เหรียญ หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม -ส.พระเครื่อง - webpra
VIP
ข้อมูลธนาคาร ธ.ไทยพานิชย์ ออมทรัพย์ 044 241 9815 สาขาหัวหมาก บัญชี นาย ศุภชัย สุทธิเจริญ..

หมวด พระเกจิภาคอีสานใต้

เหรียญ หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม

เหรียญ หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม  - 1เหรียญ หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม  - 2เหรียญ หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม  - 3เหรียญ หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม  - 4
ชื่อร้านค้า ส.พระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญ หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม
อายุพระเครื่อง 28 ปี
หมวดพระ พระเกจิภาคอีสานใต้
ราคาเช่า 400 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 0909892466 / Line ID : chaiyo9150
อีเมล์ติดต่อ suphachaiyo@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พร้อมเช่า
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ จ. - 21 ต.ค. 2562 - 10:36.41
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ศ. - 13 พ.ย. 2563 - 09:39.30
รายละเอียด
เหรียญ รุ่นแรก หลวงปู่หิน ปะพังกะโร วัดโพธาราม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น อายุ ๑๓๒ปี ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

หลวงปู่หิน ปภงฺกโร

หลวงปู่หิน ปภงฺกโร อดีตเจ้าอาวาส วัดโพธาราม บ้านหนองอ้อน้อย ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พระอริยสงฆ์ ๕ แผ่นดิน แห่งลุ่มน้ำพอง ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติที่งดงาม และปฏิบัติเคร่งครัดตามพระธรรมวินัย เผยแผ่ธรรมมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เจริญรุ่งเรืองสืบมา

อกทั้งยังเป็นที่กล่าวขานกันว่า หลวงปู่เป็นผู้มีอายุยืนยาวที่สุดแห่งยุค คือ ๑๓๕ ปี ด้วยความเคารพและศรัทธา ทางคณะขอนำเอาประวัติบางส่วนมาเผยแพร่ ดังนี้

...หลวงปู่หิน ปภงฺกโร เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๔๐๗ (บางตำราว่า พ.ศ.๒๕๐๘) ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่บ้านกุดกว้าง ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มีนามเดิมว่า หิน คำอ้อ เป็นบุตรคนเดียวบิดาชื่อ นายศิลา คำอ้อ มารดาชื่อ นางมี คำอ้อ

...เมื่อตอนเด็กหลวงปู่เล่าว่า พ่อแม่พาท่านนั่งเกวียนเดินทางรอมแรม เพื่อไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๕ เมื่อครั้งที่ท่านเดินทางเยี่ยมเยือนพสกนิกร ที่บ้านหมากแข้ง มณฑลอุดรธานี

ต่อมาเมื่ออายุ ๑๓ ปีท่านได้บรรพชาเป็นสามเณ และเมื่ออายุครบบวช ท่านจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในช่วงนี้เองท่านเล่าว่า ได้เคยไปติดตามรับใช้หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่เทือกเขาภูพาน เป็นระยะเวลา ๑๐ วัน ๑๐ คืน แต่หลวงปู่มั่นเห็นว่าเป็นพระสายมหานิกาย จึงบอกให้ลาสิกขาแล้วญัตติเป็นสายธรรมยุติก่อน แต่หลวงปู่หิน ไม่ตอบสนอง จึงได้กราบลาและออกธุดงค์ตามลำพังต่อไป...

ต่อมาท่านได้ลาสิกขาเมื่ออายุ ๓๓ ปี และมีครอบครัวตามวิถีชีวิตของฆราวาส แม้การใช้ชีวิตในฆราวาสท่านก็มีภูมิจิตภูมิธรรมที่สั่งสมมาดีแล้วท่านฝึกฝนตนตลอด อยู่ในศีล ในธรรม จนถึงช่วงเวลาหนึ่งท่านเกิดเบื่อหน่ายชีวิตแบบฆราวาส ช่วงนั้นสุขภาพยังแข็งแรง มีกำลังมาก ท่านจึงกลับมาบวชอีกรอบเมื่ออายุ ๘๕ ปี

หลังจากบวชครั้งที่ ๒ นี้ หลวงปู่ได้ฝึกฝน เจริญกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน จนอายุพรรษาพอสมควรจึงได้ออกเดินธุดงค์อีกครั้ง ท่านออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่าง ๆ ในภาคอีสานและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น

-จังหวัดหนองคาย ๓ ปี ๗ เดือน

-เวียงจันทร์ ประเทศลาว ๓ ปี ๒ เดือน

-จังหวัดอุดรธานี ๒ ปี ๘ เดือน

-อำเภอกระนวน จ.ขอนแก่น ๒ ปี ๘ เดือน

...ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๐๐ ปี ญาติโยมจากบ้านหนองอ้อน้อยได้ไปนิมนต์ให้หลวงปู่มาจำพรรษาที่วัดโพธาราม หลวงปู่จึงรับนิมนต์ แล้วได้เดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดโพธาราม บ้านหนองอ้อน้อย ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

หลวงปู่ท่านได้บูรณะวัด สร้างกุฏิสงฆ์ กำแพงรอบวัด จัดตั้งกองทุน มูลนิธิหลวงปู่หิน ปภงฺกโร เพื่อสงเคราะห์เป็นสาธารณะประโยชน์

...เมื่อหลวงปู่อายุ ๑๒๙ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๓๖ ท่านนิมิตว่าท่านใกล้จะละสังขารแล้ว ท่านจึงดำริถึงการสร้างเจดีย์เพื่อเก็บอัฐิ บริเวณกลางลานวัด แต่ด้วยความเมตตาและสงสารพระลูกศิษย์และญาติโยม ที่ยังไม่มีพระอุโบสถ ไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ท่านจึงดำริที่จะสร้างอุโบสถและศาลาการเปรียญก่อน

...ธรรมมะของหลวงปู่ที่ท่านย้ำเตือนเสมอ คือ “เรามีกรรมเป็นของของตน”

สั่งสมคุณงามความดีไว้ ก็ได้รับความสุข ความเจริญ

มีคนถามท่านว่า “หลวงปู่จะอยู่กับลูกหลานอีกนานไหม อยากให้หลวงปู่อยู่ด้วยนานๆ ”

ท่านเมตตาตอบว่า “ขอให้สร้างอุโบสถเสร็จก่อนท่านจึงจะละสังขาร”

อยู่มาวันหนึ่ง ผู้อุปัฏฐากได้พาท่านไปสำรวจ ตรวจสอบ การก่อสร้างพระอุโบสถตามปกติ แต่ครั้งนี้ภาพโดยรวมเสร็จสมบูรณ์แล้ว

หลวงปู่ก็ถามกับช่าง ว่า “โบสถ์สร้างเสร็จแล้วใช่ไหม”

ช่างตอบว่า “เสร็จแล้วครับผม แต่ยังไม่ได้ทำพิธีถอดโบสถ์ผูกพัทธสีมา”

เมื่อได้ยินคำตอบ ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีกไปมากกว่านั้น

...หลังจากวัน นั้นมา เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๔ หลวงปู่ล้มป่วยด้วยโรคชรา คณะศิษย์ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลน้ำพองและส่งตัวไปโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น

ต่อมาเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๔๔ หลวงปู่มีอาการเหนื่อยหอบ แน่นหน้าอกและอาเจียน เกิดโรคแทรกซ้อน ด้วยอายุที่มาก ธาตุขันธ์ท่านจึงไม่อาจต้านทานได้

ลูกศิษย์พร้อมญาติ จึงพร้อมใจกันนำท่านกลับมายังวัดโพธาราม

ท่านมรณภาพ ละธาตุขันธ์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๔ เวลา ๐๑.๔๐ น. ณ วัดโพธาราม

...เหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ เกิดขึ้นในช่วงงานฉลองโบสถ์ ผูกพัทธสีมา และงานฌาปณกิจถวายเพลิงศพ

...ในคืน วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๔ ช่วงเวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. เกิดอุบัติเหตุ ไฟลุกไหม้ หน้าหีบแก้ว ใกล้กระถางธูปเทียน แล้วลุกลามไหม้แผ่นไม้โดยรอบ จนมีผู้มาพบเห็น สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ ผ้าลูกไม้ลายดอกและไม้ที่กั้นวัตถุมงคลของหลวงปู่ ไม่โดนไฟไหม้เลยแม้แต่น้อย สร้างความศรัทธาอย่างแรงกล้าในวาระสุดท้ายของหลวงปู่ แต่การฉลองโบสถ์ ผูกพัทธสีมาและการฌาปณกิจถวายเพลิงศพก็เสร็จสมบูรณ์

...แม้วันนี้หลวงปู่หิน ปภงฺกโร ได้ละสังขารไปนานกว่า ๑๖ ปีแล้ว ถ้ารวมปีเกิดของท่าน วันนี้ก็ เป็นเดือนเกิดของท่าน ครบรอบ ๑๕๓ ปี กาลเวลาอาจทำให้ความทรงจำลบเลือนไปบ้าง แต่คุณงามความดีที่หลวงปู่ได้สร้างไว้ ธรรมมะที่ท่านให้ไว้ แบบแผนการปฏิบัติ ธุดงค์วัตร ธรรมวินัย ที่ท่านทำเป็นแบบอย่าง จะยังคงอยู่ในใจลูกศิษย์ สาธุชน ที่ได้มาพบเห็นทีหลัง ที่มารู้จักทีหลัง ให้ได้ซาบซึ้งในพระคุณแห่งพระอริยสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรสของจริง คณะศิษย์ขอน้อมบูชาพระคุณด้วยความดีงามและกราบอนุโมทนาบุญของหลวงปู่หิน ปภงฺกโร ตั้งแต่อดีตชาติ จนบัดนี้ กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

(จากที่ได้ยินมา ว่า อัฐิธาตุของท่านที่ศิษย์เก็บไว้ ได้แปรเป็นพระธาตุ เป็นแก้วสวยงาม นั่นแสดงให้เห็นถึงคุณธรรม ภูมิจิต ภูมิธรรมของท่านผู้สิ้นอาสวะกิเลส แล้ว )

ส่วนเรื่องราวปาฏิหาริย์อื่นๆ ก็เกิดจาก วัตถุมงคล ที่ท่านอธิษฐานจิต หรือ ที่ท่านจัดสร้างก็อยู่ที่แต่ละคนจะอาราธนาและนึกถึงท่าน ย่อมเกิดอัศจรรย์และความผาสุก ความเจริญรุ่งเรืองตามสมควร ดังที่ท่าน เตือนไว้เสมอว่า “เรามีกรรมเป็นของของตน” เมื่อเราสร้างความดี สร้างเหตุที่ดี ขอบารมีพระคุ้มครอง ท่านสงเคราะห์คนดี แน่แท้ ไม่ต้องลังเลเลยครับ

ปล.ประวัตินี้จากเอกสารคัดลอก (ภายนอก) ซึ่งได้รับจากหลวงปู่สมศรี เจ้าอาวาสวัดโพธารามองค์ปัจจุบัน

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top