หมวด เบ็ดเตล็ด เกี่ยวกับพระเครื่อง

ล็อกเก็ต ฉากทอง เหนือดวง หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล

ล็อกเก็ต ฉากทอง เหนือดวง หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล - 3

ล็อกเก็ต ฉากทอง เหนือดวง หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล - 4

ล็อกเก็ต ฉากทอง เหนือดวง หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล - 5

ชื่อร้านค้า	จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	jeerasit (112)
ชื่อพระเครื่อง	ล็อกเก็ต ฉากทอง เหนือดวง หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	เบ็ดเตล็ด เกี่ยวกับพระเครื่อง
ราคาเช่า	450 บาท
เบอร์โทรติดต่อ	08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ	Tayanrum@hotmail.com
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	อา. - 14 ธ.ค. 2568 - 21:14.59
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	จ. - 15 ธ.ค. 2568 - 06:19.44

รายละเอียด
ล็อกเก็ต ฉากทอง เหนือดวง หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล ศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร เพจ หลวงปู่ทองมา ถาวโร จ.ร้อยเอ็ด 11 มกราคม 2016 · ประวัติหลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโร พระดีศรีร้อยเอ็ด พระครูสีลสาราภรณ์ ฉายา รักขิตสีโล หรือที่พุทธศาสนิกชนชาวร้อยเอ็ด รู้จักกันดีในนาม หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล ปัจจุบันท่านมีอายุ ๕๙ ปี ๓๙ พรรษา พระดีศรีร้อยเอ็ดอีกรูปหนึ่ง ที่มีภูมิความรู้ ทั้งปริยัติและปฏิบัติ ท่านศึกษาจบหลักสูตรนักธรรมชั้นเอก นอกจากนั้น ท่านยังศึกษาปริวรรต อักษรธรรม อักษรขอม จนเข้าใจและสามารถสอนได้ เป็นผู้มีศิลปะในงานช่างทั้งประติมากรรม ศิลปกรรม หัตถกรรม และเป็นพระธรรมกถึก อีกด้วย ปัจจุบันท่านเป็น เจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม จ.ร้อยเอ็ด พระครูสีลสาราภรณ์ นามเดิมของท่านคือ สมสิทธิ์ สกุล สุริโย ท่านเกิดเมื่อวันพุธ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ตรงกับวันที่ ๑ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ บิดาชื่อ นายบัว มารดาชื่อ นางอำมวล อยู่บ้านเลขที่ ๗ หมู่ ๓ บ้านท่าม่วง ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านมีศักดิ์เป็นเหลน ของหลวงปู่ทองมา ถาวโร เมื่อคราวที่ หลวงปู่ทองมา ถาวโร สร้างอุโบสถวัดท่าม่วง (พ.ศ. ๒๔๘๗ - ๒๕๐๒) พระครูสีลสาราภรณ์ ยังเป็นเด็กชายสมสิทธิ์ตัวน้อยๆ อายุยังไม่ถึงสองขวบ ซึ่งหลวงปู่ให้ความเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง เด็กชายสมสิทธิ์ชอบหาหลวงปู่ทองมา ที่วัดท่าม่วงเสมอ และเมื่อหลวงปู่กำลังจะทำพิธีโปรดญาติโยม ท่านก็มักจะคลานเข้าไปนั่งที่ตัก บางครั้งที่หลวงปู่ฯ วุ่นอยู่กับการสั่งงานสร้างอุโบสถ เด็กชายสมสิทธิ์ก็จะเข้าไปช่วยทำพิธีอีกแรง และพิธีกรรมเหล่านั้นก็สัมฤทธิ์ผลอย่างดีเป็นที่ชื่นชมของผู้คนที่พบเห็นยิ่งนัก มีอยู่คราวหนึ่งหลวงปู่เล่าเรื่องอดีตชาติของเด็กชายสมสิทธิ์ ผู้เป็น เหลนให้ญาติโยมฟังว่า “ เขาผู้นี้เคยเกิดเป็นฤๅษี บำเพ็ญภาวนาจนตาย ที่ปากถ้ำ เมื่อมาเกิดในชาตินี้ เขาจึงมีบารมีตามติดมาเกื้อหนุน นี่เข้าทำนองอิสานที่ว่า ข้าวสิดีเห็นมาแต่กล้า พร้าสิดีเห็นมาแต่เตา คนสิดีเห็นมาแต่น้อย ” เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี หลวงปู่สมสิทธิ์ ก็ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทสีมา วัดบ้านหนองสิม ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๓ ปี มะเส็ง ตรงกับวันที่วันที่ ๑๘ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ โดยมี พระครูวิเศษเสลคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูโสภณธรรมากร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการเจียง เกตสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สำเร็จเป็นพระภิกษุในเวลา ๑๓.๐๐ น. ได้รับฉายาว่า “รักขิตสีโล” หลังจากที่อุปสมบทและได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงปู่ทองมา ถาวโร จนอินทรีย์แก่กล้าแล้ว ก็ได้เข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสักดาราม บ้านท่าม่วง ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เป็นวัดร้าง อายุกว่า ๔๐๐ ปี ซึ่งหลวงปู่ทองมา ถาวโร ได้เดินทางมาเยี่ยมและ ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ท่านอยู่เสมอ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ พระครูสีลสาราภรณ ์ ได้สร้างพระธาตุพนมจำลอง หลวงปู่ทองมา ก็ได้มาเป็นประธานในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ เนื่องจากวัดป่าสักดาราม ตั้งอยู่ห่างจากวัดสว่างท่าสีไม่ถึง ๑๐ กิโลเมตร ดังนั้นจึงไม่เป็นการลำบากที่ พระครู สีลสาราภรณ์ จะเดินทางมาปรนนิบัติหลวงปู่เป็นประจำจวบจนวาระ สุดท้าย ซึ่งหลวงปู่ได้ให้โอวาทไว้ว่า “ฤๅษีน้อย วิชาต่างๆ หลวงปู่ได้ ถ่ายทอดไว้หมดแล้ว ต่อไปภายหน้า จงเป็นที่พึ่งของชาวบ้านแทน หลวงปู่อีกคน เป็นหลวงปู่น้อยให้เขาได้อาศัยต่อไป” พระครูสีลสาราภรณ์ หรือ พระอาจารย์สมสิทธิ์ รักขิตสีโล นอกจากจะเป็นผู้ที่สืบทอดมรดกธรรมอีกรูปหนึ่งของหลวงปู่ฯ ที่รักษามรดกธรรมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาอีกด้วย จนได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์หลายครั้ง ดังนี้ พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับแต่งตั้ง เป็นพระปลัดฐานานุกรมของพระครูโสภณธรรมมากร อดีตเจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด, พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่พระครูสีลสาราภรณ์, พ.ศ.๒๕๔๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอกที่พระครูสีลสาราภรณ์ ส่วนงานด้านการปกครองนั้น พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด, พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับแต่งตั้งให้เจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม, พ.ศ.๒๕๒๘ ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าคณะตำบลเกาะแก้ว เขต ๒ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด, พ.ศ. ๒๕๒๙ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเกาะแก้ว เขต ๒ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด หลวงปู่สมสิทธ์ท่านก็มุ่งมั่นสืบสานปฏิปทาของหลวงปู่ทองมา อย่างแน่วแน่ หลวงปู่สมสิทธ์ท่านมีความเมตตาเป็นอย่างยิ่งเป็นกันเองกับญาติโยม ไม่ถือตัว และเข้าถึงได้ทุกคน หลายคนที่มีลูกเล็กเด็กแดงก็ได้นำลูกไปฝากให้เป็นลูกของท่าน หมายถึงว่า ฝากให้เป็นลูกพระธรรม กับท่าน ท่านก็จะผูกข้อมือ รับไว้เป็นลูกพระธรรมสาธุ หลวงปู่สมสิทธ์ได้รับการถ่ายทอดวิชา จากหลวงปู่ทองมาในทุกๆด้าน เช่น การศึกษา อักขระธรรมโบราญ หรือชาวบ้านเรียกว่า โตธรรม หลวงปู่สมสิทธ์ท่านก็สามมารถ อ่านออก แปลได้ และเขียนได้ และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะท่านฝึกฝน ขวนขวาย เล่าเรียนด้วยตัวของท่านเองจึงทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้มาก เวลาว่างของท่าน ท่านก็จะหาตำราคัมภีร์ ต่างๆที่จารึกบนใบราญเก่าๆ มาอ่าน แล้วนำมาเล่าให้ญาติยมทั้งหลายได้ยินได้ฟัง ส่วนเรื่องวิทยาคาถาอาคมนั้น ท่านก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ทองมา ถาวโร มาเป็นอย่างดี ทั้งการรักษา เยียวยา ญาติโยม ด้วยน้ำมนต์ หรือแม้แต่การโปรด ดวงวิญญาณสัมพะเวสี ให้ไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไป ท่านก็สามารถทำได้ ความเมตตา ของหลวงปู่สมสิทธิ์นั้นเต็มเปี่ยมจนชาวบ้านขนานนามให้ท่านว่าเป็น หลวงปู่น้อย ส่วนหลวงปู่ทองมา ถาวโร คือ หลวงปู่ใหญ่ นั้นเอง หลวงปู่สมสิทธิ์ท่านยังเป็นตัวแทนหลวงปู่ทองมา ในการเจริญพุทธมนต์หลักบ้านหลักพระธรรม ของหลวงปู่ทองมา หลายแห่งหลายที่ สมัยเมื่อครั้งหลวงปู่ทองมาท่านเคยทำไว้ก่อนท่านยังมีชีวิต เมื่อท่านมรณภาพลงแล้วชาวบ้านก็ได้มานิมนต์หลวงปู่สมสิทธิ์ไปเจริญพระพุทธมนต์ให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข หลวงปู่สมสิทธ์ถือว่าเป็นธรรมทายาทของหลวงปู่ทองมา ที่สำคัญอย่างยิ่งและสำคัญอย่างมากในการสืบทอดและเผยแพร่ปฏิปทาของหลวงปู่ทองมา ถาวโร ทุกๆปีที่วัดป่าสักดารามจะมีพิธีพุทธาภิเษกพระธาตุพนนมจำลอง และน้อมกราบสักการะหลวงปู่ทองมา ถาวโ ร อีกด้วย ซึ่งงานจะจัด ๓ วัน ๓ คืน มีการทำบุญและบวชชีพพราหมณ์ พร้อมมีมโหรสพสมโภชงานตลอดทั้งคืน #เวปไซต์หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:16 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลางบ้านดอนมะยาง หมู่ 3 ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร มีชาวบ้านทั้งคนหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ กว่า 300 คน ได้พากันจัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียน หรือ ขันธ์ 5 ไว้รอ พระครูสีลสาราภรณ์ หรือ หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล เจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม บ้านท่าม่วง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพระที่เชี่ยวชาญทางด้านวิชาอาคม มาทำพิธีสวดเจริญมงคลคาถา และสวดบทขับไล่ภูตผีร้าย และดวงวิญญาณเร่ร่อนที่อาจจะเป็นดวงวิญญาณที่เข้ามาก่อกวนหรือทำสิ่งชั่วร้ายภายในหมู่บ้านดอนมะยาง ก่อนที่พระครูสีลสาราภรณ์จะสวดมนต์เรียกดวงวิญญาณทั้งหมดลงในหม้อดินเพื่อกักขังเอาไว้ เพื่อให้ชาวบ้านดอนมะยางเกิดความสบายใจตามความเชื่อของชาวบ้าน โดยก่อนหน้านี้ช่วงต้นปีมีชาวบ้านเกิดล้มป่วยและเสียชีวิตกะทันหัน จำนวน 12 ศพ และล่าสุดช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ยังไม่ถึงครึ่งเดือน ก็มีชาวบ้านดอนมะยาง เสียชีวิตลงติดต่อกัน จำนวน 5 ราย ทั้งๆ ที่บางรายก็มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่น่าจะล้มป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตมีทั้งคนชรา คนหนุ่มสาวและเด็ก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบชาวบ้านนำเสื้อแดงสวมให้หุ่นฟางเขียนคำว่า “บ้านนี้ไม่มีคนแก่” แขวนไว้หน้าบ้าน ถามชาวบ้านทราบว่า ทำเพื่อแก้เคล็ดป้องกันผีร้ายมาเอาชีวิตคนเฒ่าคนแก่ไปอยู่ด้วย ชาวบ้านเกิดความเชื่อว่าภายในหมู่บ้านน่าจะมีวิญญาณผีร้าย และผีปอบมาคอยเอาชีวิตคนในหมู่บ้านไป ชาวบ้านจึงได้มีความเห็นพ้องกันลงขันเงินค่ารถ ไปนิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ผีในครั้งนี้ตามความเชื่อเพื่อความสบายใจของทุกคน โดยใช้ศาลากลางบ้านเป็นสถานที่ในการทำพิธี พร้อมกันนี้พระที่ทำพิธียังได้ทำน้ำมนต์ นำไม้มงคลมาทำเสาหลักบ้านหลักเมือง ปลุกเสกคาถาปราบผีร้ายก่อนให้ชาวบ้านนำไปปักไว้ 4 ทิศ ของหมู่บ้าน พระครูศีลสาราภรณ์ ยังได้แจกเครื่องรางให้กับชาวบ้านได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ นำกลับไปปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากหมู่บ้านของตนเองด้วย ฯลฯ

รายละเอียด

ล็อกเก็ต ฉากทอง เหนือดวง หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล
ศิษย์ หลวงปู่ทองมา ถาวโร

เพจ หลวงปู่ทองมา ถาวโร จ.ร้อยเอ็ด
11 มกราคม 2016
·
ประวัติหลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโร พระดีศรีร้อยเอ็ด
พระครูสีลสาราภรณ์ ฉายา รักขิตสีโล หรือที่พุทธศาสนิกชนชาวร้อยเอ็ด รู้จักกันดีในนาม หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล ปัจจุบันท่านมีอายุ ๕๙ ปี ๓๙ พรรษา พระดีศรีร้อยเอ็ดอีกรูปหนึ่ง ที่มีภูมิความรู้
ทั้งปริยัติและปฏิบัติ ท่านศึกษาจบหลักสูตรนักธรรมชั้นเอก นอกจากนั้น ท่านยังศึกษาปริวรรต อักษรธรรม อักษรขอม จนเข้าใจและสามารถสอนได้ เป็นผู้มีศิลปะในงานช่างทั้งประติมากรรม ศิลปกรรม หัตถกรรม และเป็นพระธรรมกถึก อีกด้วย ปัจจุบันท่านเป็น เจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม จ.ร้อยเอ็ด
พระครูสีลสาราภรณ์ นามเดิมของท่านคือ สมสิทธิ์ สกุล สุริโย
ท่านเกิดเมื่อวันพุธ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ตรงกับวันที่ ๑ เดือน
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ บิดาชื่อ นายบัว มารดาชื่อ นางอำมวล
อยู่บ้านเลขที่ ๗ หมู่ ๓ บ้านท่าม่วง ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านมีศักดิ์เป็นเหลน ของหลวงปู่ทองมา ถาวโร เมื่อคราวที่ หลวงปู่ทองมา ถาวโร สร้างอุโบสถวัดท่าม่วง (พ.ศ. ๒๔๘๗ - ๒๕๐๒) พระครูสีลสาราภรณ์ ยังเป็นเด็กชายสมสิทธิ์ตัวน้อยๆ อายุยังไม่ถึงสองขวบ ซึ่งหลวงปู่ให้ความเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง เด็กชายสมสิทธิ์ชอบหาหลวงปู่ทองมา ที่วัดท่าม่วงเสมอ และเมื่อหลวงปู่กำลังจะทำพิธีโปรดญาติโยม ท่านก็มักจะคลานเข้าไปนั่งที่ตัก บางครั้งที่หลวงปู่ฯ วุ่นอยู่กับการสั่งงานสร้างอุโบสถ เด็กชายสมสิทธิ์ก็จะเข้าไปช่วยทำพิธีอีกแรง และพิธีกรรมเหล่านั้นก็สัมฤทธิ์ผลอย่างดีเป็นที่ชื่นชมของผู้คนที่พบเห็นยิ่งนัก มีอยู่คราวหนึ่งหลวงปู่เล่าเรื่องอดีตชาติของเด็กชายสมสิทธิ์ ผู้เป็น
เหลนให้ญาติโยมฟังว่า
“ เขาผู้นี้เคยเกิดเป็นฤๅษี บำเพ็ญภาวนาจนตาย
ที่ปากถ้ำ เมื่อมาเกิดในชาตินี้ เขาจึงมีบารมีตามติดมาเกื้อหนุน นี่เข้าทำนองอิสานที่ว่า ข้าวสิดีเห็นมาแต่กล้า พร้าสิดีเห็นมาแต่เตา คนสิดีเห็นมาแต่น้อย ”
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี หลวงปู่สมสิทธิ์ ก็ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทสีมา วัดบ้านหนองสิม ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๓ ปี มะเส็ง ตรงกับวันที่วันที่ ๑๘ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ โดยมี พระครูวิเศษเสลคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูโสภณธรรมากร เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการเจียง เกตสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์
สำเร็จเป็นพระภิกษุในเวลา ๑๓.๐๐ น. ได้รับฉายาว่า “รักขิตสีโล” หลังจากที่อุปสมบทและได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงปู่ทองมา ถาวโร จนอินทรีย์แก่กล้าแล้ว ก็ได้เข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสักดาราม บ้านท่าม่วง ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เป็นวัดร้าง อายุกว่า ๔๐๐ ปี ซึ่งหลวงปู่ทองมา ถาวโร ได้เดินทางมาเยี่ยมและ ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ท่านอยู่เสมอ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ พระครูสีลสาราภรณ ์ ได้สร้างพระธาตุพนมจำลอง หลวงปู่ทองมา ก็ได้มาเป็นประธานในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ เนื่องจากวัดป่าสักดาราม ตั้งอยู่ห่างจากวัดสว่างท่าสีไม่ถึง ๑๐ กิโลเมตร ดังนั้นจึงไม่เป็นการลำบากที่ พระครู สีลสาราภรณ์ จะเดินทางมาปรนนิบัติหลวงปู่เป็นประจำจวบจนวาระ สุดท้าย ซึ่งหลวงปู่ได้ให้โอวาทไว้ว่า
“ฤๅษีน้อย วิชาต่างๆ หลวงปู่ได้
ถ่ายทอดไว้หมดแล้ว ต่อไปภายหน้า จงเป็นที่พึ่งของชาวบ้านแทน
หลวงปู่อีกคน เป็นหลวงปู่น้อยให้เขาได้อาศัยต่อไป”
พระครูสีลสาราภรณ์ หรือ พระอาจารย์สมสิทธิ์ รักขิตสีโล
นอกจากจะเป็นผู้ที่สืบทอดมรดกธรรมอีกรูปหนึ่งของหลวงปู่ฯ ที่รักษามรดกธรรมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาอีกด้วย จนได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์หลายครั้ง
ดังนี้ พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับแต่งตั้ง
เป็นพระปลัดฐานานุกรมของพระครูโสภณธรรมมากร อดีตเจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด, พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่พระครูสีลสาราภรณ์, พ.ศ.๒๕๔๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอกที่พระครูสีลสาราภรณ์ ส่วนงานด้านการปกครองนั้น พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม ตำบลท่าม่วง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด, พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับแต่งตั้งให้เจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม, พ.ศ.๒๕๒๘ ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าคณะตำบลเกาะแก้ว เขต ๒ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด, พ.ศ. ๒๕๒๙ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเกาะแก้ว เขต ๒ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
หลวงปู่สมสิทธ์ท่านก็มุ่งมั่นสืบสานปฏิปทาของหลวงปู่ทองมา อย่างแน่วแน่ หลวงปู่สมสิทธ์ท่านมีความเมตตาเป็นอย่างยิ่งเป็นกันเองกับญาติโยม ไม่ถือตัว และเข้าถึงได้ทุกคน หลายคนที่มีลูกเล็กเด็กแดงก็ได้นำลูกไปฝากให้เป็นลูกของท่าน หมายถึงว่า ฝากให้เป็นลูกพระธรรม กับท่าน ท่านก็จะผูกข้อมือ รับไว้เป็นลูกพระธรรมสาธุ หลวงปู่สมสิทธ์ได้รับการถ่ายทอดวิชา จากหลวงปู่ทองมาในทุกๆด้าน เช่น การศึกษา อักขระธรรมโบราญ หรือชาวบ้านเรียกว่า โตธรรม หลวงปู่สมสิทธ์ท่านก็สามมารถ อ่านออก แปลได้ และเขียนได้ และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะท่านฝึกฝน ขวนขวาย เล่าเรียนด้วยตัวของท่านเองจึงทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้มาก เวลาว่างของท่าน ท่านก็จะหาตำราคัมภีร์ ต่างๆที่จารึกบนใบราญเก่าๆ มาอ่าน แล้วนำมาเล่าให้ญาติยมทั้งหลายได้ยินได้ฟัง ส่วนเรื่องวิทยาคาถาอาคมนั้น ท่านก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ทองมา ถาวโร มาเป็นอย่างดี ทั้งการรักษา เยียวยา ญาติโยม ด้วยน้ำมนต์ หรือแม้แต่การโปรด ดวงวิญญาณสัมพะเวสี ให้ไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไป ท่านก็สามารถทำได้ ความเมตตา
ของหลวงปู่สมสิทธิ์นั้นเต็มเปี่ยมจนชาวบ้านขนานนามให้ท่านว่าเป็น หลวงปู่น้อย ส่วนหลวงปู่ทองมา ถาวโร คือ หลวงปู่ใหญ่ นั้นเอง หลวงปู่สมสิทธิ์ท่านยังเป็นตัวแทนหลวงปู่ทองมา ในการเจริญพุทธมนต์หลักบ้านหลักพระธรรม ของหลวงปู่ทองมา หลายแห่งหลายที่ สมัยเมื่อครั้งหลวงปู่ทองมาท่านเคยทำไว้ก่อนท่านยังมีชีวิต เมื่อท่านมรณภาพลงแล้วชาวบ้านก็ได้มานิมนต์หลวงปู่สมสิทธิ์ไปเจริญพระพุทธมนต์ให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข หลวงปู่สมสิทธ์ถือว่าเป็นธรรมทายาทของหลวงปู่ทองมา ที่สำคัญอย่างยิ่งและสำคัญอย่างมากในการสืบทอดและเผยแพร่ปฏิปทาของหลวงปู่ทองมา ถาวโร
ทุกๆปีที่วัดป่าสักดารามจะมีพิธีพุทธาภิเษกพระธาตุพนนมจำลอง และน้อมกราบสักการะหลวงปู่ทองมา ถาวโ ร อีกด้วย ซึ่งงานจะจัด ๓ วัน ๓ คืน มีการทำบุญและบวชชีพพราหมณ์ พร้อมมีมโหรสพสมโภชงานตลอดทั้งคืน
#เวปไซต์หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายงานว่า
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:16 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลางบ้านดอนมะยาง หมู่ 3 ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร มีชาวบ้านทั้งคนหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ กว่า 300 คน ได้พากันจัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียน หรือ ขันธ์ 5 ไว้รอ พระครูสีลสาราภรณ์ หรือ หลวงปู่สมสิทธิ์ รักขิตสีโล เจ้าอาวาสวัดป่าสักดาราม บ้านท่าม่วง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพระที่เชี่ยวชาญทางด้านวิชาอาคม มาทำพิธีสวดเจริญมงคลคาถา และสวดบทขับไล่ภูตผีร้าย และดวงวิญญาณเร่ร่อนที่อาจจะเป็นดวงวิญญาณที่เข้ามาก่อกวนหรือทำสิ่งชั่วร้ายภายในหมู่บ้านดอนมะยาง ก่อนที่พระครูสีลสาราภรณ์จะสวดมนต์เรียกดวงวิญญาณทั้งหมดลงในหม้อดินเพื่อกักขังเอาไว้ เพื่อให้ชาวบ้านดอนมะยางเกิดความสบายใจตามความเชื่อของชาวบ้าน โดยก่อนหน้านี้ช่วงต้นปีมีชาวบ้านเกิดล้มป่วยและเสียชีวิตกะทันหัน จำนวน 12 ศพ และล่าสุดช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ยังไม่ถึงครึ่งเดือน ก็มีชาวบ้านดอนมะยาง เสียชีวิตลงติดต่อกัน จำนวน 5 ราย ทั้งๆ ที่บางรายก็มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่น่าจะล้มป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตมีทั้งคนชรา คนหนุ่มสาวและเด็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบชาวบ้านนำเสื้อแดงสวมให้หุ่นฟางเขียนคำว่า “บ้านนี้ไม่มีคนแก่” แขวนไว้หน้าบ้าน ถามชาวบ้านทราบว่า ทำเพื่อแก้เคล็ดป้องกันผีร้ายมาเอาชีวิตคนเฒ่าคนแก่ไปอยู่ด้วย ชาวบ้านเกิดความเชื่อว่าภายในหมู่บ้านน่าจะมีวิญญาณผีร้าย และผีปอบมาคอยเอาชีวิตคนในหมู่บ้านไป ชาวบ้านจึงได้มีความเห็นพ้องกันลงขันเงินค่ารถ ไปนิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ผีในครั้งนี้ตามความเชื่อเพื่อความสบายใจของทุกคน โดยใช้ศาลากลางบ้านเป็นสถานที่ในการทำพิธี พร้อมกันนี้พระที่ทำพิธียังได้ทำน้ำมนต์ นำไม้มงคลมาทำเสาหลักบ้านหลักเมือง ปลุกเสกคาถาปราบผีร้ายก่อนให้ชาวบ้านนำไปปักไว้ 4 ทิศ ของหมู่บ้าน พระครูศีลสาราภรณ์ ยังได้แจกเครื่องรางให้กับชาวบ้านได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ นำกลับไปปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากหมู่บ้านของตนเองด้วย
ฯลฯ