พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง-พบสุขพระเครื่อง - webpra
( ใ ห้ ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ รู้ ว่ า บ้ า น เ ร า มี ดี ) 0 8 9 0 9 9 9 9 7 9 น น ท์ ม ห า โ ช ค

หมวด พระสมเด็จวัดระฆัง - วัดบางขุนพรหม - วัดเกษไชโย

พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง

พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง - 1พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง - 2พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง - 3พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง - 4พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง - 5
ชื่อร้านค้า พบสุขพระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระสมเด็จเก้าชั้นจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง
อายุพระเครื่อง 76 ปี
หมวดพระ พระสมเด็จวัดระฆัง - วัดบางขุนพรหม - วัดเกษไชโย
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ ngamkamol2009@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 29 มิ.ย. 2557 - 21:54.55
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ส. - 02 ม.ค. 2559 - 09:15.09
รายละเอียด
(ท่านเจ้าคุณเทพประสิทธินายก) หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆสิตาราม
...พระสมเด็จเก้าชั้น หูบายศรี ฝังตะกรุด 5ดอก เนื้อขาว พิมพ์ขนาดจัมโบ้ หลวงปู่นาค วัดระฆัง ยุคต้นปี2485-2495 นิยมหายาก แก่ผงเก่าสมเด็จวัดระฆัง เนื้อหาจัดจ้านขึ้นกล้องส่องมันส์ สวยแท้แลดูง่ายสบายตา เลี่ยมเลนซ์เดิมเก่าหนา 9ชั้น งานเลี่ยมผีมือชั้นครู สุดคลาสสิค!

*** พระสมเด็จ ถือว่าเป็นสุดยอดของด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม เน้นบุญฤทธิ์ หนุนดวงชะตา แคล้วคลาดภัยพิบัติ ป้องกันรักษาโรค ป้องกันภัย แก้คุณไสย คงกระพัน ดันโชคลาภ ช่วยให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าในกิจการงาน ทำให้มีชื่อเสียง มีอำนาจปราศจากศัตรู ใครมีบารมีได้ไว้จะไม่มีวันตกต่ำ ด้วยพลังอานุภาพในด้านพุทธคุณ กอรปกับความงดงามในด้านพุทธศิลป์ พระสมเด็จในเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) จึงได้รับการถวายพระนามอย่างสมพระเกียรติว่าเป็น “จักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง” เสมือนเครื่องวัดภูมิฐานะของความเป็นนักนิยมพระเครื่อง พระสมเด็จจึงเป็นสุดยอดวิญญาณปรารถนาของนักนิยมพระเครื่องทุกคน ***

...ผงวิเศษในพระสมเด็จวัดระฆัง สุดยอดของส่วนผสมในเนื้อพระ อันประกอบไปด้วย
ผง ปัถมังอิทธะเจ มหาราช พุทธคุณ และตรีนิสิงเห ผงวิเศษเหล่านี้ได้ผ่านกรรมวิธีลงวิทยคาถาขั้นสูง ทำให้เกิดอานุภาพ มหามงคลประดุจดั่งพุทธรังสีแผ่คุณความดีไปทั่วพุทธจักรวาล และบังเกิดผลานิสงส์แก่ผู้สักการะบูชาไม่เสื่อมคลาย
...นอกจากผง วิเศษดังกล่าวแล้ว ท่านยังผสมผสานวัตถุมงคลอาถรรพ์อื่นที่ท่านพิจารณาเห็นว่ามีความ ศักดิ์สิทธิ์ลงในเนื้อพระด้วย เช่นว่านร้อยแปด ดอกไม้บูชาพระ ก้านธูป ผงใบลานเผา ข้าวก้นบาตร เศษพระเครื่องโบราณ เศษจีวรห่มพระพุทธรูป ทรายเงิน ทรายทอง ฯลฯ ทำให้เนื้อพระมีความศักดิ์สิทธิ์ และมีคุณค่ายิ่งกว่าเพชรน้ำหนึ่ง

...พระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง เป็นพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังที่ท่านได้เก็บรวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก จากการที่นำเศษแตกหักของพระสมเด็จ และการค้นพบพระสมเด็จจำนวนมากบนหลังคาโบสถ์วัดระฆัง ซึ่งท่านได้นำพระสมเด็จที่แตกหักทั้งหมด ร่วมกับการสร้างผงพุทธคุณของท่านตามตำรับของสมเด็จโต ทำให้พระสมเด็จของท่านโดยเฉพาะพระในยุคต้นๆ ช่วงปี 2485-2495 มีเนื้อหามวลสารจัดจ้าน ซึงนับว่ามีเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังผสมไว้มากที่สุด ที่ดูจะสูสีก็มีเพียงพระสมเด็จของพระครูมูล วัดสุทัศน์ รุ่นพิมพ์ทรงเจดีย์ 2485 เท่านั้น อีกทั้งพุทธคุณก็สูงล้ำในด้านเมตตามหานิยม เป็นที่เสาะแสวงหากันอย่างมาก แต่เนื่องจากท่านได้สร้างพิมพ์ทรงของพระสมเด็จต่างๆไว้มากมาย ในวงการจึงนิยมเล่นหากันเฉพาะพิมพ์นิยมบางพิมพ์ของท่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใครเห็นก็ทราบว่าเป็นพระของท่าน เช่น พิมพ์เทวดาสามชั้นหูบายศรี พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ชิ้นฟัก พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต พิมพ์ซุ้มระฆัง เป็นต้น ส่วนพิมพ์อื่นๆไม่ค่อยนิยมเช่าหากัน สำหรับพระสมเด็จของท่านที่มีเนื้อหาจัดจ้าน แก่ผงพระสมเด็จ หรือที่มีการฝังตะกรุดไว้เป็นพิเศษ ตั้งแต่ 1ดอก 2 ดอก หรือ 3 ดอก และ 5ดอก จะหาได้ยากมาก และเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยจะเช่าหากันในราคาสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว เป็นที่น่าแปลกใจเพราะพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังไปมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์อย่างมาก

- การสร้างวัตถุมงคล -
...โดยเฉพาะพระสมเด็จนั้น ท่านจะเน้นถึงความสำคัญเกี่ยวกับผงวิเศษที่นำมาบดผสมในการสร้างทุกครั้ง ใช้ผงถูกต้องตามสูตรของสมเด็จพุทธจาร์ยโต โดยเรียนมาจาก พุทธโฆษาจารย์ เจริญ หลวงปู่ได้สร้างวัตถุมงคล ทั้งสมเด็จ และพระเนื้อผง และเหรียญ ไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 50 พิมพ์ขึ้นไป ทางวัดจัดสร้างบ้าง ลูกศิษย์สร้างบ้าง และวัดอื่นสร้างบ้างแล้วมาให้ท่านปลุกเสกให้บ้าง พระยุคแรกประมาณปี 2484 จนถึงปี 2495 ท่านได้สร้างพระเป็นจำนวนมาก โดยได้ผสมผงเก่าสมเด็จโต ผงพระปิลันทร์ ผงอิทธิเจ ซึ่งหลวงปู่ได้ปลุกเสกเองตามตำรับสมเด็จโต พรหมรังสี โดยได้นำผงเก่าทั้งหมดมาปั้นเป็นแท่ง และเขียนอักขระยันต์ลงแผ่นกระดาน 108 ครั้้ง จึงได้ลบผงบนกระดานนำมาสร้างพระสมเด็จและพระเนื่้อผงต่างๆ เช่น วัดประสาทในปี 2506 วัดจังหวัดอยุธยา วัดละครทำ วัดชิโนรส และวัดอื่นอีกหลายวันที่ยังไม่ได้อ้างถึง

- การปลุกเสกวัตถุมงคล -
...หลังจากพิมพ์พระเสร็จ หลวงปู่นาคท่านจะให้ลูกศิษย์นำพระเครื่องทั้งหมดไปไว้ในพระอุโบสถ หลังจากทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จแล้ว ท่านจะปิดประตูโบถส์ อยู่เพียงลำพังท่านเดียวและทำการปลุกเสกพระจนถึงเที่ยงคืน จึงกลับกุฏิจำวัด รุ่งขึ้นจึงนำพระเครื่องทั้งหมดมาไว้ที่วิหารสมเด็จโต ทำการปลุกเสกตอนกลางคืนอีกวาระหนึ่ง จากนั้นก็นำมาทำการปลุกเสกในกุฏิของท่านอีกครั้งเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการปลุกเสกพระ สาเหตุที่ท่านทำเช่นนี้ ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า...หลวงพ่อพระประธานในโบสถ์ ท่านศักดิ์สิทธิ์ เราเป็นเพียงตถาคตมาอาศัยสถานที่ท่านพำนัก จะทำสิ่งใดก็ต้องบอกกล่าวท่าน และให้ท่านช่วยปลุกเสกให้ด้วยจึงจะถูกต้อง ...ส่วนที่นำเข้าวิหารสมเด็จโต เพราะสมเด็จโตนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังฯมาก่อน และ เป็นครูบาอาจารย์ จะทำอะไรก็ต้องบอกกล่าวท่านก่อน แล้วให้ท่านมาร่วมรับรู้และช่วยกันปลุกเสกแผ่พลังจิตพระเครื่องเหล่านี้ด้วยจึงจะสมบูรณ์
ฉะนั้นพระเครื่องทุกรุ่นที่หลวงปู่นาคท่านได้จัดสร้างขึ้น จึงเป็นที่เชื่อว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยบุญฤทธิ์ พุทธานุภาพครบเครื่อง (เมตตามหานิยม โชคลาภ หนุนดวงชะตา แคล้วคลาดภัยภิบัติ ไม่มีวันตกต่ำ)

(เรื่องของหลวงปู่นาค วัดระฆัง เล่าโดยพระราชพรหมญาณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
...เรื่องของหลวงพ่อนาค เขียนไว้อีกข้อเดียว คือเรื่องดูใจเวลาปลุกพระ นี่เรื่องมันเกี่ยวกันกับอาตมา ต้องขอประทานโทษบรรดาท่านผู้อ่านหรือท่านผู้ฟัง เมื่อฟังแล้วอ่านแล้วก็อย่าคิดว่าอาตมาเป็นผู้วิเศษ อย่าคิดยังงั้นนะ จงคิดเสียว่าอาตมาก็เป็นเถรหัวล้านธรรมดาๆ ไม่มีอะไรดีกว่าท่านผู้ฟัง เกิดแล้วก็แก่ แก่แล้วก็เจ็บ เจ็บแล้วก็ตาย กินแล้วก็ขี้ ตื่นแล้วก็หลับ ธรรมดา ปวดเมื่อยไม่สบาย ปวดฟันตาฟ้าหูฟางเหมือนกัน พูดจาเอะอะโวยวายหยาบคายก็ได้ พูดนิ่มนวลก็ได้ ทำท่าเป็นผู้ดีก็ได้ ทำท่าเป็นสิงห์หน้าพลับพลาก็ได้ ทำเป็นหมาเห่าชาวบ้านก็ได้ เป็นทุกอย่าง ไอ้ที่ทำอย่างนั้น เพราะใจมันเป็นอย่างนั้น ไม่เหมือนหลวงพ่อนาค ท่านดีจริงๆ เลยยอมรับนับถือท่าน
...ทีนี้ถึงเวลาปลุกพระจริงๆ เก้าองค์เข้าไปนั่ง อาตมาเองคิดในใจ ว่าเราก็ไม่มีความรู้อะไร ความดีด้านสมาธิก็ไม่มีอะไร เพราะเป็นคนธรรมดาๆ เป็นพระเดินผ่านหน้านรกไปผ่านหน้านรกมา เดินห่างนรกอยู่ครึ่งนิ้วเท่านั้นเอง ถ้าเผลอเมื่อไรหัวก็ทิ่มนรกเมื่อนั้น ก็เลยนึกในใจว่าเอาพระ 9 องค์นี้องค์ไหนมีอานุภาพมากบ้าง อยากรู้ก็เลยเข้าไปในโบสถ์ เขาปลุกในโบสถ์ ไปนั่งอยู่ท้ายอาสนสงฆ์ สำหรับพระที่ปลุกพระเขาทำเก้าอี้ให้นั่ง เอาไม้ไผ่มาทำเก้าอี้ เขาบอกว่าถ้าปลุกด้วยเก้าอี้ไม้ไผ่มันขลังดี ไอ้นั่นเรื่องของอุปาทาน ไม่เกี่ยว เรื่องของคนคิด
...เมื่อไปนั่งอยู่ท้ายอาสนสงฆ์ตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า คือมองดูพระประธานเป็นกำลัง ขอบารมีพระพุทธเจ้าได้โปรดสงเคราะห์ ข้าพระพุทธเจ้าอยากจะดูอานุภาพจิตของพระแต่ละองค์ที่มานั่งปลุกพระในวันนี้ ถ้ากระแสจิตของบุคคลใด มีขนาดเท่าใด มีอานุภาพอย่างไรก็ขอให้ปรากฏแก่อารมณ์ของข้าพระพุทธเจ้า นึกเท่านี้นะ อธิษฐานเอาตามเรื่อง ตามเรื่องของคนที่ไม่มีฌานสมาบัติชั้นดีอย่างเขาหรืออาจจะไม่มีเลย พออธิษฐานเท่านั้นก็จับลมหายใจเข้าออก ทำจิตสงบนิดหนึ่ง ก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ นี่เป็นอำนาจของพุทธานุภาพจริงๆ นะ ไม่ใช่ความดีของอาตมา เห็นกระแสจิตของพระทุกองค์ใสแจ๋ว เหมือนกับเห็นของในเวลากลางวัน สำหรับกระแสจิตหลวงพ่อนาคนี่พุ่งออกมาใหญ่เหลือเกิน คลุมเครื่องรางของขลังทั้งหมด เรียกว่าแสงสว่างของจิตแทรกลงไปในเครื่องของขลังอยู่ที่ผิดด้านหน้า ยันข้างล่างสุด เรียกว่าคลุมหมด อาบลงไปหมดเลย โพลงสว่างชัด ของพระครูธรรมาภิราม พุ่งออกมาเหมือนหอก เป็นกระแสเล็กแต่พุ่งแรงมาก แสดงว่าพระครูธรรมาภิราม เป็นพระนักเลง ชอบคงกระพันชาตรี ของหลวงพ่อนาคนี่เต็มไปด้วยอำนาจพระพุทธบารมีจริงๆ มีความเยือกเย็นสบายๆ ยังไงชอบกล แต่พระอีก 9 องค์ มองดูไปแล้วกระแสจิตไม่ได้ออกมา เหมือนกับจุดเทียนจุดริบหรี่ ปักอยู่ในอกนั่นเองอยู่เฉยๆ เป็นดวงนิดหนึ่ง แล้วก็อยู่ในอกเฉยๆ ก็นั่งดูอยู่ยังงั้นจนกว่าเขาจะเลิกปลุกกัน
...เมื่อถึงเวลา 23 น. เศษๆ ก็หมดสัญญาณการปลุก ความจริงการปลุกพระนี่ ไม่ต้องใช้เวลามาก ถ้าใช้เวลามากแล้วไม่มีผล ควรจะให้พระกำหนดกันเอง ปลุกพร้อมกัน ใครเต็มเมื่อไรก็พัดผ่อนได้เมื่อนั้น แต่ยังไม่ลุกออกมา ยังงี้จะดีมาก แล้วเวลาปลุกพระ ต้องใช้กำลังสมาธิสูงมาก ถ้าพระได้สมาบัติยังต่ำหรือโยเยอยู่ ยังไม่มั่นคงนัก จิตจะส่ายไปตามกระแสสวด ผลจะไม่ดี แต่ว่าที่ทำกันเวลานี้ ก็มีพระสวดพุทธาภิเศกควบไปด้วย เขาเอาแบบมาจากไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเอาแบบมาจากไหน แต่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีแค่ไหนก็ตามเรื่อง หากมีพระกำลังจิตดีก็ใช้ได้ ถ้าพระกำลังจิตไม่ดีก็เลยนั่งหลับตา อีตอนนั่งหลับตาใครจะรู้ว่าทำอะไรบ้าง บางวัดก็เกณฑ์กันตลอดรุ่งไม่เห็นมีประโยชน์ เคยไปร่วมกับเขาเหมือนกัน ถ้าเกณฑ์ตลอดรุ่งดีไม่ดีก็นั่งหลับเลย
...ตานี้ พอเขาเลิกทำพิธี พระอาจารย์ทุกองค์ก็ลงมา พอลงมาเสร็จท่านก็ไปนั่งกันตามหน้าอาสนสงฆ์แต่ไม่ถึงท้าย อาตมานั่งอยู่ทางท้ายกับพระสมุห์สมบูรณ์ พอลงมานั่งกันเรียบร้อย หลวงพ่อนาคก็บอกว่านี่ท่านพวกนี้รู้ไหม ไอ้ขโมยมันมานั่งขโมยอยู่ พระพวกนั้นก็ทำหน้าล่อกแล่กๆ มีพระครูธรรมาภิรามองค์เดียวยิ้ม หันมายิ้มด้วยแสดงว่าท่านรู้ก็เลยยิ้มกับท่าน แต่หลวงพ่อนาคท่านก็ทำเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ บอกท่านทั้งหลายรู้หรือเปล่า ไอ้ขโมยมันมานั่งขโมยอยู่ ท้ายอาสนสงฆ์ แล้วก็มีญาติโยมคนหนึ่งถามว่าขโมยอะไร ถามขโมยอะไรเจ้าค่ะหลวงพ่อ ท่านก็บอก มันไม่ได้ขโมยอะไรหรอก มันมานั่งขโมยดูใจพระปลุกพระ ไอ้ขโมย มันนั่งอยู่ท้ายอาสนสงฆ์
...ตานี้เวลาที่ท่านลงมาแล้วเขาขอพระท่าน ท่านก็แจก เวลาท่านแจกไปขอท่านมั่ง ท่านไม่ให้ บอกไอ้นี่ขโมย ไม่ให้ละ ทำได้อย่างที่เขาทำนี่ ทำได้ไปทำเอาเองซี ท่านไม่ให้ ก็มีพระหลายองค์ท่านมองหน้า ท่านก็เลยบอกว่าไอ้นี่แหละขโมย ขโมยดูใจพระทุกองค์ มันรู้ ว่าใจพระองค์ไหนเป็นยังไง นี่มันทำได้นะพระนี่ มันทำได้ ทำได้คล้ายๆ ข้าแหละ แต่ไอ้ข้ากับมันใครดีกว่ากันข้าไม่รู้หรอก แต่วันนี้ท่านผู้ฟังจำไว้นะ ว่าอาตมาไม่ดีเท่าหลวงพ่อนาค แล้วก็ดียังไม่ใกล้หลวงพ่อนาค ยังไกลอยู่นะ

อื่นๆ...

Top