แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525

แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา

แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา - 1แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา - 2แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา - 3แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา - 4แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง แม่เจ้าอยู่หัว เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา
อายุพระเครื่อง 40 ปี
หมวดพระ พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 27 ม.ค. 2565 - 21:07.56
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 31 พ.ค. 2565 - 13:41.05
รายละเอียด

แม่เจ้าอยู่หัว วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม พ.ศ.2528 พร้อมกล่องเดิม

สวยเดิม ๆ


ตำนานศักดิ์สิทธิ์

แม่เจ้าอยู่หัว วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา เนื้อว่าน พิมพ์สี่เหลี่ยม พ.ศ.2528 พร้อมกล่องเดิม ประวัติเจ้าแม่อยู่หัว บทนำ เจ้าแม่อยู่หัว หมายถึง พระพุทธรูปทองคำที่สร้างแทนตัวบุคคล ที่ชาวบ้านท่าคุระ บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือและเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธ์ซึ่งบรรพบุรุษได้สร้างไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วจึงเป็นมรดกตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้เคารพสักการบูชาสืบต่อกันมา รวมทั้งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่รวมใจเป็นหนึ่งทำให้ลูกหลานเกิดความรัก ความสามัคคีสืบมา เจ้าแม่อยู่หัว ประดิษฐานอยู่ที่วัดทุ่งคุระ หมู่ที่ 9 ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ขนาดหน้าตักกว้าง 2 นิ้ว สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยสุโขทัยตอนปลายหรืออยุธยาตอนต้น ประมาณ พ.ศ. 1900 ด้วยความเชื่อถือและศรัทธาว่าเจ้าแม่อยู่หัวมีความศักดิ์สิทธ์ ประชาชนทั่วไปจึงแสดงความจงรักภักดีความกตัญญูกตเวที ความศรัทธาโดยการสมโภชและสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัวทุกปี ด้วยความสามัคคีที่มีเป้าหมายตรงกัน โดยยึดเอาเจ้าแม่อยู่หัวเป็นศูนย์รวมจิตใจ แม้ว่าลูกหลานได้อพยพกระจัดกระจายย้ายถิ่นไปทำมาหากินทั่วประเทศ บ้างก็ไปรับราชการ บ้างก็ไปทำมาค้าขาย แต่ใน 1 ปี เมื่อถึงวันพุธแรกข้างแรมเดือน 6 ก็จะกลับมาเพื่อร่วม “สมโภชสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัว”เป็นพันธะสัญญาของลูกหลานในท้องถิ่น ชาติกำเนิด เจ้าแม่อยู่หัว หรือพระหน่อเชื่อกันว่าเป็นโอรสเจ้าเมืองใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่ท่านผู้เฒ่าเล่าต่อกันมาว่า เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วมีเมือง ๆ หนึ่ง สมัยสุโขทัยตอนปลายอยุธยาตอนต้นเจริญด้วยศิลปวัฒนธรรมอย่างยิ่งน่าจะเป็นเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน เจ้าเมืองมีโอรสหนึ่งพระองค์ มีพระนามเรียกขานทั่วไปว่าพระหน่อ พระชนมายุประมาณ 9-10 พรรษา ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของพระบิดามารดาและเหล่าอาณาราษฏร เพราะนอกจากพระหน่อเป็นคนฉลาดเฉลียว ยังพูดจาไพเราะอ่อนหวาน ส่วนพระนามที่แท้จริงนั้นไม่สามารถจำได้ เพราะกษัตริย์เป็นสมมุติเทพมีพระนามยาว ๆ หลายพยางค์ พระหน่อสาบสูญ ตามธรรมดาพระหน่อมักจะลงเล่นน้ำสรงน้ำที่ท่าน้ำเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งแม้ว่าพี่เลี้ยงนางสนมต่างดูแล และระมัดระวังเป็นอย่างดี แต่พระหน่อก็หายไปราวกับเกิดปาฏิหาริย์ ถึงจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบร่องรอย บ้างก็ดำน้ำลงค้นหา บ้างก็วิ่งไปหาบนตลิ่งต่างร้องไห้คร่ำครวญเพราะเสียใจที่เจ้าฟ้าอันเป็นที่รักยิ่งหายไป และเกรงกลังพระอาญา ในที่สุดเมื่อหมดปัญญาจึงได้พากันมากราบทูลให้พระเจ้าอยู่หัว และพระราชินีทรงทราบ พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วเป็นที่สุดและพระราชินีถึงกับเป็นลมหมดสติไป พอตั้งสติได้ พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับสั่งให้ทหารมหาดเล็ก เสนาบดีน้อยใหญ่ค้นหาอีกครั้งอย่างละเอียด แม้ได้แต่ร่างไร้วิญญาณก็ทรงพอพระทัยแล้ว ถึงค้นหาอย่างไร ก็ไม่พบอีกนั่นแหละ ถึงพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะทรงเสียพระทัยจนสุดที่จะพรรณนา แต่เชื่อในกฎแห่งกรรมและด้วยทศพิธราชธรรม พระองค์ก็มิได้ลงอาญาแก่ผู้ใด คำทำนายโหร เมื่อกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้พยายามถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่เป็นผลเลยรับสั่งให้โหราธิบดีทำนายตรวจดูดวงชะตาราศีของพระราชโอรส หลังจากโหราธิบดีได้ตรวจดูวัน เดือน ปี ลงเลขบวกลบคูณหารตามราศีอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว จึงกราบทูลว่า ดวงชะตาของพระหน่อยังไม่ถึงชีวิต เพียงแต่ตกอยู่ในพระเคราะห์เล็กน้อยด้วยผลบุญกรรมที่เคยทำไว้แต่ปางก่อนที่เสวยอายุ จึงทำให้ต้องพลัดพรากจากเมืองหลวงไป แต่ก็ไปในทางที่ดีจะพบผู้อุปการะอย่างดีและด้วยบุญญาบารมีต่อไปข้างหน้า จะมีเกียรติคุณ เกียรติศัพท์ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป แล้วจะกลับสู่พระราชฐานในไม่ช้า ขอให้ติดตามไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ทุรกันดารเมื่อพระเจ้าอยู่หัวได้พรับฟังคำทำนายของโหรแล้ว ก็ตรัสให้เหล่าทหารมหาดเล็กจัดกำลังพลแยกย้ายกันออกเดินทางไปติดตามหาพระหน่อทางทิศใต้ โดยกำชับว่าหากไม่พบพระหน่อก็ไม่ต้องกลับเมืองหลวงแม้จะใช้เวลาสักเพียงใดก็ตาม ชีวิตใหม่ของพระหน่อ แต่เดิมนั้นเมืองพัทลุงตั้งอยู่ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ปัจจุบัน โดยมีกษัตริย์ปกครองติดต่อกันหลายพระองค์ เช่น พระเจ้ากรุงทอง ปกครองตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลายพระเจ้าธรรมรังศัล ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองพัทลุงจึงมีประวัติสัมพันธ์กับกรุงศรีอยุธยาหลักฐานที่สำคัญปรากฏในการก่อสร้างวัดพะโคะ เมื่อ พ.ศ. 2057 ณ หมู่บ้านหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ เมืองศิริธรรมนคร หรือ นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน และทิศเหนือเมืองพัทลุงเรียกว่า บ้านพราหมณ์จัน ห่างจากวัดพะโคะ ประมาณ 2 กิโลเมตร มาทางทิศใต้และทิศเหนือของวัดท่าทอง หรือปัจจุบันเรียกว่าวัดท่าคุระประมาณ 1 กิโลเมตร บ้านพราหมณ์จัน ปัจจุบันเพี้ยนมาเป็นบ้านแพรจัน อยู่ในเขตปกครองหมู่ที่ 9 ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลาเป็นส่วนหนึ่งของแหลมที่ยื่น

ข้อมูลยาวมากครับ

ติดตามต่อได้ที่
http://www.zoonphra.com/amulet/catalog.php?storeno=s013&idp=47670

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top