-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด เบ็ดเตล็ด เกี่ยวกับพระเครื่อง
ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน



ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | เบ็ดเตล็ด เกี่ยวกับพระเครื่อง |
ราคาเช่า | 450 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ศ. - 05 ก.ย. 2568 - 21:26.48 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ศ. - 05 ก.ย. 2568 - 21:26.48 |
รายละเอียด | |
---|---|
ล็อกเก็ต หน้าหนุ่ม รุ่นแรก หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน ตะกรุดเงิน โค้ดเงิน หมายเลข 875 จำนวนสร้าง 1,500 องค์ องค์นี้ ก็สุด ๆ เหมือนกันครับ.... เครดิต โพสต์ของ สํานักตักศิลาไสยเวทย์ สํานักตักศิลาไสยเวทย์ 24 กุมภาพันธ์ 2020 · พระครูพินิจสมุทรคุณ (หลวงพ่อตี๋ สุจิณโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางคณฑีใน จ.สมุทรสงคราม เจ้าแห่งท้องทุ่งบางคนที เทพเจ้านาเกลือเรือตังเก ศิษย์เอกพุทธาคม หลวงปู่สุด แห่งวัดกาหลง หลวงพ่อตี๋ ท่านเป็นชาวบางคนทีโดยกำเนิด ชื่อเดิมของท่านคือ “วินิจ” เกิดเมื่อ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ ณ บ้านบางคนที ตำบลบางคนที อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม โยมบิดาของท่านชื่อ “นายเจือ ศรีฉ่ำ” โยมมารดาชื่อ “นางเฉลิม ศรีฉ่ำ” มีอาชีพทำสวน หลวงพ่อบรรพชาอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๒ ปี ณ วัดบางคณฑีใน เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๑๗ โดยมีท่านพระครูวิริยคุณ เจ้าคณะอำเภอบางคนที (เจ้าอาวาสวัดเกาะใหญ่) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านพระครูพิศาลสมุทรคุณ (หลวงพ่อหลา) วัดบางคณฑีใน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฏีกาทองสุข เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านได้รับฉายาว่า “สุจิณโณ” หลวงพ่อเล่าว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านเรียนวิชามามากที่สุดคือหลวงอาของท่านที่ชื่อ พระครูพิศาลสมุทรคุณ “หลวงพ่อหลา” อดีตเจ้าอาวาสวัดบางคณฑีในแห่งนี้ หลวงพ่อหลาเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เชี่ยวชาญทั้งในด้านวิปัสสนากรรมฐานและคาถาอาคม โดยเฉพาะน้ำมนต์ ท่านว่าเด็ดขาดนัก รดแล้วหมดเคราะห์หมดโศก หรือจะเป็นวัตถุมงคลประเภทพระเครื่ององค์เล็กๆที่ก่ออภินิหาริย์ไว้มากมาย เรียกได้ว่าทั้งหมดทั้งปวงที่หลวงพ่อหลามีอยู่ได้ถูกถ่ายทอดมาสู่พระหลานชายของท่านองค์นี้จนหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว หลวงพ่อตี๋เล่าว่าสมัยที่ท่านไปเรียนและนอนอยู่ในกุฏิของ พระครูสมุทรธรรมสุนทร (หลวงพ่อสุด วัดกาหลง) มีวันหนึ่งท่านได้ตื่นขึ้นกลางดึกและได้หันไปมองตรงที่หลวงปู่สุดนอน ก็ไม่เห็นหลวงปู่สุด คงเห็นแต่เป็นเสือโคร่งตัวใหญ่นอนอยู่ ท่านว่าขยี้ตาหลายครั้งก็ยังมองเห็นแต่เสือ แต่ที่สุดของที่สุดแล้วเมื่อท่านระลึกได้ว่าหลวงปู่สุดท่านมีวิชาเสือสมิง ท่านจึงตั้งสติได้ ด้วยเหตุนี้แหละครับหลวงพ่อตี๋ ท่านจึงนับถือหลวงปู่สุด วัดกาหลงเป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อท่านเรียนวิชาการสักยันต์ตะกร้อกับวิชาเสือสมิง ตลอดจนสรรพวิชาต่าง ๆจนจบแล้ว หลวงปู่สุดจึงได้มอบเข็มสักให้ท่านเล่มหนึ่ง ซึ่งเข็มเล่มนี้หลวงพ่อตี๋ท่านถือเป็นเจ็มเล่มครูของท่านเลยทีเดียว หลวงพ่อเล่าว่าวันหนึ่งท่านรู้สึกสนใจว่าทำไมคนจีนถึงเขียนยันต์ “ฮู้” ได้ขลังกันนัก...