-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
พระผงรูปเหมือนหลวงปู่คำเเปลง ปุณฺณชิ บรรจุพระธาตุ





ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระผงรูปเหมือนหลวงปู่คำเเปลง ปุณฺณชิ บรรจุพระธาตุ |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525 |
ราคาเช่า | 350 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พฤ. - 04 ก.ค. 2567 - 21:32.08 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พฤ. - 04 ก.ค. 2567 - 21:32.08 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระผงรูปเหมือนหลวงปู่คำเเปลง ปุณฺณชิ รุ่นกินบ่เสี้ยง เฮงๆ รวยๆ จัดสร้างถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เเละดำรงพระพุทธศาสนา ขอให้ผู้ที่ได้รับมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองมากด้วยทรัพย์ภายในเเละ ทรัพย์ภายนอก ขอให้ผู้ที่ได้รับ อย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าใคร นับเเต่บัดนี้จนกระทั้งเข้าสู่พระนิพาน เถินฯl รุ่นนี้เเจกในงานอายุวัฒนะมงคล ๘๑ ปี หลวงปู่คำเเปลง ปุณฺณชิ #ธรรมะประวัติ หลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ (ธรรมแปลงผาหมากฮ่อ) วัดป่าพระไพรวัลย์ ต.ดงสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ปัจจุบัน วัดหนองบัวคำแสน อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู #เกริ่นนำ..ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เวลาพูดถึง หลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ องค์ท่านมักจะเอ่ยชื่อของหลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ ว่า “ ธรรมแปลงผาหมากฮ่อ ” เนื่องจากแต่ก่อนหลวงปู่คำแปลงท่านเคยปฏิบัติจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำผาหมากฮ่อ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย. #พรรษาที่ ๕ พ.ศ.๒๕๐๖ จำพรรษาที่วัดวชิราลงกรณ์วรารามวรวิหาร ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในปีนี้ หลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ ท่านได้รับพระบัญชาจากท่านเจ้าประคุณ พระพรหมมุนี(พิมพ์ ธัมมธโร)(ในสมัยนั้น) เมื่อครั้งหลวงปู่คำแปลงท่านได้ไปร่วมในงานพระราชทานเพลิงศพ พระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) ที่วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ในงานนี้เจ้าประคุณพระพรหมมุนี(พิมพ์ ธัมมธโร)ท่านได้เรียกหลวงปู่คำแปลงเข้าไปพบและมีพระบัญชาว่า “ ให้ท่านคำแปลงไปจำพรรษาช่วยงานที่วัดวชิราลงกรณ์วรารามวรวิหาร ” โดยที่ในสมัยนั้นมี พระเทพสุทธาจารย์ (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน) ท่านเป็นเจ้าอาวาส. ในการไปจำพรรษาอยู่ที่วัดวชิราลงกรณ์ฯในปีนี้ หลวงปู่คำแปลงท่านได้รับความไว้วางใจจากครูบาอาจารย์หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ผู้เป็นครูบาอาจารย์เจ้าอาวาสในสมัยนั้นแต่งตั้งให้ท่านเป็นพระอาจารย์สอนนักธรรมชั้นตรีให้กับพระเณรภายในวัดวชิราลงกรณ์ฯ. #ขออธิบายแทรกในเรื่องราวบางอย่างของหลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณ์วรารามวรวิหาร ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิลงกรณ์ฯ องค์นี้ หลวงปู่ชอบท่านบอกเป็นพระลูกศิษย์รุ่นน้องของท่านโดยมีครูบาอาจารย์ร่วมกัน ๔ องค์ คือ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม องค์ท่านหลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล แต่ว่าท่านกับหลวงปู่โชตินั้นไม่เคยได้อยู่ปฏิบัติร่วมกันในวาระสมัยที่ครูอาจารย์ทั้งสี่องค์ท่านนี้ยังทรงธาตุขันธ์กันอยู่. หลวงปู่ชอบท่านบอกเริ่มต้น หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ท่านเป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ องค์ท่านหลวงปู่ดุล อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ท่านกับหลวงปู่โชตินั้นได้มารู้จักกันครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๐๐ ที่วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในคราวที่ครูบาอาจารย์ท่านพ่อลี ธัมมธโร ได้นิมนต์พระป่ากรรมฐานที่เป็นลูกศิษย์สืบสายธรรมมาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใหญ่ องค์ท่านหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ให้มาประชุมกันร่วมในงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ. #เพิ่มเติม เรื่องงานฉลองพุทธ ๒๕ ศตวรรษ วัดอโศการาม. หลวงปู่ชอบท่านจะเรียกชื่องานนี้ว่า “ งานมหาบุญใหญ่ในกึ่งพุทธกาล ” คืองานมหาบุญใหญ่ในกึ่งพุทธกาลครั้งนี้นั้นท่านว่าเป็นงานที่ท่านพ่อลี ธัมมธโร ท่านได้นิมนต์พระอริยสงฆ์องค์เจ้าที่ท่านยังมีชีวิตธาตุขันธ์กันอยู่ในตอนนั้นให้พากันมาแผ่เมตตาให้กับ “ แผ่นดินไทย ”. สำหรับท่านเองนั้น ท่านว่า “ อาจารย์ลี(ท่านพ่อลี ธัมมธโร)เพิ่นบอกเฮา กระผมขอนิมนต์อาจารย์ชอบเทศน์ให้หมู่เทวดาที่เขามาร่วมงานอยู่นี่ฟังโลดเด้อ เทศน์ให้คนฟังนั่นกระผมสินิมนต์ครูบาอาจารย์หมู่คณะองค์อื่นเพิ่นเทศน์เอาดอก ”. หลวงปู่ชอบท่านบอก ตั้งแต่ท่านรับกิจนิมนต์จากเมืองเลยมาที่กรุงเทพ ท่านเห็นเทวดาเขามาฟังธรรมกับท่านนั้นก็มีบ้างแต่มีมาไม่มากแค่หลักร้อย หลักพันต้นๆ แต่ตอนปี ๒๕๐๐ ที่งานฉลองพุทธ ๒๕ ศตวรรษ ที่ครูบาอาจารย์ท่านพ่อลี ธัมธโร ท่านเป็นองค์ประธานได้จัดงานนี้ขึ้นมาในครั้งนั้น ท่านว่าท้าวสักกะเทวราช(พระอินทร์)ป่าวประกาศเชิญชวนพวกเทพเหล่าเทวดาสัมมาทิฐิที่อยู่ในทุกชั้นภูมิให้พากันมาร่วมอนุโมทนาในงานมหาบุญครั้งนี้ที่วัดอโศการามมีมากถึงจำนวน ล้านตน ซึ่งท่านเองนั้นก็ไม่เคยเห็นครั้งไหนที่มีพวกเทพเจ้าเหล่าเทวดาในทุกชั้นภูมิเขาพากันมาร่วมอนุโมทนาบุญที่พวกมนุษย์เราได้จัดขึ้นที่ในกรุงเทพและเขตชานเมืองได้มากเท่ากับที่ท่านนั้นได้เห็นอยู่ที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ในงานฉลองพุทธ ๒๕ ศตวรรษ ที่องค์ท่านพ่อลี ธัมมธโร ท่านได้เป็นประธานการจัดงานมหาบุญในครั้งนี้ขึ้นมา. ท่านว่า “ ถ่าบ่แม่นงานนี่เป็นงานมหาบุญใหญ่แล้วเฮากะสิเอิ้นว่างานอีหยัง (ถ้าไม่ใช่งานนี้เป็นงานมหาบุญใหญ่แล้วเราก็จะเรียกว่างานอะไร) ถ่าบ่แม่น(ถ้าไม่ใช่)บุญบารมีเก่าพระเจ้าอโศกของอาจารย์ลีเพิ่นแล้ว กะบ่มีผู้ใด๋อยู่เมืองไทยสิเฮ็ดได่คือเพิ่น(ก็ไม่มีผู้ใดในเมืองไทยจะทำได้เหมือนท่าน) ” (ปี ๒๕๓๖). #เรื่องอดีต หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณ์ฯ นครราชสีมา. หลวงปู่ชอบท่านบอกครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนนั้นท่านจะพากันเรียกชื่อสร้อยฉายาของหลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ว่า “ ท่านโซด บ่ลืมชาด ” ความหมายของชื่อสร้อยฉายานี้ของหลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ที่ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนจะพากันเรียกชื่อของท่านแบบนี้นั้นก็เพราะว่า หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ในอดีตชาตินั้นท่านได้ตายไปจนว่าเขาได้พากันเผาศพเก่าของท่านไปแล้ว นับจากวันที่เขาเผาศพเก่าของท่านไปแล้วนั้นท่านก็ได้มาเกิดใหม่ในชาติปัจจุบันนี้ทันที โดยการได้มาเกิดใหม่ของท่านในชาตินี้ท่านได้มาเกิดเป็นลูกชายซึ่งเป็นอดีตน้องสาวของตัวเองในชาติที่ผ่านมา ครูบาอาจารย์ใหญ่หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม พอองค์ท่านทราบเรื่องราวนี้ของหลวงปู่โชติแล้ว ท่านก็เลยเรียกชื่อหลวงปู่โชติลูกศิษย์ของท่านองค์นี้ว่า “ ท่านโซด บ่ลืมซาด ”. ซึ่งความหมายในคำนี้ของทางภาคอีสานนั้นก็คือความหมายของคำว่า “ ท่านโชติ ไม่ลืมชาติ ” นั่นเอง. ซึ่งเรื่อง หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณ์วรารามวรวิหาร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ท่านไม่เคยลืมในอดีตชาติเก่าที่ผ่านมานั้น เรื่องนี้หลวงปู่ชอบท่านได้สอบถามจากท่านหลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน เองในเรื่องนี้ตอนหลวงปู่โชติเข้ามากราบสนทนาธรรมกับท่านในงานฉลองพุทธ ๒๕ ศตวรรษ ที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ. #ใจมุ่งมั่นอยากจะเที่ยววิเวกขึ้นไปปฏิบัติที่ภาคเหนือ. หลังจากออกพรรษารับกฐินในปีนี้(๒๕๐๖)ที่วัดวชิราลงกรณ์ฯจังหวัดนครราชสีมา หลังจากเสร็จงานภารกิจรับใช้ครูบาอาจารย์ในการจำพรรษาปีนี้แล้วหลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ ท่านก็คิดอยากจะขอโอกาสกราบลาครูบาอาจารย์พระเทพสุทธาจารย์(หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน)เพื่อจะขึ้นไปเที่ยววิเวกทางภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่สัก ๑๕ วัน. (แต่ครั้นพอท่านได้ขึ้นไปเที่ยววิเวกภาวนาอยู่ทางเมืองเหนือแล้วหลวงปู่คำแปลงท่านเกิดติดใจในสถานที่ป่าดอยของทางเมืองเหนือ ท่านก็เลยได้จำพรรษาอยู่ปฏิบัติในทางภาคเหนือตามจังหวัดต่างๆอยู่นานหลายปี). ซึ่งในเรื่องพระเณรกรรมฐานอีสานเรานี้เมื่อท่านใดได้ขึ้นไปเที่ยววิเวกปฏิบัติอยู่ทางภาคเหนือแล้ว หลวงปู่ชอบท่านว่ามันมักจะมีมนต์เสน่หาทำให้เราเป็น “ ตุ๊เจ้าเมาดอย ”. คำว่า “ ตุ๊เจ้าเมาดอย ” ที่หลวงปู่ชอบท่านว่านี้ก็คือ เมื่อพระเณรกรรมฐานอีสานเราในสมัยก่อนนั้นถ้าใครได้ไปภาวนาอยู่ตามป่าดอยป่าในเขตทางภาคเหนือแล้ว ที่ทางเมืองเหนือนั้นท่านว่ามันจะมีธรรมชาติป่าดอยนอยเขาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำท่าอากาศอันเยือกเย็นสบายดี เวลาที่ภาวนาไปแล้วมันก็จะทำให้จิตใจของคนผู้นั้นท่านผู้นี้รู้สึกดื่มด่ำไปกับธรรมที่ตนเองนั้นได้ปฏิบัติอยู่ ที่สัปปายะแห่งกายแห่งใจที่มีอยู่ตามธรรมชาติอันเหมาะแก่การภาวนานั้น ท่านว่าคือเมืองเหนือ. ในสมัยก่อนตอนที่ท่านยังเที่ยววิเวกอยู่นั้น ท่านบอกไม่ว่าจะเป็นดินถิ่นใดในน้ำฟ้าอากาศอาหารทางเมืองเหนือนั้น “ ถ่องหลายแล้ว(ส่วนมากแล้ว) มันล่ะภาวนาดีภาวนาม่วนไปเบิ่ดสู่ม่อง(มันจะภาวนาดีภาวนาม่วนกันไปหมดทุกที่) จนอาจารย์ใหญ่มั่นเพิ่นว่าไห่พวกพระเณรเฮา เออ.! หมู่ตุ๊เจ้าพ่ะน้อยเฮานี่หนา (เออ.! หมู่พระเณรเรานี้หนา) มันสิพากันเป็นตุ๊เจ้าเมาดอยกันเน้อ.! ”. คำว่า “ ตุ๊เจ้าเมาดอย ” ที่หลวงปู่ชอบท่านว่าให้ฟังนี้ก็คือคำพูดจาว่าหยอกที่ครูบาอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านเคยว่าให้ลูกศิษย์อย่างพวกท่านเมื่อสมัยที่ยังพากันเป็นพระหนุ่มเณรน้อยคอยปฏิบัติอยู่กับครูบาอาจารย์ใหญ่องค์ท่านหลวงปู่มั่นที่ทางเมืองเหนือเชียงใหม่ในสมัยนั้น. ซึ่งเรื่องสัปปายะในทางภาคเหนือที่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบท่านว่ามาให้ฟังนี้มันก็จะสอดคล้องกันกับเรื่องที่ หลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ ท่านได้ยินครูบาอาจารย์พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิงห์ สุนทโร) หรือ “ หลวงปู่เมตตาหลวง ” วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม(วัดพระขาว) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เล่าให้ท่านฟังถึงเรื่องราวต่างๆของทางภาคเหนือในคราวที่หลวงปู่คำแปลงท่านไปอยู่ปฏิบัติอุปัฏฐากครูบาอาจารย์หลวงปู่เมตตาหลวงที่วัดพระขาว อำเภอปากช่อง. หลวงปู่เมตตาหลวงท่านเล่าถึงเรื่องที่ครูบาอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านเล่าให้กับทางหลวงปู่เมตตาหลวงฟังว่า “ ถ้าอยากภาวนาให้ไปภาวนาอยู่ทางภาคเหนือ ส่วนมากพวกเทวดาอยู่ที่นั่นเขาจะเป็นสัมมาทิฐิเวลาเราไปภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งไหนแล้วก็จะสะดวกสบาย ”. แล้ว หลวงปู่เมตตาหลวงท่านก็บอกกับหลวงปู่คำแปลงว่า ถ้าอยากจะสร้างวัดนั้นก็ให้ท่านสร้างอยู่ทางภาคอีสาน ถ้าอยากเที่ยวอยากสบายใจในอาหารการขบฉันนั้นก็ให้ท่านไปอยู่ทางภาคใต้ เพราะทางนั้นอาหารการกินมันมีเยอะ. หลังจากได้รับการอบรมแนวทางในการปฏิบัติจากครูบาอาจารย์แล้ว หลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ ท่านขอโอกาสกราบลาครูบาอาจารย์ทั้งสองของท่าน หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณ์ฯ กับ หลวงปู่เมตตาหลวง วัดพระขาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อที่จะขึ้นมาเที่ยววิเวกหาทางปฏิบัติอยู่ทางภาคเหนือ. เข้าหน้าหนาวปลายปี ๒๕๐๖ หลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ ท่านก็ออกเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาขึ้นมาเสาะแสวงหาเที่ยววิเวกอยู่ปฏิบัติศึกษาธรรมกับครูบาอาจารย์พระกรรมฐานเมืองเหนือ ซึ่งในสมัยนั้นจะมี องค์ท่านหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม(วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง) องค์ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ(วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว) องค์ท่านหลวงปู่สิม พุทธาจาโร(วัดถ้ำผาป่อง อ.เชียงดาว) ซึ่งในตอนนั้นครูบาอาจารย์ทั้งสามองค์ท่านนี้ยังอยู่เป็นเสาหลักธรรมค้ำใจให้กับหมู่พระเณรลูกหลานกรรมฐานอีสานที่ทางเมืองเหนือ จังหวัดเชียงใหม่. ปี ๒๕๐๖ จึงเป็นครั้งแรกที่ หลวงปู่คำแปลง ปุณณชิ ท่านได้ขึ้นมาเที่ยววิเวกเสาะแสวงหาปฏิบัติอยู่กับครูบาอาจารย์พระกรรมฐานทางภาคเหนือในสมัยนั้น. เที่ยววิเวกมุ่งมั่น เพื่อศึกษาธรรมอยู่ปฏิบัติกับครูบาอาจารย์. |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments