-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525
สมเด็จมหาลาภ ผสมเกศา หลวงปู่น สมาหิโต




ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | สมเด็จมหาลาภ ผสมเกศา หลวงปู่น สมาหิโต |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน หลังปี 2525 |
ราคาเช่า | 350 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พฤ. - 10 ก.ค. 2568 - 21:32.59 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ศ. - 11 ก.ค. 2568 - 10:59.04 |
รายละเอียด | |
---|---|
สมเด็จมหาลาภ ผสมเกศา หลวงปู่น สมาหิโต ..สวยเดิม พระอริยเจ้าที่กราบไหว้ได้สนิทใจครับ หลวงปู่ปั่น สมาหิโต 2 เมษายน · ๒ เมษายน ๒๕๖๘ น้อมถวายมุทิตาสักการอายุวัฒนมงคล ๙๙ ปี หลวงปู่ปั่น สมาหิโต สำนักสงฆ์ศรีอุทัย ต.วังยาง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ................ ชีวประวัติ หลวงปู่ปั่น สมาหิโต หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๔๖๙ ณ บ้านต้นผึ้ง ต.บะฮี อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร (ปัจจุบันเป็นตำบลต้นผึ้ง อ.พังโคน จ.สกลนคร) เป็นบุตรของพ่อพันธ์ แม่แปร ผลจันทร์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คนดังนี้ 1. หลวงปู่ปั่น สมาหิโต เจ้าของประวัติ 2. นายบุญจันทร์ ผลจันทร์ เสียชีวิตแล้ว 3. นายบัวจันทร์ ผลจันทร์ เสียชีวิตแล้ว การศึกษา เมื่อเติบโตขึ้นมาอายุครบเกณฑ์เข้ารับการเรียน หลวงปู่ท่านก็ได้เข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนประชาบาลบ้านต้นผึ้งจากชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนกระทั้งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อันเป็นการศึกษาชั้นสูงสุดในยุคสมัยนั้น หลังจากจบการศึกษาแล้วท่านก็ได้ออกมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครับ และทำหน้าที่พี่ชายดูแลน้อง ๆ ช่วยพ่อแม่เพื่อแบ่งเบาภาระท่าน ชีวิตครอบครัว หลวงปู่ปั่น สมาหิโต ท่านได้ช่วยพ่อมีประกอบอาชีพ และเลี้ยงดูน้อง ๆ แบ่งเบาภาระของทางบ้านเรื่อยมาจนกระทั้งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น อายุได้ 16 ปี บิดาท่านเห็นสมควรเหมาะแก่การก่อสร้างครอบครับใหม่ ส่งให้บุตรชายอันเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจให้ถึงฝั่งฝัน ผู้เป็นบิดาก็ได้ดำเนินการจัดการสู่ขอและงานแต่งกับหญิงสาวให้กับหลวงปู่ปั่น สมาหิโตอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับนางทองจันทร์ จนกระทั่งมีบุตรคลอดพยานรักอออกมา 1 คน แต่ด้วยวัยรุ่นที่ยังมีความคะนอง ทำให้การครองรักของท่านนต้องมีเหตุให้สะดุดลงไป เป็นเหตุให้ทั้งสองต้องแยกกันเดินคนละเส้นทาง หลวงปู่ปั่น ท่านมองเห็นหน้าบุตรอันเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของท่าน ท่านจึงขันอาสาเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพังโดยให้ความรัก ความอุ่นกับลูกของท่านเสมือนที่พ่อพันธ์ แม่แปร ผลจันทร์ได้มอบให้กับท่านมิได้ขาด ท่านเล่าว่าได้ขันอาสาเลี้ยงลูกด้วยความพากเพียร ต่อสู้กับความยากจนเรื่อยมา เมื่อเสร็จจากเก็บเกี่ยวข้าว พ่อพันธ์ ผลจันทร์ผู้เป็นบิดาของท่านกลัวว่าหลวงปู่ปั่น จะไม่มีข้าวกิน ท่านก็เอาเกวียนบรรทุกข้าวมาให้ทุก ๆ ปี ด้วยความรักความห่วงใยจากพ่อ หลวงปู่ปั่นท่านบอกว่า ท่านรับข้าวไว้จากผู้เป็นพ่อเพียงเล็กน้อย ที่เหลือหลวงปู่ท่านก็ได้เอาเกวียนบรรทุกข้าวกลับไปส่งคืนพ่อเหมือนเดิม อุปสมบทครั้งที่ 1 เมื่ออายุได้ 16 ปี หลวงปู่ปั่น สมาหิโต ท่านก็ได้แยกตัวออกไปสร้างครอบครัวใหม่ มีลูกอันเป็นที่รักดั่งแก้วตาดวงใจที่ท่านได้เพียรพยายามเลี้ยงดูลูกด้วยความเมตตา อบรมสั่งสอนให้อยู่ในศีลธรรมอันดีงามมาเสมอ เมื่อได้ได้หย่าร้างกับภรรยาแล้วทำให้ท่านได้หวนคืนลำรึกนึกถึงบุญคุณของบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ท่านพิจารณาเห็นว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่ได้มีโอกาศตอบแทนบุญคุณของบิดามารดาเลยสักครั้ง