
พระสมเด็จอนุสรณ์ 100 ปี หลวงพ่อ แพ วัดพิกุลทอง
คลังพระเครื่องออนไลน์





ชื่อพระเครื่อง | พระสมเด็จอนุสรณ์ 100 ปี หลวงพ่อ แพ วัดพิกุลทอง |
---|---|
อายุพระเครื่อง | 33 ปี |
หมวดพระ | หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง – หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน |
ราคาเช่า | - |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พ. - 13 ก.ค. 2565 - 23:14.20 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | อา. - 20 มี.ค. 2565 - 08:56.02 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระสมเด็จอนุสรณ์ 100 ปี จัดสร้างในวาระฉลองวัดพิกุลทองครบ100 ปีเมื่อปี 2535 พิมพ์กลาง พระดีทรงคุณวิเศษที่หลวงพ่อแพ อดีตพระอมตะเถระผู้เรืองนาม และแก่กล้าพุทธาคมแห่งวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ใด้จัดสร้างในวาระฉลองวัดพิกุลทองครบ100 ปีเมื่อปี 2535 การจัดสร้างเปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์เพรียบพร้อม ทั้งในด้านพิมพ์ทรงที่สวยงาม มวลสารส่วนผสมศักดิ์สิทธิ์มากมาย ตลอดจนพิธีกรรมสุดเข้มขลัง นับเป็นพระดีราคาเบา พระสมเด็จอนุสรณ์ 100 ปี นับเป็นพระดีที่จัดสร้างตามแบบโบราณจารย์ คือมีความเข้มขลัง ดีทั้งในและนอก เชื่อกันว่าจะไม่มีวันเสื่อม ดีใน ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมาย ประกอบด้วยผงพระพุทธนวราชบพิตรปี 2529 ซึ่งผสมผงจิตรลดาพระราชทานจำนวนมาก ผงสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี จากพระสมเด็จวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม วัดเกษไชโย รวมทั้งผงพระเบญจภาคีอันลือเลื่องที่ชำรุดแตกหัก ผงจากพระกรุชำรุดทั้งเนื้อผงและเนื้อดินทั่วประเทศ ผงพุทธคุณทั้งห้าที่รวบรวมจากพระคณาจารย์สหธรรมมิก รวมทั้งของหลวงพ่อแพที่เขียนและลบเองคือ ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงปถมัง ผงพุทธคุณ ผงว่าน 108 ดิน ผงธูปและน้ำพุทธมนต์จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ฯลฯ . ดีนอก บังเกิดจากความเข้มขลังในด้านการประจุพุทธาคม โดยหลวงพ่อแพทำพิธีปลุกเสกเดี่ยว นานแรมเดือนด้วยพระคาถาชินบัญชร ทั้งยังใด้จัดประกอบพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่อีกวาระหนึ่ง ในวันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2535 ณ พระอุโบสถวัดพิกุลทอง โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และแก่กล้าพุทธาคมมากมายในยุคนั้นทั่วสารทิศ มาร่วมนั่งปรกปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ หลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง หลวงพ่ออุตตามะ วัดวังค์วิเวการาม หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเปลื่อง วัดบางคลาน หลวงพ่ฮวด วัดหัวถนนใต้ หลวงพ่ดี วัดพระรูป หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม หลวงปู่โง่น วัดพุทธบาทเขาลวก หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี หลวงพ่อเจ็ก วัดระนาม หลวงพ่อแจ้ง วัดใหม่สุทร หลวงพ่อโก๊ะ วัดเก้าห้อง หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงพ่อเจริญ ธัญญวารี หลวงสาลี่ วัดสาธุการาม หลวงพ่อคง วัดราหุล หลวงพ่อพิมพา วัดหนองตางู หลวงปู่ครูบาชัยวงษา วัดพระบาทห้วยต้ม ฯลฯ ประวัติหลวงพ่อแพโดยสังเขป พระธรรมมุนีหรือที่สาธุชนทั่วไปทั้งประเทศ รู้จักนับถือศรัทธากันในนามหลวงพ่อแพ อดีตเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย ท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี เรืองเวทวิทยาคมขลังเป็นที่ประจักษ์มาช้านาน นับตั้งแต่กึ่งพุทธกาลเป็นต้นมา ไม่ว่าจะปรากฎพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลแห่งหนใดไม่ว่าใกล้หรือไกล แทบจะไม่ขาดนามหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทองร่วมในพิธีด้วย หลวงพ่อแพมีชื่อเสียงเกียรติคุณเลื่องลือระบือไกล ไม่เพียงในประเทศเท่านั้น หากแต่ขจรขจายไปถึงต่างประเทศ ลูกศิษย์ลูกหาและผู้นับถือศรัทธาท่านในประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ มีอยู่มากมายเหลือคณานับ . หลวงพ่อแพ เขมังกโร ท่านเป็นชาวสิงห์บุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2448 ที่บ้านสวนกล้วย ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเทียน-นางหน่าย ใจมั่นคง มารดาเสียชีวิตตั้งแต่อายุเพียง 8 เดือน บิดาจึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ นายบุญ และนางเพียร ขำวิบูลย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา อายุ 11 ปี บิดามารดาบุญธรรมนำ ด.ช.แพ ขำวิบูลย์ ไปฝากที่สำนักอาจารย์ป้อม เพื่อศึกษาเล่าเรียนตามแบบโบราณนิยม และเข้าศึกษาต่อที่สำนักวัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ ได้ระยะหนึ่ง ก็กลับบ้านเกิดเพื่อบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดพิกุลทอง โดยมี พระอธิการพัน จันทสโร เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วเดินทางกลับวัดชนะสงครามตามเดิม จนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ตั้งแต่เป็นสามเณร . เมื่ออายุครบบวชก็กลับมาอุปสมบทที่วัดพิกุลทองอีก โดยมี พระมงคลทิพย์มุนี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์, ท่านพระครูสิทธิเดช วัดชนะสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ท่านเจ้าอธิการอ่อน วัดจำปาทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “เขมังกโร” แล้วเดินทางกลับไปจำพรรษาที่วัดชนะสงคราม ศึกษาด้านพระปริยัติธรรมขั้นสูง จนได้เปรียญ 4 ประโยค ได้เป็น “พระมหาแพ” . หลังจากนั้นมานัยน์ตาเกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง การศึกษาด้านพระปริยัติธรรมจึงต้องยุติลง แต่ด้วยความเป็นผู้ใฝ่ศึกษา ท่านจึงหันมาศึกษาด้านสมถกัมมัฎฐานและวิปัสสนากัมมัฎฐานที่สำนักพระครูภาวนา วัดเชตุพนฯ และยังได้เป็นศิษย์รูปหนึ่งของ สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) วัดมหาธาตุ ด้วย ต่อมาทราบว่าที่อำเภอบางระจัน มีพระอาจารย์เรืองวิทยาคมและวาจาศักดิ์สิทธิ์นัก ชื่อ หลวงพ่อศรี เจ้าอาวาสวัดพระปรางค์ ท่านจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์และยังเป็นที่โปรดปรานของพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง ปี พ.ศ.2473 อาจารย์หยด เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง ลาสิกขาบท ชาวบ้านจึงร่วมกันนิมนต์หลวงพ่อแพให้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทนในปี พ.ศ.2474 ท่านจึงเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อปกครองวัดพิกุลทอง โดยขณะนั้นมีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น และวัดพิกุลทองก็ชำรุดทรุดโทรมมาก ท่านจึงไปปรึกษาหลวงพ่อศรี พระอาจารย์ และด้วยบารมีของพระเกจิทั้งสองรูป จึงสามารถบูรณปฏิสังขรณ์ รวมทั้งสร้างถาวรวัตถุภายในวัดพิกุลทองได้ในเวลาอันรวดเร็ว อันได้แก่ พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอประชุมกุฎิสงฆ์ หอไตร หอฉัน ศาลาวิปัสสนา โรงฟังธรรม และ ฌาปนสถาน เป็นต้น . นอกจากนี้ ท่านยังสร้างความเจริญให้ท้องถิ่นอีกมากมายเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ ทั้ง โรงพยาบาล, ที่ว่าการอำเภอ, สถานีตำรวจ, สถานีอนามัย, โรงเรียนประชาบาล, สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนอาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลสิงห์บุรีที่เป็นอนุสรณ์สืบมาจนปัจจุบัน คือ อาคารหลวงพ่อแพ 80 ปี, อาคารหลวงพ่อแพ 86 ปี (อาคารเอ็กซเรย์), อาคารหลวงพ่อแพ 90 ปี และ อาคารหลวงพ่อแพ เขมังกโร ที่โดดเด่นเป็นสง่าภายในโรงพยาบาลสิงห์บุรี หลวงพ่อแพ เป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชนโดยถ้วนหน้า มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เรื่อยมา สมณศักดิ์สุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมมุนี ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2542 รวมสิริอายุ 94 ปี พรรษา 73 ปัจจุบัน สรีระของหลวงพ่อแพยังคงประดิษฐาน ณ วัดพิกุลทอง เพื่อให้ญาติโยมและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้สักการบูชาสืบมา |
กำหลังโหลด Comments