พระผงพรหม1 หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ-พบสุขพระเครื่อง - webpra
( ใ ห้ ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ รู้ ว่ า บ้ า น เ ร า มี ดี ) 0 8 9 0 9 9 9 9 7 9 น น ท์ ม ห า โ ช ค
พระผงพรหม1 หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ - 1พระผงพรหม1 หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ - 2พระผงพรหม1 หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ - 3พระผงพรหม1 หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ - 4พระผงพรหม1 หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ - 5
ชื่อร้านค้า พบสุขพระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระผงพรหม1 หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ
อายุพระเครื่อง 54 ปี
หมวดพระ หลวงพ่อรวย วัดตะโก - หลวงปู่ทิม วัดพระขาว – หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ ngamkamol2009@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 29 มี.ค. 2561 - 11:20.30
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ พ. - 02 พ.ค. 2561 - 15:45.17
รายละเอียด
หลวงพ่อพรหม ติสสเทโว แห่งวัดขนอนเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา
...ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองกรุงเก่า...หลวงพ่อพรหม ท่านเป็นพระที่เก่งมาก ท่านดังในพื้นที่ เก่งเวทวิทยาคมเป็นอย่างมาก ถ้าจะพูดถึงยอดพระเกจิอาจารย์ในบ้านเราที่มีชื่อเสียงมากๆ หลังปี 2525 หนึ่งในนั้นก็มี หลวงพ่อพรหม ติสสเทโว แห่งวัดขนอนเหนือ อยู่ด้วยแน่นอน ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ร่ำเรียนวิชาอาคมที่ถ่ายทอดมาจากสายวัดประดู่ทรงธรรมสถานที่รวบรวมวิชาทางพระพุทธศาสนา พระคาถาอาคม และตำราพิชัยสงคราม ที่สืบทอดมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยนั้น หลวงปู่สีวัดสะแกถึงกับเอ่ยปากว่า "ใครที่ว่าเหนียว ใครที่ว่าคงนั้น ต้องยกให้ท่านพรหม แห่งวัดขนอนเหนือ"
วัตถุมงคลของท่านมีมากมาย ประสบการณ์เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ ประสบการณ์โชกโชนมากทางด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย อีกทั้งด้านเมตตาท่านก็ไม่เป็นสองรองใคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตราชธานีของไทยเราปรากฏนามของพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษอันยิ่งใหญ่ ผ่านยุคสมัยอย่างมากมายจนขานไขไม่หมด แต่ละท่านล้วนสืบสายวิชาจากวัดประดู่โรงธรรม พุทธมนต์, เวทวิทยาคม, วิชาการต่างๆ ถูกจารึกจดจำเป็นคลังแห่งศาสตร์ผ่านกาลเวลามานานนับร้อยปี โอนย้ายถ่ายเทกันมาเป็นรุ่นจวบปัจจุบัน

ความเข้มขลังทางพุทธาคมของท่าน ถูกถ่ายทอดโดยโยมสุวรรณบิดาของท่านตั้งแต่เยาว์วัย ผ่านตำราของท่านขรัวแสง วัดเสาประโคนสหธรรมิกของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทำให้ท่านได้ชื่อว่า “หนังดีและมีอาคมขลังมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม” ด้วยความที่เป็นผู้ใฝ่รู้ แม้อุปสมบทแล้วก็ได้ศึกษาหาความรู้จากพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นหลายท่าน เช่น หลวงปู่ฟัก วัดทำเลไทย หลวงปู่อ่ำ วัดงิ้วงาม หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ฯลฯ ด้านความเข้มขลังพุทธาคมและสมาธิจิตของท่าน ซึ่งแม้แต่ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง หลวงปู่สี วัดสะแก ยังเอ่ยปากให้การยกย่องแทบทั้งสิ้น
หลวงพ่อพรหมได้จัดสร้างวัตถุมงคลครั้งแรก ปี พ.ศ.๒๔๙๔ เป็นเหรียญเสมา รุ่นแรก จัดสร้างครั้งต่อๆมาโดยมากสมนาคุณผู้ที่ร่วมทำบุญ จึงไม่ค่อยพบเห็นวัตถุมงคลในยุคต้นสักเท่าไรนัก ซึ่งต่อมาภายหลังท่านได้จัดสร้าง เหรียญซึ่งมีลักษณะเป็นรูปพระนารายณ์ในรูปแบบต่างๆกันเช่น นารายณ์เส้ น ,นารายณ์ออกศึก ,นารายณ์ทรงเมือง และเหรียญหนุมานออกศึก เหรียญสิงห์ , ยันต์ต่างๆ รูปทรงที่เป็นพระนารายณ์ หนุมาน และสิงห์นี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวของท่าน

ประสบการณ์ วัตถุมงคลของท่านล้วนมีประสบการณ์ แคล้วคลาด คงกระพัน ทั้งสิ้น เป็นที่โจษขานกัน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน อย่างกว้างขวาง ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ เหรียญที่ทำให้คนรู้จักชื่อเสียงของหลวงพ่อมากคือ เหรียญนารายณ์ทรงศาสตราวุธ เหรียญหนุมานออกศึก เหรียญยันต์เก้ายอดหรือเรียกว่ายันต์ครู เพราะจัดสร้างน้อยและหายาก เนื่องจากมีประสบการณ์เรื่องเล่า จากผู้ใช้ย่างโชกโชน
คำกล่าวนี้ผู้เขียนมิได้กล่าวอ้างขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย แต่ได้รับฟังจากพระอาจารย์สาท(โม่ง) ธรรมโชติ วัดขนอนเหนือ ผู้มีศักดิ์เป็นศิษย์และหลานชายแท้ ๆ ของหลวงพ่อพรหม

ในช่วงปี พ.ศ. 2527-2533 กลิ่นแห่งความเข้มขลังทางอยู่ยงคงกระพันของหลวงพ่อ ช่างหอมหวนชวนใจ(ลูกผู้ชาย)เกินกว่าพระอาจารย์รูปใดในอยุธยา ทำให้ผู้เขียนต้องไปกราบนมัสการท่านตามประสาคนหนุ่มวัยฉกรรจ์ ที่นิยมความคงกระพันเสาะหาครูอาจารย์ผู้ทรงคุณ ไว้คุ้มครองชีวิตร่างกาย ความอ่อนน้อมถ่อมตนและรอยยิ้มแห่งความเมตตาของท่าน ยังติดตรึงใจผู้เขียนมาจนทุกวันนี้ ผิดแผกแตกต่างจากอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรงที่ล้วนประกาศศักดาเดชานุภาพ อวดอ้างฤทธิ์เกินองค์พระศาสดา ดุจเทพยดาลงมาเกิดก็ไม่ปาน สุดท้ายเห็นหอบเงินหนีสึกไปมีเมียมีลูกกันเสียนักต่อนัก

ชื่อเสียงของท่านโด่งดังตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2500 ยันต์พระนารายณ์,พระ บุตร-ลบ, ราชสีห์, หนุมานดันปฐพี ถูกถ่ายทอดผ่านปลายเข็มสักสู่เนื้อหนังลูกผู้ชายชาวอยุธยาคนแล้วคนเล่า ผู้ผ่านศึกมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ คมศัสตราวุธนานาหาได้ชำแรกผ่านผิวกายไม่
เพื่อนของผู้เขียนเคยโดนรุมกินโต๊ะขนาด 10 ต่อ 1 สารพัดอาวุธทั้งมีด, ไม้, เก้าอี้, ขวดเบียร์ รุมประเคนใส่อย่างไม่บันยะบันยัง หาได้ทำให้เพื่อนผู้เขียนทรุดลงไปกองกับพื้นไม่ กลับยิ่งทำให้เกิดพละกำลังมหาศาลเข้าประจัญบาน จนฝ่ายตรงข้ามแตกกระเจิงวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง เสื้อกางเกงขาดวิ่นเต็มไปด้วยเลือด เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดกลับไม่พบบาดแผลเลยสักนิด ปรากฏว่าเป็นเลือดจากรอยแผลของฝ่ายตรงข้ามที่เพื่อนผู้เขียนฝากไว้เป็นอนุสรณ์ เล่ากันว่าก่อนที่เสือขาวจะพาพวกปล้นตลาดท่าเรือนั้น (ปิดตลาดปล้นปี 08) ได้มาขอผ้าขอดจากหลวงพ่อ (มีอานุภาพคุ้มครองบริวารได้ 7 คน) จนสามารถหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้


พระผงพรหม1 เนื้อช็อคโกแล็ต หายากยอดนิยม กับ เนื้อขาวมีเกศา หายากไม่แพ้กัน สวยเดิมเข้มขลัง พร้อมตลับพุกวินเทจ น่าใช้มากคับกับพระผงรูปเหมือนรุ่นแรกของท่าน
...ด้านหลังเป็นยันต์เฑาะว์แบบเหรียญรุ่นแรก เรียกว่ายันต์เฑาะว์ขรัวตาแสงถือเป็นยันต์ต้นตระกูลของหลวงพ่อพรหม โดยอักขระต่างๆ แบ่งได้ดังนี้
- อักขระด้านบน อ่านว่า อิสวาสุ เป็นหัวใจแก้วสามประการ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ย่อมาจากบทสวดมนต์ อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ
- ถัดลงมา อ่านว่า นะโมพุทธายะ หัวใจพระเจ้าห้าพระองค์ นะ = พระกุกุกสันโธ โม = พระโกนาคม พุท = พระกัสสป ธา = พระศากยมุนี ยะ = พระศรีอริยเมตไตรย ถือเป็นชุดกระบวนวิชาธาตุเช่นกัน
- ใต้เฑาะว์มีอักขระ 4 แถว อ่านว่า นะมะพะทะ(หัวใจธาตุสี่) พุทธะสังมิ(หัวใจพระไตรสรณคมน์) มะอะอุ(หัวใจพระไตรปิฎก) อะระหัง(หัวใจพระนิพพาน)
- มีเลข 5 ไทยอยู่ 4 ตัว เรียกว่ากลเลข ตรีนิสิงเห แทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วจักรวาล

อักขระเลขยันต์ทั้งหมดนี้ ถือเป็นยันต์ชุดใหญ่ เป็นชุดอักขระที่วางได้สมบูรณ์แบบ สวยงามมากชุดหนึ่ง และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีคุณวิเศษครบเครื่อง ทั้งเมตตามหานิยม คงทนแคล้วคลาด มหาอำนาจ คงกระพัน ป้องกันสารพัดภัย และเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

"อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ พุทธะสังมิ สัพเพชะนา พะหูชะนา มหาชะนา นะชาลีติ สัพพะลาภะ ภะวันตุเม เอหิเมมา คะมะ นะชาลีติ"

...หลวงพ่อพรหมได้เล่าเรื่องลองวิชากันในระหว่างปลุกเสกพระซึ่งมักจะเกิดขึ้นเสมอ ให้ลูกศิษย์ฟังว่าพระที่ท่านยอมรับมีอยู่ ๒ รูป คือหลวงพ่อจุ้ย วัดพงษาราม และหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท หลวงพ่อพรหม ท่านเล่าว่าจริงๆแล้ว ที่หลวงพ่อกวยตอบโต้หนักๆนั้น เพราะหลวงพ่อพรหมไปลองวิชากับหลวงพ่อกวยก่อน ถ้าเปรียบไปก็เหมือนกับเด็กไปลองดีกับผู้ใหญ่ มีหรือที่หลวงพ่อกวย ท่านจะยอม ครั้งหนึ่งมีงานปลุกเสกที่จังหวัดสุพรรณบุรีหลวงพ่อพรหมกับหลวงพ่อกวยนั่งตรงข้ามกัน หลวงพ่อพรหมท่านทำกสิณไฟส่งไปหาหลวงพ่อกวยๆท่านก็ตอบโต้หนักต้านกลับมาแรงขึ้นๆเรื่อย จนฉัตรที่คั่นอยู่ระหว่างกลางหลวงพ่อพรหมและหลวงพ่อกวยเกิดไฟลุกแล้วดับไปเอง เมื่อเสร็จพิธีหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราชท่านเดินมาหาหลวงพ่อพรหม แล้วเอ่ยขึ้นว่า " เล่นกันเป็นเด็กๆเลยนะท่าน "

อื่นๆ...

Top