เมื่ออายุครบ 20 ปี ท่านจึงได้ตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุตามประเพณีเป็นระยะเวลา 1 พรรษาเพื่อตอบแทนคุณบิดามารดา แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าองค์หลวงปู่ท่านจำข้อมูลการอุปสมบทครั้งนี้ไม่ได้ จำได้เพียงแต่ว่าบวชไปแล้วได้ 1 พรรษายังติดใจในรสของพระธรรมแต่ก็ยังเป็นห่วงลูกที่ยังเล็กอยู่ไม่มีผู้ดูแล จึงตัดสินใจลาสิกขาบทออกมีใช้ชีวิตทางโลกต่อไป สร้างครอบครัวเพื่อลูก เลี่ยวเบิ่งไปทางดัย บ้านดัยเขากะมีแม่ บาดเลี่ยวมาเบิ่งลูกเจ้าของผัดมีแต่พ่อ คิดมาแล้วน้ำตาผ่าหน่วย เมื่อท่านเล่าไปถึงความลำบากของช่วงชีวิตที่ท่านเป็นหม้าย เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงดูลูกลำพังเพียงคนเดียวไม่มีแม่คอยให้ความอบอุ่น กลัวลูกจะหว้าเหว่ ท่านจึงตัดสินใจสร้างครอบครัวใหม่อีกครั้ง โดยหวังว่าจะให้ลูกได้มีแม่เหมือนกับครอบครัวอื่น โดยครั้งนี้ท่านเล่าว่า ได้ตกลงกับผู้ที่จะมาเป็นแม่ให้กับลูกว่าจะต้องเลี้ยงดูเสมือนลูกของตนเอง ท่านจึงได้ตกลงสร้างครอบครัวใหม่กับคุณแม่พันธ์ศรี รัตนานิคม ซึ่งเป็นสาวชาวภูไท สร้างครอบครัวด้วยความรักความอบอุ่นจนกระทั่งได้พยานรักใหม่อีก 2 คน ด้วยนิสัยขององค์หลวงปู่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง จริงจังในการสร้างครอบครัว เมื่อท่านแต่งงานครั้งที่ 2 ใหม่ๆ ท่านเคยขอบิดาไปค้าขายโดยมีทุนเพียง 3 บาท แต่บิดาท่านไม่อนุญาต หลวงปู่จึงอาศัยทำไร่ไถ่นาตามฤดูกาล และจับปลาขายเป็นอาชีพ ห่างว่างจากฤดูกาลทำนา ท่านก็หารายได้เสริมด้วยการเป่าแคนให้กับหมอลำ อุปสมบทครั้งที่ 2 เมื่อหลวงปู่ท่านใช้ชีวิตทางโลกมาพอสมควร ทั้งการครองตน ครองคน ครองเรื่อน ในการดูแลภรรยาและลูกๆ ให้ได้ถึงฝั่งฝัน ช่วยให้ลูกได้มีอาชีพที่มั่นคงแล้ว ท่านจึงตัดสินใจออกบวชเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้ท่านได้รับการอุปสมบท ณ อุโบสถวัดสันติสังฆาราม บ.บัว ต.สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๔ โดยมีพระครูสันตยาภิมณฑ์ (หลวงปู่บัวไข สนฺตจิตฺโต) วัดสันติสังฆาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูใบฎีกาเชาวรัตน์ กมฺมสุทฺโท วัดท่าวังหิน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อหลวงปู่ปั่นได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางไปรับการฝึกอบรมด้านจิตภาววนากับหลวงพ่อหนูแดง นาควโร วัดป่าบ้านนาเหมือง อ.พังโคน จ.สกลนคร โดยจำพรรษากับท่านอยู่ที่วัดป่าบ้านนาเมือง อ.พังโคน จ.สกลนคร พรรษาที่ ๒ หลวงพ่อหนูแดง นาควโร พาหลวงปู่ไปจำพรรษา ปฏิบัติธรรม ณ ถ้ำเสือใหญ่ หรือวัดป่าเวฬุวนาราม(ภูผาเจี๊ยะ) อ.เมือง จ.มุกดาหาร หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า เวลาลงปาฏิโมกข์ ท่านจะไปร่วมสังฆกรรมที่วัดศรีมงคลเหนือ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งไม่ไกลกันมากเท่าไร พรรษาที่ ๓ หลวงพ่อหนูแดงท่านเดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดป่าบ้านนาเหมือง และอาพาธ หลวงปู่ปั่น ท่านพำหนักที่ภูผาเจี๊ยะ อ.เมือง จ.มุกดาหารเมือใกล้เข้าพรรษา ท่านทราบว่าหลวงพ่อหนูแดง อาพาธหนักจึงเดินทางกลับมาอุปัฏฐากหลวงพ่อหนูแดง ที่วัดป่าบ้านนาเหมือง พรรษาที่ 4 ปฏิบัติธรรม ณ ภูลังกา จ.นครพนม พรรษาที่ 5 ปฏิบัติธรรม ณ อ่าวลึก จ.ชลบุรี พรรษาที่ 6 ปฏิบัติธรรม ณ ภูลังกา จ.นครพนม พรรษาที่ 7 จำพรรษาที่วัดศิริดำรงวนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พรรษาที่ 8 -27 จำพรรษาที่วัดป่าบ้านถ่อนพัฒนา บ้านถ่อน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พรรษาที่ 28 – 31 พักจำพรรษาที่วัดป่าศิริดำรงวรานราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พรรษาที่ 32- ปัจจุบัน พักจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์ศรีอุทัย อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments