พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก -ศิลป์เจริญพร - webpra

เว็บ-พระ ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์

ศิลป์เจริญพร

"ร้านนี้พระเครื่องยุคเก่า น้อมบูชาคุณ พระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พุทธคุณ ล้ำค่ายิ่งทางใจ"

หมวด พระหล่อ-เหรียญหล่อ-พระปั๊มรูปเหมือน ก่อนปี 2520

พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก

พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก - 3

พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก - 4

พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก - 5

ชื่อร้านค้า	ศิลป์เจริญพร - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	ศิลป์เจริญพร (2259)
ชื่อพระเครื่อง	พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	พระหล่อ-เหรียญหล่อ-พระปั๊มรูปเหมือน ก่อนปี 2520
ราคาเช่า	700 บาท
เบอร์โทรติดต่อ	0811178991 (สะดวกรับสายเวลา 18.00 - 20.00 น.)
อีเมล์ติดต่อ	เนื่องจากมีลูกค้าติดต่อเช่าพระจำนวนมาก ดังนั้นเช่าผ่านLINE ID : @870rqvth จะติดต่อง่ายสะดวกสุดครับ
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	พ. - 17 พ.ค. 2566 - 19:44.33
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	พฤ. - 18 พ.ค. 2566 - 19:23.23

รายละเอียด
**รหัส ศ.ร.๑๙๙๑๕ พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก “หลวงพ่อผล” วัดเชิงหวาย พระผู้มีแต่ให้ สร้างปาฏิหาริย์ศพไม่เน่า กรุงเทพฯ พระราชนันทาจารย์ หรือ หลวงพ่อผล อกฺกโชติ พระอาจารย์ผู้มีแต่ความเมตตา มีแต่ให้เป็นที่รักของศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไป แห่งวัดเวตวันธรรมมาวาสหรือวัดเชิงหวาย แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ แม้ว่าท่านจะล่วงลับละสังขารไปแล้วถึง 2 ปี แต่พบว่าศพของท่านไม่เน่าไม่เปื่อยผุพังเสื่อมสลายไปแต่ประการใด ทั้งนี้สืบเนื่องจากพระราชนันทาจารย์หรือหลวงพ่อผลอดีตเจ้าอาวาสวัดเวตวันธร รมาวาส หรือวัดเชิงหวายได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ที่โรงพยาบาลบางโพ หลังจากนั้นทางวัดก็ทำการสวดพระอภิธรรมศพตามประเพณี โดยทางสำนักพระราชวังได้พระราชทานน้ำหลวงทรงศพ พร้อมด้วยเครื่องเกียรติยศประกอบศพอีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานหีบ ทองทึบประกอบศพด้วย ต่มมาทางวัดโดยคณะ กรรมการวัดและฝ่ายญาติของหลวงพ่อผลได้ทำหนังสือ ขอพระบรมราชานุญาตพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อผลตามเจตนารมณ์ท่านที่สั่งไว้ว่า หากล่วงลับไปแล้วขอให้เผาร่างท่านเสีย เพื่อมิให้เป็นธุระต่อไปในวันข้างหน้า และต่างแบบอย่างท่านพุทธทาสภิกขุ พระอาจารย์ใหญ่ที่ให้ลูกศิษย์เผาร่างท่าน ทางสำนักพระราชวังก็ออกหนังสือให้พระราชทานเพลิงศพพระราชนันทาจารย์อดีตเจ้า อาวาสวัดเวตวันธรรมาวาสและอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะเขตพญาไท ณ เมรุชั่วคราววัดเวตวันธรรมาวาส พระราชพิธีพระราชทานเพลิงศะผ่านไปด้วยดี แต่ก่อนที่จะทำการเผาร่างหลวงพ่อผลจริงๆ ทางเจ้าหน้าที่ของวัดได้เปิดหีบศพออกดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนทำการเผาจริง ก็พบว่าศพของหลวงพ่อนั้นยังอยู่ในสภาพดี ไม่เน่าไม่เปื่อย จึงเกิดเป็นชนวนข้อพิพาทขึ้น เป็นเหตุให้คณะศิษย์กลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้เผาร่างหลวงพ่อ จนต้องไกล่เกลี่ยความพบกันครึ่งทาง หากศพหลวงพ่อไม่เน่าจริงคณะศิษย์ที่ต้องการเผาศพก็ยินดีเก็บศพท่านไว้ในโลง แก้ว และกำหนดนัดเปิดพิสูจน์ศพในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549 อันเป็นวันประวัติศาสตร์ของวัดเชิงหวาย อีกวันหนึ่ง เมื่อถึงกำหนดนัดหมายเปิดศพหลวงพ่อผล ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนเข้าพิสูจน์โดยมีสื่อมวลชน ตำรวจและฝ่ายสงฆ์เป็นสักขีพยานบนศาลาการเปรียญวัดเชิงหวาย ผลการเปิดศพพบว่าศพหลวงพ่อผลไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด สร้างความปิติยินดีแก่บรรดาศิษย์ที่ต้องการให้เก็บศพของหลวงพ่อเอาไว้ ทางวัดจึงได้นำศพของหลวงพ่อใส่ไว้ในโลงแก้วเพื่อให้สาธุชนได้ไปเคารพบูชา กราบไหว้กันต่อไป หลวงพ่อผล พัฒนาวัดเชิงหวายให้เจริญรุ่งเรืองมาตลอด ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “พระราชนันทาจารย์” เมื่อปี พ.ศ. 2535 และในปี พ.ศ. 2547 ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ “พระเทพสิทธิมงคล” แต่ยังไม่ได้พัดยศสัญญาบัตร ซึ่งจะต้องรับพระราชทานในวันที่ 5 ธันวาคม ท่านก็มามรณภาพละสังขารไปเสียก่อน จึงยังคงราชทินนามเดิมที่ “พระราชนันทาจารย์”.

รายละเอียด

**รหัส ศ.ร.๑๙๙๑๕
พระรูปหล่อโบราณ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเชิงหวาย หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย กรุเทพสร้าง รุ่นแรก หายาก

“หลวงพ่อผล” วัดเชิงหวาย พระผู้มีแต่ให้ สร้างปาฏิหาริย์ศพไม่เน่า กรุงเทพฯ
พระราชนันทาจารย์ หรือ หลวงพ่อผล อกฺกโชติ พระอาจารย์ผู้มีแต่ความเมตตา มีแต่ให้เป็นที่รักของศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไป แห่งวัดเวตวันธรรมมาวาสหรือวัดเชิงหวาย แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ แม้ว่าท่านจะล่วงลับละสังขารไปแล้วถึง 2 ปี แต่พบว่าศพของท่านไม่เน่าไม่เปื่อยผุพังเสื่อมสลายไปแต่ประการใด ทั้งนี้สืบเนื่องจากพระราชนันทาจารย์หรือหลวงพ่อผลอดีตเจ้าอาวาสวัดเวตวันธร รมาวาส หรือวัดเชิงหวายได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ที่โรงพยาบาลบางโพ หลังจากนั้นทางวัดก็ทำการสวดพระอภิธรรมศพตามประเพณี โดยทางสำนักพระราชวังได้พระราชทานน้ำหลวงทรงศพ พร้อมด้วยเครื่องเกียรติยศประกอบศพอีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานหีบ ทองทึบประกอบศพด้วย
ต่มมาทางวัดโดยคณะ กรรมการวัดและฝ่ายญาติของหลวงพ่อผลได้ทำหนังสือ ขอพระบรมราชานุญาตพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อผลตามเจตนารมณ์ท่านที่สั่งไว้ว่า หากล่วงลับไปแล้วขอให้เผาร่างท่านเสีย เพื่อมิให้เป็นธุระต่อไปในวันข้างหน้า และต่างแบบอย่างท่านพุทธทาสภิกขุ พระอาจารย์ใหญ่ที่ให้ลูกศิษย์เผาร่างท่าน ทางสำนักพระราชวังก็ออกหนังสือให้พระราชทานเพลิงศพพระราชนันทาจารย์อดีตเจ้า อาวาสวัดเวตวันธรรมาวาสและอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะเขตพญาไท ณ เมรุชั่วคราววัดเวตวันธรรมาวาส พระราชพิธีพระราชทานเพลิงศะผ่านไปด้วยดี แต่ก่อนที่จะทำการเผาร่างหลวงพ่อผลจริงๆ ทางเจ้าหน้าที่ของวัดได้เปิดหีบศพออกดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนทำการเผาจริง ก็พบว่าศพของหลวงพ่อนั้นยังอยู่ในสภาพดี ไม่เน่าไม่เปื่อย จึงเกิดเป็นชนวนข้อพิพาทขึ้น
เป็นเหตุให้คณะศิษย์กลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้เผาร่างหลวงพ่อ จนต้องไกล่เกลี่ยความพบกันครึ่งทาง หากศพหลวงพ่อไม่เน่าจริงคณะศิษย์ที่ต้องการเผาศพก็ยินดีเก็บศพท่านไว้ในโลง แก้ว และกำหนดนัดเปิดพิสูจน์ศพในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549 อันเป็นวันประวัติศาสตร์ของวัดเชิงหวาย อีกวันหนึ่ง เมื่อถึงกำหนดนัดหมายเปิดศพหลวงพ่อผล ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนเข้าพิสูจน์โดยมีสื่อมวลชน ตำรวจและฝ่ายสงฆ์เป็นสักขีพยานบนศาลาการเปรียญวัดเชิงหวาย ผลการเปิดศพพบว่าศพหลวงพ่อผลไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด สร้างความปิติยินดีแก่บรรดาศิษย์ที่ต้องการให้เก็บศพของหลวงพ่อเอาไว้ ทางวัดจึงได้นำศพของหลวงพ่อใส่ไว้ในโลงแก้วเพื่อให้สาธุชนได้ไปเคารพบูชา กราบไหว้กันต่อไป
หลวงพ่อผล พัฒนาวัดเชิงหวายให้เจริญรุ่งเรืองมาตลอด ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “พระราชนันทาจารย์” เมื่อปี พ.ศ. 2535 และในปี พ.ศ. 2547 ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ “พระเทพสิทธิมงคล” แต่ยังไม่ได้พัดยศสัญญาบัตร ซึ่งจะต้องรับพระราชทานในวันที่ 5 ธันวาคม ท่านก็มามรณภาพละสังขารไปเสียก่อน จึงยังคงราชทินนามเดิมที่ “พระราชนันทาจารย์”.