-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด เหรียญปั๊ม ปี 2521 ถึง 2540
เหรียญพระสังกัจจายน์ พระอาจารย์นพวรรณ วัดเสนานิมิต (1)





ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญพระสังกัจจายน์ พระอาจารย์นพวรรณ วัดเสนานิมิต (1) |
อายุพระเครื่อง | 43 ปี |
หมวดพระ | เหรียญปั๊ม ปี 2521 ถึง 2540 |
ราคาเช่า | 450 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ศ. - 10 ต.ค. 2568 - 21:14.37 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ศ. - 10 ต.ค. 2568 - 21:14.37 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญพระสังกัจจายน์ หลังยันต์โป๊ยเซียน พระอาจารย์นพวรรณ วัดเสนานิมิต ปี 2525 เนื้อนวะโลหะ เป็น เหรียญ พระสังกัจจายน์ รุ่นแรก และ รุ่นเดียว ของท่าน สำหรับเหรียญพระสังกัจจายน์ รศ.200 หลังยันต์โป๊ยเซียน รุ่นนี้ จัดสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2525 ซึ่งเป็นปีที่กรุงรัตนโกสินทร์มีอายุได้ 200 ปี (รศ.200) โดยพระอาจารย์นพวรรณ วัดเสนานิมิต พระเกจิชื่อดังสายวัดพระญาติเพราะท่านนั้นเป็นหลานหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ โดยสายเลือด (ยายท่านเป็นน้องสาวของหลวงพ่ออั้น) ด้านหน้าของเหรียญรุ่นนี้นั้นเป็นรูปพระสังกัจจายน์ปางสมาธิ มีการออกแบบให้คล้ายคลึงกันกับเหรียญพระแก้วมรกตฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ส่วนด้านหลังนั้นเป็นยันต์สายวัดพระญาติและล้อมรอบด้วยรูปเคารพ เทพโป๊ยเซียนหรือเทพ 8เซียนของจีน เหรียญพระสังกัจจายน์ รศ.200 ปีรุ่นนี้พระอาจารย์นพวรรณท่านปลุกเสกเดี่ยวตามสายวิชาวัดพระญาติแบบเดี่ยวๆ เหมือนชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกินในกุฏิของท่านอย่างเงียบๆ เป็นเวลานานนับเดือนก่อนที่จะนำออกให้บูชาซึ่งมีประสบการณ์ด้านการเงิน โชคลาภ สูงมากจึงทำให้หมดจากไว้ไปอย่างรวดเร็วนานแล้วครับด้วยเพราะว่าสร้างน้อยและอยู่กับผู้ที่มีประสบการณ์หมด สํานักตักศิลาไสยเวทย์ 3 กันยายน 2022 · พระครูพิศาลอุทัยสาร (หลวงพ่อนพวรรณ คุณสาโร) เจ้าคณะตำบลบ้านหีบ เจ้าอาวาสวัดเสนานิมิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกองค์หนึ่งในปัจจุบัน ที่มีความเชี่ยวชาญในสรรพวิทยาคาถาอาคมอย่างหาตัวจับเทียบได้ยากยิ่ง อีกทั้งประสบการณ์ของวัตถุมงคลที่ท่านสร้างออกมามีประสบการณ์แพร่หลายและเป็นที่เสาะหาของบรรดานักนิยมพระเครื่องทั่วไป หลวงพ่อนพวรรณท่านเป็นพระรูปร่างเกินอวบเล็กน้อย ผิวเข้ม สักยันต์เต็มตัว ด้วยความที่ท่านเป็นคนไทยแท้ ๆ แห่งเมืองกรุงเก่า ลูกหลานชาวนา และพื้นเพเป็นคนท้องถิ่นนี้ เท่าที่พวกเราสังเกตดูหลวงพ่อนพวรรณ ท่านจะเป็นพระที่พูดจาเสียงดัง พูดตรง ๆ หรือที่เราเรียกกันว่า “ขวานผ่าซาก” นั่นแหละ แต่บทที่ท่านคุยติดตลกซิครับ เรียกเสียงฮาดัง ๆ...ได้รอบวงสนทนาจริง ๆ ดังนั้นเมื่อท่านเข้ามาที่วัดเสนานิมิตแห่งนี้ จงอย่าแปลกใจเลยหากจะได้ยินการสนทนาซึ่งคล้าย ๆ กับคนกำลังทะเลาะกัน...ยิ่งกับชาวบ้านละแวกวัด และกลุ่มลูกศิษย์แล้วต่างถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าวันไหนไม่ได้ยินเสียงหลวงพ่อซิ จึงจะเป็นเรื่องที่แปลก ซึ่งผมคิดว่าการที่ต้องมีการพูดคุยเหมือนตะโกน อาจเกิดขึ้นจาก สภาพของพื้นที่และทำเลที่ตั้ง ของวัดซึ่งอยู่กลางท้องนา ถามว่าระยะห่างจากถนนผ่านท้องนาเข้าไปที่วัดไกลแค่ไหน อยากให้เพื่อน ๆ จินตนาการถึงสนามฟุตบอลซักหนึ่งสนาม แล้วลองเอากระป๋องโค้กไปตั้งไปตรงกลาง เปรียบเทียบดูว่าสนามฟุตบอลเป็นท้องนาและกระป๋องโค้กเป็นวัดซิครับ ไกลประมาณนั้นแหละ ซึ่งบริบทของการสนทนาแบบพูดตรง ๆ ไม่เกรงใจญาติโยมอย่างนี้ หลวงพ่อเมตตาขยายความด้วยน้ำเสียงเหน่อ ๆ อันดังปนหัวเราะให้พวกเราฟังว่า “ทำไมกูต้องสนใจ ถ้าญาติโยมหรือลูกศิษย์จะชอบกู นับถือกู ก็ต้องชอบหรือนับถือที่กูพูดจริง ไม่ใช่เพราะกูพูดเพราะ...อีกอย่างกูก็ไม่ใช้พระรับแขก...” (หัวเราะ) สิ่งที่หลวงพ่อนพวรรณท่านพูดออกมา ลักษณะที่เป็นตัวของตัวเอง บางทีคล้ายกับเป็นการมั่นใจในตัวเองสูงแบบสุดโต่ง แต่หากเราพิจารณาให้ดีแล้ว สิ่งที่ท่านพูดคือความเป็นจริงล้วน ๆ ลองถามใจตัวเองดูซิครับว่าเราชอบคนแบบไหน ชอบคนที่พูดจริง หรือคนที่พูดจาไพเราะ...บนโลกมนุษย์ที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังชั่ง ตวง วัด คุณค่าของความเป็นคนจาก “รูปลักษณ์ภายนอก” ซึ่งหมายรวมถึงคำพูดหวาน ๆ มากกว่าความเป็นจริง แต่สำหรับหลวงพ่อนพวรรณ ท่านไม่ใช่... “วันนี้ไอ้พวกผีบ้า มานิมนต์กูไปเหยียบบ้าน กูบอกมึงไม่ต้องมานิมนต์กูหรอก มึงไปนิมนต์หลวงพ่อ หลวงน้า วัดแถวบ้านมาเจิมเป็นสิริมงคล ไม่ต้องมาเอากู กูก็พระธรรมดา อ้อ..นี่พวกมึงมานิมนต์เพราะว่ากูมีชื่อใช่มั๊ย ศรัทธากูที่ชื่อ ที่กูมีชื่อเสียง ไม่ใช่ศรัทธากูที่เป็นพระ ไอ้พวกผีบ้า...เดี๋ยวกูถีบหน้าหงาย”(หัวเราะ) อย่างไรก็ตามถึงหลวงพ่อนพวรรณ ท่านจะมีฝีปากที่ร้อนแรงดังมังกรพ่นไฟ แต่ “สิ่งที่พวกเราเห็นก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปทั้งหมด”...โดยเฉพาะ...ถ้าคุณค่าความยิ่งใหญ่ของคนวัดกันที่ผลงาน ความยิ่งใหญ่ของพระสงฆ์รูปนี้ก็คงดูได้จากสิ่งที่พวกเราเห็น วัดเสนานิมิต ตามที่หลวงพ่อนพวรรณเล่าให้พวกเราฟัง ความว่าเป็นวัดร้างเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ซึ่งตัวท่านเองก็ไม่สามารถย้อนระลึกชาติได้ว่าอยู่ในสมัยพระเจ้าอะไร จำได้ก็แต่ลืมตาเกิดมาก็เห็นวัดนี้แล้ว ความตั้งใจมุ่งมันที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ จึงฝังอยู่ในความคิดของท่านตั้งแต่เด็ก ๆ จนเมื่อท่านบวชและก้าวเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสวัดเสนานิมิตแห่งนี้แหละ จากสภาพเดิม ๆ ของวัดที่มีแต่เพียง “โคกเจดีย์ ที่มีก้อนอิฐกระจายอยู่รอบ ๆ กับต้นมะขามเทศ สองต้น” ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีสถานที่สำหรับพระภิกษุสงฆ์ประกอบศาสนกิจค่อนข้างครบถ้วน ซึ่งหลวงพ่อบอกพวกเราว่า เงินที่นำมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดก็มาจากการออกร่วมงานพุทธาภิเษก หรือออกวัตถุมงคลในนามของท่านเอง ถึงตอนนี้คงเป็นการตอบคำถามที่คาใจนักนิยมสะสมพระเครื่องทุกท่าน ที่ได้ตั้งข้อสังเกตกันว่าหลวงพ่อนพวรรณ ท่านเป็นลูกศิษย์สายวัดพระญาติจริงหรือเปล่า หรือเป็นลูกศิษย์สายไหนกันแน่ นอกเหนือไปจากรอยสักรูปจิ้งจกที่ยืนยันการเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง , พ่อรอด สุขแสงจันทร์ “ไอ้ทิดพ่อกูยังเกิดไม่ทันหลวงพ่อกลั่น แล้วกูจะทันได้ยังไง แต่ปู่กูเกิดทันโว๊ย ย่ากูเป็นน้องสาวหลวงพ่ออั้น ตอนที่หลวงพ่ออั้นท่านมรณภาพ ย่ากูได้ตำราสืบต่อมาทั้งหมด เขาเรียกว่าเป็นสายกัน อาจารย์กูเป็นฆราวาสอายุเก้าสิบกว่า ๆ เป็นลูกศิษย์ทันหลวงพ่อกลั่นแต่ตอนนี้ตายหมดแล้ว มีครูเลื่อน ที่เรียนวิชากระบี่กระบอง และคาถาอาคมจากหลวงพ่อกลั่น…ครูใหญ่ กูก็ได้วิชาเก้าเฮ...ครูใหญ่ได้วิชาจากหลวงพ่อกลั่นตอนแกอายุยี่สิบกำลังจะไปทหาร...นี่กูพูดเอาแต่ความจริง ไม่ได้โกหกลวงโลก” ซึ่งเกี่ยวกับวิชาเก้าเฮ..นี้หลวงพ่อนพวรรณ ได้อธิบายเพิ่มเติมให้พวกเราฟังพอประดับสติปัญญาน้อย ๆ ว่า “วิชาเก้าเฮ..ขึ้นต้นด้วย...เฮกังกิงบาตูปุลุเกรอะเกราเกรา บาตุลงงันคิวลูปะตูกะตุนตง…เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่องของชาตรี คือเป็นวิชาที่ใช้ป้องกันอาวุธ เมื่อมีอะไรมากระทบตัวเราจะกลายสภาพเป็นของเบา ประดุจนุ่นทั้งหมด ต่างจากวิชาคงกระพัน ซึ่งเป็นวิชาที่ทำให้ร่างกายเหนียว และคงทนต่ออาวุธ” นอกเหนือไปจากวิชาเก้าเฮ...