-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด เครื่องรางของขลัง
ข้าวตอกพระร่วง



ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | ข้าวตอกพระร่วง |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | เครื่องรางของขลัง |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | อา. - 25 พ.ค. 2568 - 21:56.11 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | จ. - 26 พ.ค. 2568 - 14:12.48 |
รายละเอียด | |
---|---|
ปิดท้าย ตำนานข้าวตอกพระร่วง “ครั้งพระร่วงได้เสด็จออกผนวช ในวันตักบาตรเทโว ณ วัดเขาพระบาทใหญ่ สุโขทัย หลังจากทรงฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ได้โปรยเศษข้าวแล้วอธิษฐานให้กลายเป็นหิน จึงเรียกกันว่า “ข้าวตอกพระร่วง” บางส่วนมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสาร เรียก “ข้าวพระร่วง” หรือ “ข้าวสารพระร่วง” ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เพราะเกิดจากวาจาสิทธิ์ของพระร่วงเจ้า” คำว่า “พระร่วง” เป็นลักษณะของบุคลาธิษฐานที่ปรากฏเรื่องเล่าสืบต่อกันมาในรูปแบบของตำนานเมือง ตำนานพื้นบ้าน และ ตำนานทางศาสนา โดยแพร่หลายในดินแดนภาคเหนือตอนล่างและทางตอนเหนือของสยามประเทศ ก่อนจะกระจายตัวมายังดินแดนภาคกลางในเขตเมืองละโว้หรือลพบุรี เค้าโครงเรื่องเล่าของ ‘พระร่วง’ จะปรากฏให้เห็นในเอกสารต่างๆ เช่น พงศาวดารลาวเฉียง ซึ่งต่อมาภายหลังเรียก “พงศาวดารโยนก” ตลอดจน ชินกาลมาลีปกรณ์ และตำนานพุทธสิหิงค์ ได้ให้ภาพลักษณ์ของพระร่วงในลักษณะของผู้นำหรือวีรบุรุษทางวัฒนธรรม (Culture hero) โดยแสดงลักษณะของผู้มีฤทธิ์ ผู้มีอำนาจ มีความรู้ความสามารถ โดยมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม ผูกพันกับชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันของชาวบ้าน ตลอดจนแสดงให้เห็นในลักษณะของ "ภูมินาม" ในสถานที่ต่างๆ ตามเรื่องเล่าและคติความเชื่อที่สืบทอดกันมา เรื่องราวของ “พระร่วง” ปรากฏในบริบททางประวัติศาสตร์ไทย ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 โดยมีลักษณะเป็นตำนานบรรพบุรุษในตำนานเมือง ซึ่งแพร่หลายในแถบเขมรและมอญ ก่อนจะถูกเชื่อมโยงเข้ากับประวัติความเป็นมาของเมืองในแถบภาคเหนือตอนล่าง รู้จักกันในรูปแบบของเพลงพระโถง (พระทอง) และเพลงนางนาค ซึ่งทั้งสองเพลงนี้ก็ได้เผยแพร่เข้ามายังสยามประเทศ โดยเฉพาะในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการบรรเลงเพื่อใช้ประกอบพิธีแต่งงาน ต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็นเพลงไทยเดิมโบราณยุคแรกๆ ของไทย ซึ่งผูกจากตำนานที่กล่าวถึง ‘พระทอง’ ผู้เป็นเจ้าเมือง ได้บำเพ็ญตบะอยู่ริมแม่น้ำใหญ่จนพบกับ ‘นางนาค’ และได้ร่วมอภิรมย์สมสู่จนเกิดเป็นทารกชายได้นามต่อมาว่า “พระร่วง” และสืบราชสมบัติของพระทอง ตำนานขอมดำดิน นอกจากนี้ เรื่องราวของ “พระร่วง” ยังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตำนานนิทานพื้นบ้าน ที่สอดรับกับภูมิประเทศและลักษณะทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น เช่น ตำนานพระร่วงส่วยน้ำ, ตำนานขอมดำดิน, เรื่องพระร่วงมีวาจาสิทธิ์, ตำนานพระร่วงอรุณราชกุมาร, ตำนานพระร่วง-พระฤา (พระลือ)} เรื่องพระร่วงทรงว่าว, ข้าวตอกพระร่วง, ปลาพระร่วง, โซกพระร่วง (เรื่องพระร่วงลับพระขรรค์), ตำนานการทอดยอดผักบุ้งจากแก่งหลวง แม่น้ำยม ศรีสัชนาลัย ที่กล่าวถึงพระร่วงเสด็จไปหามารดาในนาคพิภพและหายลงไปในแก่งหลวง โดยเชื่อกันว่า เมื่อใดที่ผักบุ้งจากแก่งหลวงทอดยอดขึ้นไปพันพระบรมธาตุ พระร่วงจะเสด็จคืนนคร ฯลฯ ทำนบพระร่วงบริเวณเขาพระบาทใหญ่ ข้าวตอกพระร่วง สำหรับ “ข้าวตอกพระร่วง” นั้น ความจริงเป็นออกไซด์ของเหล็กชนิดหนึ่ง เรียกว่า แร่ LIMONITE ซึ่งสามารถเกิดผลึกโดยอาศัยรูปผลึกของแร่ชนิดอื่นได้ มักพบตามแผ่นหินผุตามเทือกเขา โดยเฉพาะบริเวณเชิงเขาพระบาทใหญ่ จ.สุโขทัย เมื่อทุบแผ่นหินผุให้แตกจะพบหินสีสนิมเหล็กคล้ายลูกเต๋า บ้างก็เป็นสีน้ำตาลไหม้ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ถ้าก้อนใหญ่ทุบอีกก็จะแยกเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดตั้งแต่ 3 ซ.ม.- 3.5 ซ.