-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด พระเกจิภาคกลางตอนล่าง
เหรียญราชามงคล หลวงพ่อสนธิ์ วัดไทรย์นิโครธาราม จ.อ่างทอง




ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญราชามงคล หลวงพ่อสนธิ์ วัดไทรย์นิโครธาราม จ.อ่างทอง |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระเกจิภาคกลางตอนล่าง |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | อ. - 15 ต.ค. 2567 - 21:25.57 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พฤ. - 31 ต.ค. 2567 - 15:06.14 |
รายละเอียด | |
---|---|
เครดิต ศิษย์สายวัดสะพานสูง 30 พฤษภาคม 2017 · ตำนานตะกรุดราชามงคล อ.ฉลอง เมืองแก้ว ในวงการพระเครื่องและไสยศาสตร์ ล้วนทราบว่า มีอาจารย์เพียงสองท่าน ที่สามารถนำวัตถุมงคลไปทิ้งทะเล และเรียกกลับมาได้ อาจารย์ทั้งสองท่านล้วนเป็นฆราวาสทั้งคู่ อาจารย์ทั้งสองท่าน คือ อ.ชุม ไชยคีรี และ อ.ฉลอง เมืองแก้ว เรื่องของอ.ชุม มีคนนำมาลงมากมาย แต่เรื่องอ.ฉลอง เมืองแก้ว ไม่ค่อยมีใครนำมาลง แอดมินจึงขอนำเรือ่ง พิธีกรรมการเสกตะกรุดราชามงคล ของอ.ฉลอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถอดจากปาฐกถา อ.เสถียร โพธินันทะ ที่ท่านเคยบรรยายไว้ครั้งหนึ่ง เนื่องจากอ.เสถียร เป็นลูกศิษย์อ.ฉลอง เมืองแก้ว ท่านจึงอยู่ในเหตุการณ์ การปลุกเสกทั้งสามครั้ง เมื่อปีสงครามอินโดจีน อ.ฉลอง เมืองแก้ว อยากจะรังสรรค์สร้างตะกรุดฝากไว้ในแผ่นดิน ท่านจึงทำตะกรุดราชามงคล เนื้อทองคำ จำนวน๑๒๐ดอก และตะกรุดนี้ มีพิธีปลุกเสกค่อนข้างพิศดาร ต้องไปปลุกเสกที่ทะเล ที่ป้าช้าผีดิบ ที่ยอดประสาทดังมีรายละเอียดดังนี้ สถานที่ที่อ.ฉลอง ไปปลุกเสกที่ทะเล คือเกาะลอยศรีราชา ท่านให้ลูกศิษย์ท่าน ที่เป็นราชกาลใหญ่ เป็นคนนั่งเรือ ไปโปรยตะกรุดที่ทะเล และจัดพิธีราชวัตรฉัตรธง ที่ชายฝั่ง เมื่อเริ่มพิธีเรียกตะกรุด ฟ้าที่สงบนิ่งกลับแปรปรวน มีทั้งลมมีทั้งฝน คลื่นซัดชายหาดดังตึงๆ พออ.ฉลองทำพิธีอยู่สองสามชั่วโมง มีตะกรุดวิ่งมาตามคลื่น วิ่งเลยขึ้นมาถึงชายฝั่ง ตะกรุดทะยอยทีหนึ่ง สองดอกสามดอก จนไม่มีตะกรุดเข้ามาแล้ว อ.ฉลอง จึงให้ลูกศิษย์ตรวจนับดู มีอยู่เพียง๑๑๙ดอก หายไปดอกหนึ่ง อ.ฉลองกำหนดจิตดู ก็ทราบว่าอีกดอกหนึ่ง ถูกเด็กที่อยู่แถวนั้นขโมยไป พิธีที่สองทำที่ป่าช้าวัดดอนยานนาวา ตอนที่ทำพิธี มีตำรวจเข้ามาสอบถามว่าเข้ามาทำอะไรกัน เพราะมีคนแจ้งว่า มีคนเป็นร้อยเข้าไปที่บริเวณป่าช้า ทางคณะลูกศิษย์จึงบอกตำรวจว่า มาทำพิธีปลุกเสกของ ตำรวจเลยขออยู่ดูด้วย อ.ฉลอง ได้ให้ลูกศิษย์โปรยตะกรุดไปรอบบริเวณป่าช้า โปรยไปโดยไม่ต้องกำหนดทิศทาง เรียกว่าโปรยซี้ซั้วเลย เมื่ออ.ฉลองทำพิธีเรียก ตะกรุดได้ลอยมาทางอากาศ โดนหัวโดนตัวผู้ที่จะเป็นเจ้าของ เพราะมีชื่อเขียนไว้ที่หัวตะกรุด พิธีที่สาม เสกที่ยอดประสาทวัดราชนัดดา เมื่อบวงสรวงกันเรียบร้อย ถึงฤกษ์ปลุกเสก อ.ฉลองเดินนำลูกศิษย์ขึ้นไปสี่ห้าคน พอไปถึงยอดปราสาท ปรากฏว่าประตูลูกกรงล็อค อ.ฉลองเลยถามว่ากุญแจอยู่กับใคร ทำเอาป่วนเลย เพราะกุญแจอยู่กับเณร และเณรก็กลับไปกุฏิแล้ว ลูกศิษย์เลยทำท่าว่าจะวิ่งไปเอากุญแจ อ.ฉลองเลยว่า ไม่ทันการแล้ว เดี๋ยวไม่ทันฤกษ์ ท่านเดินผลุบเข้าไปที่ช่องแค่ฝ่ามือ ต่อหน้าต่อตาศิษย์ที่เห็นเหตุการณ์ เมื่อท่านโปรยตะกรุดเรียบร้อย ท่านก็ทำพิธีเรียก ตะกรุดก็วิ่งไปหาท่านทั้งหมด เป็นอันเสร็จพิธี ปรากฏว่าอ.ฉลองท่านออกไม่ได้ คงจะใช้พลังจนหมด ต้องเดือดร้อนไปปลุกเณรเอากุญแจ หลวงปู่สนธิ์ เป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียว ของอ.ฉลอง วิชาตะกรุดราชมงคลก็ไปตกกับท่าน วิชาตะกรุดราชามงคล มีวิธีทดสอบว่าทำได้หรือยัง วิธีนั้นคือ ต้องเสกลูกอมเทียน ที่ลอยน้ำให้จม และเสกลูกอมผงที่จมน้ำ ให้ลอยน้ำ หลวงปู่สนธิ์ ท่านเคยแสดงไว้ และนิตยสารอณมิลิตเคยนำมาลง แต่เป็นที่น่าเสียดาย หลวงปู่สนธิ์ ไม่ได้ทำตะกรุดราขามงคลไว้ แต่ยังดีที่ท่านสร้างเหรียญเอาไว้ นำยันต์ราชามงคลมาบันจุหลังเหรียญ หลวงปู่สนธิ์องค์นี้เก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่ร่างท่านไม่เน่าเปื่อย เผาก็ไม่ไหม้ นับว่ายังโชคดี ปัจจุบัน มีศิษย์สายหลวงปู่สนธิ์ สำเร็จเสกลูกอมเทียนจม ลูกอมผงลอย ได้สร้างตะกรุดราชามงคลขึ้นมาชุดหนึ่ง อาจารย์ท่านนั้นคืออ.คมเดช โพนเงิน หากใครสนใจลองหาวิธีติดต่อกันเอง เหรียญราชามงคล หลวงพ่อสนธิ์ วัดไทรย์นิโครธาราม จ.อ่างทอง หลวงพ่อสนธิ์ เป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียว ของ อ.ฉลอง เมืองแก้ว ผู้สืบทอดวิชาราชามงคล เหรียญ สวย เดิม ๆ ไม่ผ่านการใช้ #วัตถุมงคลที่ค้ำคูนดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำ????? " เหรียญราชามงคล " หลวงพ่อสนธิ์ วัดไทรย์นิโครธาราม จ.อ่างทอง รุ่นแรก เนื้อทองแดงผิวไฟ พระเครื่องดีที่ถูกลืมจริงๆ และหลายคนอาจพบเห็น มองข้ามไป เป็นเหรียญในพระเกจิอาจารย์ที่มีปาฏิหาริย์มากท่านหนึ่ง " ท่านพระครูวรกิจจาภิราม " หรือ " หลวงพ่อสนธิ์ อธิมุตฺโต " วัดไทรย์นิโครธาราม จ.อ่างทอง ท่านเป็นพระเกจิที่ทรงวิทยาคมขลังอีกรูปหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง ปาฏิหารย์ของท่านมีมากตั้งแต่สมัยยังดำรงสังขารแล้ว ปาฏิหาริย์ของท่านเป็นที่รู้จักกันเมื่อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๓๗ ได้รายงานข่าวศพหลวงพ่อสนธ์ อธิมุตโต หรือพระครูวรกิจจาภิรม พระเกจิอาจารย์แห่งจังหวัดอ่างทองเผาไฟแล้วไม่ไหม้ แม้ศพหลวงพ่อรูปนี้จะมรณภาพมานานแล้ว ก็ไม่ย่อยสลายเหมือนกับศพคนธรรมดาทั่วไป สังขารท่านแม้จะมรณภาพไปเกือบยี่สิบปีแต่เล็บเกศาของท่านก็ยังงอกยาวได้เองนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ และที่สำคัญแม้จะเป็นการจัดพระราชทานเพลิงศพ โหมไฟใส่ฟืนเผาอย่างไร ศพก็ไม่ไหม้ เมื่อถึงเวลากำหนดเปลวไฟอันลุกโชนไม่สามารถทำอันตรายเผาพลาญเนื้อหนังร่างสรีระสังขารของท่านได้ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ และถกเถียงกันถึงเหตุอัศจรรย์ครั้งนี้ นับจาก ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ทางวัดก็ได้เก็บสรีระของท่าน ไว้ ทำให้ประชาชนและชาวบ้านต่างทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน จนเรื่องของท่านได้ขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของประเทศไทย ในยุคนั้น....... ความเป็นมาของวัดไทรย์นิโครธาราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ตามประวัติวัดกล่าวว่าสร้างขึ้นนับเป็นวัดตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดใน อ.ไชโย อายุประมาณ 600 ปี ชื่อวัดไทรย์นิโครธารามนั้นมีประวัติความเป็นมา เนื่องจากหน้าวัดมีต้นไทรย์ศักดิ์สิทธิ์ต้นใหญ่ และต้นโพธิ์คู่กัน ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงต้นโพธิ์ นอกจากนี้ในวัดยังมีต้นยางอายุ 100 กว่าปีถึง 8 ต้น เวลามีศพไม่ว่าจะตายจากที่ไหน จะลอยมาโผลที่หนัาต้นไทรย์ต้นนี้ และก่อนจะถึงต้นไทรย์ตรงช่วงหัวเขื่อนจะมีวังน้ำวนเป็นเวิ้งขนาดใหญ่ จึงได้ชื่อว่า บ้านบางน้ำวน วันหนึ่งมีพระพุทธรูปลอยน้ำมาติดอยู่ที่รากต้นไทรย์ ชาวบ้านจะช่วยกันยกขึ้นมาก็ไม่สามารถยกได้ ทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น สุดท้ายต้องให้พระนำสายสิญจน์มาทำพิธี และอันเชิญขึ้นมา จนชาวบ้านตั้งให้เป็นหลวงพ่อไทรย์ลอย ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถจนปัจจุบัน แต่ไม่มีใครทราบว่าฝังอยู่ในพระประทานองค์ไหนในโบสถ์และยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ เพราะชาวบ้านได้เอาปูนโปะปั้นไว้ และพระที่ปั้นไว้เป็นพระแฝดเหมือนกันหมดทุกองค์ ทุกครั้งที่เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานในพระอุโบสถท่านเล่าว่าท่านสัมผัสได้ถึงความศักสิทธิ์บางสิ่งจากแสงที่มาจากพระพุทธรูปในโบสถ์ นอกจากนี้วัดไทรย์นิโครธารามยังมีหอระฆังเก่าซึ่งอายุกว่า 500 ปี ซึ่งปัจจุบันทางกรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณซ่อมแซม