เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง เนื้อเงิน-สุริยันจันทรภานุ - webpra
ยินดีต้อนรับทางร้านมีพระสวยพุทธคุณสูง เก๊คืนเต็มไม่จำกัดเวลาขอเพียงพระอยู่ในสภาพเดิม (ไม่รับเช่าพระ)

หมวด พระเกจิภาคอีสานเหนือ

เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง เนื้อเงิน

เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง เนื้อเงิน - 1เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง เนื้อเงิน - 2
ชื่อร้านค้า สุริยันจันทรภานุ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง เนื้อเงิน
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระเกจิภาคอีสานเหนือ
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ chayooh@hotmail.com
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 26 ม.ค. 2555 - 08:54.17
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ศ. - 18 เม.ย. 2557 - 00:44.44
รายละเอียด
วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง)
อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี

“พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเศรษฐีในทางธรรม”

พระเดชพระคุณหลวงปู่ลี กุสลธโร พระอริยเจ้าแห่งภูผาแดง เป็นหนึ่งในศิษย์
พระกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

ท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดองค์หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่มีอุปนิสัยเป็นปัจเจกกะ
มีกิริยาที่น่ารัก จงรักภักดีต่อครูบาอาจารย์อย่างหาที่ติมิได้ ท่านพูดเพียงพอดี
ไม่มากไม่น้อย รักสงบ สมถะ สม่ำเสมอ ยินดีในธุดงควัตร มีเมตตาเป็นสาธารณะ
ไม่ระย่อในการปราบกิเลส

ท่านได้แสวงหาสถานที่เที่ยววิเวกด้วยการออกเที่ยวธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ มากมาย
เช่น ภูวัว ถ้ำจันทร์ จังหวัดหนองคาย และป่าแถวสกลนคร และจังหวัดเลย เป็นต้น

ท่านสามารถภาวนาพิจารณาอสุภะและสุภะกรรมฐาน ตั้งเป็นภาพปฏิภาคนิมิตขึ้นแล้ว
เพ่งกระแสจิตทำลายเผาผลาญกิเลสได้ตั้งแต่สมัยยังเป็น ฆราวาส

เมื่อบวชได้เพียง ๑๑ วัน ท่านตั้งใจภาวนาไม่ลดลาความพากเพียร ได้นิมิตว่า “ตนเองเดินทาง
เข้าไปในป่ากว้าง ผ่านห้วยหนองคลองบึง มีขอนไม้ชาติยาวใหญ่ดำสุดสายตา จึงเดินปีนขึ้น
ไปไต่ตามขอนนั้นไปเรื่อยๆ พอสุดปลายขอนไม้ชาตินั้น พลันเจอป่าอันรกชัฏมีขวากหนาม
รกรุงรัง จะหันหลังกลับก็ไม่ได้ จึงต้องพยายามแหวกคมหนามมุดมอดบุกผ่าเข้าไปให้ผ่านป่า
อันแสนจะข้ามยากนั้น เมื่อผ่านมาได้ด้วยความยากลำบาก เจอทุ่งโล่งอันเวิ้งว้างมีหอพระ
ไตรปิฏกอันวิจิตรตระการตาตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ จึงก้าวเดินขึ้นไป เห็นห้องหอประตูตู้
กำลังจะเดินเข้าไปเปิด แต่ยังไม่ทันได้เปิด แต่ได้เข้าไปถึง จิตก็ถอนออกจากนิมิตนั้น”

ท่านสรุปความให้ผู้เขียนบันทึกฟังด้วยความตื่นเต้นในธัมโมชปัญญาว่า

คำว่า “ไปจนสุดปลายขอนชาติ” นั้นหมายถึงชาตินี้เป็นปลายชาติ คือ ชาติสุดท้าย

คำว่า “ป่ารกและขวากหนาม” นั้นหมายถึงท่านต้องฟันฝ่าและต้องใช้ความเพียรพยายาม
เป็นอย่างมากถึงจะถึงวิมุตติ

คำว่า “พบทุ่งโล่ง” นั้น หมายถึง เมื่อข้ามทางอันแสนทรหดและกันดารมาได้ ถึงความเป็น
ผู้สบายกายใจ โล่งจากกิเลสตัณหา ไม่มีเสี้ยนหนามคือกิเลสตันหาใดเข้ามาทิ่งแทงได้

คำว่า “เห็นตู้พระไตรปิฏก” นั้น หมายความว่า เห็นธรรมที่สัมผัสด้วยใจ ทั้งพระอภิธรรม
พระสูตร และพระวินัย

คำว่า “เข้าถึงแต่ไม่ได้เปิดดู” นั้น หมายความว่าถึงธรรมแล้ว แต่ไม่เก่งในเทศนาโวหาร
ในการสอนคน

พรรษาแรกท่านจำพรรษาที่วัดป่าทรงคุณ จังหวัดปราจีนบุรี อยู่ปฏิบัติธรรมกับท่าน
พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม

แม้อายุพรรษามากท่านมักวางตนเป็นเสมือนผู้น้อย มักติดตามหลวงตามหาบัวไปตามสถานที่ต่างๆ
เสมือนเณรน้อยๆ ท่านเป็นศิษย์ที่ซื่อสัตย์ เคารพยำเกรงและปฏิบัติตามคำสอนครูบาอาจารย์
อย่างหาที่ติมิได้ ท่านได้รับการยกย่องจากหลางตาว่าเป็น “เศรษฐีธรรม” และหลวงตามักเรียก
นามท่านสั้นๆว่า ”ธรรมลี”

ท่านเล่าว่า อดีตชาติท่านเกิดเป็นสุนัขรับใช้องค์หลวงตามาหลายภพชาติ แม้ในภพชาติที่เป็นสุนัข
นั้น หลวงตาก็ได้เมตตาอบรมสั่งสอน ดัดนิสัยจนเป็นสุนัขที่มีนิสัยดี ไม่เกเร นอกจากนั้น
ท่านยังเคยเกิดเป็นช้าง

ท่านระลึกชาติในภพที่เกิดเป็นช้างว่า ท่านเป็นช้างชื่อว่า “คำต้น” เจ้าของช้างชื่อพ่อส่วน
เขามีลูกสาว ๒ คน ชื่ออีหวัน และอีพัน ถูกเขาใช้ลากซุงเสมอ ส่วนนายควาญช้างชื่อว่า
“บักคำต้น” เหมือนกับชื่อของท่าน

ท่านระลึกย้อนในภพชาติหลังๆ ของท่านมักเกี่ยวข้องกับหลวงตาเสมอ

อดีตสะท้อนปัจจุบันเป็นที่อัศจรรย์เสมอในบุญบารมี ใครจะคาดคิดได้ว่า พระรูปร่างเล็กๆ
อยู่ในป่า ไม่มีโวหารเทศนาต้อนรับแขกผู้มาเยือนเช่นท่านจะสามารถหาทองคำช่วยชาติ
กับหลวงตาได้ถึง ๕๐๐ กว่ากิโลกรัม คิดเป็นเงินหาน้อยไม่

ท่านสิ้นกิเลสพรรษาที่ ๑๑ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เวลาตีสอง ตรงกับวันพุธที่ ๕ ตุลาคม
ปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ ที่วัดบ้านกกกอก อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟัง ว่า

...คืนนั้นฝนตกทั้งคืน ท่านเพลิดเพลินในการภาวนา ธรรม คือ สติ สมาธิ และปัญญา
หลั่งไหลเหมือนสายน้ำ จิตเต็มอิ่มในธรรม เดินจงกรมคล้ายกับว่าเท้าไม่ได้เหยียบพื้นดิน
นั่งภาวนาคล้าย กับว่าตัวลอยอยู่เหนือพื้น ทำสมาธิทั้งคืนไม่นอน ไม่พักผ่อน ในขณะที่พิจารณา
เข้าด้ายเข้าเข็มธรรมขั้นสุดท้าย เสียงเทวดาไชโยโห่ร้องก้องทิวเขาพนา เสียงฆ้องทิพย์ดังกระหึ่ม
มาเป็นระยะๆ สลับกับเสียงเทวดาไชโยแว่วมาแต่ไกล เสียงสาธุการปานว่าโลกธาตุทั้งมวลหวั่นไหว
น้ำตาร่วงอัศจรรย์เกินที่จำมาเล่าได้

คืนนั้นเสวยวิมุตติสุขสุดที่จะพรรณนา ต่อมาท่านได้นำเรื่องธรรมที่ได้รู้เห็นไปกราบเรียน
หลวงตามหาบัว ผู้เป็นอาจารย์ทุกประการ

หลวงปู่ลี กุสลธโร ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๕ ตรงกับ
วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีจอ ที่บ้านเก่า ตำบลบ้านเก่า อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

เป็นบุตรของนายปุ่น และนางโพธิ์ สาลีเชียงพิณ ท่านมีพี่น้องร่วมอุทร ๙ คน ชาย ๔ คน
หญิง ๕ คน

ท่านเล่าชีวิตในวัยเด็กว่า สมัยเป็นเด็กพ่อแม่ก็พาทำบุญเหมือนกับชาวบ้านทั่วๆไป อายุได้ ๑๒ปี
เรียนจบชั้น ป.๓ พออายุ ๒๐ กว่าปีก็ได้แต่งงานกับนางสาวตี ภรรยาตั้งท้องแล้วคลอดลูก
ออกมาตาย ท่านได้เกิดความสลดใจเป็นยิ่งนัก ท่านเล่าว่า การแต่งงานก็มิได้แต่งกันด้วย
ความรัก แต่งงานกันตามประเพณีที่พ่อแม่บอกให้แต่งเท่านั้น ท่านเองไม่เคยมีคนที่รัก
และยังไม่เคยรักหญิงใดเลย ท่านอยู่กินกับภรรยาได้ ๒ ปี ๖เดือน จึงขอออกบวช เพราะ
ได้ฟังธรรมจากพระกรรมฐานที่เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์มั่น ที่เดินธุดงค์มาพักยังป่า
แถบหมู่บ้านของท่านเก่งนักในการพิจารณาอสุภะกรรมฐาน พิจารณาเมื่อไหร่ ก็ได้เรื่อง
ได้ราวเมื่อนั้น เห็นผลเป็นที่ประจักษ์เป็นอุปนิสัยดั้งเดิมของท่าน

ท่านอุปสมบทที่วัดศรีโพนเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เมือวันที่
๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๓ เวลา ๑๖.๑๒ น. โดยมีพระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธุโล)
เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายานามว่า “กุสลธโร” แปลว่า “พระผู้ทรงไว้ซึ่งความดี”

ท่านเล่าการภาวนานพรรษาแรกว่า “ภาวนาบริกรรม พุทโธ ๆ ๆ เกิดแสงสว่างวาบฉายเข้า
มาเห็นภรรยาเดินเข้ามาหา มาได้ระยะห่างประมาณวากว่าๆ จึงล้มลง ร่างกายแรกกระจุย
เป็นผุยผง แม้แต่กระดูกก็มองไม่เห็น กลายเป็นดินเป็นหญ้า เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”

ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา สัญญาความจำได้หมายรู้ในรูปนาม ไม่ยึดไม่ติด การภาวนาจะเป็น
แบบนี้ได้ต้องเกิดแสงสว่างก่อน จากนั้นการออกพิจารณาทางด้านปัญญาไหลคล่องตัวเหมือน
สายน้ำตกจากที่สูงลงที่ต่ำไม่มีติดขัด

ปีพุทธศักราช ๒๔๙๔ ได้ติดตามหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ไปจำพรรษาที่เสนาสนะ
ป่าห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

ต่อจากนั้นท่านได้ติดตามหลวงตาไปจำพรรษายังจังหวัดจันทบุรี และย้อนกลับมาจำพรรษา
ที่วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

ในสมัยที่หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พักอาพาธที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จังหวัดปทุมธานี
หลวงปู่ลีมักจะมาเยี่ยมเยียนเสมอ และองค์หลวงปู่เจี๊ยะท่านก็ชื่นชมรักใคร่หลวงปู่ลีเป็นอย่าง
มากเช่นกัน ท่านทั้งสองจึงเป็นสหธรรมิกที่สนิทสนมกันมาก

สุดท้ายท่านได้สร้างวัดถ้ำผาแดง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ท่านได้จำพรรษาที่วัด
แห่งนี้มาโดยตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อลี วัดภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี มีสองพิมพ์ พิมพ์หนึ่งเป็นเนื้อทองแดงรมดำ
ด้านหลังจะเป็นสมเด็จพระนเรศวรชนช้าง อีกพิมพ์หนึ่งเนื้อทองฝาบาตรกะไหล่ทอง ด้านหลังจะเป็นอัฐบริขารเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ลีนั้น ลูกศิษย์จะนับเอาเหรียญหลวงปู่ที่มีด้านหลังเป็นพระนเรศวรประทับช้างศึกเป็นรุ่นแรก

แต่เหรียญที่เขียนว่ารุ่นแรก ด้านหลังเป็นอัฏฐบริขารนั้นเป็นเหรียญออกทีหลัง แต่สาเหตุที่ได้เขียนว่าเป็น รุ่นแรก นั้นเป็นเพราะพระอาจารย์อำนวยแห่งวัดป่าท่าสวย จ.เลยได้ไปขออนุญาตจากหลวงปู่ลีว่าจะสร้างศาลาปฏิบัติธรรมขอออกเหรียญของหลวงปู่เพื่
อหาทุนสร้างศาลา ซึ่งท่านอนุญาตดังนั้นจึงได้ออกเหรียญรุ่นนี้ขึ้นมา

รุ่นแรก มีสองนัยยะคือ เป็นรุ่นที่หลวงปู่อนุญาตโดยตรงครั้งแรก และเป็นรุ่นแรกของวัดป่าท่าสวย

เหรียญรุ่นนี้มี

เหรียญเงิน มีราว ๆ ๒,๐๐๐ เหรียญ

อัลปาก้า มีราว ๆ ๑ - ๕,๐๐๐ เหรียญ

ทองฝาบาตร มีเยอะที่สุดราวๆ ๑๐,๐๐๐

เนื้อทองแดง มีน้อย ๑๐๐ เหรียญ

เนื้อชิน มีน้อย ๑๐๐ เหรียญ

นาคปรกเศรษฐีธรรม ไม่ทราบจำนวน

รูปหล่อเศรษฐีธรรม พระกริ่งเศรษฐีธรรม

มีเนื้อเงิน ( ไม่ทราบจำนวน )

เนื้อทองแดง ( ไม่ทราบจำนวน )

เนื้อสัพพโลหะเก่าของหลวงปู่ชอบที่ลูกศิษย์ถวายมาส่วนมากเป็นพวกขันและภาชนะโลหะ เนื้อนี้มีจำนวนน้อยราว ๆ ๑๐๐ - ๒๐๐ องค์

ใต้ฐาน มีเกศาหลวงปู่บรรจุอุดด้วยปูนขาว

และรูปเหมือนขนาดบูชา มีเกศาและเศษชานหมากใส่ขวดบรรจุใต้ฐานอุดด้วยปูนขาว รูปเหมือนนี้ตอกโค้ดลีและเลข ๙

โค้ดจะเป็นตัว ลี ภาษาขอม ตอกไว้ในที่ต่าง ๆ กันตามแต่ชนิดของเหรียญ

เหรียญพิเศษตอกโค้ดเลข ๙ ตอกตามความชอบใจของลูกศิษย์คณะหนึ่งด้วยความมันส์มือ

เหรียญเงิน ตอก ๙๙๙ มี ๓ เหรียญ ส่วนเนื้ออื่น ๆ มีบ้างเล็กน้อยแค่หลัก ๑๐ รูปหล่อและพระกริ่งก็มีบ้างและคาดว่าคงไม่มีหลุดออกไปในสนาม

กริ่งเศรษฐีธรรมก็เป็น ๑ ในจำนวนนั้นที่มีเลข ๙ เพิ่มให้

โปรดระวังเหรียญที่มี จาร เพราะพระอาจารย์อำนวยบอกว่า หลวงปู่ท่านไม่ได้เรียนเขียนอักษรขอมมา

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top