ขรัวจาดสัพพัญญู -จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ
ขรัวจาดสัพพัญญู  - 1ขรัวจาดสัพพัญญู  - 2ขรัวจาดสัพพัญญู  - 3ขรัวจาดสัพพัญญู  - 4
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง ขรัวจาดสัพพัญญู
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 02 ต.ค. 2565 - 21:08.04
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อา. - 23 ต.ค. 2565 - 20:40.53
รายละเอียด
ขรัวจาดสัพพัญญู

พระหายาก ...พระลึกลับในตำนาน...หนึ่งในยอดพระเกจิ ผู้สำเร็จวิชา โสฬสสะระตะ

ขรัวจาด ท่านเป็นสหธรรมมิกที่สนิทกันมากกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี

ซึ่งต่างกำสำเร็จ วิชา โสฬสสะระตะ ด้วยกัน

พบเจอที่ไหน...กำให้แน่น ครับ...

พระมี หมุนเวียน น้อยมากกกกกกกก

....


....

ข้อมูล โดยละเอียด

วิเศษสุทธ์ จุฑารุจธำรงค์กูลกลุ่มคนรัก พระขรัวอีโต้ วัดลิงขบ วัดชนะสงคราม และพระกรุงเทพๆในตำนาน
19 กันยายน 2019 ·
พระลึกลับฝั่งธนบุรี...ระดับตำนาน...
(20 - 30 ปี จะเจอสักองค์)
สมเด็จสัพพัญญู...ขรัวจาด...วัดภาณุรังษี...(วัดบางพลูใน)
#ขรัวจาดสัพพัญญู วัดบางพลูใน (วัดภาณุรังษี)
ขรัวจาดท่านเกิดราวๆ พ.ศ. ๒๓๕๐ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) และ มรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๓๕ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕)
ขรัวจาดท่านเป็นชาวบางพลัดโดยกำเนิด ท่านเกิดในครอบครัวของชนชั้นสูงที่อพยพมาจากกรุงศรีอยุธยาในคราวกรุงแตกครั้งที่สอง
โดยชื่อ "บางพลัด" หมายถึง การพลัดหลง หรือ หลงถิ่น เชื่อว่ามาจากเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ แก่พม่า เมื่อผู้คนอพยพหนีลงมาสู่ที่นี่ ได้เกิดการพลัดหลงหรือหลงหายกัน เนื่องจากมีลำคลอง ลำประโดง และมีสวนแน่นขนัด ทำให้ผู้ที่เข้ามาในละแวกนี้มักจะเกิดการพลัดหลงเข้าออกไม่ถูกอยู่บ่อยครั้ง แต่ชื่อ "บางพลัด" นี้มีผู้ตีความหมายในเชิงไม่เป็นมงคลในความเชื่อ จึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนเป็น "บางภัทร์" ใน พ.ศ. ๒๕๔๕ แต่ที่สุดก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแต่อย่างใด
ขรัวจาดท่านได้รับฉายาจากชาวบ้านในสมัยนั้นว่า "สัพพัญญู" อันหมายความว่า ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นคุณลักษณะของพระอริยะทุกรูปที่สำเร็จอภิญญาชั้นสูง
ขรัวจาดท่านเป็นหนึ่งในพระอริยะเถระยุคเก่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่สำเร็จวิชาโสฬสสะระตะ ตามที่ได้มีการบันทึกไว้ มี ๑๓ ท่านคือ
๑. สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศฯ
๒. ขรัวจาด สัพพัญญู วัดบางพลูใน (วัดภาณุรังษี)
๓. ขรัวคุมโปง วัดดีดวด ท่าพระ (ไม่ใช่วัดท่าพระ)
๔. ขรัวแก่น วัดโคกขาม (วัดน้อยนพคุณ)
๕. ขรัวเขียว วัดบางละมุดใต้ (วัดวิมุตยาราม)
๖. เจ้าคุณธรรมกิตติ วัดรังษีสุธาวาส (คณะรังษี วัดบวรฯ)
๗. อาจารย์เตา วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง)
๘. เจ้าคุณจันโทปมคุณมุนี วัดมกุฏกษัตริยาราม
๙. อาจารย์เหม วัดทองบน (วัดเทพากร)
๑๐. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง
๑๑. หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง นนทบุรี
๑๒. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เขียว) วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส)
๑๓. อาจารย์โพธิ์ วัดทองล่าง (วัดเทพนารี)
ขรัวจาดท่านเป็นสหธรรมมิกที่สนิทกันมากกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ซึ่งมีบันทึกและเรื่องราวบอกเล่าของชาวบ้านละแวกนี้ในสมัยนั้นว่าสมเด็จโตท่านพายเรือมาหาขรัวจาดเป็นประจำบ่อยๆ และ ที่วัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีพระแก้วลักษณะคล้ายพระแก้วมรกต องค์พระหน้าตักกว้างมีฐานพระลักษณะงาช้าง 12 นิ้ว พระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างวางซ้อนกัน ที่พระเพลาบนหัตถ์ขวามีรูปหล่อ สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ประทับอยู่ มีเครื่องประดับ สร้อยสังวาลย์และเชิงผ้า ที่หน้าฐานพระมีพลอยสีน้ำผึ้งคล้ายบุษราคัม ขนาดเมล็ดถั่วเขียว ประดับเป็นระยะรวม 145 เม็ด ที่ฐานองค์พระด้านหลัง มีข้อความจารึกว่า "ขรัวโต วัดระฆัง สร้างให้ขรัวจาด ลูกรัก กลางปี พ.ศ. ๒๔๐๖" (นับถึงปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้รวม ๑๕๕ ปี) อันแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมของท่านและอารมณ์ขันอันสุนทรีย์ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ตามประวัติของท่าน
ขรัวจาดท่านได้สร้างพระเครื่องเป็นเนื้อผงพุทธคุณแจกชาวบ้านและผู้มาทำบุญที่วัดเป็นพระทรงสี่เหลี่ยมและทรงสามเหลี่ยมในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จำนวนหนึ่งและยังเก็บบรรจุรวมไว้กับที่เก็บทรัพย์สมบัติของเจ้านายและคหบดีที่หนีทัพพม่ามาในช่วงที่กรุงศรีฯแตกครั้งที่สองแล้วมาหลบซ่อนในย่านนี้อีกจำนวนหนึ่งประมาณว่าพันกว่าองค์ (ขอสงวนการเปิดเผยที่เก็บทรัพย์สมบัติ)
พระสมเด็จสัพพัญญูและพระกลีบบัวสัพพัญญูที่ขรัวจาดท่านได้สร้างนี้ อยู่ในช่วงปี ๒๔๐๐ กว่าๆ ช่วงเวลาประมาณเดียวกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง เนื้อหาของพระนั้นแก่น้ำมันเช่นเดียวกับพระยุคเก่าโดยทั่วไปแต่แกร่งกว่า สีจะออกเหลือง เข้มบ้าง อ่อนบ้างแล้วแต่ส่วนผสมในแต่ละครั้ง
พระสมเด็จและพระกลีบบัวสัพพัญญูนี้ นักสะสมรุ่นเก่าและผู้รู้จะเก็บหมดเนื่องจากในอดีตผู้ที่มีพระของท่านได้รับประสพการณ์รอดชีวิตมาหลายราย อย่างรายหนึ่งช่วงปี ๒๕๑๘ กำลังขึ้นรถเมล์นายเลิศแต่ช่วงนั้นน้ำท่วมทำให้ลื่นตกลงมาและโดนรถด้านหลังชนและทับไปบนตัวแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเพียงแค่เสื้อผ้าเปื้อนเท่านั้น อีกรายเคยโดนรถแทรคเตอร์ทับแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ หลายๆรายก็สู้กับคู่อริโดนรุมแทง รุมฟันแต่ก็ไม่ได้รับบาดแผลตามตัวแต่อย่างใด
สาเหตุอีกประการหนึ่งที่คนรุ่นเก่านั้นหากันมากเพราะประจักษ์ว่าเป็นพระที่เด่นทางโชคลาภ ด้วยเหตุที่ขรัวจาดท่านสำเร็จวิชาโสฬส ซึ่งส่วนหนึ่งในวิชานี้แต่เดิมในสมัยก่อน คณาจารย์ผู้เก่งกาจทั้งหลายใช้สำหรับสำหรับคำนวนฤกษ์ผานาทีต่างๆ ทำให้พระเถระคณาจารย์ที่มีการร่ำลือกันว่าสำเร็จวิชาโสฬสจึงมีชื่อเสียงเกี่ยวกับการใบ้หวยและโชคลาภไปด้วย
พระสมเด็จและพระกลีบบัวสัพพัญญูนี้พบเจอน้อยมาก มีทั้งเป็นมรดกจากผู้ใหญ่ที่ได้รับแจกจากท่านในสมัยนั้นและยังมีบางส่วนที่ถูกขโมยขุดโดยพระลูกวัดที่รู้เรื่องกรุสมบัติ ได้นำเอาไปขายที่วัดมหาธาตุจำนวนหนึ่งไม่มากนักประมาณห้าร้อยถึงหกร้อยองค์ แต่ไม่สามารถเอาสมบัติออกไปได้และได้รับความวิบัติจนถึงชีวิตไปจากอาถรรพ์ความแรงของเจ้าที่และผู้ที่เฝ้าขุมทรัพย์ แต่เป็นเรื่องแปลกที่ผู้ครอบครองบูชาพระผงสัพพัญญูนี้ไม่ได้รับแรงอาถรรพ์ไปด้วย กลับได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาดังที่กล่าวแล้วทุกๆท่าน แถมยังมีความเจริญก้าวหน้าและได้รับโชคลาภอยู่เนืองๆ — รู้สึกกระตือรือร้น



พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top