ม. ซึ่งชาวบ้านจะเรียกชื่อว่า “ข้าวตอกพระร่วง” ตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ ... “ข้าวตอกพระร่วง” เป็นแร่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระร่วงท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือ เปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น ในขณะที่พระองค์เสด็จออกผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ และในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว ณ วัดเขาพระบาทใหญ่ เมืองสุโขทัย หลังจากทรงฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ได้โปรยเศษข้าวก้นบาตรพร้อมข้าวตอดอกไม้ลงไปบนลานวัด แล้วทรงอธิษฐานว่า ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหิน มีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครที่ได้นำไปบูชา ขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง จึงเรียกชื่อกันว่า “ข้าวตอกพระร่วง” บางส่วนมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสาร เรียก “ข้าวพระร่วง” หรือ “ข้าวสารพระร่วง” ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เพราะเกิดจากวาจาสิทธิ์ของพระร่วงเจ้า ... ข้าวตอกพระร่วง เจียรนัยแล้ว ข้าวตอกพระร่วง จึงได้รับความนิยมสะสมอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องมาแต่โบราณของชาวเมืองสุโขทัย โดยเฉพาะชาวบ้านตำบลเมืองเก่า ได้นำมาเจียระไนขัดและฝนกับกระดาษทรายจนเกลี้ยงเกิดเป็นเม็ดหินสีดำคล้ายนิล ประกอบเข้ากับเครื่องเงินโบราณ แปรสภาพเป็นเครื่องประดับชิ้นงามพกติดตัวไปทุกที่ โดยเชื่อว่าเป็นสิริมงคลสูง บ้างก็นำมาฝนกับหินบดยาผสมน้ำใช้ทาแก้พิษสัตว์และพิษต่างๆ บางคนนำใส่ตลับสีผึ้งไว้ทาปาก เพื่อความเมตตามหานิยม อันเกี่ยวเนื่องกับความมีวาจาสิทธิ์ของพระร่วงเจ้าอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรณีวิทยา ได้ตรวจสอบแล้วสรุปว่า แร่ที่ชาวบ้าน เรียกว่าข้าวตอก พระร่วงนี้ คือ แร่โลหะชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "แร่ไพไรต์" นั่นเอง อีกชนิดหนึ่งมีลักษณะ คล้ายเม็ดข้าวสารฝังจม ปนอยู่ในหินแร่เหล่านี้ด้วย ชาวบ้าน เรียกว่า ข้าวสารพระร่วง ทั้งสอง ชนิดนี้เป็นที่นิยมกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดมีไว้ถือว่าเป็นสิริมงคล มีความสุขความเจริญด้วย โภคทรัพย์ต่าง ๆ นอกจากนั้นยังนิยม นำมาฝนกับ แผ่นกระเบื้องบดยาหยดน้ำลงไปด้วย ขณะที่ฝนแล้วนำน้ำนั้นมาทาบริเวณที่ถูกพิษแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า ข้าวตอกพระร่วง ตะขาบ มด แมลงป่อง ก็จะหายจากอาการเจ็บปวดอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ชาวบ้านนิยมนำมาดับพิษแมลงเวลาถูกต่อย จะใช้กันอย่าง แพร่หลายด้วยความศรัทราส่วนคนเฒ่าคนแก่ที่กินหมากนั้น จะนิยมนำข้าวตอก พระร่วงมาใส่ปนกับสีผึ้งทาปากตลับละหนึ่งถึงสองเม็ด เหตุที่ทำเช่นนี้เพราะเชื่อว่ามีเมตตา มหานิยมดี โดยเฉพาะเม็ดที่ติดกันชาวบ้านเรียกว่า "อมกัน" นิยมกันมากว่ามีเมตตามหานิยมมากยิ่งขึ้น ข้าวตอกพระร่วง ความเชื่อ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้ แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ ๑.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธนาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ ๒.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที ข้าวตอกพระร่วง เมื่อปี ๒๕๑๖ พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น... และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา บนหิ้งหรือพกติดตัวจะอยู่ดีกินดีมีความสุขความเจริญรุ่งเรือง ด้วยเงินทองและโชคดี มีโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยและยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย ข้าวตอกพระร่วง คำบูชาข้าวตอกพระร่วง (ตั้งนะโม ๓ จบ) สวด พะยะเก มะพะยะ หลังจากอธิษฐานจิตและได้สิ่งสมปรารถนาแล้ว ขอให้ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้ถึงพระร่วงเจ้าและข้าวตอกพระร่วง จะเจริญยิ่งขึ้นเป็นมงคลแก่ชีวิตตลอดไปขอสรรพสิริสุขสวัสดิ์ เจริญด้วยโภคา ธนาทรัพย์ ทุกท่านเทอญ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments