
เหรียญพระแม่ธรณี
คลังพระเครื่องออนไลน์





ชื่อพระเครื่อง | เหรียญพระแม่ธรณี |
---|---|
อายุพระเครื่อง | 41 ปี |
หมวดพระ | เหรียญปั๊ม ปี 2521 ถึง 2540 |
ราคาเช่า | - |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พฤ. - 29 มิ.ย. 2566 - 13:06.27 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พฤ. - 29 มิ.ย. 2566 - 13:06.24 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญพระแม่ธรณี เหรียญ นี้เจ้าของเดิม ไปปิดทอง เก่า ๆ ขลัง ๆ ขนาด 3 ซ.ม. ข้อมูล ในกลุ่ม อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร โดยแอดมินกลุ่ม เหรียญนี้ สร้าง ในปี 2527 ตามวาระ ด้านหลัง เหรียญ ในปี 2535 กปน. ได้ทำพระแม่ธรณี องค์ใหญ่. เลยนำเหรียญพระแม่ธรณีที่. อ.เทพย์. เป็นผู้คำนวณฤกษ์. แถมฤกษ์ตั้งองค์ใหญ่ท่าน อ.เทพย์ คำนวณฤกษ์ให้. ได้หลวงพ่อมหาโพธิ์. เสกให้อีกรอบ ราคาไม่แพง. พระอาจารย์มหาปลอด ติสสเทโว 4 ชม. · พยานแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า “พระแม่ธรณีบีบมวยผม” “พระแม่ธรณี หรือ พระแม่ธรณีบีบมวยผม” เป็นที่เคารพนับถือว่าเป็นเทพแห่งพื้นแผ่นดิน มีปรากฏในตำนานทั้งศาสนาพราหมณ์, ฮินดู และพุทธศาสนา โดยเชื่อว่า ‘แผ่นดิน’ เป็นจุดก่อเกิดสรรพสิ่งทั้งปวงในโลก จึเปรียบเสมือน ‘มารดา’ ผู้หล่อเลี้ยงโลก และยกย่องเป็นเทพีผู้ค้ำจุนโลก และสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ จะเห็นได้จากการสร้าง “รูปเคารพพระแม่ธรณี” ตามสถานที่หรือหน่วยงานต่างๆ มากมาย พระแม่ธรณี ยังปรากฏความสำคัญในพุทธประวัติ กล่าวคือ … ในคืนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พญามารวัสดีและกองทัพมารเข้ารบกวนโดยอ้างเอาบัลลังก์เป็นของตน พระพุทธองค์ทรงเปล่งวาจาอ้างเอา “ธรณี” เป็นพยาน จากนั้นมีเสียงดังกัมปนาท แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พระแม่ธรณีต้องปรากฏกายเป็นพยานเอก แสดงการบิดน้ำจากมวยผมเพื่อแสดงให้เห็นถึงกุศลที่พระพุทธองค์กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติ จนน้ำที่กรวดลงบนพื้นแล้วแม่ธรณีรับไว้นั้นมากถึงขั้นเป็นมหาสมุทร พัดเอาเหล่าพญามารกระจัดกระจายหายไป… ต้นเหตุนี้ทำให้เกิด ‘พระพุทธรูปในปางมารวิชัย’ ขึ้นในกาลต่อมา คติความเชื่อเรื่องการบูชาพระแม่ธรณี ได้เผยแพร่มาจากอินเดียสู่ไทย เนื่องจากอิทธิพลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ อาจกล่าวได้ว่า ‘ก่อนที่จะทำอะไร ก็ให้บูชาบอกกล่าวต่อพระแม่ธรณีก่อน’ เพราะทุกอย่างในโลกล้วนกำเนิดขึ้นบนดินทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ก็ต้องบอกกล่าวขอขมา เพราะจะกระทบกระเทือนพื้นดินตั้งแต่เริ่มตอกเสาเข็มหรือขึ้นเสาเอก ฯลฯ หรือ เกษตรกรก่อนจะเพาะปลูก ก็มักจะทำพิธีบอกกล่าวแก่พระแม่ธรณี และขอพรให้ประสบความสำเร็จ พืชผลเจริญงอกงาม ประวัติของพระแม่ธรณี ปรากฏในพุทธประวัติ ตอนที่พระพุทธเจ้าชนะมาร โดยอาศัยพระแม่ธรณีมาเป็นประจักษ์พยาน ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นผู้รจนา หนังสือปฐมสมโพธิกถา อยู่ในปริจเฉทที่ ๙ ตอนมารวิชัยปริวรรต กล่าวเชื่อมโยงถึง ตอนพระพุทธเจ้าชนะมาร โดยอาศัยพระแม่ธรณีมาเป็นประจักษ์พยาน ดังนี้ ในครั้งนั้นพระพุทธเจ้า ทรงประทับนั่งบนบัลลังก์หญ้าคาใต้ต้นโพธิ์ แล้วทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า "ถ้ายังมิได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด จักไม่เสด็จลุกขึ้นจากบัลลังก์เพียงนั้น ถึงแม้ว่าเนื้อและเลือดจักเหือดแห้ง ฝ่ายพญามารวสวัตตี (วะสะวัตตี แปลว่า ผู้ยังบุคคลอื่นให้ตกอยู่ในอำนาจ) พญามารนี้ครองสวรรค์ชั้นสูงสุด สวรรค์ชั้นนี้นามว่า ปรนิมมิตวสวัตตี แบ่งเป็นสองแดน แดนเทพกับแดนมาร แดนเทพมีนามว่า วสวัตตีเทพ ปกครอง อีกแดนหนึ่งเป็นแดนมารมีพญามารวสวัตตีตนนี้แหละเป็นผู้ปกครอง พญามารกลัวว่าพระพุทธเจ้านี้จะพ้นเงื้อมมือของตน จึงได้ยกพลทั้งกองทัพมาผจญกับพระพุทธเจ้า ฝ่ายพญามารก็เนรมิตแขนต้นเองพันมือถืออาวุธครบมือ พร้อมกับขี่พญาช้างชื่อว่า "ครีเมขละ" พร้อมกับบริวารเข้ามาตรงพระพักตร์ใบหน้าของพระพุทธเจ้า แล้วออกปากขับไล่พระพุทธเจ้าให้ออกไป พญามารบอกว่าที่นั่งที่นี่เป็นที่ของพญามาร ว่าอย่างนั้น ฝ่ายพระพุทธองค์ก็อ้าง บัลลังก์ที่นั่งนี้เป็นของพระองค์ ซึ่งโสตถิยะพราหมณ์เป็นผู้ถวายหญ้าคา (กุศะ) มา ๘ กำมือ แล้วพระพุทธองค์ก็ปูลาดเป็นอาสนะ นั่งอยู่ตรงนี้ ฝ่ายพญามารก็บอกว่า “บัลลังก์นี้เป็นของข้า” พญามารกล่าวเสียงดัง พร้อมกับเหลียวหลังไปพูดกับบริวารของตนเองว่า "จริงไหมว่ะ" บริวารก็ตอบว่า “ใช่แล้ว พะย่ะค่ะ บัลลังก์นี้เป็นของท่าน” พญามารก็พูดว่า "ท่านลุกขึ้นเสียดีๆ ยกบัลลังก์ให้แก่ข้า อย่าให้ใช้กำลัง” พญามารขู่ และยังกล่าวตอบว่า แล้วท่านมีพยานมั้ย พระพุทธองค์จึงเอานิ้วดัชนี นิ้วชี้ลงไปยังพื้นปฐพี แล้วตรัสว่า "ขอพระแม่ธรณี จงเป็นสักขีพยาน เราได้บำเพ็ญบุญกุศล คุณงามความดีต่างๆ บารมี ๓๐ ทัศ ด้วยบารมีแห่งกุศลอันมหาศาลนี้ ขอพระแม่ธรณีจงเป็นประจักษ์พยาน (บารมี ๓๐ ทัศ ได้แก่ ๑) ทาน การให้ ๒) ศีล การรักษาศีลให้เป็นปกติ ๓) เนกขัมมะ การออกจากกาม ๔)ปัญญา ความรู้ ๕) วิริยะ ความเพียร ๖) ขันติ ความอดทนอดกลั้น ๗) สัจจะ ความตั้งใจจริง เอาจริง จริงใจ เต็มใจ ๘) อธิษฐาน ความตั้งใจมั่น ไม่เปลี่ยนแปลง ๙) เมตตา ความรักด้วยความปรานี ๑๐) อุเบกขา ไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นไปตามวาระแห่งธรรม บารมีมี ๓ ขั้น อย่างปกติ อย่างกลาง และอย่างยิ่งยวด รวม ๓๐ ทัศ ต่อจากนั้นพระแม่ธรณีก็บีบมวยผมปล่อยกระแสน้ำให้ใหลท่วมกองทัพพญามารจนพ่ายแพ้หนีไปในที่สุด อุทกทาน (พระแม่ธรณีบีบมวยผม) ที่สยามหลวง อุทกทาน (พระแม่ธรณีบีบมวยผม) แห่งนี้ เป็นพระราชดำริของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เพื่อพระราชทานน้ำดื่มให้แก่คนที่ผ่านไปมาขณะที่กรุงเทพฯ เริ่มมีน้ำประปา โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นพระราชโอรสได้ถวายคำแนะนำให้สร้างเป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยมีน้ำสะอาดไหลออกมาจากปลายมวยผม สามารถใช้ดื่มกินได้ อุทกทานนี้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ทรงออกแบบรูปปั้นนางพระธรณี และพระยาจินดารังสรรค์ (พลับ) เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบซุ้มเรือนแก้ว ดำเนินงานจัดสร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เป็นเงิน 16,437 บาท ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2460 อันเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เสนาบดีกระทรวงนครบาล เป็นผู้แทนพระองค์ไปประกอบพิธีเปิด ทรงมีพระราชหัตถเลขาไปถึงเจ้าพระยายมราช มีความตอนหนึ่งว่า “พรุ่งนี้ฉันจะทำบุญวันเกิด ให้คุณจัดเปิดรูปนางพระธรณีท่ออุทกทาน ซึ่งฉันได้ออกทรัพย์ให้หล่อขึ้นสำเร็จ ตั้งไว้ ณ เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา และขออุทิศท่ออุทกทานนี้ให้เป็นสาธารณทานแก่ประชาชนผู้เป็นเพื่อนแผ่นดินใช้กินบำบัดร้อนและกระหาย เป็นความสบายตามปรารถนาทั่วกันเทอญ” คำว่าอุทกทานมีความหมายว่าการให้ทานด้วยน้ำ ศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผมแห่งนี้จึงเป็นสิ่งที่แสดงถึงธรรมเนียมอันดีงามของสังคมไทย และความห่วงใยของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่มีต่อพสกนิกรของพระองค์ อนึ่ง “อุทกทาน” นั้นเป็นสิ่งที่สังคมไทยในอดีตได้เคยประพฤติกันมา นั่นคือธรรมเนียมการตั้งตุ่มน้ำไว้ที่หน้าบ้าน มีกระบวยสำหรับตักดื่มวางไว้ด้วย เป็นที่รู้กันว่าตุ่มน้ำหน้าบ้านนี้ใครผ่านไปมาสามารถตักดื่มได้ เพราะเจ้าของบ้านตั้งไว้เป็น “อุทกทาน” ปัจจุบันอุทกทานหรือพระแม่ธรณีบีบมวยผมได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความเคารพบูชาจากประชาชน มีผู้นำทองคำเปลวไปปิด และนำดอกไม้ไปบูชาน้ำที่ไหลจากท่อลงมาถือว่าเป็นน้ำมนต์ สถานที่แห่งนี้จึงมีลักษณะเป็นเทวาลัยหรือสถานที่ประดิษฐานเทวรูปมากกว่าจะเป็นอนุสาวรีย์ คำบวงสรวงพระแม่ธรณีบีบมวยผม (นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ) อิติปิโสภะคะวา สะวา อะระหัง สุคะโต สวาหะ ตัสสาเกษี สะโต ยะถาคงคา โสตัง ปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสัก โภนโต ปะลายิงสุ ปาริมานานุภาเวนะ มาระเสนา ปะราชิตา ทิโสทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติ อะเสสะโต สังขาตัง โลตังกะวิทู ตันติพุดติง นะโมพุทธายะ นะมะ พะทะ นะโมเม มาตาธะระณา ชัยยะมาระเสนา ภูมิเทวานัง สักการะวันทะนัง สูปะพยัญชะนะ สัมปันโน โภชะนานัง สาลีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง อาคัจฉันตุ ปะริพุนชันตุ สัพพาธาติ หิตายะ สันติอุเทวานัง เตปิตุมเห อะนุรักขันตุ อะโรคะเยนะ สุเขนะจะ ข้าพเจ้าขออัญเฃิญพระแม่ธรณีบีบมวยผม เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงผจญกับเหล่าพวกพญามารทั้งหลาย พญามารได้ออกอุบายต่างๆ นานา เพื่อให้พระพุทธองค์ทรงเกิดกิเลสตัณหา แต่พระพุทธองค์ทรงไม่ยินดียินร้าย พระพุทธองค์จึงเอานิ้วดัชนีชี้ลงไปยังพื้นปฐพี แล้วตรัสว่า "ขอพระแม่ธรณี จงเป็นสักขีพยาน เราได้บำเพ็ญบุญกุศล คุณงามความดีต่างๆ บารมี ๓๐ ทัศ ด้วยบารมีแห่งกุศลอันมหาศาลนี้ ขอพระแม่ธรณีจงเป็นประจักษ์พยาน ในครั้งนั้นเองพระแม่ธรณีทรงแสดงปาฏิหาริย์ปราบเหล่าพญามาร โดยทรงบีบมวยผมให้น้ำไหลออกมาท่วมพวกพญามารทั้งหลายให้พ่ายแพ้ไป ขอพระแม่ธรณีบีบมวยผม จงเสด็จมารับเครื่องสังเวยบวงสรวงที่ข้าพเจ้าทั้งหลายนำมาบูชา โดยมีอาหารหวานคาว ผลไม้หลากชนิดอันอุดมเลิศ โดยข้าพเจ้าทั้งหลายจะทำการเททองหล่อพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพื่อให้พุทธศาสนิกชนกลาบไหว้บูชา และให้มีกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆของชีวิต เหมือนครั้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต่อสู้กับพญามารจนชนะด้วยบารมี ๓๐ ทัศ เป็นต้น และขอให้คุณพระรัตนตรัย ขจัดช่วยขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยไข้เจ็บ และเคราะห์ร้ายของข้าพเจ้าทั้งหลายให้หมดสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายพบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ความเป็นศิริมงคล ธุรกิจการงานเจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์สินเงินทอง รอดพ้นอุปสรรคทั้งปวง คิดสิ่งใดในทางที่สุจริต ขอให้สิ่งนั้นจงสำเร็จสมความปรารถนา และขอให้ข้าพเจ้าทุกคนจงมีดวงตาเห็นธรรม ด้วยกันทุกท่านเทอญ |
กำหลังโหลด Comments