แล้วความขลังนั้นมันเกิดจากอะไร "เกิดจากตัวยันต์ หรือเกิดจากคนทำ" ด้วยเหตุนี้แหละครับท่านจึงได้เข้ามาเมืองกรุงเพื่อมาขอเรียนวิชากับท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิ์แจ้งมหาเถระ) วัดโพธิ์แมนคุณาราม กรุงเทพฯ เพราะท่านสืบทราบมาว่า ท่านเจ้าคุณ เป็นพระที่เก่งมากและที่เด็ดขาดคือท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง เป็นพระจีนแต่เสกพระได้ขลังแบบพระไทย เล่ากันว่าท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งเรียนวิชามาหลายสำนัก ทั้งของจีนและธิเบต โดยเฉพาะ”วิชาเหมาซาน” ถือว่าทอดสายตาไปในแผ่นดินแล้วยากจะหาผู้ต่อกร เรียนยันต์ไทยก็ยากเอาเรื่องอยู่แล้ว พอมาเรียนยันต์จีนยิ่งหนักเข้าไปกว่าเก่า ปวดหัวตึบ “ภาษาจีนเป็นภาษาที่มหัศจรรย์ บางทีแค่ตัวอักษรเพียงตัวเดียวแต่สามารถเขียนและตีความหมายได้มากมาย แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าผู้ใดที่จะเรียนวิชานี้จะต้องสามารถเขียนและอ่านภาษาจีนได้” ว่ากันว่า”ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น” เพราะหลวงพ่อตี๋ท่านได้ใช้เวลาไปมาหาสู่ระหว่างวัดบางคณฑีใน กับวัดโพธิ์แมนอยู่เกือบปี ท่านว่าในที่สุดแล้วก็บรรลุถึงทางออก โดยการจ้างให้พระจีนในวัดนั่นแหละ สอนภาษาจีนให้ท่าน จนท่านสามารถเขียนและอ่านภาษาจีนได้ชำนาญ จึงได้รับการสอนวิชาจากท่านเจ้าคุณ ซึ่งหลวงพ่อตี๋บอกพวกเราว่าท่านได้เรียนมาก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่ท่านได้มากที่สุดจากการเรียนวิชากับท่านเจ้าคุณ คือเรื่องของ “สมาธิจิต” ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งของตำบลบางคนที เล่าให้พวกเราฟังว่าพวกเขามีอาชีพเกษตรกรทำไร่องุ่นเพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ตลาด ในช่วงที่ฝนตกชุกจะเป็นช่วงที่องุ่นเริ่มติดผล ซึ่งสภาพของดินฟ้าอากาศแบบนี้โรคและแมลงก็เจริญเติบโตเช่นเดียวกัน นอกเหนือไปจากการใช้ยาและตาข่ายปกคลุมต้นองุ่นแล้ว สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติกันเป็นประจำคือการนำผ้ายันต์ของหลวงพ่อตี๋ไปปักไว้กลางสวน ผ้ายันต์ที่พวกเขากล่าวถึงคือ “ธงกฐิน” เชื่อกันว่า “ปักธงแล้วจะไม่มีแมลงมารบกวน” เชื่อกันว่า “ปักธงแล้วองุ่นจะปราศจากโรค” จะว่าไปแล้วเรื่องแบบนี้มันก็อธิบายกันยาก ว่าธงกฐินของหลวงพ่อตี๋มันมาเกี่ยวกับไร่องุ่นได้อย่างไร แต่พวกเกษตรกรเหล่านั้นก็ประสบผลสำเร็จกับวิธีการแบบนี้มาตลอด ซึ่งมันก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง จะเป็นว่าแมลงเหล่านั้นกลัว “รูปจรเข้คาบดอกบัว” หรือโรคพืชเดินทางมาพบ “รูปนางมัจฉาถือดอกบัว” ก็เลยเข้าใจผิดพากันอพยพไปลงที่อื่น แต่เรื่องแบบนี้ถ้าเพื่อนๆเคยศึกษาประวัติของครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ก็จะพบว่าในบริบทของสังคมไทยมีการใช้วิชาอาคมมากำหราบโรคห่า(ชื่อในสมัยนั้น) ซึ่งเรื่องของธงกฐินกับไร่องุ่นมันก็มาในทำนองนั้น ไม่แน่นะครับบางทีธงกฐินอาจเป็นสัญญลักษณ์แห่งชัยชนะของชาวเกษตรกรก็ได้ ปัจจุบันหลวงพ่อตี๋ท่านได้ละสังขารแล้ว เมื่อเมื่อประมาณ 05.00 น. ของ วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2553 สิริอายุรวมได้ 57 ปี |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments