หมวด พระเกจิภาคกลางตอนบน
หลวงพ่อเป้า วัดถ้ำพรสวรรค์ นครสวรรค์
ชื่อร้านค้า | พ่อพัตเตอร์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | หลวงพ่อเป้า วัดถ้ำพรสวรรค์ นครสวรรค์ |
อายุพระเครื่อง | 28 ปี |
หมวดพระ | พระเกจิภาคกลางตอนบน |
ราคาเช่า | 330 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 087-9995555, 087-0510636 |
อีเมล์ติดต่อ | itsaredh@yahoo.com |
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พฤ. - 24 พ.ย. 2554 - 16:04.50 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ศ. - 06 ก.ค. 2561 - 17:21.55 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระทุกองค์ที่ลงประมูลสามารถบูชาได้ครับ แจ้งมาได้เลยครับผม หลวงพ่อเป้า วัดถ้ำพรสวรรค์ นครสวรรค์ เกจิที่ชาวตากฟ้า นครสวรรค์เคารพศรัทธามาก น่าบูชาครับ ลองอ่านข้อมูลดูครับ เมื่อประมาณปี ๒๕๑๕ ข้าพเจ้าได้พบอริยสงฆ์รูปหนึ่ง ชื่อหลวงพ่อเป้า ณ กุฏิหลังเล็กๆ หน้าปากถ้ำวัดพรสวรรค์ อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ในปัจจุบันนี้ และในทันทีที่พบเห็น ก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก จึงได้เข้าไปกราบไหว้และสนทนากับท่าน ซึ่งท่านก็เมตตาให้ศีลให้พร และพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ดังนั้น นับตั้งแต่นั้นมา หากข้าพเจ้าไม่ได้ไปหาหลวงพ่อวัดท่าซุง ข้าพเจ้าก็จะไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเป้า ที่กุฏิหน้าถ้ำ หรือไม่ก็ในถ้ำพรสวรรค์อยู่เสมอ (สมัยนั้นยังไม่มีโบสถ์ ไม่มีศาลา และกุฏิสงฆ์เลย) จนได้รับทราบว่า หลวงพ่อเป้าได้ออกธุดงค์มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และในที่สุดก็ธุดงค์ผ่านมายังที่แห่งนี้ ระหว่างที่ได้ปฏิบัติธรรมและเจริญพระกรรมฐานอยู่นั้น ก็เกิดนิมิต เห็นเทพซึ่งพิทักษ์รักษาถ้ำแห่งนี้มาเชิญให้เข้าไปพำนักเสียในถ้ำ และขอร้องให้อยู่ ณ ที่แห่งนี้เพื่อสร้างวัดพรสวรรค์ต่อไป ซึ่งหลวงพ่อเป้าท่านก็รับปาก และยินยอมที่จะอยู่เพื่อบำเพ็ญเพียรในถ้ำแห่งนี้ตลอดไป โดยในตอนเช้าก็ไต่เถาวัลย์ขึ้นจากถ้ำบิณฑบาต ผ่านป่าดงพงไพร ไปยังบ้านคนซึ่งแต่ละบ้านก็อยู่ห่างกันมาก และเมื่อกลับจากบิณฑบาตก็ไต่เถาวัลย์ลงถ้ำ หลวงพ่อเป้าเล่าว่า ท่านบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำแห่งนี้มา ๑๐กว่าปีแล้วเพิ่งจะออกมาอยู่ที่กุฏิเล็กๆนอกถ้ำ ดังที่ข้าพเจ้าได้เห็น เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ในระหว่างที่บำเพ็ญความเพียรอยู่ในถ้ำ ๑๐กว่าปีนั้น หลวงพ่อเป้าเล่าว่า “ในถ้ำมืดและชื้นแฉะมาก จนมีตะไคร่น้ำจับเต็มไปหมด นอกจากนั้นเถาวัลย์ ตันไม้และหญ้าขึ้นปกคลุมไปทั่ว อีกทั้งงูเล็ก งูใหญ่ ก็เลื้อยยั้ยเยี้ยไปหมด เวลาจะขยับตัวจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็ต้องกำหนดจิตพูดกับเขานะว่า ถ้าเราถูกท่าน หรือท่านถูกเราบ้าง ก็ขอจงอย่าได้ถือสากันเลยนะ ทั้งเราทั้งท่านต่างก็เกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่าด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าท่านใดเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อเรา เราก็ยินดีมอบชีวิตให้ และจะไม่ถือโทษจองเวรจองกรรมต่อท่านเลย” ก็ปรากฏว่าหลวงพ่อก็อยู่ร่วมกับงูเหล่านั้นมาได้ถึง ๑๐ปี โดยมิได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย มิหนำซ้ำ เมื่อหลวงพ่อกลับมาจากบิณฑบาต บรรดาฝูงงูเหล่านั้นกลับมากันเลื้อยมาต้อนรับ พันแข้งพันขาหลวงพ่อ ด้วยความยินดีเหมือนเช่นลูกมาคอยต้อนรับการกลับของพ่อก็มิผิด และเมื่อได้ทักทายกันเรียบร้อนแล้ว งูเหล่านั้นก็เลื้อยแยกกันไปซอกหินบ้าง โพรงไม้บ้าง ปล่อยให้หลวงพ่อเจริญพระกรรมฐานได้ โดยมิรบกวนต่อกัน เรื่องราวต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับหลวงพ่อเป้านั้น มีอีกมากมาย ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่ขอนำมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ แต่จะมุ่งสู่เรื่องของกรรม เก่าในอดีต ซึ่งได้ติดตามหลวงพ่ออย่างไม่ลดละ และได้ปรากฏผลในชาติปัจจุบัน จนทำให้หลวงพ่อต้องมีบาดแผลฉกรรจ์ เหมือนคนถูกคมมีดยาวประมาณถึง ๓นิ้วเศษ ที่บริเวณหน้าผากของท่านมาจนถึงทุกวันนี้ และแผลดังกล่าวนี้ ข้าพเจ้าตลอดจนคณะที่ได้ติดตามข้าพเจ้า ก็มีความสงสัยมาตลอด แต่ไม่มีผู้ใดกล้าถามหลวงพ่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง หลวงพ่อเป้า ก็ได้เมตตาคลี่คลายความเคลือบแคลงสงสัยดังกล่าวนี้ว่า “เมื่อหลวงพ่อรับปากว่าจะพำนักบำเพ็ญเพียร อยู่ ณ ถ้ำแห่งนี้แล้วก็ขออนุญาตจากท่านที่ดูแลรักษาถ้ำว่า ขอให้หลวงพ่อได้มีสิทธิ์ทำความสะอาด และปรับปรุงสถานที่ภายในถ้ำได้บ้าง ซึ่งท่านก็อนุญาต ดังนั้นนับตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อก็เริ่มงานปรับปรุงไปทีละน้อย โดยปรับพื้นถ้ำให้ได้ระดับไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ แล้วค่อยๆหาหิน ปูน ทราย มาเทจนราบเรียน ส่วนตามผนังด้านข้างและด้านบน ก็ค่อยๆทำความสะอาดหักล้างถางพงไปเรื่อยๆ เมื่อเหนื่อยก็หยุดพัก เมื่อหายเหนื่อยก็ทำต่อ มีอยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่หลวงพ่อกำลังพักเหนื่อย ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า เมื่อหายเหนื่อยแล้ว เราควรจะทำความสะอาดผนังถ้ำด้านบน ทันใดนั้นเองก็มีหินก้อนหนึ่งตกลงมาที่หน้าผาอย่างจัง เสมือนหนึ่งถูกฟันด้วยคมมีดขนาดใหญ่ จนทำให้หลวงพ่อถึงกับผงะหงาย ชาวูบไปทั่วร่าง แต่ก็ยังพอมีสติค่อยๆประคองร่างลุกขึ้นนั่งได้ แล้วใช้มือลูบไปที่หน้าผาก ก็ปรากฏเลือดทะลักออกมากมาย เหมือนถูกน้ำราดทีเดียว หลวงพ่อก็มีความฉงนสนเท่ห์ใจนัก ด้วยไม่คิดว่าหินก้อนนั้นจะตกลงมาได้พอดิบพอดีกับที่หลวงพ่อแหงนหน้าขึ้นรับ เสียด้วย เมื่อสงสัยหลวงพ่อจึงกำหนดจิตตรวจดู ก็เกิดภาพนิมิตเห็นหมูตัวผู้คึกคะนองตัวหนึ่ง มานั่งอยู่ตรงหน้า และตามใบหน้าของหมูมีเลือดไหลทะลักเต็มไปหมด พอหลวงพ่อคิดจะถามว่านี่มันอะไร ก็เกิดภาพนิมิตเห็นตัวหลวงพ่อเอง กำลังยืนถือขวานผ่าฟืนใกล้ๆคอกหมู และในคอกหมูก็เห็นเจ้าหมูตัวนี้แหละ กำลังไล่ทับหมูตัวเมียอย่างคึกคะนอง อีกทั้งกัดหมูตัวผู้อื่นๆทุกตัวที่ขวางหน้า ทันใดนั้น ก็เห็นหลวงพ่อเองในภาพนิมิตโกรธมาก ถือขวานผ่าฟืนวิ่งไล่ฟันเจ้าหมูตัวนั้นจนทรุด และเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมา หลวงพ่อก็ใช้ขวานฟันลงไปตรงหน้าแงอีกครั้ง จนหมูตัวนั้นถึงกับสิ้นใจไปในทันที” หลวงพ่อเป้าหยุดเล่า ใช้มือลูบบาดแผลที่หน้าผาก แล้วพูดต่อว่า “เมื่อหลวงพ่อเกิดความรับรู้ขึ้นเช่นนี้ ก็กำหนดจิตขออโหสิกรรมต่อหมูตัวนั้น และยอมรับผลแห่งกรรมด้วยความเต็มใจ โดยมิขอจองเวรกับเขาอีกต่อไป อีกทั้งยังแผ่ส่วนกุศลให้แก่เขาอยู่เสมอแม้กระทั่งทุกวันนี้” นี่เป็นเรื่องของเวรกรรม ที่ได้ติดตามมาแต่อดีตชาติ และมาบังเกิดผลเอาในชาติปัจจุบัน และถ้าหากผู้ใดสนใจลองไปสอบถามหลวงพ่อเป้าดูด้วยตาของท่านเอง เพราะขณะนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่ และบำเพ็ญความเพียรอยู่ที่ถ้ำพรสวรรค์ อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์นี่เอง ขอบคุณข้อมูลจากเวบ Trendy Tarot มากๆครับ *อย่าลืมคลิ๊กรูปบ้าน(หน้าร้าน )ที่มุมบนซ้ายของจอเพื่อดูพระองค์อื่นที่ท่านอาจจะหาอยู่นะครับ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments