เหรียญพระพุทธหลวงปู่เผือก วัดโมลีรุ่นแรกเนื้อทองแดง-ตูน ตําหรุ - webpra
  • ตูน ตำหรุ
    ของดี ราคายุติธรรม ไม่หลอกลวง รับประกันความพึงพอใจ ยินดีคืนเงินเต็ม 082-419-8782
  • พระเครื่องมาตรฐาน
    รับประกันความพึงพอใจ ยินดีคืนเงินเต็ม 0954925695
  • Page 1
  • Page 2
ของดี ราคายุติธรรม ไม่หลอกลวง รับประกันความพึงพอใจ ยินดีคืนเงินเต็ม 082-419-8782

หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520

เหรียญพระพุทธหลวงปู่เผือก วัดโมลีรุ่นแรกเนื้อทองแดง

เหรียญพระพุทธหลวงปู่เผือก วัดโมลีรุ่นแรกเนื้อทองแดง - 1เหรียญพระพุทธหลวงปู่เผือก วัดโมลีรุ่นแรกเนื้อทองแดง - 2
ชื่อร้านค้า ตูน ตําหรุ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญพระพุทธหลวงปู่เผือก วัดโมลีรุ่นแรกเนื้อทองแดง
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ pp.toon@hotmail.com
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 16 มิ.ย. 2562 - 16:35.22
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อา. - 16 มิ.ย. 2562 - 16:35.22
รายละเอียด
วัดโมลีเดิมสร้างสมัยรัชกาลที่3 ประมาณปีพ.ศ.2369 ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบล.บางรักใหญ่ อำเภอ บางบัวทอง จ.นนทบุรี เดิมชื่อวัดใหม่สุวรรณโมลี แต่ภายหลังทางราชการเห็นว่าชื่อยาวเกินไปจึงตัดคำทิ้งเสียบ้าง ให้เรียกเพียงสั้นๆว่า วัดโมลี เท่านั้น ‪#‎ผู่ที่สร้างวัด‬ ‪#‎ชื่อเถื่อน‬ ต่อมาอุปสมบทและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสคนแรก และปรากฎว่าได้ลาสิกขาบทไปในภายหลัง
‪#‎อธิบดีสงฆ์คนที่2‬ ชื่อแก้ว เป็นพระหมอ ดำรงตำแหน่งจนมรณภาพ
‪#‎อธิบดีสงฆ์คนที่3‬ ชื่อจันทร์ เป็นผู้เรืองทางเวทย์มนต์ ปรากฎว่าท่านทำพระแร่ธาตุแจกจ่ายแพร่หลายในสมัยนั้น มีคนเคารพนับถือยำเกรงมาก พระแร่ธาตุของท่านมีชื่อเสียงมีคนนิยมและแสวงหามาถึงทุกวันนี้ ต่อมาท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวนและดำรงตำแหน่งจนมรณภาพ
‪#‎อธิบดีสงฆ์คนที่4ชื่อรุ่ง‬ ดำรงตำแหน่งต่อจากพระครูจันทร์มาจนถึงมรณภาพ
‪#‎อธิบดีสงฆ์คนที่5‬ ชื่อแสงเป็นเจ้าอาวาสได้ไม่นานก้อลาสิกขาบทไป ทำให้เจ้าอาวาสวัดโมลีได้ว่างลง ครั้นปีพ.ศ.2458 ประชาชนในถิ่นบางรักใหญ่และบางเลนซึ่งอาศัยทำบุญอยู่วัดนี้ได้ปรึกษากันที่จะนิมนต์พระผู้ที่มีความรู้ามสืบทอดตำแหน่งเจ้าอาวาส ในตอนนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อสอน บรรพชาเป็นสามเณรอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม ได้ทราบเรื่องจึงบอกสัปบุรุษของวัดว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่เผือก. ซึ่งกำลังศึกษาบาลีอยู่สำนักวัดระฆังและกำลังป่วยเป็นโรคเหน็ยบชาใคร่จะหาวัดชนบทอยู่เพื่อรักษาตัว ถ้าไปนิมนต์มาคงจักได้ จึงตกลงกันมอบให้สัปบุรุษของวัด3คนคือ ลุงแจ้ง ลุงเปีย ลุงสอด ไปนิมนต์พระเดชพระคุณหลวงพ่อจากวัดระฆัง มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้และต่อมาปี2460 หลวงพ่อจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบมาจนมรณภาพ พ.ศ.2508นับเป็น#‪#‎อธิบดีสงฆ์คนที่6‬
ประวัติหลวงปู่เผือก‬ วัดโมลี(พระราชปรีชามุนี)
หลวงปู่เดิมชื่อเผือก ทั้งนี้บิดามารดาของท่านเห็นว่าเป็นคนผิวขาวเหมือนเผือก จึงตั้งชื่อท่านว่าเผือก บิดาท่านชื่อว่า บุญโยม มารดาชื่อ จ้อน(นามสกุลเดิม บัวปรี)หลวงพ่อชาตะเมื่อวันพุธ เดือน6ขึ้น3ค่ำ ปีมะแม พ.ศ.2426 ณ.ที่บ้านหาดชะอม ตำบล.ยางสูง อำเภอ.ขาณุวรลักษณบุรี จังหวัดกำแพงเพชร มีพี่น้องร่วมกัน5คน หลวงพ่อใช้นามสกุล จุลพันธ์
1.หลวงพ่อพระราชปรีชามุนี(เผือก)
2.นายจาด บัวปรีย์
3.นายเหว่า บัวปรีย์
4.นายวอน บัวปรีย์
5.นางอิง หลำตี
เมื่อวัยเยาว์ได้รับการอบรมหนังสือไทย ในสำนักวัดอุดมศรัทธาราม ซึ้งเป็นวัดที่อยู่ใก้ลบ้านท่าน โดยครูเป็นพระในวัดเป็นผู้สั้งสอนทั้งศีลธรรมและอักขระ พออ่านออกเขียนได้
พออายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่วัดโบสถ์ ตำบลบางแก้ว อำเภอ.บรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีพระอธิการแหยม วัดบ้านแคน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมบาล(ป๊อก)วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดกำแพงเพชรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูถิรธรรม(เคลือบ)วัดอุดมศรัทธาราม จังหวัดกำแพงเพชร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทเรียบร้อยแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดอุดมศรัทธาราม1พรรษา เพื่อปฎิบัติอุปัชฌาย์ อาจาริยวัตรและศึกษาพระปริยัติธรรม ครั้น
พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดวังหินท้ายน้ำ พิจิตร เพื่อศึกษาวิปัสนาธุระ
พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดตะโก บางคลาน จ.พิจิตร เพื่อเรียนคันถธุระ
พ.ศ.2451 ได้กลับวัดอุดมศรัทธาราม ภูมิลำเนาเดิม
พ.ศ.2452 ได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆษิตาราม บางกอกน้อย ธนบุรี เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม
2458 ได้ย้ายมาอยู่วัดโมลี บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จนกระทั้งสิ้นชีพ
‪#‎ชีวิตของหลวงพ่อ‬
พ.ศ 2452 ได้มูลกจจายนะ1คัมภีร์ (ไม่ได้สอบไล่)
พ.ศ.2462 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะหมวด บางใหญ่ แขวงบางบัวทอง นนทบุรี
พ.ศ2464 ได้เป็นพระครู เจ้าคณะแขวงบางบัวทอง นนทบุรี ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับสัญญาบัตรเป็นพระครูนนทปรีชา เจ้าคณะแขวงบางบัวทองและบางใหญ่ นนทบุรี
พ.ศ2471 ได้จัดตั้งโรงเรียนธรรมบาลี สำนักวัดโมลี และเป็นผู้อุปการะบำรุงด้วย
พ.ศ2473. เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมตรี. สนามหลวง
พ.ศ2475 เป็นกรรมการศึกษาประจำอำเภอบางใหญ่
พ.ศ2479 เป็นผู้อำนวยการศึกษาอบรมปริยัติธรรม ประจำแขวงบางบัวทองและบางใหญ่
8มิ.ย.พศ.2490 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระราชคณะมีนามว่า พระราชปรีชามุนี(ชั้นสามัญ)
5.ธ.ค.พ.ศ.2504 พระราชปรีชานนทมุนี(ชั้นราช)
‪#‎ก่อนที่หลวงพ่อจะจากไป‬
แม้ว่าวัยอันชราของหลวงพ่อซึ่งอายุ 84 ปีแล้วก็ตาม หลวงพ่อเป็นคนแข็งแรง หลวงพ่อได้ออกตรวจตราบริเวณวัดเป็นประจำก่อนที่ท่านจะจากไปประมาณ 5 วัน ขณะที่หลวงพ่อกำลังก้าวออกมาจากกุฎินั้น พอดีประจวบกับประตูไม่ได้ใส่กลอน เมื่อหลวงพ่อเอื้อมมือออกมาหวังดันออกไปนั้นประตูไม่ได้ใส่กลอนซึ่งหลุดออกไป หลวงพ่อจึงได้ล้มลงไปในขณะนั้น ทำให้แขนทางด้านขวาบวมช้ำ แต่ได้หมอมารักษาจนหายปกติ และในช่วงเวลา 2-3 วันเท่านั้น หลวงพ่อได้ลงไปสั่งงานรื้อกุฏิเพื่อสร้างใหม่แก่บรรดาศานุศิษย์ที่มาช่วย และพอดีในเย็นวันที่ 29 กันยา 08 พุธขึ้น 4 ค่ำเดือน 11 เวลาประมาณ 16.30 น. หลวงพ่อได้บอกกับศิษย์ว่าเจ็บแขน บรรดาศานุศิษย์ซึ่งได้พยุงหลวงพ่อขึ้นกุฏิ และได้ให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน ศานุศิษย์จึงได้ใช้ผ้าเช็ดตัวหลวงพ่อ และให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน เมื่อเห็นพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว บรรดาศิษย์จึงได้ลงมาทำงานต่อไปอีกเป็นเวลาสัก 30 นาที จึงได้ขึ้นไปเยี่ยมหลวงพ่ออีก ทุกคนมองได้มองไปที่ร่างหลวงพ่อยังคงนอนสงบนิ่ง และได้เห็นน้ำลายใสๆ ไหลออกมาทางปากเล็กน้อย บรรดาศิษย์จึงได้ไปเช็ดให้ขณะที่ท่านหลับตาอยู่เช่นนั้น เมื่อปรากฎเช่นนี้
บรรดาศานุศิษย์คิดว่าหลวงพ่อคงจะมีอาการเจ็บป่วยมากทีเดียว เพราะหลวงพ่อเป็นคนสะอาดและไม่เคยที่จะปรากฎการเช่นนี้ จึงได้รีบไปตามหมอ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่ใคร่ดีสักหน่อย เนื่องจากหมอประจำตัวหลวงไม่อยู่เสียจึงได้ไปรับหมออื่นมา เมื่อหมอมาถึงได้ทำการตรวจและดูอยู่ขณะหนึ่ง หมอจึงบอกว่า " ลมหายใจน้อย" บรรดาศานุศิษย์ได้เห็นเช่นนั้นจึงได้รีบจัดเรือส่งโรงพยาบาลจังหวัดโดยด่วน แม้ว่าเวลาจะล่วงเข้าเกือบสามทุ่มแล้วก็ตาม เพราะบรรดาศานุศิษย์ทุกคนปรารถนาไว้ว่าจะพยายามพยาบาลหลวงพ่อให้ดีที่สุดในชีวิต แต่แล้วพอเรือออกมาจากวัดได้ประมาณ 10 กว่านาที หมอได้ร่วมไปกับเรือหลวงพ่อได้บอกกับศานุศิษย์ว่าหลวงพ่อได้เสียแล้ว ทุกคนตกตลึง
ด้วยคาดไม่ถึงว่าหลวงพ่อจะรีบด่วนจากไปเสียก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ที่บรรดาศานุศิษย์ตั้งใจจะพยาบาลหลวงพ่อ ทุกคนจึงเร่งรีบให้ถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด แต่ก็หมดหวังเสียแล้ว จึงได้พาร่างของหลวงพ่อกลับมาสู่ ณ ที่หลวงพ่อเคยพำนักอยู่ตลอดมาเป็นเวลา 40 ปีเศษ ทิ้งความเศร้าโศรกแก่ศานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็เป็นกฎของธรรมชาติที่มีเวียนว่ายตายเกิด แต่ใครเล่าจะอดเศร้าใจเสียมิได้ในเมื่อร่มโพธิร่มไทรที่พักพิงอย่างร่มเย็นนั้น บัดนี้ได้สิ้นไปแล้วไม่มีวันกลับมาอีก
ถ้าหากดวงวิญญาณของหลวงพ่อสถิตอยู่ ณ ที่ใด ขอหลวงพ่อจงได้ปกป้องรักษาคุ้มครองศานุศิษย์ของหลวงพ่อนั้นด้วยเทอญ
พระคุณท่านได้จากไปแล้วแต่ บารมีของหลวงปู่ยังคงอยู่ตลอดไป
หลวงปู่มรณภาพเมื่อวันที่ 29. ก.ย. 08 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 11 วันพุธ เวลา 4 ทุ่ม 40 นาที
เหรียญรุ่นนี้เหรียญปั๊มรุ่นแรกของท่านสร้างขึ้นเมื่อคราวอายุครบ 50 ปีเมื่อปีพ.ศ.2475 จัดว่่าเป็นเหรียญหายากและเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์สูง เท่าที่พบเห็นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 บล็อคคือบล็อก"พ.พานหางสั้นและพ.พานหางยาว"(ทั้ง 2 บล็อกราคาไม่แตกต่างกันขึ้นอยู่ที่ความสวยอย่างเดียว)ที่พบเห็นส่วนมากจะเป็นเนื้องเงิน,เนื้อทองแดงกะหลั่ยทองและทองแดงผิวไฟ

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top