พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พิมพ์เล็ก เศียรฤษี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พระพิมพ์นี้ท่านได้สร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ. ๒-ศิลป์เจริญพร - webpra

เว็บ-พระ ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์

ศิลป์เจริญพร

"ร้านนี้พระเครื่องยุคเก่า สร้างโดยพระสุปฏิปันโน เจตนาการสร้างบริสุทธิ์ ที่นับถือบูชาได้อย่างสนิทใจ"

หมวด พระสมเด็จทั่วไป

พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พิมพ์เล็ก เศียรฤษี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พระพิมพ์นี้ท่านได้สร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ. ๒

พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พิมพ์เล็ก เศียรฤษี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พระพิมพ์นี้ท่านได้สร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ. ๒ - 3

พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พิมพ์เล็ก เศียรฤษี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พระพิมพ์นี้ท่านได้สร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ. ๒ - 4

ชื่อร้านค้า	ศิลป์เจริญพร - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	ศิลป์เจริญพร (2259)
ชื่อพระเครื่อง	พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พิมพ์เล็ก เศียรฤษี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พระพิมพ์นี้ท่านได้สร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ. ๒
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	พระสมเด็จทั่วไป
ราคาเช่า	1,200 บาท
เบอร์โทรติดต่อ	0811178991 (สะดวกรับสายเวลา 18.00 - 20.00 น.)
อีเมล์ติดต่อ	เนื่องจากมีลูกค้าติดต่อขอเช่าพระมาจำนวนมากต่อวัน ดังนั้นเช่าผ่านLINE จะติดต่อง่ายและสะดวกสุดครับ
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	พ. - 22 พ.ย. 2566 - 21:29.29
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	ส. - 25 พ.ย. 2566 - 23:15.01

รายละเอียด
**รหัส ศ.ร.๒๑๐๖๔ พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พิมพ์เล็ก เศียรฤษี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พระพิมพ์นี้ท่านได้สร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๙๕ ถึง ๒๔๙๗ เนื้อแห้งผาก เพราะผ่านกาลเวลามากว่า ๖๐ ปี เนื้อเหลืองขมิ้นระเอียดแน่น มีคราบแป้งแห้งๆบางๆ ผิวมีรอยเหนอะ เห็นมวลสารของผงพุทธคุณขาวขุ่นกระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อพระ พุทธคุณด้าน เมตตา มหานิยม และแคล้วคลาด ส่วนเรื่องคงกระพันก็มีด้วย ซึ่งไม่ค่อยพบเจอในพระสมเด็จสำนักอื่นๆครับ หลวงพ่อโชติ รุฬหผโล วัดตะโน บางแวก ภาษีเจริญ ท่านเกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๑๗ เป็น บุตรของ นายคงและนางแสง อุปสมบท ณ วัดกระทุ่ม วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๑ มรณภาพ วันจันทร์ที่๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๑ รวมสิริอายุ ๘๓ ปี หลวงพ่อโชติ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมมาตั้งแต่สมัยยังเป็นฆารวาสแล้ว ต่อมาภายหลังเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆารวาส จึงได้ออกบวช บวชไม่สึกจนถึงวาระสุดท้ายของท่าน หลังจากอุปสมบถแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์ เพื่อฝึกสมาธิจิตและร่ำเรียนวิชาเพิ่มเติม จนท่านเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมที่เข้มขลังมาก หลวงพ่อโชติ ท่านโด่งดังเรื่องการสร้างเชือกคาดเอวมาก เล่ากันว่าเชือกคาดเอวของท่านนั้นไม่ไหม้ไฟ คงกระพันชาตรีเป็นที่สุด และยังป้องกันอสรพิษงูเงี้ยวเขี้ยวขอได้อีก ท่านยังเก่งด้านการทำผงพุทธคุณอีกด้วย ผงพุทธคุณของท่านเป็นผงอาถรรพ์ ที่รวบรวมเอาว่านมงคลต่างๆ ที่ท่านได้เก็บรวบรวมเอาไว้ผสมกับผงพุทธคุณ หลวงพ่อท่านจะปลูกพวกว่านยาไว้เยอะมาก ปลูกเอง รดน้ำ บำรุงต้นว่านเอง เวลาที่ท่านรดน้ำจะบริกรรมคาถาไปด้วย หลวงพ่อท่านปลูกเพื่อไว้รักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วย และจะนำว่านต่างๆมาตำผสมลงในเนื้อพระของท่านด้วย ที่เห็นชัดที่สุดคือผสมผงขมิ้น เพราะทำให้พระออกเหลืองอ่อนๆ หรือผงว่านสบู่เลือด ออกแดงจางๆ หลวงพ่อโชติ ท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี แต่พรรษาแก่กว่าหลวงปู่โต๊ะ และสนิทกันมาก ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ หลวงปู่โต๊ะท่านนับถือหลวงพ่อโชติมาก ยังได้เรียนวิชาทำผงพุทธคุณกับหลวงพ่อโชติด้วย จึงถือได้ว่า หลวงปู่โต๊ะเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อโชติก็ไม่ผิด ในพิธีพุทธาภิเษก ที่วัดประดู่ฉิมพลี นั้น หลวงปู่โต๊ะจะนิมนต์ หลวงพ่อโชติ มาร่วมปลุกเสกด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้หลวงพ่อโชติยังรู้จักกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำอีกด้วย มีการพบปะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันตลอด นักเล่นพระรุ่นเก่าๆ เล่าว่า หลวงพ่อโชติ หลวงปู่โต๊ะ และหลวงพ่อสดได้แลกเปลี่ยนผงวิเศษที่แต่ละองค์ได้เขียน และลบขึ้นมา จึงทำให้พระเครื่องเนื้อผงซึ่งหลวงพ่อทั้งสามรูปสร้าง จะมีส่วนผสมของผงวิเศษสามเกจิอาจารย์ร่วมกัน วัตถุมงคล ที่หลวงพ่อโชติสร้างเอาไว้ได้รับความนิยม มีหลายอย่าง ได้แก่ ตะกรุด เชือกคาดเอว พระเนื้อผง และเหรียญ เหรียญรุ่นแรก ปี พ.ศ.๒๔๙๗ เป็นเหรียญรูปไข่ รูปเหมือนครึ่งองค์ ด้านหน้าระบุชื่อหลวงพ่อและชื่อวัด ด้านหลังอักขระยันต์ เหรียญรุ่นสอง ปี พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นเหรียญเสมา รูปเหมือนเต็มองค์ ระบุชื่อ ชื่อวัด หลังยันต์ ระบุ พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นเลขไทย เชือกคาดเอวลายกระดูกงู เป็นเชือกคาดเอวที่มีความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ถักลายกระดูกงู หัวถักเป็นหัวตะกร้อ มีทั้งหัวเดียว และ ๒ หัว ซึ่งเชือกคาดเอวที่มีหัว ๒ หัวหายากมาก พระเครื่องเนื้อผงพิมพ์ต่างๆมีดังนี้ ๑.พระพิมพ์ใหญ่กลักไม้ขีด ๒.พระสมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ เป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกับสมเด็จขาโต๊ะของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อโชติ เป็นผู้ไปยืมจากหลวงปู่โต๊ะ มากดพิมพ์ที่วัด หลังจากที่หลวงปู่โต๊ะได้กดพิมพ์ขาโต๊ะไปได้ไม่กี่ร้อยองค์ จำแนกแยกแยะได้เพียงว่าของ หลวงพ่อโชติ เป็นเนื้อสีเหลือง ของหลวงปู่โต๊ะเป็นผงแช่น้ำมนต์ ขอย้ำนะครับว่าเป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกันอย่าเล่นผิดวัดก็แล้วกัน และหลังจากนั้นแม่พิมพ์ดังกล่าวก็หายสาบสูญไปเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง เพราะเหตุว่าทุกพิมพ์ของหลวงปู่โต๊ะเป็นพิมพ์ที่แกะเองเป็นของวัดแต่พิมพ์ขาโต๊ะ ได้มาจากฆารวาสท่านหนึ่งที่เจอบนขื่อหรือใต้เพดานโบสถ์ของหลวงพ่อโบสถ์น้อย(พระพุทธรูปสักสิทธิ์)แห่งวัดอัมรินทร์ทราราม เขตบางกอกน้อย ข้อมูลดังกล่าวคัดลอกมาจากบทความในหนังสือ ภาสรุธรรมฉบับประกาศเกียรติคุณ หลวงปู่โต๊ะ 108 ปี ๓.พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้น ๔.พระสมเด็จพิมพ์สามชั้นเศียรฤาษี ๕.พระสมเด็จพิมพ์เม็ดบัว ๖.พระพิมพ์ขุนแผน(ซึ่งเนื้อมีหลายสี แต่ที่พบเห็นคือ แดง ดำ เหลือง) ๗.พระพิมพ์กระโดดบาตร พระคาถาที่ใช้การอาราธนา คือ ตั้งนะโมสามจบ แล้วระลึกถึงท่านผู้เป็นเจ้าของเครื่องราง และวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสก แล้วว่า “ อุธัง อัทโธ นะโมพุทธายะ โธอุด ธังอัด ผุดผัดผิดปิดด้วยนะโมพุทธายะ มะอะอุ อุอะมะ นะปิดนะหยุด อัตถะ อยาวะ” ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก http://www.itti-patihan.com และคุณ โก้ สุวรรณภูมิ จาก: http://forum.uamulet.com

รายละเอียด

**รหัส ศ.ร.๒๑๐๖๔
พระสมเด็จฐาน ๓ ชั้น พิมพ์เล็ก เศียรฤษี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน พระพิมพ์นี้ท่านได้สร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๙๕ ถึง ๒๔๙๗ เนื้อแห้งผาก เพราะผ่านกาลเวลามากว่า ๖๐ ปี เนื้อเหลืองขมิ้นระเอียดแน่น มีคราบแป้งแห้งๆบางๆ ผิวมีรอยเหนอะ เห็นมวลสารของผงพุทธคุณขาวขุ่นกระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อพระ พุทธคุณด้าน เมตตา มหานิยม และแคล้วคลาด ส่วนเรื่องคงกระพันก็มีด้วย ซึ่งไม่ค่อยพบเจอในพระสมเด็จสำนักอื่นๆครับ

หลวงพ่อโชติ รุฬหผโล วัดตะโน บางแวก ภาษีเจริญ ท่านเกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๑๗ เป็น บุตรของ นายคงและนางแสง อุปสมบท ณ วัดกระทุ่ม วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๑ มรณภาพ วันจันทร์ที่๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๑ รวมสิริอายุ ๘๓ ปี

หลวงพ่อโชติ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมมาตั้งแต่สมัยยังเป็นฆารวาสแล้ว ต่อมาภายหลังเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆารวาส จึงได้ออกบวช บวชไม่สึกจนถึงวาระสุดท้ายของท่าน หลังจากอุปสมบถแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์ เพื่อฝึกสมาธิจิตและร่ำเรียนวิชาเพิ่มเติม จนท่านเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมที่เข้มขลังมาก หลวงพ่อโชติ ท่านโด่งดังเรื่องการสร้างเชือกคาดเอวมาก เล่ากันว่าเชือกคาดเอวของท่านนั้นไม่ไหม้ไฟ คงกระพันชาตรีเป็นที่สุด และยังป้องกันอสรพิษงูเงี้ยวเขี้ยวขอได้อีก ท่านยังเก่งด้านการทำผงพุทธคุณอีกด้วย ผงพุทธคุณของท่านเป็นผงอาถรรพ์ ที่รวบรวมเอาว่านมงคลต่างๆ ที่ท่านได้เก็บรวบรวมเอาไว้ผสมกับผงพุทธคุณ หลวงพ่อท่านจะปลูกพวกว่านยาไว้เยอะมาก ปลูกเอง รดน้ำ บำรุงต้นว่านเอง เวลาที่ท่านรดน้ำจะบริกรรมคาถาไปด้วย หลวงพ่อท่านปลูกเพื่อไว้รักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วย และจะนำว่านต่างๆมาตำผสมลงในเนื้อพระของท่านด้วย ที่เห็นชัดที่สุดคือผสมผงขมิ้น เพราะทำให้พระออกเหลืองอ่อนๆ หรือผงว่านสบู่เลือด ออกแดงจางๆ

หลวงพ่อโชติ ท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี แต่พรรษาแก่กว่าหลวงปู่โต๊ะ และสนิทกันมาก ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ หลวงปู่โต๊ะท่านนับถือหลวงพ่อโชติมาก ยังได้เรียนวิชาทำผงพุทธคุณกับหลวงพ่อโชติด้วย จึงถือได้ว่า หลวงปู่โต๊ะเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อโชติก็ไม่ผิด ในพิธีพุทธาภิเษก ที่วัดประดู่ฉิมพลี นั้น หลวงปู่โต๊ะจะนิมนต์ หลวงพ่อโชติ มาร่วมปลุกเสกด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้หลวงพ่อโชติยังรู้จักกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำอีกด้วย มีการพบปะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันตลอด

นักเล่นพระรุ่นเก่าๆ เล่าว่า หลวงพ่อโชติ หลวงปู่โต๊ะ และหลวงพ่อสดได้แลกเปลี่ยนผงวิเศษที่แต่ละองค์ได้เขียน และลบขึ้นมา จึงทำให้พระเครื่องเนื้อผงซึ่งหลวงพ่อทั้งสามรูปสร้าง จะมีส่วนผสมของผงวิเศษสามเกจิอาจารย์ร่วมกัน

วัตถุมงคล ที่หลวงพ่อโชติสร้างเอาไว้ได้รับความนิยม มีหลายอย่าง ได้แก่ ตะกรุด เชือกคาดเอว พระเนื้อผง และเหรียญ

เหรียญรุ่นแรก ปี พ.ศ.๒๔๙๗ เป็นเหรียญรูปไข่ รูปเหมือนครึ่งองค์ ด้านหน้าระบุชื่อหลวงพ่อและชื่อวัด ด้านหลังอักขระยันต์

เหรียญรุ่นสอง ปี พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นเหรียญเสมา รูปเหมือนเต็มองค์ ระบุชื่อ ชื่อวัด หลังยันต์ ระบุ พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นเลขไทย

เชือกคาดเอวลายกระดูกงู เป็นเชือกคาดเอวที่มีความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ถักลายกระดูกงู หัวถักเป็นหัวตะกร้อ มีทั้งหัวเดียว และ ๒ หัว ซึ่งเชือกคาดเอวที่มีหัว ๒ หัวหายากมาก

พระเครื่องเนื้อผงพิมพ์ต่างๆมีดังนี้

๑.พระพิมพ์ใหญ่กลักไม้ขีด

๒.พระสมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ เป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกับสมเด็จขาโต๊ะของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อโชติ เป็นผู้ไปยืมจากหลวงปู่โต๊ะ มากดพิมพ์ที่วัด หลังจากที่หลวงปู่โต๊ะได้กดพิมพ์ขาโต๊ะไปได้ไม่กี่ร้อยองค์ จำแนกแยกแยะได้เพียงว่าของ หลวงพ่อโชติ เป็นเนื้อสีเหลือง ของหลวงปู่โต๊ะเป็นผงแช่น้ำมนต์ ขอย้ำนะครับว่าเป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกันอย่าเล่นผิดวัดก็แล้วกัน และหลังจากนั้นแม่พิมพ์ดังกล่าวก็หายสาบสูญไปเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง เพราะเหตุว่าทุกพิมพ์ของหลวงปู่โต๊ะเป็นพิมพ์ที่แกะเองเป็นของวัดแต่พิมพ์ขาโต๊ะ ได้มาจากฆารวาสท่านหนึ่งที่เจอบนขื่อหรือใต้เพดานโบสถ์ของหลวงพ่อโบสถ์น้อย(พระพุทธรูปสักสิทธิ์)แห่งวัดอัมรินทร์ทราราม เขตบางกอกน้อย ข้อมูลดังกล่าวคัดลอกมาจากบทความในหนังสือ ภาสรุธรรมฉบับประกาศเกียรติคุณ หลวงปู่โต๊ะ 108 ปี

๓.พระสมเด็จพิมพ์เจ็ดชั้น

๔.พระสมเด็จพิมพ์สามชั้นเศียรฤาษี

๕.พระสมเด็จพิมพ์เม็ดบัว

๖.พระพิมพ์ขุนแผน(ซึ่งเนื้อมีหลายสี แต่ที่พบเห็นคือ แดง ดำ เหลือง)

๗.พระพิมพ์กระโดดบาตร

พระคาถาที่ใช้การอาราธนา คือ
ตั้งนะโมสามจบ แล้วระลึกถึงท่านผู้เป็นเจ้าของเครื่องราง และวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสก แล้วว่า
“ อุธัง อัทโธ นะโมพุทธายะ โธอุด ธังอัด ผุดผัดผิดปิดด้วยนะโมพุทธายะ มะอะอุ อุอะมะ นะปิดนะหยุด อัตถะ อยาวะ”

ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก http://www.itti-patihan.com
และคุณ โก้ สุวรรณภูมิ จาก: http://forum.uamulet.com