และได้พบพระสมเด็จรุ่นเก่า ๆ บนยอดหอระฆัง แต่ปัจจุบันได้หายไปตามกาลเวลา และยังมีต้นโพธิ์ใหญ่ที่อยู่ร่วมกับวัดมาร่วม 600 ปี อยู่ข้างพระโบสถ์ และหลวงพ่อท่านเล่าว่าเวลาไปนั่งสมาธิจะได้ยินเสียงระนาดบรรเลง หรือบางทีก็เห็นเด็กวิ่งเล่น ส่วนเจ้าอาวาสที่ชาวบ้านรู้จักกันดีคือหลวงพ่อสนธิ์เป็นอดีตเจ้าอาวาสและเป็นบูรพาจารย์ทางด้านวิชาราชามงคลพลิกชะตาอันเลื่องลือ มีวัตถุมงคลมากมาย ปัจจุบันท่านได้ละสังขารแล้ว วัดไทรย์นิโครธารามนั้นขาดการบูรณมาร่วม 30 ปี แต่ปัจจุบันได้เริ่มการบูรณปฏิสังขรณ์ และไม่มีการบันทึกว่าเจ้าอาวาสวัดไทรย์นิโครธารามมีมาตั้งแต่ยุคสมัยใด เพราะไม่มีการบันทึกลงทำเนียบเจ้าอาวาส หลังจากสอบถามชาวบ้านคนเก่าคนแก่ทราบเพียงแค่มี หลวงพ่อโห้ หลวงพ่อเต่า หลวงพ่อเหลือม หลวงพ่อสนธิ์ แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีใครทราบเพราะคนที่รู้ได้จากไปหมดแล้ว ถ้าใครมีความทุกกายทุกใจ ไม่สบายกายไม่สบายใจ ให้เข้าไปกราบขอโชคขอพร หลวงพ่อในพระอุโบสถ แล้วจะสำเร็จผลสมดั่งปราถนา #วิชาราชามงคล คือ #วิชาที่พลิกชะตาพลิกฐานะที่ตกต่ำให้เจริญขึ้น ......หลวงพ่อสนธิ์ ท่านเกิดเมื่อ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ เป็นบุตรของพ่อเขียนและแม่ ปั่น นามสกุลเดิม ผลปราชญ์ เมื่ออายุครบบวชก็ได้อุปสมบทที่วัดชัยสิทธาราม(วัดโกรกกราก)เมื่อ๑๗สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๓ ท่านหลวงพ่อสนธิ์เล่าเรียนสรรพวิชาจากท่านพระครูวินิจสุตคุณ หรือที่ชาวบ้านรู้จักว่า “หลวงพ่อโห้” เจ้าอาวาสวัดไทรย์ฯในขณะนั้นมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม๑๕ปี หลวงพ่อโห้เป็นเกจิอาจารย์ที่มีอาคมเข้มขลังอย่างมากอีกรูปหนึ่ง ท่านหลวงพ่อสนธิ์มาเป็นเจ้าอาวสวัดไทรย์เมื่อพ.ศ๒๕๑๔ และท่านมรณภาพเมื่อ ๒๙เมษายน ๒๕๓๖หลังจากนั้นสองปีคือพ.ศ.๒๕๓๘ ทางวัดจัดงานพระราชทานเพลิงศพท่านและเกิดปาฏิหาริอย์ ศพไม่ไหม้เป็นที่ร่ำลืออย่างมากในยุคนั้น ท่านหลวงพ่อสนธิ์ท่านนี้นับว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ท่านสำคัญที่เหล่าพระคณาจารย์ยุคปัจจุบันหลายท่านเป็นลูกศิษย์ ท่านสืบวิชาสำคัญ ๆไว้มาก โดยเฉพาะกับท่าน อาจารย์ ฉลอง เมืองแก้ว อดีตภิกษุผู้ทรงอภิญญาจิต สามารถเสกข้าวสารเป็นกุ้ง และทำพิธีขอข้าวทิพย์จากเทวดาเป็นที่น่าอัศจรรย์ ปรากฏ ใน นสพ.