เหรียญรุ่นแรก เหรียญเสมารูปเหมือนครึ่งองค์ หลวงพ่อยี ปญญภาโร (วัดดงตาก้อนทอง) จ.พิษณุโลก-ล้านมาแชร์ - webpra
VIP
ล้านมาแชร์ มาโชว์ มาแชร์พระแท้ เพราะ เงินของท่านแท้ พระต้องแท้

หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520

เหรียญรุ่นแรก เหรียญเสมารูปเหมือนครึ่งองค์ หลวงพ่อยี ปญญภาโร (วัดดงตาก้อนทอง) จ.พิษณุโลก

เหรียญรุ่นแรก เหรียญเสมารูปเหมือนครึ่งองค์ หลวงพ่อยี ปญญภาโร (วัดดงตาก้อนทอง) จ.พิษณุโลก - 1เหรียญรุ่นแรก เหรียญเสมารูปเหมือนครึ่งองค์ หลวงพ่อยี ปญญภาโร (วัดดงตาก้อนทอง) จ.พิษณุโลก - 2
ชื่อร้านค้า ล้านมาแชร์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญรุ่นแรก เหรียญเสมารูปเหมือนครึ่งองค์ หลวงพ่อยี ปญญภาโร (วัดดงตาก้อนทอง) จ.พิษณุโลก
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ Line ID: weep9019 เบอร์โทรศัพท์ 099-2542365
อีเมล์ติดต่อ weep293@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พฤ. - 04 พ.ค. 2560 - 19:13.50
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ จ. - 26 ก.พ. 2567 - 07:37.05
รายละเอียด
เหรียญรุ่นแรก เหรียญเสมารูปเหมือนครึ่งองค์ หลวงพ่อยี ปญญภาโร (วัดดงตาก้อนทอง) จ.พิษณุโลก


หนึ่งในยอดพระเกจิ ผู้สร้างตำนานขลัง

แสดงปาฏิหารย์ ให้เป็นที่ประจักษ์


หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง พระที่มีอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์มากที่สุด เท่าที่เคยปรากฏมาในประเทศไทย ลองติดตามเรื่องราวอันสุดวิเศษของท่านกัน...หลวงพ่อยี ท่านเป็นคนจังหวัดลพบุรี เมื่อเด็กๆ อายุได้ ๘ ขวบ ท่านไปอาศัยอยู่กับพระภิกษุรูปหนึ่ง ไม่ทราบชื่อแน่นอน แต่หลวงพ่อยี เรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” ได้ติดตามท่านธุดงค์ออกป่าหลายแห่งจนอายุได้ ๒๑ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระ
บวชแล้วท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปเรื่อยๆตามป่าเขา ทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ เคยไปถึงพม่า เวียงจันทน์ และมาลายู หลวงพ่อยีท่านเล่าว่า ท่านได้เดินธุดงค์หาความวิเวกจนมองเห็น นรก สวรรค์ ยามที่ท่านออกโปรดสัตว์ในตอนเช้า จะมีเทวดา นางฟ้ามาตักบาตรให้ตลอดเวลา
ได้บวชเป็นพระถึง 28 พรรษา อายุได้ประมาณ ๕๐ ปี เมื่อเล็งเห็นว่าตนยังมีกรรมอยู่ จำเป็นต้องลาสิกขาบทออกมาเป็นฆราวาส หลังจากนั้นก็ออกท่องเที่ยวไปหลายจังหวัด ใช้ชีวิตแบบฆราวาสเต็มที่ จนครั้งสุดท้ายได้มาหักร้างถางพง ณ บริเวณที่เป็นวัดดงตาก้อนทองนี้
สมัยนั้นยังเป็นป่ารกชัฎอยู่ มีที่ดินทั้งหมด ๕๖๕ ไร่ เคยประกอบอาชีพเป็นอาจารย์สัก อยู่ยงคงกระพันชาตรี ให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่พักหนึ่ง ต่อมาได้ออกบวชอีกเป็นครั้งที่ ๒ หลวงพ่อยีได้ตกลงใจยกที่ดินถวายเป็นของสงฆ์เสียโยมผวน โตมา ศิษย์ผู้หนึ่งของหลวงพ่อยีได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะมาเป็นโบสถ์หลังนี้หลวงพ่อยีได้ปัจจัยในการสร้างโบสถ์มาจากการสร้างอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ช่วยให้ลูกศิษย์มีฐานะร่ำรวยขึ้นแล้วบรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นก็นำเงินไปช่วยท่าน ภายหลัง ท่านสามารถเสกกระดาษให้เป็นใบละร้อย เสกดินเป็นทองคำ เสกใบไม้ให้เป็นเงิน หรือแม้แต่เสกใบไม้ให้ เป็นกบนำมาทำอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อยก็เคยปรากฏมาแล้วหรือเรื่องการบิณฑบาตรข้าวทิพย์จากเทวดาก็ตามหลวงพ่อท่านออกเดินห่างจากครัว ไม่ถึง 10 เมตร ท่านยืนทำสมาธิที่ต้นมะม่วงใหญ่ ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมด้วยข้าวสวยร้อนๆ เต็มบาตร ข้าวทิพย์นี้มีกลิ่นหอมแรงทิ้งไว้ก็ไม่บูดแต่จะแห้งไปเองเหมือนข้าวตาก
ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงพ่อยี เช่นคุณสมหมาย - คุณณรงค์ศักดิ์ ตะละภัฏ คุณบรรยง ณ บางช้าง และลูกศิษย์อื่นๆอีกมากมาย ก็สามารถที่จะยืนยันได้เป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงพ่อยีท่านมีอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์สูงส่งมากเพียงใด
ในระยะที่ผู้คนฮือฮากันถึงเรื่องความมหัศจรรย์ที่หลวงพ่อยีท่านได้กระทำนั้นพระราชมุนี(โฮม โสภโณ)แห่งวัดประทุมวนารามก็เป็นพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่ต้องมาพิสูจน์ถึงความเท็จจริงนี้ให้ประจักษ์ หลวงพ่อถาวร ซึ่งในขณะนั้นเป็นศิษย์ใกล้ชิดของพระราชมุนีโฮม ก็ได้ติดตามมาด้วย และภายหลังก็ได้มาที่วัดดงตาก้อนทองอีกหลายครั้งเพื่อศึกษาเรื่องอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์กับหลวงพ่อยี จนกระทั่งได้ประจักษ์แจ้ง ได้รู้ได้เห็นเป็นที่ยอมรับว่า ทุกสิ่งเป็นจริงทุกประการไม่มีสิ่งใดเคลือบแคลงสงสัยอีกเลย การแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ของท่าน ช่วง ๒๕๐๐-๒๕๑๒ ถูกนักเขียน นสพ.โจมตีอย่างหนัก หาว่าท่านเล่นกล หลอกลวงประชาชน แต่ท่านเหล่านั้นต่างก็ประสบเหตุมีอันเป็นไป ต่าง ๆ นา ๆ ตายก็มี ไม่ตายแต่ป่วย ทนทุกข์ทรมานก็มี
ผลจากการโจมตีในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้หลวงพ่อยีต้องอธิกรณ์ ถูกบังคับข่มขู่ให้ถึงแก่ความตาย ท่านจึงนุ่งห่มขาว สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ส่งหลวงพ่อโฮมไปสอบ แต่ไม่มีข้อที่จะต้องอธิกรณ์ และได้บวชกลับคืน แปรญัตติเป็นพระภิกษุในคณะธรรมยุติกาย
นับเป็นเรี่องน่าสังเวชที่เราท่านทั้งหลาย ควรถือเป็นคติว่า ถ้าฆราวาสไม่รู้จริง อย่าพึ่งไปกล่าวโทษให้ร้ายพระสงฆ์ ถึงอย่างไรท่านก็ถือศีล ปฎิบัติดีกว่าฆราวาส
หลวงพ่อยี เป็นพระที่แสดงฤทธิ์ได้หลายรูปแบบ เป็นมหัศจรรย์ เช่น ยืดเหรียญบาทได้ยาวเป็นฟุต กลายเป็นคำบริสุทธิ์ เสกกระดาษให้เป็นธนบัตรใบละร้อยแจกญาติโยม นำไปเป็นขวัญถุง หรือใช้ชี้ออะไรก็ได้ /เสกข้าวสาร ในขันให้เป็นเม็ดทองคำ
แจกจ่ายให้ลูกศิษย์ไว้เป็นของศักดิ์ิทธิ์-เมตตา เสกใบไม้ให้เป็น ธนบัตรสีเขียว เป็น กบ ปลา แกงกินได้ กินไม่หมดจะกลับกลายเป็นใบไม้เหมือนเดิม ตกเบ็ดบนต้นไม้ มีปลามาดิ้นกระแดว ๆ มากมาย /บิณฑบาตจากเทวดา ได้ข้าวทิพย์ร้อน ๆ หอมฟุ้งเต็มบาตร มีข้าวสวย ข้าวผสมงา ข้าวผสมถั่ว
ปลูกข้าวหน้าโบสถ์ วันเดียวเก็บเกี่ยวได้ /เรียกตะกรุดทองคำ ๓-๕ บาท มาแจกจ่ายลูกศิษย์ เรียกพระเครื่องจากอากาศแจกจ่ายญาติโยม /มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้ที่ฝังสมบัต / แยกร่างไปปรากฎหลายที่ ไกลแสนไกล ขณะที่ท่านนั่งอยู่กับที่
หลวงปู่ยี ปัญญภาโร สามารถย่นระยะทางที่ไกลแสนไกล ให้ไกล้ได้ ล่องหนหายตัวได้ในพริบตา โดยไม่ต้องใช้กำบังหรือความมืด ทำผ้าสีต่าง ๆ ให้กลายเป็นผ้ายันต์ได้นับพัน นับหมื่นผืน ข้ามห้วย-แม่น้ำโดยไม่ใช้เรือข้ามฟาก
รักษาโรคร้ายแรงให้หายขาดได้ในพริบตา เอาปลาช่อนที่ตากแห้งเป็นริ้ว ๆ โยนลงแม่น้ำกลายเป็นปลาช่อนหลายตัวแหวกว่ายมีชีวิตชีวา ใช้หม้อใบเล็ก ๆ ๒ ใบ หุงข้าว และแกง เลี้ยงคนได้นับร้อย โดยข้าว และแกงไม่หมดสักที
มีวาจาศักดิ์สิทธิ์สั่งให้โชคลาภ ได้เลื่อนยศ ตำแหน่ง หรือรอดพ้นากภัยพิบัติต่าง ๆ จากร้ายกลายป็นดี บันดาลให้รูปปั้นแม่พระธรณี ที่อยู่หน้าวัดดงตาก้อนทอง มีน้ำไหลพวยพุ่งออกมาจากมวยผม ทั้ง ๆ ที่มวยผมไม่มีท่อน้ำ น้ำเย็น จืดสนิท มีกลิ่นหอม ๆ ดื่มได้ และมีรสชาดดี
วัตถุที่เสกให้เป็นทองคำ อยู่ได้ ๖๐๐ ปีครบแล้วจะกลับดืนสู่สภาพเดิมจากคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมการศาสนา คือพันเอกปิ่น มุทุกันต์ เมื่อปี ๒๕๐๘ หลังจากไปสอบสวนกรณีหลวงตายีถูกหนังสือพิมพ์โจมตี ว่า "หลวงพ่อยีได้นำบาตรมาให้ตนดู และตนได้เป็นคนเช็ดบาตรด้วยตนเองทีเดียว หลวงพ่อยี อุ้มบาตรออกไปยืนที่นอกชานกุฏิห่างจากผู้สังเกตการณ์ ไม่ถึง ๑๐ เมตร ท่านยืนนิ่ง หันหน้าไปแต่ละทิศ แล้วเปิดฝาบาตร ทำนองรับบาตรจากผู้ใส่เหมือนกับที่เราใส่บาตรทุกอย่าง"
แล้วหลวงพ่อยีก็เรียกอธิบดีกรมการศาสนาเข้าไปหา ท่านส่งบาตรให้ พอยื่นมือไปรับมารู้สึกว่าบาตรหนักอึ้ง เปิดฝาบาตรดูปรากฏว่ามีข้าวสุกร้อนๆ เต็มบาตร มีกลิ่นหอมอบอวล เป็นข้าวชนิดมันปู กันบาตรมีลูกประคำทองอยู่ ๒ ก้อน ขนาดโตกว่าเม็ดข้าวโพด ซึ่งภายหลังเมื่อได้นำเข้ากรุงเทพฯ ให้ช่างทองบ้านหม้อดูก็เป็นทองคำบริสุทธิ์
นอกจากจะพิสูจน์เรื่องนี้แล้วหลวงพ่อยียังเสกเหรียญเงินให้เป็นทองก็ได้ด้วย หลวงพ่อท่านแบ่งให้อธิบดีกรมการศาสนาครึ่งหนึ่ง ให้ประธานศาลฎีกาครึ่งหนึ่ง ครั้งเมื่อนำไปพิสูจน์ที่ร้านทองก็ปรากฏว่าเป็นทองคำบริสุทธิ์ เช่นเดียวกัน พระอภิญญา
ในยุคของเรา ถ้าหากว่าคนยอมรับกฎของกรรมมากกว่านี้หน่อยเดียวเท่านั้นเอง อภิญญาจะปรากฏออกมาอีกเยอะ เพราะอภิญญาสามารถทำอะไรก็ได้ เกินกว่าคนทั่ว ๆ ไปมาก ถ้าหากไม่ยอมรับกฎของกรรมจะทำเขาวุ่นไปหมด ก็เลยรออยู่นิดเดียว ถ้าหากกำลังใจยอมรับกฎของกรรมเมื่อไร กำลังอภิญญาก็จะนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่
หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง จ.พิษณุโลก ท่านสามารถทำได้สารพัดเลย คนไปฟ้องร้องจะปรับอาบัติปาราชิกท่าน ปาราชิกที่ขาดจากความเป็นพระนั้น จะต้องบอกอุตริที่ไม่มีมนุษธรรมในตน แต่คราวนี้ของท่านทำได้จริง ๆ ก็เดือดร้อนจนกระทั่ง พันเอกปิ่น มุทุกัณฑ์ อธิบดีกรมศาสนาช่วงนั้น ท่านเดินทางไปดูด้วยตัวเอง แล้วก็กลับมาเขียนรายงานว่า หลวงพ่อยีท่านทำได้จริง ปรับท่านไม่ได้ พันเอกปิ่น มุทุกัณฑ์ ท่านรู้จริง เพราะตัวท่านเองเคยบวชและศึกษาเรื่องพวกนี้มาลึกซึ้งมาก...ใบหนาดเลยลงให้แฟนๆชมกับพระดีศรีพิษณุโลก ที่สุดยอดจริงๆ ขอรับท่านผู้ชม

ข้อมูลจากร้านใหญ่ ใบหนาด ขอบพระคุณมากครับ


นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ


ตั้ง นโม ๓ จบ...

บทที่ ๑.มหาปัญโญ มหาเตโช อุกาสะวันทามิ
ภันเต อาจาริโย ปุณนะยีติ { ภาวนา ๓ จบ}

บทที่ ๒.นะภันทะลัง กัมมัง อะโหสิภุมิมาเต
นะภันเต จะตุนะ ปัจจะ นะมามิ { ภาวนา ๓ จบ}

บทที่ ๓.โอมพระเจ้าอยู่เบื้องตา พระธรรมเจ้าอยู่เบื้องปาก
ตัวกูขอฝากไว้ในดวงจิต เอหิมามะ กะรินิติ พรหมมัสสามิ
จิตกูนิ่งอยู่ที่พุทธัง ตัวกูอยู่ที่พระอรหัง เอหิมามะ {ภาวนา ๑๐๘ จบ}

บทที่ ๔.มะธะนะ ภันธะนัง นิมิตตัง เตมหาภันธะนัง
นะนิมิต ตัสสะ ปุณนะมิ นังกะโรมิ { ภาวนา ๓ จบ}

ควรสวดภาวนาก่อนนอน...ระลึกถึง...หลวงพ่อยี...

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top