แล้ว ผมเชื่อมั่นว่าอีกวิชาที่หลวงพ่อนพวรรณได้เล่าเรียนมาและอยู่ในความสนใจของกลุ่มชนที่นิยมไสยศาสตร์เช่นกันคือ “วิชาทำหุ่นพยนต์”...หุ่นพยนต์คืออะไร ผมคงขอข้ามไปเพราะหลวงพ่อนพวรรณท่านไม่ได้อธิบายตรงจุดนี้แต่หากเพื่อน ๆ สนใจลองค้นคว้าดูได้จากสื่อต่าง ๆ ที่เผยแพร่ออกมาก็คงพอจะได้ความ...หลวงพ่อนพวรรณ เล่าเรื่อง “อาจารย์ที่สอนวิชาหุ่นพยนต์” ให้พวกเราทราบว่า...“ อาจารย์ที่สอนกูชื่อตาลอย แกชื่อ (ลอย โพธิ์เงิน) ลอยเรืออยู่ริมคลองหน้าวัดสุวรรณาราม ตาลอยแกเป็นหมอชาวบ้าน กวาดยา ดูหมอ ทำเสน่ห์ ทำหุ่นพยนต์ แกเรียนมาจากหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ หลวงพ่อแป้น เรียนมาจากหลวงพ่อโนรี เป็นพระเขมร ” “กูก็เคยทำ สี่กรก็ทำได้ จะไปยากอะไร เอาหวายลูกนิมิต หรือหวายคล้องช้าง มาสานเป็นตัวหุ่น เสกวิชานารายณ์เข้าไปให้มีฤทธิ์มีเดช หรือมึงจะให้กูสานเป็นเศียรฤษีก็ได้ แต่มึงเอ๊ยกว่าจะได้แต่ละตัวไมเกรนแทบขึ้น สานไป ว่าไป ตอนนี้กูหยุดทำแล้ว ไม่ไหววันหนึ่งสานได้แค่ตัวสองตัว ทำให้คนบูชากันทั้งประเทศ จะเอาไปทำอะไรกิน ยังไม่ทันซื้อปูนเทพื้นศาลากูก็ตายห่าซะก่อน” (หัวเราะ) ถึงแม้หลวงพ่อนพวรรณ ท่านจะเป็นพระขวัญใจของกลุ่มลูกศิษย์ ซึ่งมีหลาย ๆ ท่านเป็นนักธุรกิจร่ำรวย เป็นนายตำรวจยศใหญ่โต หรือเป็นชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำนาในละแวกอำเภออุทัย จนสามารถว่ากล่าวตักเตือนหรือจะจิ้มให้ลูกศิษย์คนไหนมาอำนวยความสะดวกได้ตลอดเวลา แต่หลวงพ่อนพวรรณ ท่านก็ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ตรงนั้นมาบริการตัวท่าน บ่อยครั้งที่พวกเราจะเห็นว่าหลวงพ่อเลือกที่จะพาตัวท่านเองไปนอนพักอย่างเงียบ ๆ เพราะไม่สบาย และไม่มีรถรับตัวท่านไปรักษา เช่นในวันที่เรามากราบนมัสการท่านในครั้งนี้ เพียงเพื่อไม่อยากรบกวนหรือเป็นภาระของใคร “กูจะไปมีอะไรไอ้ทิด...กูไม่มีรถ เจ็บไข้ได้ป่วยกูก็นอนของกูอยู่ตรงนี้ จะไปว่าจ้างรถก็ลำบาก เดี๋ยวมันไม่คิดเงิน กูเสกพระ สร้างพระได้ปัจจัยมาก็มาลงที่วัดทั้งหมด นี่ถ้ากูไม่สร้างวัดกูคงมีเงินเป็นสิบ ๆ ล้าน แต่มีแล้วจะมีประโยชน์อะไร ตายแล้วลูกหลานก็มาแย่ง นี่ของหลวงพ่อกู ของหลวงลุงกู หนัก ๆ เข้ากรรมการวัดก็บอก วัดของกู หลวงพ่อของกูบ้าง แย่งกันไม่รู้จักจบสิ้น แย่งกันโคตร ๆ ” ขออนุญาตเจ้าของบทความ คติคำสอน พระครูพิศาลอุทัยสาร (หลวงพ่อนพวรรณ) 🛑 ศิษยานุศิษย์ สำนักตักศิลาไสยเวทย์ ขอร่วมน้อมเผยแผ่บารมีครูบาอาจารย์ (หลวงพ่อนพวรรณ คุณสาโร) วัดเสนานิมิต ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments