ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เบ็ดเตล็ด เกี่ยวกับพระเครื่อง

ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน

ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก  หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน - 1ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก  หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน - 2ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก  หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน - 3
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ เบ็ดเตล็ด เกี่ยวกับพระเครื่อง
ราคาเช่า 450 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระมาใหม่
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ศ. - 05 ก.ย. 2568 - 21:26.48
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ศ. - 05 ก.ย. 2568 - 21:26.48
รายละเอียด
ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน

ตะกรุดเงิน โค้ดเงิน
หมายเลข 875

จำนวนสร้าง 1,500 องค์

องค์นี้ ก็สุด ๆ เหมือนกันครับ....



เครดิต โพสต์ของ สํานักตักศิลาไสยเวทย์
สํานักตักศิลาไสยเวทย์
24 กุมภาพันธ์ 2020
·
พระครูพินิจสมุทรคุณ​ (หลวงพ่อตี๋ สุจิณโณ)​
อดีตเจ้าอาวาส​วัดบางคณฑีใน​ จ.สมุทร​สงคราม
เจ้าแห่งท้องทุ่งบางคนที​ เทพเจ้านาเกลือเรือตังเก
ศิษย์เอกพุทธ​า​คม​ หลวงปู่สุด​ แห่งวัดกาหลง
หลวงพ่อตี๋ ท่านเป็นชาวบางคนทีโดยกำเนิด
ชื่อเดิมของท่านคือ “วินิจ” เกิดเมื่อ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ ณ บ้านบางคนที ตำบลบางคนที อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม โยมบิดาของท่านชื่อ “นายเจือ ศรีฉ่ำ” โยมมารดาชื่อ “นางเฉลิม ศรีฉ่ำ” มีอาชีพทำสวน
หลวงพ่อบรรพชาอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๒ ปี
ณ วัดบางคณฑีใน เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๑๗
โดยมีท่านพระครูวิริยคุณ เจ้าคณะอำเภอบางคนที​ (เจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่) เป็นพระอุปัชฌาย์
ท่านพระครูพิศาลสมุทรคุณ (หลวงพ่อหลา)
วัดบางคณฑีใน​ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
และพระใบฏีกาทองสุข เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ท่านได้รับฉายาว่า “สุจิณโณ”
หลวงพ่อเล่าว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านเรียนวิชามามากที่สุดคือหลวงอาของท่านที่ชื่อ พระครูพิศาลสมุทรคุณ​ “หลวงพ่อหลา” อดีตเจ้าอาวาสวัดบางคณฑีในแห่งนี้​ หลวงพ่อหลาเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เชี่ยวชาญทั้งในด้านวิปัสสนากรรมฐานและคาถาอาคม โดยเฉพาะน้ำมนต์ ท่านว่าเด็ดขาดนัก รดแล้วหมดเคราะห์หมดโศก หรือจะเป็นวัตถุมงคลประเภทพระเครื่ององค์เล็กๆที่ก่ออภินิหาริย์ไว้มากมาย​ เรียกได้ว่าทั้งหมดทั้งปวงที่หลวงพ่อหลามีอยู่ได้ถูกถ่ายทอดมาสู่พระหลานชายของท่านองค์นี้จนหมดไส้หมดพุง​เลยทีเดียว
หลวงพ่อตี๋เล่าว่าสมัยที่ท่านไปเรียนและนอนอยู่ในกุฏิของ​ พระครูสมุทรธรรมสุนทร​ (หลวงพ่อสุด วัดกาหลง)​ มีวันหนึ่งท่านได้ตื่นขึ้นกลางดึกและได้หันไปมองตรงที่หลวงปู่สุดนอน ก็ไม่เห็นหลวงปู่สุด​ คงเห็นแต่เป็นเสือโคร่งตัวใหญ่นอนอยู่​ ท่านว่าขยี้ตาหลายครั้งก็ยังมองเห็นแต่เสือ แต่ที่สุดของที่สุดแล้วเมื่อท่านระลึกได้ว่าหลวงปู่สุดท่านมีวิชาเสือสมิง ท่านจึงตั้งสติได้ ด้วยเหตุนี้แหละครับหลวงพ่อตี๋ ท่านจึงนับถือหลวงปู่สุด วัดกาหลงเป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อท่านเรียนวิชาการสักยันต์ตะกร้อกับวิชาเสือสมิง​ ตลอดจนสรรพ​วิชา​ต่าง​ ๆจนจบแล้ว หลวงปู่สุดจึงได้มอบเข็มสักให้ท่านเล่มหนึ่ง ซึ่งเข็มเล่มนี้หลวงพ่อตี๋ท่านถือเป็นเจ็มเล่มครูของท่านเลยทีเดียว
หลวงพ่อเล่าว่าวันหนึ่งท่านรู้สึกสนใจว่าทำไมคนจีนถึงเขียนยันต์ “ฮู้” ได้ขลังกันนัก...แล้วความขลังนั้นมันเกิดจากอะไร​ "เกิดจากตัวยันต์​ หรือเกิดจากคนทำ" ด้วยเหตุนี้แหละครับท่านจึงได้เข้ามาเมืองกรุงเพื่อมาขอเรียนวิชากับท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง​
พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร
(โพธิ์แจ้งมหาเถระ) วัดโพธิ์แมนคุณาราม​ กรุงเทพฯ
เพราะท่านสืบทราบมาว่า​ ท่านเจ้าคุณ​ เป็นพระที่เก่งมากและที่เด็ดขาดคือท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง​ เป็นพระจีนแต่เสกพระได้ขลังแบบพระไทย เล่ากันว่าท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งเรียนวิชามาหลายสำนัก ทั้งของจีนและธิเบต โดยเฉพาะ”วิชาเหมาซาน” ถือว่าทอดสายตาไปในแผ่นดินแล้วยากจะหาผู้ต่อกร
เรียนยันต์ไทยก็ยากเอาเรื่องอยู่แล้ว
พอมาเรียนยันต์จีนยิ่งหนักเข้าไปกว่าเก่า ปวดหัวตึบ
“ภาษาจีนเป็นภาษาที่มหัศจรรย์ บางทีแค่ตัวอักษรเพียงตัวเดียวแต่สามารถเขียนและตีความหมายได้มากมาย แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าผู้ใดที่จะเรียนวิชานี้จะต้องสามารถเขียนและอ่านภาษาจีนได้”
ว่ากันว่า”ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น” เพราะหลวงพ่อตี๋ท่านได้ใช้เวลาไปมาหาสู่ระหว่างวัดบางคณฑีใน​ กับวัดโพธิ์แมนอยู่เกือบปี​ ท่านว่าในที่สุดแล้วก็บรรลุถึงทางออก​ โดยการจ้างให้พระจีนในวัดนั่นแหละ​ สอนภาษาจีนให้ท่าน จนท่านสามารถเขียนและอ่านภาษาจีนได้ชำนาญ จึงได้รับการสอนวิชาจากท่านเจ้าคุณ ซึ่งหลวงพ่อตี๋บอกพวกเราว่าท่านได้เรียนมาก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น​ ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่ท่านได้มากที่สุดจากการเรียนวิชากับท่านเจ้าคุณ​ คือเรื่องของ “สมาธิจิต”
ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งของตำบลบางคนที เล่าให้พวกเราฟังว่าพวกเขามีอาชีพเกษตรกรทำไร่องุ่นเพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ตลาด​ ในช่วงที่ฝนตกชุกจะเป็นช่วงที่องุ่นเริ่มติดผล ซึ่งสภาพของดินฟ้าอากาศแบบนี้โรคและแมลงก็เจริญเติบโตเช่นเดียวกัน​ นอกเหนือไปจากการใช้ยาและตาข่ายปกคลุมต้นองุ่นแล้ว สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติกันเป็นประจำคือการนำผ้ายันต์ของหลวงพ่อตี๋ไปปักไว้กลางสวน ผ้ายันต์ที่พวกเขากล่าวถึงคือ “ธงกฐิน” เชื่อกันว่า “ปักธงแล้วจะไม่มีแมลงมารบกวน” เชื่อกันว่า “ปักธงแล้วองุ่นจะปราศจากโรค”
จะว่าไปแล้วเรื่องแบบนี้มันก็อธิบายกันยาก
ว่าธงกฐินของหลวงพ่อตี๋มันมาเกี่ยวกับไร่องุ่นได้อย่างไร แต่พวกเกษตรกรเหล่านั้นก็ประสบผลสำเร็จกับวิธีการแบบนี้มาตลอด ซึ่งมันก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง
จะเป็นว่าแมลงเหล่านั้นกลัว “รูปจรเข้คาบดอกบัว” หรือโรคพืชเดินทางมาพบ​ “รูปนางมัจฉาถือดอกบัว” ก็เลยเข้าใจผิดพากันอพยพไปลงที่อื่น แต่เรื่องแบบนี้ถ้าเพื่อนๆเคยศึกษาประวัติของครูบาอาจารย์รุ่นเก่า​ ๆ ก็จะพบว่าในบริบทของสังคมไทยมีการใช้วิชาอาคมมากำหราบโรคห่า(ชื่อในสมัยนั้น) ซึ่งเรื่องของธงกฐินกับไร่องุ่นมันก็มาในทำนองนั้น​ ไม่แน่นะครับบางทีธงกฐินอาจเป็นสัญญลักษณ์แห่งชัยชนะของชาวเกษตรกรก็ได้
ปัจจุบัน​หลวงพ่อตี๋ท่านได้ละสังขาร​แล้ว
เมื่อ​เมื่อประมาณ 05.00 น. ของ​ วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2553 สิริอายุรวมได้​ 57 ปี

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top