หลัง ด้วย ยันต์ ตรีนิสิงเห ทุกองค์

หายากมากครับ ในกลุ่ม ศิษย์ หวงกันน่าดู..

ผมนึกถึง พระเนื้อดิน หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา


Pichaipat Chummueangyen
16 มีนาคม 2016 ·
.......................................พระเจ้าห้าพระองค์
.............ในอดีตกาลนานแสนนานมาแล้วนับไม่ถ้วน ได้มีโลกและจักรวาลเกิดขึ้นแล้วมากมายหลายครั้งหลายหน หลายอสงไขยกัปกัลป์ และได้มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาบนโลกนับไม่ถ้วน แต่ละกัป บางกัปก็มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น บางกัปก็ว่างเว้นไม่มีผู้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเลย
.............กัปหนึ่งๆในที่นี้นั้น หมายถึงโลกใบหนึ่งๆ คือตั้งแต่โลกก่อตัวขึ้นมา จนสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ และจนถึงเวลาที่โลกได้แตกสลายหมดอายุขัยไป ชื่อว่า ๑ กัป
.............ทั้งนี้ บางกัป ก็มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๑ องค์บ้าง ๒ องค์บ้าง ๓ องค์บ้าง ๔ องค์บ้าง
.............เมื่อพระเวสสภูพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว เมื่อกัปนั้นล่วงเลยผ่านไป พระพุทธเจ้าก็ไม่อุบัติขึ้นถึง ๒๙ กัป
.............แต่ไม่เคยมีครั้งใดจนบัดนี้ ที่จะมีกัป มีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติถึง ๕ พระองค์ กัปนี้ จึงชื่อว่า ภัทรกัป หรือภัทรกัลป์ แปลว่า กัปอันเจริญ
.............ด้วยประการดังกล่าวมานี้ กัปนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงสรรเสริญว่าเป็นภัทรกัป เพราะประดับด้วยการเกิดพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์.
ในภัทรกัปนี้ มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๕ พระองค์ คือ
.............๑. พระกกุสันธพุทธเจ้า
.............๒. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
.............๓. พระกัสสปพุทธเจ้า
.............๔. พระโคดมพุทธเจ้า
.............๕. พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า จักอุบัติในอนาคตกาล.
.
.
.
.
.
.......................................พระกกุสันธพุทธเจ้า
.............ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลายแล้ว บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
.............จุติจากนั้นแล้ว ก็ถือปฏิสนธิในครรภ์ของพราหมณีชื่อว่าวิสาขา ภรรยาของอัคคิทัตพราหมณ์ปุโรหิตผู้สอนอรรถธรรมถวายพระเจ้าเขมังกร กรุงเขมวดี
.............ก็สมัยใด โลกนับถือสกุลกษัตริย์ว่าเป็นสกุลประเสริฐที่สุด พระโพธิสัตว์ จะบังเกิดในสกุลกษัตริย์
.............สมัยใด โลกนับถือบูชาสกุลพราหมณ์ว่าเป็นสกุลประเสริฐที่สุด พระโพธิสัตว์ จะบังเกิดในสกุลพราหมณ์
.............สมัยนั้นชาวโลกนับถือสกุลพราหมณ์ เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์ชื่อว่ากกุสันธะ ผู้มั่นอยู่ในสัจจะจึงอุบัติในสกุลพราหมณ์ที่ไม่อากูล เมื่อครบถ้วนได้ ๑๐ เดือน ก็ประสูติจากครรภ์มารดา ณ อุทยานเขมวดี
.............พระโพธิสัตว์นั้น ครองเรือนอยู่ ๔,๐๐๐ ปี มีปราสาท ๓ หลังชื่อว่ากามะ กามวัณณะและกามสุทธิ มีสตรีบริจาริกาสามหมื่น นางมีนางโรปินีพราหมณีภริยาเป็นประมุข. มีบุตร ๑ คน ชื่อ อุตตระ
.............พระโพธิสัตว์นั้นก็เห็นนิมิต ๔ แล้วออกมหาภิเนษกรมณ์ด้วยรถม้าที่จัดเตรียมไว้แล้วบวช ชายสี่หมื่นคนก็บวชตามพระโพธิสัตว์นั้น.
.............พระโพธิสัตว์นั้นอันบรรพชิตเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว บำเพ็ญเพียร ๘ เดือน ในวันวิสาขปุณณมี บริโภคข้าวมธุปายาสที่ธิดาวชิรินธพราหมณ์ ณ สุจิรินธนิคม ถวาย พักผ่อนกลางวัน ณ ป่าตะเคียน เวลาเย็นรับหญ้า ๘ กำที่คนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อสุภัททะถวาย เข้าไปยังโพธิพฤกษ์ชื่อสิรีสะ คือต้นซึก ซึ่งมีขนาดเท่าต้นแคฝอย มีกลิ่นหอมเมื่อลมโชย ลาดสันถัตหญ้ากว้าง ๓๔ ศอก นั่งขัดสมาธิ บรรลุพระสัมโพธิญาณ ทรงเปล่งพระอุทานว่า อเนกชาติสํสารํ ฯเปฯ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา ดังนี้.
.............ทรงยับยั้งอยู่ ๗ สัปดาห์ ทรงเห็นว่าภิกษุสี่หมื่นที่บวชกับพระองค์เป็นผู้สามารถแทงตลอดสัจจะ วันเดียวเท่านั้น ก็เสด็จเข้าไปยังอิสิปตนะมิคทายวัน ซึ่งมีอยู่แล้วใกล้ๆ มกิลนคร พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางบรรพชิตเหล่านั้น ทรงประกาศพระธรรมจักร.
.............ครั้งนั้น ธรรมาภิสมัยคือการบรรลุธรรมครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์สี่หมื่นโกฏิ หรือ 400,000,000,000 .
.............สมัยนั้นพระพุทธเจ้าของเราเป็นกษัตริย์ มีพระนามว่า เขมะ ได้ถวายทานมิใช่น้อยแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวก ถวายบาตร จีวร ยาหยอดตา ชะเอมเครือ ถวายของดีๆ ทุกอย่าง ตามที่ภิกษุสงฆ์ปรารถนา
.............พระกกุสันธพุทธเจ้า ก็ทรงพยากรณ์ว่าในภัทรกัปนี้ กษัตริย์ผู้นี้จักได้เป็นพระ พุทธเจ้าในโลก
.............เขมะกษัตริย์ได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ออกผนวชในสำนักของพระพุทธเจ้า อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการยิ่งขึ้น นครชื่อว่าเขมวดี ในกาลนั้น
.............พระกุกกุสันธมหาวีรเจ้า ทรงมีพระวิธุรเถระและพระสัญชีวนามเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระ ชื่อว่าพุทธิชะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระสามาเถรีและพระจัมปนามา เถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่าไม้ซึก อัจจุคตอุบาสก และสุมนอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก นันทาอุบาสิกา และสุนันทาอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระมหามุนีมีพระองค์ สูง ๔๐ ศอก พระรัศมีสีเปล่งปลั่งดังทองคำ เปล่งออกไป ๑๐ โยชน์ โดยรอบ พระองค์มีพระชนมายุสี่หมื่นปี เมื่อทรงดำรงอยู่เท่านั้น ทรงช่วยให้สรรพสัตว์ข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย ทรงแจกจ่ายตลาดธรรมให้แก่บุรุษและสตรี โปรดโลกพร้อมทั้งเทวโลกแล้ว เสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก
.............พระกุกกุสันธชินเจ้าผู้ประเสริฐเสด็จนิพพานที่เขมาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์สูงคาวุตหนึ่ง ประดิษฐานอยู่ ณ เขมารามนั้น ฉะนี้แล.
ภิกษุพระโพธิสัตว์ เมื่อมรณภาพแล้ว ก็บังเกิดในเทวโลก
.
.
.
.
.
.......................................พระโกนาคมนพุทธเจ้า
.............ภายหลังต่อมาจากสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้ากกุสันธะ เมื่อพระศาสนาของพระองค์อันตรธานแล้ว เมื่อสัตว์ทั้งหลายเกิดมามีอายุสามหมื่นปี. พระศาสดาพระนามว่าโกนาคมนะ ผู้มีไม้ดีดพิณมาเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้อื่นก็อุบัติขึ้นในโลก.
.............อีกนัยหนึ่ง พระศาสดาพระนามว่าโกณาคมนะ เพราะเป็นที่มาแห่งอาภรณ์ทองเป็นต้น อุบัติขึ้นในโลก. เพราะสมัยที่พระองค์อุบัติขึ้น ได้มีเครื่องประดับทองตกลงมาทั่วไปทุกแห่งหน
.............ในกัปนี้เท่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ากกุสันธะทรงบังเกิดในเวลาที่มนุษย์มีอายุสี่หมื่นปี แต่อายุนั้นกำลังลดลงจนถึงอายุสิบปี แล้วกลับเจริญขึ้นถึงอายุนับไม่ถ้วน (อสงไขย) แต่นั้นก็ลดลงตั้งอยู่ในเวลาที่มนุษย์มีอายุสามหมื่นปี. ครั้งนั้น พึงทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าโกนาคมนะ ทรงอุบัติขึ้นในโลก.
.............แม้พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลาย แล้วบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้วก็ถือปฏิสนธิในครรภ์ของพราหมณีชื่ออุตตรา ผู้ยอดเยี่ยมด้วยคุณมีรูปเป็นต้น ภริยาของยัญญทัตตพราหมณ์ กรุงโสภวดี ถ้วนกำหนดทศมาสก็เคลื่อนออกจากครรภ์ของชนนี ณ สุภวดีอุทยาน.
.............เมื่อพระองค์สมภพ ฝนก็ตกลงมาเป็นทองทั่วชมพูทวีป ด้วยเหตุนั้น เพราะเหตุที่ทรงเป็นที่มาแห่งทอง พระประยูรญาติจึงเฉลิมพระนามว่า กนกาคมนะ. ก็พระนามนั้นของพระองค์แปรเปลี่ยนมาโดยลำดับ เป็นโกนาคมนะ.
.............พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่สามพันปี มีปราสาท ๓ หลังชื่อว่า ดุสิตะ สันดุสิตะและสันตุฏฐะ มีนางบำเรอหนึ่งหมื่นหกพันนางมีนางรุจิคัตตาพราหมณีเป็นประมุข. เมื่อบุตรชื่อสัตถวาหะ ของนางรุจิคัตตาพราหมณีเกิด พระองค์ทรงเห็นนิมิต ๔ ก็ขึ้นคอช้างสำคัญ ออกอภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือช้าง ทรงผนวช บุรุษสามหมื่นก็บวชตาม.
.............พระองค์อันบรรพชิตเหล่านั้นแวดล้อม ก็บำเพ็ญเพียร ๖ เดือน ในวันวิสาขบูรณมี ก็เสวยข้าวมธุปายาสที่อัคคิโสณพราหมณกุมารี ธิดาของอัคคิโสณพราหมณ์ถวาย พักกลางวัน ณ ป่าตะเคียน เวลาเย็นรับหญ้า ๘ กำที่คนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อชฏาตินทุกะถวาย จึงเข้าไปยังโพธิพฤกษ์ชื่อต้นอุทุมพร คือไม้มะเดื่อ ซึ่งมีขนาดที่กล่าวแล้วในต้นปุณฑรีกะ ที่พรั่งพร้อมด้วยความเจริญแห่งผล ทางด้านทักษิณ ทรงลาดสันถัตหญ้ากว้าง ๒๐ ศอก นั่งขัดสมาธิ กำจัดกองกำลังของมาร ทรงได้ทศพลญาณ ทรงเปล่งอุทานว่า อเนกชาติสํสารํ ฯเปฯ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา เป็นต้น
.............สมัยนั้นพระโพธิสัตว์เราเป็นกษัตริย์พระนามว่าบรรพต พร้อมด้วยมิตรและอำมาตย์ มีพลนิกายและพาหนะมากมาย ไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมอันยอดเยี่ยมแล้ว นิมนต์พระสงฆ์พร้อมด้วยพระชินเจ้า ได้ถวายทานตาม
แม้พระมุนีพระองค์นั้น ก็ประทับนั่งท่ามกลางสงฆ์ตรัสพยากรณ์ว่า ในภัทรกัปนี้ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก พระโพธิสัตว์ได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ทำมหาทานครั้งใหญ่แล้ว สละราชสมบัติออกผนวชในพระศาสนา อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการ
.............พระโกนาคมนพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรมจักรที่มฤคทายวัน ทรงมีพระภิยโยสเถระ และพระอุตรเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าโสตถิชะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระสมุททาเถรีและพระอุตราเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่า ไม้มะเดื่อ อุคคอุบาสกและโสมเทวอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก สีวลาอุบาสิกาและสามาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีวรกายสูง ๓๐ ศอก ประดับด้วยพระรัศมีงดงาม พระองค์มีพระชนมายุสามหมื่นปีเท่านั้น ทรงช่วยให้ประชุมชนข้ามพ้นวัฏสงสารภพได้มากมาย ทรงยกธรรมเจดีย์อันประดับด้วยผ้าคือธรรมขึ้นแล้ว ทรงร้อยพวงดอกไม้คือธรรมเสร็จแล้ว เสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก
.............พระโคนาคมนสัมพุทธเจ้า เสด็จนิพพาน ณ ปัพพตาราม พระธาตุของพระองค์แผ่กว้างไปในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
.
