พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525

พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500

พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500 - 1พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500 - 2พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500 - 3พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500 - 4
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500
อายุพระเครื่อง 62 ปี
หมวดพระ พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พ. - 15 ก.พ. 2566 - 21:08.49
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 18 เม.ย. 2566 - 22:40.06
รายละเอียด
พระเนื้อดิน พิมพ์สมาธิ ซุ้มเถาวัลย์ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ปี 2500

สวยเดิม

นิยม หายากครับ

องค์พระ กว้าง สุด 3 ซ.ม.สูง 3.5 ซ.ม.

หลังลายผ้า...

เรื่องราวของไสยศาสตร์เป็นเรื่องที่บางครั้งวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่สามารถหาเหตุผล ไม่สามารถหาคำตอบ แต่เหตุใดเล่า หลายคนที่มีคติความเชื่อแนวนี้ถึงได้ให้ความเชื่อมั่นและยึดถือมันเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

คำตอบนั้นมาจากเหตุใดเล่า มันคงไม่ใช่เกิดมาจากสายลมที่พัดผ่านมากระทบ หากมันเกิดจากภาพเหตุการณ์ที่เกิดให้เห็นเบื้องหน้า

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2518 ทางวัดบางนมโค จัดพิธีมหาพุทธภิเษกในงานทำบุญ 100 ปีของหลวงพ่อปาน ซึ่งครั้งกระนั้นมีพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมมาร่วมพิธีปรกปลุกเสก 4 องค์ด้วยกันคือ

หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว / หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง / หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา / หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย

ซึ่งท่านเป็นพระเถระจารย์ในศิษย์หลวงพ่อปาน ที่วัดบางนมโคต้องนิมนต์ท่านมาร่วมพิธีทุกครั้งเมื่อมีงาน....

หลวงพ่อมีเข้าไปในโบสถ์วัดบางนมโค เป็นองค์ที่ 3 ต่อจากหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนและด้วยความที่หลวงพ่อมีเป็นพระอาจารย์ที่มีอุปนิสัยนอบน้อมถ่อมตนเห็นว่าตนเองยัง มีอายุน้อย ท่านจึงเลือกธรรมมาสที่หันหน้าเข้าหาประธานตรงที่นาคนั่งขานนาคในเวลาอุปสมบท

ขณะนั้นหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัวมาถึงพอดี ท่านจึงขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ที่เหลือซึ่งตั้งอยู่หน้าพระประธาน อันเป็นที่นั่งพระอุปัชฌาย์จึงหันหน้าชนกับหลวงพ่อมีโดยมีประรำอิทธิมงคลขึ้นอยู่ระหว่างกลาง
พอพระภิกษุสงฆ์สวดพุทธาภิเษก หลวงพ่อมีก็เข้าสมาธิจิตปลุกเสก ฉับพลันนั้นท่านก็รู้สึกว่า มีสิ่งของตกลงมาธรรมาสน์ใกล้หน้าแข็งของท่านดัง "กึก"

หลวงพ่อมีนั่งเข้าสมาธิจิตเฉยเมยไม่ได้มีความสนใจไยดีต่อเสียงรอบข้างแต่อย่างใด สักครู่หนึ่ง ก็มีเสียงตกลงมาดังกึกบนธรรมาสน์ที่เดียวกันอีกครั้งและมีเสียงกุกๆกักๆพอได้ยิน

หลวงพ่อมีทราบได้ในทันทีว่า ถูกลองของแน่แล้ว แต่ไม่มีอารมณ์หวั่นไหวยังคงนั่นหลับตาเฉย พร้อมกับเข้า เตโชกสิณ อธิษฐานจิตให้เห็นว่าสิ่งที่ตกลงมา 2 ครั้งนั้นมันเป็นอะไรกันแน่

ด้วยทิพยอำนาจแห่งเตโชกสิณ สิ่งที่ปรากฏภายในดวงจิตของหลวงพ่อมีก็คือ ตะปูโลงผี ขนาด 3 นิ้ว 2 ตัว กำลังเคลื่อนไหวดุจมีชีวิตอยู่ไปมา หลวงพ่อมีจึงลืมตาก้มหน้าลงมามองดูด้วยตาเนื้อเพื่อให้รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาหลวงพ่อมีขณะนั้นตะปูจริงๆและกำลังหันปลายแหลมตั้งชี้พุ่งขึ้นมาหาหลวงพ่อมีทั้ง 2 ตัว

พระเถระแห่งวัดมารวิชัย วางมือขวาลงไปใช้นิ้วชี้กดตะปู 2 ตัว พร้อมกับว่าพระพระคาถาเป่าพรวดลงไปเบาๆตาปูโลงผีก็หมดฤทธิ์ ท่านจึงเก็บไว้ใต้ผ้าอาสนะแล้วเริ่มเข้าสมาธิจิตปลุกเสกอิทธิมหามงคลต่อไป

ทันใดนั้น ก็มีตะปูตกลงมาใกล้หน้าแข้งท่านอีกเป็นตัวที่ 3 ตัวที่4 และตัวที่ 5 ซึ่งหลวงพ่อมีก็เก็บแล้วเขี่ยเข้าไปในอาสนะที่ท่านนั่งจนครบ 5 ตัว อธิษฐานจิตเพื่อดูให้รู้แน่ว่าถูกพระอาจารย์ดีองค์ไหนในจำนวนทั้ง 3 รูป คือ หลวงพ่อขอม หลวงพ่อเชิญ หลวงพ่อเมี้ยน หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระอาจารย์ผู้เลิศล้ำแห่งจังหวัดสุพรรณบุรีนั่นเอง หลวงพ่อมียังไม่แน่ใจว่าจะเป็นหลวงพ่อขอมหรือไม่ท่านจึงอธิษฐานนึกถึงภาพหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนตามลำดับ แต่ภาพนิมิตที่เกิดขึ้นภายในความคิดทุกครั้งกลับกลายเป็นภาพของหลวงพ่อขอมเช่นเดิม ต้องเป็นหลวงพ่อขอมแน่ๆหลวงพ่อมีนึกคิด พอเสร็จพิธีพุทธาภิเษกจบที่ 4 ผู้คนเข้าไปกราบสักการะหลวงพ่อขอมอย่างล้นหลาม เพราะท่านเป็นพระเกจิมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในขณะนั้น

หลวงพ่อมีหยิบตะปูใส่พาน 4 ตัว แล้วเก็บไว้ 1 ตัว เพื่อเป็นที่ระลึก 1 ตัว และเอาดอกไม้ธูปเทียนวางทับปิดบังตะปูไว้ เดินตรงรี่เข้าไปถวายหลวงพ่อขอม เป็นการแสดงความคารวะ

หลวงพ่อขอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับเฉยๆเสียอย่างนั้น หลวงพ่อมีจึงพูดขึ้นว่า

"หลวงพ่อผมเอาดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย"

หลวงพ่อขอมจึงรับประเคนจากหลวงพ่อมี อย่างขัดไม่ได้ ปกติท่านไม่ได้รับทั้งพานคงใช้มือรวบเอาเฉพาะธูปเทียนเท่านั้น ท่านจึงมองเห็นตะปูวางอยู่ในพาน

หลวงพ่อขอมจึงเอ่ยถามหลวงพ่อมีขึ้นว่า

"นั่นอะไร"

หลวงพ่อมี ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ แบบคนจริงว่า

"ตะปูของหลวงพ่อ ผมนำมาถวายคืน"

หลวงพ่อจึงรับพานไป แล้วพูดติดขำขันอย่างสบายอารมณ์ เป็นการยอมรับหลวงพ่อมี แถมรู้ทันถามตรงๆขึ้นว่า

"แล้วตะปูอีกตัวหนึ่ง เก็บเข้าไว้ในย่ามทำไม"

หลวงพ่อมีตอบอย่างนอบน้อมว่า

"ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ"



เรื่อง...ลอกมาจากหนังสือประวัติหลวงปู่มี

จาก : http://www.oknation.net/blog/benjaporn/2009/11/24/entry-2

ประวัติ พระเกจิอาจารย์ หลวงพ่อขอม แห่ง วัดไผ่โรงวัว สองพี่น้อง สุพรรณบุรี

หากจะกล่าวถึง เกจิอาจารย์ ที่ในแวดวงนักสะสมพระเครื่อง รวมทั้ง ผู้ที่มีความเชื่อ ความศรัทธา ในพุทธาคม รวมทั้ง ปฏิภาณต่อพระศาสนา ชื่อของ หลวงพ่อขอม หรือ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว นั้น เป็นหนึ่งในนาม ที่หลายคนรู้จัก ทั้งในแง่ที่ท่านเป็นผู้สร้าง วัดไผ่โรงวัว จากสำนักสงฆ์กลางทุ่ง สู่ อารามที่มีถาวรวัตถุมากมาย
สำหรับประวัติของ หลวงพ่อขอม นั้น ท่านมีนามเดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆเรียกท่านว่า ขอม เมื่อท่านก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสร์แล้ว พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบางสาม ท่านได้ตั้งหน้าศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และปฏิบัติตนในศีลาจารวัตร เป็นอย่างดีอยู่หลายปี จนกระทั่งได้มี สำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามชาวบ้านว่า ” วัดไผ่โรงวัว ” ด้วยเหตุที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้น ซึ่งจับตาดู พระขอม มาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่ง สมภารวัดใหม่นี้ ไม่มีท่านใดเหมาะสมเท่า พระขอม เมื่อลงความเห็นดังนี้ ต่างก็พากันไปนิมนต์ พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดไผ่โรงวัว
พระขอม ซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับ พุทธบริษัทที่นั่น มิอาจขัดศรัทธา จึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั่นเป็นเวลา 2 ปี แต่วัดไผ่โรงวัวแห่งนี้ ก็ขาดสถานศึกษาเล่าเรียนทางด้านพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวัดพึ่งสร้างใหม่ เรื่องนี้ทำให้ พระขอม พิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็น สมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธา ยังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม
ต่อมา พระขอม จึงขอย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยูในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ วัดประตูสาร ใกล้ๆกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของ พระขอม ดำเนินไป 3 ปี ท่านก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ คราวนี้ท่านกลับมาสู่ วัดไผ่โรงวัว อีกครั้งหนึ่ง อย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหาร ภารกิจให้พระศาสนาอย่างเต็มที่ วัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ จึงยังไม่ถึงพร้อมทุกๆด้าน คือไม่มัอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง 2 หลัง ศาลาการเปรียญที่เป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงเรือนไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลา น่าอนาถใจยิ่ง ภาระของพระขอม คือต้องปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัด เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธา และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธา พระขอม เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างขั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดิน ไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปี และท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้ เมื่อถมดินเสร็จ ท่านได้จัดการขุดสระน้ำ สำหรับเป็นที่สรงน้ำ และน้ำดื่มของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยใช้-กินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า ” วัด ” ทำให้ศรัทธาของชาวบ้านยิ่งเพิ่มมากขึ้น


ด้วยมโนปณิธานนี้เอง ทำให้ หลวงพ่อขอม คิดเริ่มสร้าง พระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปี พ.ศ 2500 หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยม ใช้เวลา 2 ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่มาก ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด 12 ปี จึงแล้วเสร็จในปี พ.ศ 2512
หลังจากนั้น ท่านก็เริ่มสร้าง สิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่าง เช่น สังเวชนียสถาน 4 ตำบล แดนสวรรค์ แดนนรก เมืองกบิลพัสดุ์ และอีกหลายๆอย่างด้วยกัน ดังที่พบเห็นกันทุกวันนี้ มีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเคยถาม หลวงพ่อขอมว่า จะสร้างสิ่งก่อสร้างไว้มากมายเพื่ออะไร ท่านตอบว่า ” อาตมาสร้างไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธา และอนุชนรุ่นหลัง ได้ศึกษาเรื่องราวของพุทธประวัติ ” นอกจากงานก่อสร้างแล้ว หลวงพ่อขอม ท่านยังเป็นนักเขียน นักแต่ง ที่มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด้านงานก่อสร้าง ผลงานของท่านปรากฏอยู่หลายเรื่อง เฉพาะที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานไปแล้วก็มีเรื่อง ธรรมทูตเถื่อน พุทธไกรฤกษ์ สมถะ และ วิปัสสนา
หลวงพ่อขอมมรณะภาพในวันที่ 7 มกราคม พ.ศ 2533 เวลา 16 . 55 น. ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ 88 ปี พรรษา 68

พระหลวงพ่อขอม มีการระบุว่าท่านจัดสร้างจำนวน ” สิบล้านองค์ ” เป็นจำนวนตัวเลขความตั้งใจในการจัดสร้าง พระเครื่องและวัตถุมงคล ของท่าน
หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ท่านมักได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีอธิษฐานปลุกเสก ในงานพุทธาภิเษกตามวัดต่างๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งงานใหญ่ๆ ต้องมีท่านด้วยเสมอ ขณะไปร่วมพิธีปลุกเสกสร้างพระให้วัดอื่นๆ ท่านมีปณิธานว่า จะสร้างพระจำนวนโกฏิ ( สิบล้านองค์ ) โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2473 จนถึง ปี พ.ศ. 2500 จำนวนการสร้างไม่แน่ชัด ทราบเพียงแต่ว่า ท่านก็ยังสร้างอีกเรื่อยมา มีจำนวนหลายร้อยตุ่ม ถึงแม้จะสร้างมาก แต่พระของท่านก็มีประสบการณ์ดีเยี่ยมเช่นกัน เคยมีคนนำไปลองยิงแล้วมีผลเป็น มหาอุตม์ ด้วย

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top