เหรียญแม่ทัพแสง-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ
เหรียญแม่ทัพแสง - 1เหรียญแม่ทัพแสง - 2เหรียญแม่ทัพแสง - 3เหรียญแม่ทัพแสง - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญแม่ทัพแสง
อายุพระเครื่อง 14 ปี
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ปี 2541 ถึง ปัจจุบัน
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อ. - 14 ธ.ค. 2564 - 21:50.53
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 14 ม.ค. 2568 - 17:52.38
รายละเอียด
ปิดท้าย
เหรียญแม่ทัพแสง
เหรียญขลัง...ที่รวมชนวนมากมาย
(เป็นโลหะผสม ไม่มีห่วงเหรียญ )

วัตถุมงคลที่สุดยอด ด้วยชนวนมากที่สุด เจตนาดี ชนวนดี พิธีดี

ลงข้อมูลได้ไม่หมดครับ เยอะมาก ฉบับเต็ม

http://siamkrungkao.blogspot.com/2013/12/blog-post.html


ศาลแม่ทัพแสง” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับ กรมยุทธบริการทหาร มาช้านานแล้ว ตามประวัติกล่าวไว้ว่าท่านเป็นทหารในสมเด็จพระเจ้าตากสินที่ทำการสู้รบ กอบกู้ชาติบ้านเมือง เพื่อลูกหลานไทยทุกคน จนได้เคยเดินทัพมาพักในบริเวณพื้นที่กรมยุทธบริการทหารในสมัยนั้น ข้าพเจ้าในฐานะลูกหลานคนไทย ในฐานะทหารของกองทัพไทย และในฐานะที่เป็นข้าราชการคนหนึ่งในกรมยุทธบริการทหาร จึงมีความตั้งใจที่จะเผยแผ่เกียรติคุณและคุณงามความดีของท่านแม่ทัพแสงให้เป็นที่รู้จักแก่ข้าราชการหน่วยอื่นๆและบุคคลทั่วไป โดยคิดจะสร้างรูปเคารพของท่านมอบให้กับ ข้าราชการ กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและคุ้มครองให้ประสบแต่สิ่งอันเป็นมงคลในชีวิต ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจจัดสร้างเหรียญแม่ทัพแสงขึ้นมาโดยออกแบบเหรียญคร่าวๆ ให้เป็นทรงเสมา มีรูปแม่ทัพแสงถือดาบสองมือด้านหน้า และตราสัญลักษณ์หน่วยด้านหลัง
แต่โครงการนี้ หลังจากที่ได้คิดมาตั้งแต่ต้นปี ๕๓ ดังที่กล่าวมา ก็ยังมิได้มีการดำเนินการต่อเพราะความขลาดและไม่เคยรู้เรื่องการสร้างพระหรือวัตถุมงคลใดๆมาก่อนจึงทำให้ข้าพเจ้ามีความลังเลเป็นอันมาก จนกระทั่งข้าพเจ้าได้ปรึกษากับ ส.อ.นิพัทธ์ จัยทัพ (ผู้เป็นแม่งานทั้งหมดในการสร้างพระครั้งนี้ ) ก็ทำให้ได้เข้าใจขั้นตอนต่างๆและความสำคัญยิ่งของแต่ละขั้นตอนที่ไม่เคยทราบเลย ซึ่งขั้นตอนในการสร้างเหรียญแม่ทัพแสงครั้งนี้แบ่งเป็น ๔ ขั้นตอน คือ
หนึ่ง: การรวบรวมแผ่นชนวนโลหะและมวลสารโลหะศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ,
สอง: การผลิตในโรงหล่อ,
สาม: การอธิษฐานจิตโดยพระเกจิฯต่างๆ และสุดท้าย คือ
สี่: การทำพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ
ขั้นตอนแรก คือ การรวบรวมแผ่นชนวนโลหะและโลหะศักดิ์สิทธิ์ต่างๆซึ่งกินเวลานานถึงเกือบห้าเดือน และนับได้ว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้าที่ไม่น่าจะหาได้อีกแล้วกับคำกล่าวของ นิพัทธ์ฯที่ว่า “สร้างพระแบบนี้ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน” เหตุผลที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะในการสร้างพระแต่ละครั้งนั้น ส่วนมากก็จะรวบรวมชนวนพอเป็นพิธี เมื่อสร้างพระก็จะเททอง ,ทองแดง,นวโลหะ หรือ เนื้อโลหะอื่นๆที่ต้องการผสมเพื่อสร้างซึ่งเป็นโลหะใหม่ทั้งหมดโดยผสมชนวนเพียงเล็กน้อย และอาศัยการเข้าพิธีพุทธาภิเษกเป็นหลัก แต่กับการสร้างเหรียญแม่ทัพแสงครั้งนี้ข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญกับชนวนที่นำมาสร้างมากเป็นพิเศษเพราะต้องการให้เป็นเนื้อชนวนมากผสมโลหะใหม่แต่น้อยหรือเป็นเนื้อชนวนล้วนๆยิ่งดีเพื่อให้มีความศักดิ์สิทธิ์มาแต่ข้างใน จึงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อรวบรวมชนวนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ชนวนที่รวบรวมทั้งหมดเพื่อการสร้างพระในครั้งนี้ มีทั้งมวลสารโลหะเก่า,ชนวนเก่าและเหรียญคณาจารย์เก่าๆเป็นจำนวนค่อนข้างมาก ซึ่งได้จากผู้ร่วมทำบุญและอนุโมทนา มีจำนวนหลายรายการ เช่น ส.อ.นิพัทธ์ฯ มอบ ชนวนที่เหลือจากการสร้างเหรียญหลวงพ่อทวด เปิดโลก วัดสะแก ปี ๕๓ ซึ่งถือเป็นชนวนประเดิมให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจที่จะสร้างพระครั้งนี้ ชนวนที่ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง กล่าวคือ ครั้งนั้นได้รวบรวมเหรียญและตะกรุดคณาจารย์เก่าๆจำนวนมากมาหลอมเป็นชนวน ซึ่งก่อนจะหลอมเป็นแท่งได้ให้เซียนพระ ๓ ท่านมาตรวจสอบยืนยันว่าเป็นเหรียญแท้ทั้งหมด มีผลทำให้ได้ทราบถึงมูลค่าของชนวนนั้น ตีเป็นราคาได้ถึง ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ,พระธรรมธีรราชมหามุนี(เจ้าคุณเที่ยง) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม มอบแท่งชนวนหนัก ๙ กก.,ชนวนหล่อพระ ๙ วัด จากโรงหล่อ บริษัท ช.ประติมากรรม ผู้หล่อองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชอันศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานหน้า อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย แจ้งวัฒนะที่ได้รับความกรุณาจาก พล.ท.สมหมาย เกาฏีระ ปลัดบัญชีทหาร/อดีตเจ้ากรมยุทธบริการทหาร เป็นผู้ติดต่อประสานงานให้, แผ่นชนวนโลหะดวงบูรพมหาราช มหากษัตริย์หลายๆพระองค์ ซึ่ง พันเอก บงการ มาลัย เป็นผู้มอบให้ , ตะปูสังฆวานร วัดธรรมธิดา จ.ลพบุรี จากพันเอก เอกมล สินหนัง รวมทั้งชนวนเก่าจากพระอาจารย์อำนาจ สำนักสงฆ์เขาสามล้าน จ.ชุมพร ซึ่งได้เมตตามอบชนวนเก่าของหลวงปู่สุภา กันตสีโล อริยสงฆ์ ๕ แผ่นดิน และชนวนของพระเกจิอาจารย์สายใต้อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งโลหะศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่มีมากจนกล่าวไม่หมดในที่นี้
นอกจากมวลสารโลหะเก่าที่กล่าวมาข้างต้นแล้วก็ยังมี มวลสารโลหะใหม่ กล่าวคือ แผ่นชนวนเงิน ทอง ทองแดงและตะกั่ว ลงอักขระ,เลขยันต์ อธิษฐานจิต จาก เกจิอาจารย์ทั่วประเทศจำนวน ๗๕๗ องค์ (ประมาณ ๒,๓๐๐ แผ่น) ซึ่งการรวบรวมครั้งนี้สำเร็จลงได้ ก็ด้วยพระเมตตา,ความเมตตาจากหลวงปู่,หลวงพ่อ ต่างๆที่มอบแผ่นชนวนดังกล่าวให้ โดยเฉพาะจากสายจังหวัดอยุธยาทั้ง ๑๖ อำเภอ ที่สามารถรวบรวมได้ครบ ไม่ขาดแม้แต่วัดเดียว , ยังมีแผ่นชนวนที่สำคัญคือชนวนประทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ, สมเด็จพระอาชญาธรรม สังฆราชแห่งนครเชียงตุง, สมเด็จพระราชาคณะต่างๆ ซึ่งข้าพเจ้าระลึกในพระคุณของหลวงปู่ หลวงพ่อทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็น หลวงปู่สมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศฯ ที่จารแผ่นชนวนให้ถึง ๖ แผ่นทั้งๆที่เพิ่งทุเลาจากอาการอาพาธ ,หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ก็เพิ่งหายอาพาธตอนที่จารชนวนให้บนเตียงนอนของท่าน เช่นเดียวกับหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร, หลวงปู่นะ วัดหนองบัว, หลวงปู่ผาด วัดไร่,หลวงปู่เรือง เขาสามยอด และอีกหลายองค์ที่ไม่สามารถจารชนวนได้เนื่องจากสุขภาพ แต่ก็ยังเมตตาอธิษฐานจิตแผ่นชนวนให้ หรือหลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม ที่นอกจากจะจารแผ่นชนวนและแจกเสือรุ่นเสาร์๕ให้ข้าพเจ้าและคณะแล้ว ยังได้ร่วมทำบุญอีก ๑,๐๐๐ บาท คำพูดของหลวงพ่อที่ว่า “ชั้นขอร่วมทำบุญด้วยนะ” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้คราใดก็รู้สึกอิ่มเอิบใจอยู่เสมอ ข้าพเจ้าขอกราบแทบเท้าหลวงปู่ หลวงพ่อทุกองค์ด้วยความเคารพสูงสุด
หลังจากที่รวบรวมชนวนได้มากพอแล้ว คณะผู้สร้างฯก็ได้กำหนดฤกษ์ในการหลอมชนวนต่างๆเหล่านี้ โดยกำหนดฤกษ์ในวันมาฆะบูชาที่ ๑๘ ก.พ.๕๔ ณ.โรงหล่อใน จ.อยุธยา การหลอมชนวนครั้งนี้ นอกจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดแล้วนั้น ในวันหลอมได้ใส่โลหะใหม่ผสมลงไปด้วยอีก ๒ รายการ คือ ส.อ.นิพัทธ์ฯใส่สร้อยคอทองคำ หนัก๒บาท และ โรงหล่อฯขอร่วมทำบุญด้วยทองเหลืองหนัก ๑๐ กก. เมื่อรวมหลอมแล้วได้ชนวน ๑๒แท่ง หนักกว่า ๔๐ กก. จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของ ส.อ.นิพัทธ์ฯดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งการตัดสินใจเรื่องจำนวนในการสร้างครั้งนี้เปลี่ยนแปลงหลายครั้งเพราะต้องคำนวณชนวนให้พอดี จนมาลงตัวที่
1. เหรียญแม่ทัพแสงจำนวน ๒,๐๐๐ เหรียญ
แบ่งป็นพิมพ์หลังกรมยุทธบริการทหาร ๑,๔๐๐ เหรียญและ พิมพ์หลังกองพันทหารสารวัตร ๖๐๐ เหรียญ
2. พระชัยวัฒน์ ๑,๕๐๐ องค์
3. พระกริ่ง ๒,๐๐๐ องค์
(เหรียญใช้ชนวน ๙ส่วนต่อทองแดง ๑ส่วน, พระชัยวัฒน์ใช้ชนวนล้วน ส่วนพระกริ่งใช้ชนวนที่เหลือผสมด้วยทองคำหนัก ๕ บาท,ยอดมณฑปโบราณ,ทองแดงและทองเหลืองเพิ่มเติม)
วัตถุมงคลทั้งหมดดำเนินการแล้วเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.๕๔ ยกเว้นพระกริ่งที่ยังไม่เสร็จ เนื่องจากสั่งแกะเพิ่มเข้าไปภายหลังเมื่อเห็นว่าชนวนยังพอเหลือและหลายท่านให้ความเห็นว่าอยากได้พระที่มีขนาดใหญ่กว่าพระชัยวัฒน์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก
ขั้นตอนต่อไป คือการพุทธาภิเษกหรืออธิษฐานจิตซึ่งตามภาษาชาวบ้านง่ายๆก็คือการปลุกเสกนั่นเอง การพุทธาภิเษกแบบโบราณตามแบบของพระเกจิฯสายอยุธยาได้กำหนดไว้เป็นขั้นตอนสุดท้ายในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ (วันเสาร์แรม ๑๕ ค่ำ) เป็นฤกษ์ที่ได้มาจากวัดสะแก ซึ่งคณะผู้จัดสร้างได้เตรียมการนิมนต์หลวงพ่อต่างๆไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. ล่วงหน้าเกือบ ๔ เดือน ขณะเดียวกันก่อนจะถึงวันนั้น ข้าพเจ้าก็มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้เวลาที่เหลือในช่วงนี้นำวัตถุมงคลที่จัดสร้างเสร็จแล้ว ไปให้หลวงปู่,หลวงพ่อต่างๆอธิษฐานจิตหรือปลุกเสกเดี่ยวให้ และนับเป็นโชคดีที่การประเดิมตระเวณปลุกเสกในครั้งนี้ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และความกรุณาจาก ท่านสุวัฒน์ ลิปตพัลลภ,ท่านระนองรักษ์ สุวรรณฉวีและไวยาวัจกร วัดบ้านไร่ ให้นำเหรียญแม่ทัพแสงเข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษก “พระกริ่งเทพวิทยาคม” ซึ่งเป็นพระกริ่งรุ่นสุดท้ายที่หลวงพ่อคูณตั้งใจสร้างที่สุดเพื่อหารายได้สร้างศาลากลางน้ำไว้เป็นอนุสรณ์ของท่านที่วัดบ้านไร่ พิธีนี้ใช้เวลาถึง๙วัน เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๒๓ เม.ย.๕๔(วันเสาร์๕) ถึงวันอาทิตย์ที่ ๑ พ.ค.๕๔ มีพระเกจิอาจารย์หมุนเวียนมานั่งปรกถึงเกือบ ๔๐ องค์ โดยเฉพาะในวันเสาร์๕ซึ่งเป็นวันแรก หลวงพ่อคูณเป็นประธานจุดเทียนชัยและนั่งอธิษฐานจิตอยู่ในพิธีเกือบครึ่งชั่วโมง นับเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์มากๆพิธีหนึ่งทีเดียว หลังจากที่วัตถุมงคลชุดนี้ได้รับการพุทธาภิเษกประเดิมดังที่กล่าวมาแล้ว ข้าพเจ้าและคณะผู้จัดสร้างก็ได้นำไปให้พระเถรานุเถระต่างๆได้เมตตาอธิฐานจิตให้ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับความเมตตาเป็นอย่างสูงเฉกเช่นเดียวกับตอนที่ไปขอชนวน ทั้งจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่ระดับ “สมเด็จพระราชาคณะ” กล่าวคือ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศฯ หรือ สมเด็จเกี่ยว ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้เมตตาอธิษฐานจิตและประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้ โดยท่านได้กล่าวว่า “ดีใจด้วยนะ ที่ได้สร้าง” “ยินดีทำให้เสมอ” และ “มาได้ตลอดเวลานะ” ซึ่งนับเป็นความกรุณาที่เป็นสิริมงคลต่อข้าพเจ้าและคณะอย่างสูงที่สุด, ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุณโย) วัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้และกล่าวชมว่าเหรียญมีความสวยงาม สร้างเท่าไหร่ก็จะไม่พอ, ท่าน เจ้าประคุณหลวงปู่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศ์ พระสุปฏิปันโน ผู้ปักธง “กรรมฐาน” กลางมหานคร แม้หลวงปู่สมเด็จจะมีอายุถึง ๙๔ ปีแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ยังเมตตาอธิษฐานจิตให้เป็นกรณีพิเศษถึง ๑ คืนและได้ให้ลูกศิษย์ถ่ายภาพขณะอธิษฐานจิตไว้ให้, ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต) วัดบวรนิเวศวรวิหาร ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้เป็นเวลาถึง ๑ คืนเช่นเดียวกัน ทั้งยังกล่าวว่าได้ทำให้เป็นอย่างดี และให้ลูกศิษย์ถ่ายภาพขณะอธิษฐานจิตไว้ให้, ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อัมพโร) วัดราชบพิตรฯ ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้และได้สอบถามถึงการสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ด้วยความสนใจ, ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระ ภัททจารี) วัดสุทัศนเทพวราราม ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ในพระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯพร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ และได้กล่าวให้พรว่า “เอ้า!ขลังแล้ว ศักดิ์สิทธิ์แล้ว” , และ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) วัดเทพศิรินทราวาส ได้เมตตาอธิษฐานจิตพร้อมทั้งเจริญพระคาถาชินบัญชรให้ ซึ่งความเมตตาจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่ระดับรองจาก สมเด็จพระสังฆราชฯ ทั้ง ๗ องค์นี้ถือได้ว่าเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุดต่อวัตถุมงคลแม่ทัพแสงที่จัดสร้างในครั้งนี้ นอกจากนั้นก็ยังมีพระสุปฏิปันโนอื่นๆ อีกหลายรูป ที่ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ ไม่ว่าจะเป็น หลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต อริยสงฆ์แห่งสำนักปฏิบัติธรรมสวนทิพย์ ที่แม้ว่าท่านจะอายุถึง ๙๗ ปีแล้วก็ตาม
ฯลฯ

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top