.
.
.
.
.......................................พระกัสสปพุทธเจ้า
.............ภายหลังต่อมาจากสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าโกนาคมนะ เมื่อพระศาสนาของพระองค์อันตรธานแล้ว สัตว์ที่มีอายุสามหมื่นปีก็เสื่อมลดลงโดยลำดับจนถึงมีอายุสิบปี แล้วเจริญอีกจนมีอายุนับไม่ถ้วน แล้วก็เสื่อมลดลงอีกโดยลำดับ.
.............เมื่อสัตว์เกิดมามีอายุสองหมื่นปี พระศาสดาพระนามว่ากัสสปะ ผู้ปกครองมนุษย์เป็นอันมาก ก็อุบัติขึ้นในโลก.
.............พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลายแล้วบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้วก็ถือปฏิสนธิในครรภ์ของธนวดี พราหมณี ภรรยาพรหมทัตตะพราหมณ์ กรุงพาราณสี ถ้วนกำหนดสิบเดือนก็คลอดออกจากครรภ์มารดา ณ อิสิปตนมิคทายวัน แต่ญาติทั้งหลายตั้งพระนามของพระองค์โดยโคตรวงศ์ว่า กัสสปกุมาร.
.............พระองค์ครองเรือนอยู่สองพันปี มีปราสาท ๓ หลังชื่อว่าหังสวา ยสวา และสิรินันทะ มีบาทบริจาริกาสี่หมื่นแปดพันนางมีนางสุนันทาพราหมณีภรรยาเป็นประมุข.
.............เมื่อบุตรชื่อวิชิตเสนะเกิดแล้ว ทรงเห็นนิมิต ๔ เกิดความสังเวชสลดใจ ระหว่างที่พระองค์ทรงดำริเท่านั้น ปราสาทก็หมุนเหมือนจักรแห่งแป้นทำภาชนะดิน ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า มีคนหลายร้อยแวดล้อมแล้ว ดุจดวงจันทร์นฤดูสารทที่งามอย่างยิ่งอันหมู่ดาวแวดล้อมแล้ว ลอยไปประหนึ่งประดับท้องนภากาศ ประหนึ่งประกาศบุญญานุภาพ ประหนึ่งดึงดูดดวงตาดวงใจของชน ประหนึ่งทำยอดไม้ทั้งหลายให้งามยิ่ง เอาต้นโพธิพฤกษ์ชื่อนิโครธต้นไทรไว้ตรงกลางแล้วลงตั้งเหนือพื้นดิน.
.............ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ผู้เป็นมหาสัตว์ทรงยืนที่แผ่นดิน ทรงถือเอาผ้าธงชัยแห่งพระอรหัตที่เทวดาถวาย ทรงผนวชแล้ว บริจาริกาของพระองค์ก็ลงจากปราสาท เดินทางไปครึ่งคาวุต พร้อมด้วยบริวารจึงพากันนั่งทำให้เป็นเช่นค่ายพักของกองทัพ. แต่นั้น คนที่มาด้วยก็พากันบวชหมด เว้นนางบริจาริกา.
พระโพธิสัตว์อันชนเหล่านั้นห้อมล้อมแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียร ๗ วัน ในวันวิสาขปุณณมี เสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุนันทาพราหมณีถวายแล้ว ทรงพักกลางวัน ณ ป่าตะเคียน เวลาเย็นทรงรับหญ้า ๘ กำที่คนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อโสมะถวาย จึงเข้าไปยังโพธิพฤกษ์ชื่อต้นนิโครธ ทรงลาดหญ้ากว้างยาว ๑๕ ศอก ประทับนั่งเหนือสันถัตนั้น บรรลุพระอภิสัมโพธิญาณ ทรงเปล่งพระอุทานว่า อเนกชาติสํสารํ ฯลฯ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา ดังนี้เป็นต้น
............

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top