บางกอกไทม์ เมื่อกว่า๔๐ปีมาแล้วท่านอาจารย์ฉลองฯ นี้มีวิชาสำคัญๆมากพอตัว ที่เล่าลือว่ามีอานุภาพทางส่งทางค้ำคูน สุดยอด ซึ่งท่านทำวิชานี้ลงใส่ตะกรุดแล้วไปทิ้งในป่าใช้ ใช้อาคมเรียกให้มาได้ครบทุกดอก วิชาราชามงคลนี้ร่ำลือมาก จนมีเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันนำมาแอบอ้างว่าสำเร็จวิชานี้หลายท่านทั้งๆที่ไม่รู้ว่าวิชานี้ จริงๆเป็นเช่นไร ซึ่งเท่าที่ทราบ ว่าผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้ อย่างจริงแท้ท่านหนึ่งคือ อาจารย์สุทธิ์ บ้านน้ำเกลี้ยง ฯ วิชาราชามงคลนั้นเป็นวิทยาคมที่ใช้กำลังจิตสูง มากผู้ฝึกฝน หาสมาธิไม่ดีพอ จะอายุสั้นถือเป็นวิชากินจิตคือเสียพลังปราณอย่างมาก ต้องเสกของหนักให้ลอยน้ำ เสกของเบาให้จมน้ำ อธิบายให้เห็นภาพก็คือเสกขี้ผึ้งที่ปกติลอยน้ำ ให้จมน้ำ และเสกลูกแก้ว ที่จมน้ำให้ลอยขึ้น จึงจะนับว่ามีกำลังจิตถึงซึ่งท่านหลวงพ่อสนธิ์ ฝึกถึงขั้นสุดท้ายเสกลูกแก้วลอยเต็มโอ่งน้ำ แต่ยังไม่ไม่สามารถทำ ให้ลูกแก้วลอยได้ถาวรแบบทำให้ลมอมเทียนจมน้ำแบบถาวรก็นับว่าทรงอานุภาพมากแล้ว ซึ่งวิชาการฝึกจิตแบบนี้ก็มีในสายวัดมะขามเฒ่า ซึ่งท่านมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ก็เคยเล่าว่ามีการฝึกจิตบังคับให้ลูกอมเทียน จมน้ำอยู่ในระหว่างการฝึกด้วย เลขยันต์วิชาราชามงคลคือการขับพระเคราะห์ เข้าเป็นดวงประสูติตรัสรู้สัมมาสัมพุทธเจ้า ในแบบวิทยาคมตามคติโหราศาสตร์ที่ว่า สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ประเสริฐกว่าใครในโลก มีดวงพระชะตา มีเคราะห์เป็นมหาอุตม์ ที่หมายถึงยอดเยี่ยมถึง๘ดวง วิชาราชามงคลนี้เมื่อขับเทพพระเคราะห์ เข้าเป็นดวงพระพุทธเจ้า แล้วก็ขับดวงเข้าพระนิพพานซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ว่าสำเร็จอักขระเพียงตัวเดียวในวิชานี้(อักขระตัวเดียวจริงๆแบบเส้นผมบังตา) แต่ในรูปเลขยันต์เวลาทำวัตถุมงคลจะลงเป็นดวงพระพุทธเจ้าแบบหลังเหรียญท่านหลวงพ่อสนธ์ที่นำมาลงในฉบับนี้นั่นเอง ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องวิชาราชามงคลนี้เปิดเผย ในอุณมิลิต เป็นแห่งแรก สำหรับเหรียญราชามงคลรุ่นนี้ สร้างเป็นรูปท่าน ก่อนมรณภาพปลุกเสกอย่างดี และประจุยันต์ตามวิชาราชามงคลไว้ แบบปกปิดชนิดไม่บอกไม่รู้เป็นวัตถุมงคลที่มีอานุภาพสูงจากพระแกจิอาจารย์ที่สำเร็จวิชาจริงและคร่ำเคร่งฝึกกันทั้งชีวิต ถือว่า ท่านหลวงพ่อสนธ์นี้ ก็หนึ่งไม่สองรองใครเรื่องพลังจิตเช่นกันเหรียญราชามงคลนี้ เด่นทางมงคลค้ำคูนสูงมาก ผู้ใดสักการะด้วยดีจะเกิดสิริมงคลอย่างอนันต์ เป็นเหรียญเก่าเก็บกว่า ๓๐ ปี ราคายังไม่สูงมาก นับเป็น ของดีที่น่าเก็บ วัตถุมงคลของท่านมีประสปการณ์มากมาย แบบชนิดแบบปากต่อปาน จนทำให้คนในพื้นที่และคนในพื้นที่ใกล้เคียงเสาะหากันมากขึ้นในขณะนี้ เริ่มหายากกันทุกวัน |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments