-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
พระผง ร.อ. หม่อมเจ้าพระสถาพร อาภากร




ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระผง ร.อ. หม่อมเจ้าพระสถาพร อาภากร |
อายุพระเครื่อง | 41 ปี |
หมวดพระ | พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525 |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พ. - 22 ก.พ. 2566 - 21:16.01 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ศ. - 17 มี.ค. 2566 - 21:52.58 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระผง ร.อ. หม่อมเจ้าพระสถาพร อาภากร หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม ๕ ต. ค ๒๕๒๗ โรยพลอย โรยเกศา หน้า หลัง กล่องเดิม สวย เดิม Kaew Na 13 พฤษภาคม 2021 · อีกหนึ่งเรื่องหลวงพ่อสำเนียง ความมหัศจรรย์ที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นมา โดย นายดุสิต พานิชพัฒน์ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ในวาระที่หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร มีอายุครบ ๕ รอบ ในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๒๐ นี้ บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายก็จะได้จัดให้มีงานเฉลิมฉลองขึ้น พร้อมกับจะได้จัดให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาร ศาลาโบสถ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่สำคัญและอำนวยประโยชน์ต่อส่วนรวม ทั้งยังได้จัดให้มีการพิมพ์หนังสือที่ระลึกในงานด้วย ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อ ที่หลวงพ่อได้มีส่วนสำคัญในการบำบัดรักษาโรคร้าย และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชีวิต จากจำนวนลูกศิษย์นับร้อยๆ ท่าน จึงใคร่ขอถือโอกาสนำประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้รับมาเรียนให้บรรดาศิษยานุศิษย์และท่านสาธุชนทั้งหลายได้ทราบ หากเหตุการณ์นี้ได้บังเกิดกับผู้อื่นมิใช่ข้าพเจ้าเองแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่นำมาเปิดเผยเป็นอันขาด เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่ปรุงแต่งขึ้นมา มิใช่ความเป็นจริงก็ได้ ข้าพเจ้าได้มีวาสนาที่ได้พบและรู้จักกับหลวงพ่อสำเนียง เมื่อประมาณต้นปี ๒๕๐๓ ขณะที่ดำรงตำแหน่ง หัวหน้ากองโครงการ กรมป่าไม้ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาหาหลวงพ่อนั้น ปรากฏว่าเหตุร้ายได้บังเกิดขึ้นในกองโครงการ โยเริ่มกับหัวหน้าแผนกวางแผน ซึ่งเมื่อปลายเดือน ธันวาคม ๒๕๐๒ เขาได้ป่วยเป็นไข้หวัด ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ยังมาอวยพรปีใหม่ที่บ้านข้าพเจ้า แต่พอรุ่งขึ้นก็ได้ทราบข่าวจากครอบครัวว่าเขาได้เสียชีวิตเสียแล้วโดยการแพ้ยาฉีดต่อมาอีกไม่นานนัก ผู้ช่วยของข้าพเจ้าก็กระทำ อัตวินิบาตกรรมตาย ซึ่งนำความเศร้าสลดมาสู่ข้าพเจ้า และพนักงานในกองโครงการมาก ต่อมาอีกไม่นาน ข้าพเจ้าก็ล้มป่วยลงด้วยโรคดีซ่านและความดันโลหิตต่ำ ข้าพเจ้าก็ได้ไปหานายแพทย์ผู้มีชื่อเสียงเพื่อช่วยรักษาเยียวยาให้ แต่ก็ปรากฏว่าอาการไม่ค่อยจะกระเตื้องขึ้น เคยรับประทานอาหารได้มากๆ และเอร็ดอร่อยก็กลับลดน้อยลงเป็นลำดับ มื้อหนึ่งๆ รับประทานอาหารได้ไม่กี่คำ รู้สึกอ่อนเพลียและวิงเวียนศรีษะอยู่ประจำ วันหนึ่ก็มีญาติ ผู้หนึ่งมาหาและแนะนำให้ไปปรักษากับหลวงพ่อสำเนียง ที่วัดเวฬุวนาราม อ.บางเลน จ.นครปฐม เพราะญาติผู้นั้นเห็นว่า อาการของข้าพเจ้าไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นเลย ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกสองจิตสองใจว่าจะไปดีหรือไม่ เพราะงานในหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติก็มีมาก ในที่สุดภรรยาของข้าพเจ้าก็คะยั้ยคะยอจะให้ไปและเตือนว่าควรคำนึงถึงสุขภาพให้มาก ในที่สุดข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจลากิจ เดินทางร่วมกับภรรยาและญาติผู้นั้นไปพบกับหลวงพ่อสำเนียง ที่หอสวดมนต์ในวัดเวฬุวนาราม บังเอิญวันที่ไปหาหลวงพ่อเป็นวันธรรมสวนะ ซึ่งโดยปกติแล้วหลวงพ่อไม่รักษาผู้ใด ทั้งนี้ก็เนื่องจากในวันพระ วิญญาณหลวปู่วัดมะขามเฒ่ามักจะไม่มาประทับทรง เนื่องจากข้าพเจ้าไม่เคยพบหลวงพ่อมาก่อน ก็ไม่ทราบว่าท่านเป็นพระมีชื่อเสียงในทางใด เพราะมีบางองค์ที่เป็นพระหมอดู ให้ฤกษ์ให้ยาม หรือทำเสน่ายาแฝด แต่เมื่อได้รู้จักกับท่านแล้วจึงทราบว่าท่านมิได้เป็นพระประเภทนั้นเลย ท่านได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจของท่านช่วยสังคมในด้านการเจ็บป่วยการศึกษาเล่าเรียนและสังคมสงเคราะห์ทั่วไป นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังแปลกใจมากว่า เหตุใดพระภิกษุซึ่งมีชัณษาเพียง ๔๐ กว่าๆ จึงมีผู้เรียกว่า “หลวงพ่อ” กัน ซึ่งก็ได้ทราบจากหลวงพ่อในวันหลังว่า ครั้งหนึ่งท่านได้รักษาคนไข้ด้วยอาศัยพลังจิตของท่าน คนไข้และญาติพี่น้องได้เห็นหลวงพ่อกลายเป็นพระแก่มากองค์หนึ่ง โดยที่ไม่ทราบว่าในขณะนั้นวิญญาณของหลวงปู่ วัดมะขามเฒ่าได้มาประทับทรง ตั้งแต่นั้นมาใครๆ ก็เลยพากันเรียกท่านว่า “หลวงพ่อ” พอฉันเพลเสร็จหลวงพ่อก็ได้กรุณาซักไซร้ไล่เลียงถึงอาการเจ็บป่วย ข้าพเจ้าและภรรยาก็ได้เล่าให้ฟังถึงอาการที่เป็น พร้อมทั้งยังได้เล่าเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่ยังเกิดขึ้นในกองโครงการที่ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้ากองอยู่ หลวงพ่อก็ได้ยื่นหมากให้ข้าพเจ้าลองเคี้ยวดูสักพักหนึ่ง แล้วถามว่ามีรสชาดเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ารับประทานหมากไม่เป็น ก็ได้เรียนให้หลวงพ่อทราบว่ามีรสมันๆ แทนที่จะฝาดหรือเฝื่อนตามรสชาดที่เป็นจริงของหมาก พอได้ทราบเช่นนั้น หลวงพ่อก็ได้ส่งให้ลูกศิษย์ไปนำหม้อดินมา ๑ ใบ แล้วให้ข้าพเจ้านั่งหลังพิงเสาเหยียดเท้าไปข้างหน้าโดยมีหม้อดินใบเขื่องอยู่ที่ปลายเท้า แล้วก็ได้กล่าวบริกรรมคาถาในทำนองขับไล่วิญญาณร้ายๆ ที่สิงอยู่ในตัวข้าพเจ้า แล้วคอยสอบถามข้าพเจ้าว่ารู้สึกมีอะไรร้อนๆ จากต้นขาไปสู่ปลายเท้าไหม ข้าพเจ้าก็ได้ตอบด้วยความเกรงใจว่ามีบ้างครับ แต่ในใจนั้นมีความรู้สึกต่อต้านการกระทำของหลวงพ่อตลอดเวลา เพราะเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รับการรักษาทางด้านไสยศาสตร์ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าไม่น่าเป็นไปได้ ที่จะมารักษาโรคด้วยอำนาจของจิตหรือวิญญาณ ก็เป็นอันว่าการกระทำพิธีครั้งแรกของหลวงพ่อตามความรู้สึกของข้าพเจ้า ก็มิได้ทำให้ข้าพเจ้าซึ่งอ่อนเพลียอยู่แล้วดีขึ้นแต่ประการใด แต่ก็มีความรู้สึกแปลกใจที่ว่า เหตุใดอาหารกลางวันที่หลวงพ่อได้กรุณา ให้ลูกศิษย์และแม่ชีวัดจัดให้มีรสชาดเอร็ดอร่อยขึ้น พูดถึงเรื่องอาหารการกินแล้ว ปรากฏว่าไม่ว่าผู้ใด จำนวนเท่าใด ถ้าไปถึงวัดบางเลนแล้ว หลวงพ่อสามารถต้อนรับได้ทุกมื้อโดยไม่อั้นด้วยอาหารง่ายๆ ที่บรรดาลูกศิษย์และแม่ชีช่วยกันจัดเตรียมไว้เสมอ หลวงพ่อได้ปรารภต่อมาว่าไหนๆ ก็ได้เดินทางมาถึงวัดแล้ว ก็ใคร่จะให้อยู่ด้วยสัก ๑ คืน เพื่อจะได้ช่วยรักษาต่อให้ ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกลังเลใจเพราะเป็นห่วงงานในหน้าที่ ประกอบกับในวันรุ่งขึ้นจะมีประชุมด้วย แต่ภรรยาของข้าพเจ้าก็ปรารภว่าควรจะนึกถึงสุขภาพของเราเสียก่อน ส่วนงานในหน้าที่ควรมอบหมายให้ผู้ช่วยทำหน้าที่แทน ข้าพเจ้าได้ตรึกตรองอยู่นานว่า ควรจะค้างคืนหรือไม่ ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจค้างคืน และสั่งให้ญาติที่ติดตามมาด้วยกลับไปลาป่วย และขอให้เรียนท่านอธิบดีมอบหมายให้ผู้อื่นไปประชุมแทน และได้ตกลงที่จะค้างคืนกุฎิเล็กๆ ของหลวงพ่อ พอค่ำลงหลวงพ่อก็ส่งให้จัดอาหารมาเลี้ยงข้าพเจ้าและครอบครัวรับประทาน ก็รู้สึกแปลกใจอีกครั้งที่ข้าพเจ้ารับประทานอาหารเอร็ดอร่อยขึ้น พอค่ำลงประมาณ ๒ ทุ่มหลังจากหลวงพ่อได้ทำวัตรเสร็จแล้ว ก็ได้เริ่มรักษาข้าพเจ้าตามแบบเดิมอีก โดยให้ข้าพเจ้าไปที่หน้ากุฎิหลังเล็กๆ ของหลวงพ่อ นั่งหั่นหลังพิงฝากุฎิโดยมีหม้อดินใหม่วางที่ปลายเท้าเช่นเดียวกับเมื่อตอนกลางวัน ก่อนที่หลวงพ่อจะเริ่มรักษา ข้าพเจ้าและภรรยาก็ได้เรียนให้หลวงพ่อทราบโดยละเอียดยิ่งขึ้น มีใจความย่อๆ ว่า ข้าพเจ้าก็ได้พยายามรับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา ก็ได้ช่วยบำบัดความเดือดร้อนของข้าราชการพนักงานและบุคคลทั่วๆ ไป โดยไม่ประสงค์จะได้สิ่งตอบแทนใดและก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด จึงไม่ใคร่จะได้รับการพิจารณาถึงความดีความชอบทั้งๆ ทีเป็นชั้นเอกเต็มขั้นมาแล้วนานปี เนื่องจากข้าพเจ้ารักความเป็นสมถะ มีใจรักทางวิชาการมากกว่าการบริหาร เพราะได้ศึกษาและดูงานมาทางวิชาการมาก จึงมิได้คิดทะเยอทะยานที่อยากจะได้ตำแหน่งทางบริหาร เช่น รองอธิบดีหรืออธิบดี นอกจากนี้บรรดาผู้ครองตำแหน่งสำคัญๆ ทางบริหารอยู่ก็มีผู้ใหญ่ที่มีอาวุโสกว่าในทางอายุราชการแต่อายุตัวก็น้อยกว่าหรือใกล้เคียงกับข้าพเจ้าอีกด้วย ฉะนั้นจึงประสงค์ที่จะได้เลื่อนขั้นขึ้นในตำแหน่งทางวิชาการ เช่นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้อำนวยการกอง เพราะมีโอกาสได้ใช้วิชาความรู้และประสบการณ์มาบริหารงานได้ผลดีกว่า แต่ก็มิได้รับการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา มิหนำซ้ำกลับมาล้มป่วยลง ข้าพเจ้าเองสังหรณ์อยู่ในใจว่า คนต่อไปที่จะต้องประสบเคราะห์กรรมก็คงหนีไม่พ้นจากตัวของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้านั้นเจ็บป่วย และมีอาการอ่อนเพลียลงทุกวัน แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมปริปากให้ผู้ใดทราบเลย พอภรรยาของข้าพเจ้าเรียนให้หลวงพ่อทราบถึงความเป็นมาของข้าพเจ้า โดยละเอียดแล้ว หลวงพ่อก็ได้กล่าวว่า “คนทำดีควรจะต้องได้ดี” แล้วหลวงพ่อก็ได้ดำเนินการรักษาเช่นในตอนกลางวัน ในขณะนั้นข้าพเจ้ามีความรู้สึกอยู่ในภวังค์ ไม่สามารถจะคุมสติของตนได้ บางครั้งก็รู้สึกตัวบางครั้งเคลิบเคลิ้มไป ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็มีความรู้สึกต่อต้านวิธีการรักษาแบบไสยศาสตร์ตลอดมา ภรรยาของข้าพเจ้าได้เล่าให้ฟังเมื่อข้าพเจ้ารู้ตัวดีแล้วว่า พอหลวงพ่อพูดจบว่า “คนทำดีจะต้องได้ดี” ข้าพเจ้าได้เปล่งเสียงหัวเราะเยาะหลวงพ่อออกมาเสียงดังลั่นไม่หยุด ในทำนองคล้ายๆ กับว่าจะเยาะแย้ยหลวงพ่อ ในระหว่างนั้นปรากฎได้ยินเสียงดังเปรี้ยง ที่บนหลังคากุฎิ แล้วบัดดลหลวงพ่อก็ได้มีสภาพกลายเป็นพระชราองค์หนึ่ง หลังโกงหน้าตาเหี่ยวย่น ทั้งสำเนียงที่พูดก็ผิดแปลกไปจากเสียงของหลวงพ่อ บรรดาแม่ชีและศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อที่อยู่ในที่นั้นก็พากันก้มลงกราบ แล้วพากันกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า นั้นแหละคือหลวงปู่วัดมะขามเฒ่ามาประทับทรง พอหลวงพ่อสำเนียงได้กลายไปเป็นพระภิกษุที่ชราท่านก็ได้ขึ้นมาเหยียบบนทรวงอกของข้าพเจ้า ซึ่งขณะนี้ข้าพเจ้ารู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง พร้อมกับมีความหวาดกลัวบารมีของหลวงปู่เป็นอันมาก ได้เปล่งเสียงออกมาว่า “กลัวแล้ว”-“กลัวแล้ว” ขณะเดียวกันก็มีน้ำลายฟูมฟายออกมาทางปาก เด็กลูกศิษย์ได้ช่วยเอากระโถนมารองรับ ปรากฎว่าเมื่อรู้สึกตัวดีแล้ว มีน้ำลายต้องค่อนกระโถนใบใหญ่ทีเดียว วิญญาณของหลวงปู่ที่มาประทับทรงในตัวข้าพเจ้าได้แสดงอภินิหารอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งข้าพเจ้าหมดความกระวนกระวาย ระงับสติได้ แต่มีความอ่อนเพลียมากทีเดียว วิญญาณของท่านก็ได้ออกจากร่างของหลวงพ่อสำเนียง ท่านก็ได้กบับมาอยู่ในสภาพเดิม แล้วท่านก็ได้แนะนำให้ถวายตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเสีย ท่านได้เล่าว่าที่ข้าพเจ้ามีอาการป่วยและดิ้นทุรนทุรายเช่นนั้น ก็เนื่องจากถูกบุคคลที่อิจฉาริษยาในวงการเดียวกัน ได้ใช้พิธีไสยศาสตร์ให้ข้าพเจ้ารับประทานของที่ไม่ดีเข้าไป จึงเป็นมูลเหตุให้เจ็บป่วย และดวงชะตาก็ตกต่ำ เช่นนั้น และหากมาหาหลวงพ่อไม่ทันกาลแล้ว ก็อาจจะสูญเสียชีวิตได้ นี่นับว่าโชคดีที่มาหาหลวงพ่อได้ทันเวลา คืนนั้นหลวงจากได้กระทำพิธีถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแล้วท่านก็ให้นอนค้างคืนที่กุฎิของท่าน คืนนั้นทั้งคืนข้าพเจ้ารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แล้วพอหลับตาลงไปทีไรก็เห็นพระแก่ๆ องค์หนึ่งยืนถือไม้เท้าอันยาว และที่หัวไม้เท้ามีรัศมีฉายแสงออกมา โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย พอรุ่งเช้าข้าพเจ้าก็เล่าเรื่องนี้ให้หลวงพ่อฟัง ก็ได้ทราบว่าพระแก่ๆ องคี่ข้าพเจ้ามองเห็นเวลาหลับตาลงไปนั้นแหละคือ “หลวงปู่วัดมะขามเฒ่า” ผู้ได้ส่งวิญญาณมาช่วยรักษาและคุ้มครองตัวข้าพเจ้า ในตอนเช้าหลวงพ่อได้กรุณาให้ลูกศิษย์วัดจัดอาหารเลี้ยงข้าพเจ้าและครอบครัวอีก ข้าพเจ้าได้รับประทานอาหารมื้อนี้ด้วยความเอร็ดอร่อยมากขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ก็ยังรู้สึกเพลียๆ อยู่ นระหว่างนั่งรัปประทานอาหารอยู่นั้น พอดีหลวงพ่อได้เดินจาก หอสวดมนต์มาทางโรงอาหารที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ พอเห็นหลวงพ่อมา ภรรยาของข้าพเจ้า ก็พูดกับข้าพเจ้าว่า หลวงพ่อเดินมาทางโน้นแน่ะ พอได้ยินว่าหลวงพ่อมา ข้าพเจ้าเกิดมีความรู้สึกกลัวหลวงพ่อเอามากๆ โดยไม่กล้าสบตาท่าน ภรรยาของข้าพเจ้าเล่าว่าในตอนนั้น ใบหน้าของข้าพเจ้าคล้ำลงไปถนัด หลวงพ่อจึงได้กล่าวว่าพิษร้ายยังไม่หมดไปจากตัวข้าพเจ้า จะต้องทำพิธีไล่ลงหม้ออีกครั้ง แล้วหลวงพ่อก็ได้กระทำพิธี ไล่สิ่งชั่วร้ายลงในหม้อดินอีกครั้งหนึ่งในตอนเช้า พร้อมทั้งยังรดน้ำมนต์ให้อีก ในตอนรดน้ำมนต์ ข้าพเจ้าก็ดิ้นทุรนทุรายด้วยความหวาดกลัวในบารมีหลวงพ่ออีก พอเสร็จพิธีหลวงพ่อก็มอบยาสมุนไพรชนิดหนึ่งให้มารับประทาน แล้วข้าพเจ้าและครับครัวก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพ โดยเข้าไปนมัสการลารูปปั้นหลวงปู่และหลวงพ่อบนหอสวดมนต์ แต่ข้าพเจ้ายังรู้สึกอ่อนเพลียมาก จึงปรารภต่อหลวงพ่อให้ทราบ หลวงพ่อสำเนียงก็ได้ยื่นมือมาตบที่หลังของข้าพเจ้าแล้วก็กล่าวว่าให้หายเหนื่อย คล้ายๆ กับว่าวาจาของท่านศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน ข้าพเจ้าก็หายเหนื่อยลงได้ แล้วก็นมัสการลาหลวงพ่อกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ฯลฯ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments