หมวด วัตถุมงคลของแผ่นดิน เชื้อพระวงศ์ บุคคลสำคัญ เหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก ธนบัตร

เงินพดด้วง ยุคสมัยอาณาจักรอยุธยา พดด้วงขาบาก ราคา 1 บาท

ชื่อร้านค้า	สตางค์แดง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	question (321)
ชื่อพระเครื่อง	เงินพดด้วง ยุคสมัยอาณาจักรอยุธยา พดด้วงขาบาก ราคา 1 บาท
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	วัตถุมงคลของแผ่นดิน เชื้อพระวงศ์ บุคคลสำคัญ เหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก ธนบัตร
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	(ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ	gt540@hotmail.com
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	อ. - 29 ก.ค. 2551 - 22:57.24
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	อ. - 11 พ.ค. 2553 - 18:04.11

รายละเอียด
อันนี้เป็นเงินตราในสมัยอาณาจักรอยุธยา 2 ตราประทับเงินพดด้วงขาบาก ราคา 1 บาท ..เงินสมัยโบราณจนมาถึงยุครัตนโกสินทร์ที่เรียกอย่างเป็นทางการว่าเงินพดด้วงมีราคาเรียกดังนี้.. กึ่งไพ-น้ำหนัก-0.24 กรัม ไพ-น้ำหนัก-0.48 กรัม กึ่งเฟื้อง-น้ำหนัก-0.96 กรัม เฟื้อง-น้ำหนัก-1.29 กรัม สลึง-น้ำหนัก-3.85 กรัม สองสลึง-น้ำหนัก-7.70 กรัม บาท-น้ำหนัก-15.40 กรัม บาทสองสลึง-น้ำหนัก-23.10 กรัม กึ่งตำลึง(2บาท)-น้ำหนัก-30.80 กรัม สิบสลึง(2บาท2สลึง)-น้ำหนัก-38.50 กรัม ตำลึง(4บาท)-น้ำหนัก-61.60 กรัม สองตำลึงครึ่ง(10บาท)-น้ำหนัก-154.00 กรัม ห้าตำลึง (20บาท)-น้ำหนัก-308.00 กรัม สิบตำลึง (40บาท)-น้ำหนัก-616.00 กรัม ยี่สิบตำลึง(80บาท)-น้ำหนัก-1,185-1,232 กรัม เงินตราที่ใช้ในสมัยอาณาจักรอยุธยาได้ใช้เป็นเงิน พดด้วง เหมือนกับยุคสุโขทัย แต่จะมีขนาดน้ำหนักที่แน่นอนกว่า เพราะทางการเป็นผู้ผูกขาดในการทำเงินตราแต่เพียงฝ่ายเดียว ขุนนางหรือราษฎรที่มีเงินจะใช้จ่ายโดยลำพังไม่ได้ จะต้องส่งโลหะเงินไปให้เจ้าพนักงานหลอมเป็นตัวเงินและตีตราเสียก่อนจึงนำออกมาใช้ได้.... หากเงินที่ใช้จ่ายไม่มีตราเจ้าของจะต้องถูกลงโทษและใครทำเงินปลอมจะต้องถูกลงโทษเช่นกัน มีกฎลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนว่า หากใครทำผิดในครั้งแรกให้ตัดนิ้วมือซ้าย ผิดครั้งที่ 2ให้ตัดนิ้วมือขวา และถ้าหากไม่หลาบจำทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 3 ต้องโทษถึงตาย.... เงินพดด้วงในสมัยนั้นมีจำนวนพระมหากษัตริย์ขึ้นครองสิริราชสมษัติมีถึง 33 พระองค์ ทำให้ตราบนเงินพดด้วงมีจำนวนมากตามไปด้วย เช่น ตราครุฆ ช้าง ตรี พุ่ม ดอกไม้ ราชวัตร กระต่าย สมอ หางหงษ์ เป็นต้น จนไม่อาจสรุปให้แน่ชัดได้ว่า ตราใดเป็นของรัชสมัยใด

รายละเอียด

อันนี้เป็นเงินตราในสมัยอาณาจักรอยุธยา 2 ตราประทับเงินพดด้วงขาบาก ราคา 1 บาท

..เงินสมัยโบราณจนมาถึงยุครัตนโกสินทร์ที่เรียกอย่างเป็นทางการว่าเงินพดด้วงมีราคาเรียกดังนี้..
กึ่งไพ-น้ำหนัก-0.24 กรัม
ไพ-น้ำหนัก-0.48 กรัม
กึ่งเฟื้อง-น้ำหนัก-0.96 กรัม
เฟื้อง-น้ำหนัก-1.29 กรัม
สลึง-น้ำหนัก-3.85 กรัม
สองสลึง-น้ำหนัก-7.70 กรัม
บาท-น้ำหนัก-15.40 กรัม
บาทสองสลึง-น้ำหนัก-23.10 กรัม
กึ่งตำลึง(2บาท)-น้ำหนัก-30.80 กรัม
สิบสลึง(2บาท2สลึง)-น้ำหนัก-38.50 กรัม
ตำลึง(4บาท)-น้ำหนัก-61.60 กรัม
สองตำลึงครึ่ง(10บาท)-น้ำหนัก-154.00 กรัม
ห้าตำลึง (20บาท)-น้ำหนัก-308.00 กรัม
สิบตำลึง (40บาท)-น้ำหนัก-616.00 กรัม
ยี่สิบตำลึง(80บาท)-น้ำหนัก-1,185-1,232 กรัม

เงินตราที่ใช้ในสมัยอาณาจักรอยุธยาได้ใช้เป็นเงิน พดด้วง เหมือนกับยุคสุโขทัย แต่จะมีขนาดน้ำหนักที่แน่นอนกว่า เพราะทางการเป็นผู้ผูกขาดในการทำเงินตราแต่เพียงฝ่ายเดียว ขุนนางหรือราษฎรที่มีเงินจะใช้จ่ายโดยลำพังไม่ได้ จะต้องส่งโลหะเงินไปให้เจ้าพนักงานหลอมเป็นตัวเงินและตีตราเสียก่อนจึงนำออกมาใช้ได้....

หากเงินที่ใช้จ่ายไม่มีตราเจ้าของจะต้องถูกลงโทษและใครทำเงินปลอมจะต้องถูกลงโทษเช่นกัน มีกฎลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนว่า หากใครทำผิดในครั้งแรกให้ตัดนิ้วมือซ้าย ผิดครั้งที่ 2ให้ตัดนิ้วมือขวา และถ้าหากไม่หลาบจำทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 3 ต้องโทษถึงตาย....

เงินพดด้วงในสมัยนั้นมีจำนวนพระมหากษัตริย์ขึ้นครองสิริราชสมษัติมีถึง 33 พระองค์ ทำให้ตราบนเงินพดด้วงมีจำนวนมากตามไปด้วย เช่น ตราครุฆ ช้าง ตรี พุ่ม ดอกไม้ ราชวัตร กระต่าย สมอ หางหงษ์ เป็นต้น จนไม่อาจสรุปให้แน่ชัดได้ว่า ตราใดเป็นของรัชสมัยใด